20/05/2021
#ที่ออสเตรีย_เปิดประเทศ19พค.ค่ะ
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา ขอเรียนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในออสเตรีย สโลวาเกียและสโลวีเนีย (วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 14.00 น.) ดังนี้
🇦🇹*ออสเตรีย* : ผู้ติดเชื้อรวม 635,034 คน เพิ่มขึ้น 825 คน จากวันอังคารที่ 18 พ.ค. 64 (+39.36%) แบ่งตามรัฐ ดังนี้ กรุงเวียนนา 135,876 คน / รัฐโฟราร์ลแบร์ก 29,300 คน/ รัฐทิโรล 61,999 คน/ รัฐสติเรีย 78,695 คน/ รัฐซาลส์บูร์ก 49,846 คน/ รัฐออสเตรียบน 115,088 คน/ รัฐออสเตรียล่าง 106,658 คน/ รัฐคารินเทีย 39,713 คน/ รัฐบูร์เกนลันด์ 17,859 คน / เข้ารับการตรวจ 9,701,473 คน/ รักษาหาย 618,792 คน/ ผู้เสียชีวิต 10,508 คน (เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 9 คน)
มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนฯ แล้ว 4,193,722 คน แบ่งเป็น ผู้ได้รับครบโดส 1,129,198 คน / ได้รับโดสแรก 3,064,524 คน คิดเป็นประมาณร้อยละ 55.69 จากประชากรที่สามารถรับวัคซีนได้ (อายุเกิน 16 ปี) จำนวน 7.53 ล้านคน
--
🇸🇰*สโลวาเกีย* : ผู้ติดเชื้อรวม 388,138 คน เพิ่มขึ้น 246 คน จากวันอังคารที่ 18 พ.ค. 64 (+5.58%) แบ่งตามพื้นที่ต่าง ๆ ดังนี้ Banská Bystrica region 37,725 คน/ Bratislava region 44,040 คน/ Košice region 52,326 คน/ Nitra region 39,041 คน/ Prešov region 59,424 คน/ Trenčín region 52,830 คน/ Trnava region 45,430 คน/ Žilina region 57,322 คน/ เข้ารับการตรวจ 2,778,680 คน/ ผู้เสียชีวิต 12,262 คน (เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 14 คน)
มีผู้เข้ารับวัคซีนในสโลวาเกียแล้ว 2,147,788 คน แบ่งเป็น ผู้ได้รับครบโดส 692,236 คน / ได้รับโดสแรก 1,455,552 คน คิดเป็นประมาณร้อยละ 39.41 จากประชากรทั้งหมด 5.45 ล้านคน
--
🇸🇮*สโลวีเนีย* : ผู้ติดเชื้อรวม 250,453 คน เพิ่มขึ้น 532 คน จากวันอังคารที่ 18 พ.ค. 64 (+7.04%) รับการตรวจทั้งสิ้น 1,241,112 คน/ รักษาหาย 243,780 คน/ ผู้เสียชีวิต 4,338 คน (เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 5 คน)
มีผู้เข้ารับการวัคซีนฯ แล้ว 870,390 คน แบ่งเป็น ผู้ได้รับครบโดส 298,593 คน / ได้รับโดสแรก 571,797 คน คิดเป็นประมาณร้อยละ 41.85 จากประชากรทั้งหมด 2.08 ล้านคน
--
*ข่าวสำคัญที่เกี่ยวข้อง*
--
🇦🇹*ออสเตรีย*
--
1. เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นาย Wolfgang Mückstein รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขฯ แถลงข่าวยืนยันว่า ตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย. 2564 ออสเตรียจะเริ่มใช้ Green Pass ในรูปแบบ QR-Code เพื่อแสดงผลการตรวจว่าไม่ติดเชื้อฯ หรือ หลักฐานการฉีดวัคซีน หรือ หลักฐานว่าหายป่วยแล้ว สำหรับการเข้ารับ/ใช้บริการต่าง ๆ
2. วันนี้ (19 พ.ค.) เป็นวันแรกที่ออสเตรียผ่อนคลายมาตรการสำหรับภาคธุรกิจร้านอาหาร โรงแรมการแสดงและกีฬา (ตามนัย ทล. สอท. ที่ VIE 573/2564 ลว. 12 พ.ค. 2564 ข้อ 2.1.3) เพื่อกลับสู่ภาวะปกติก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ยังผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางเข้าออสเตรีย ดังนี้
(1) กลุ่มประเทศที่เดินทางเข้าออสเตรียได้ โดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องแสดงผลการตรวจว่าไม่ติดเชื้อฯ หรือ หลักฐานการฉีดวัคซีน หรือ หลักฐานว่าหายป่วยแล้ว ได้แก่ อันดอร์รา/ ออสเตรเลีย/ เบลเยียม/ บัลแกเรีย/ เดนมาร์ก/ เยอรมนี/ เอสโตเนีย/ ฟินแลนด์/ ฝรั่งเศส/ ลิกเตนสไตน์/ กรีซ/ ไอร์แลนด์/ ไอซ์แลนด์/ อิสราเอล/ อิตาลี/ ลัตเวีย/ ลักเซมเบิร์ก/ มอลตา/ โมนาโก/ นิวซีแลนด์/ นอร์เวย์/ โปแลนด์/ โปรตุเกส/ โรมาเนีย/ ซานมารีโน/ สิงคโปร์/ สโลวาเกีย/ สโลวีเนีย/ สเปน/ สวิตเซอร์แลนด์/ เกาหลีใต้/ เช็กเกีย/ ฮังการี และนครรัฐวาติกัน
(2) กลุ่มประเทศเดินทางเข้าออสเตรียได้ โดยต้องแสดงผลการตรวจว่าไม่ติดเชื้อฯ หรือ หลักฐานการฉีดวัคซีน หรือหลักฐานว่าหายป่วยแล้ว และต้องกักตัว 10 วัน (ในวันที่ 5 ของการกักตัว สามารถตรวจการติดเชื้อฯ หากผลเป็นลบ ยุติการกักตัวได้) ได้แก่ โครเอเชีย/ ลิทัวเนีย/ เนเธอร์แลนด์/ สวีเดน และไซปรัส
การเดินทางเข้าออสเตรียจากประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสองกลุ่มนี้ (รวมทั้งไทย) จะกระทำได้ด้วยเหตุผลความจำเป็นเท่านั้น เช่น เดินทางมาราชการ/ประกอบธุรกิจ/เป็นผู้มีบัตรนักการทูต/เดินทางด้วยเหตุผลทางการแพทย์ เป็นต้น
3. บรรยากาศวันแรกของการเปิดร้านอาหารในกรุงเวียนนาเป็นไปอย่างคึกคัก และเปิดต้อนรับลูกค้าตั้งแต่ช่วงเช้า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่แจ้งว่า ลูกค้าสำรองโต๊ะเต็มแล้ว โดยช่วงเที่ยงวันนี้ ปรากฎข่าวในสื่อมวลชนว่า นาย Sebastian Kurz นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนาย Werner Kogler รองนายกรัฐมนตรี นาง Elisabeth Köstinger รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ นาง Andrea Mayer รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ร้าน Schweizerhaus ขณะที่ นาย Michael Ludwig ผู้ว่าการกรุงเวียนนา รับประทานอาหารเช้าร่วมกับนาย Walter Ruck ประธานหอการค้ากรุงเวียนนาที่คาเฟ่ Frauenhuber
ขณะเดียวกัน ธุรกิจการโรงแรมเริ่มปรับตัวดีขึ้น นาง Michaela Reitterer ประธานสมาคมผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมออสเตรียให้สัมภาษณ์ว่า ผู้คนตื่นตัวและต้องการเดินทางท่องเที่ยว โรงแรมและที่พักหลายแห่งในรัฐต่าง ๆ ถูกสำรองเต็มในช่วงวันหยุดยาวปลายเดือน พ.ค. นี้ และแม้ว่าออสเตรียจะยังไม่มีนักท่องเที่ยวจากเอเชียและสหรัฐฯ แต่เชื่อมั่นว่า จะสามารถสร้างรายได้ในระดับที่น่าพอใจได้ในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยอาศัยการท่องเที่ยวภายในประเทศและนักท่องเที่ยวภายในอียู อาทิ เยอรมนี เป็นต้น
4. ณ วันที่ 19 พ.ค. ค่าการติดเชื้อเพิ่มในห้วง 7 วันต่อประชากร 100,000 คน ของออสเตรียอยู่ที่ 59.3:100,000 คน ลดลงอย่างต่อเนื่องและมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ 95.1:100,000 ในรายงานรอบสัปดาห์ก่อนหน้า ทุกรัฐมีค่าการติดเชื้อเพิ่มฯ ต่ำกว่า 100:100,000 ยกเว้นรัฐฟอราร์ลแบร์กที่ยังคงมีค่าการติดเชื้อเพิ่มฯ สูงสุดในประเทศ ที่ 103:100,000 ขณะที่รัฐบูร์เกนลันด์มีอัตราผู้ติดเชื้อฯ ต่ำสุดในประเทศที่ 33:100,000 (กรุงเวียนนา 54.3) สำหรับอัตราการแพร่ระบาดฯ (Reproductive number – R) สถานะวันที่ 17 พ.ค. อยู่ที่ 0.78 (0.88 ในรายงานรอบสัปดาห์ก่อนหน้า)
5. ด้านเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นาย Gernot Blümel รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฯ ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ภาคส่วนต่าง ๆ สามารถกลับมาประกอบกิจการได้ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. นี้ จะเป็นก้าวสำคัญสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ คาดว่า ช่วงปลายฤดูร้อนปีนี้ (ส.ค. 2564) จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนมูลค่ากว่า 20 พันล้านยูโร ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจออสเตรีย โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ภาคการบริการ การค้า และการคมนาคม ปรับตัวกลับมาใกล้เคียงกับจุดเดิมก่อนเกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563 ทั้งนี้ สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจออสเตรีย (Austrian Institute of Economic Research-WIFO) คาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะสูงถึงร้อยละ 3-3.5
6. ด้านแรงงาน เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นาย Martin Kocher รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ว่างงานจำนวน 334,000 คน (ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 6,000 คน) และผู้อยู่ระหว่างอบรมฝึกงาน 77,000 คน (ไม่นับรวมสัญญาจ้างงานระยะสั้นอีก 320,000 คน) และคาดว่า หลังจากภาคการท่องเที่ยว โรงแรม และร้านอาหารกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ แรงงานประมาณ 150,000 คน (จากสัญญาจ้างงานระยะสั้น 120,000 คน และผู้ว่างงาน จำนวน 20,000 คน) จะกลับมาทำงานได้ตามปกติ
--
🇸🇰*สโลวาเกีย*
--
1. เมื่อวันที่ 13 พ.ค. นาย Vladimír Lengvarský รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขฯเปิดเผยว่า สโลวาเกียน่าจะสามารถนำวัคซีน Sputnik V มาใช้ในประเทศได้ในเดือน มิ.ย. นี้ (สั่งซื้อไว้แล้ว 2 ล้านโดส และได้รับมอบบางส่วนแล้ว) ในขณะเดียวกัน รัฐบาลจะจัดทำระบบลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนให้ประชาชนสามารถเลือกประเภทวัคซีนที่ประสงค์ได้ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 1 มิ.ย. นี้
2. ในวันเดียวกัน (13 พ.ค.) กระทรวงการคลังฯ เปิดเผยตัวเลขงบประมาณรายจ่ายภาครัฐในปี 64 ว่า จะเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการณ์ไว้ที่ 27,300 ล้านยูโร อีกราว 3.4 พันล้านยูโร (รวมเป็น 30,700 ล้านยูโร) / การขาดดุลงบประมาณจะเพิ่มจาก 8.1 พันล้านยูโร เป็นประมาณ 11,400 ล้านยูโร และหนี้สาธารณะเพิ่มจากร้อยละ 60.6 ของ GDP เป็นประมาณร้อยละ 64.1 ของ GDP อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังฯ คาดว่า สถานการณ์โควิด-19 จะเริ่มคงตัวและมีแนวโน้มดีขึ้นจากอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาครัฐสามารถลดเงินอุดหนุนเศรษฐกิจและเงินชดเชยภาคธุรกิจ ได้มากขึ้นตามลำดับ โดยเมื่อการอุดหนุนดังกล่าวยุติลง สถานการณ์ขาดดุลงบประมาณจะเริ่มฟื้นตัวกลับสู่สภาวะปกติ
3. เมื่อวันที่ 15 พ.ค. นาย Eduard Heger นายกรัฐมนตรีฯ แถลงทางโทรทัศน์เกี่ยวกับการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ พร้อมแสดงความขอบคุณประชาชนที่ต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ร่วมกันกับรัฐบาลมายาวนาน ไม่เฉพาะในช่วงล่าสุดที่ผ่านมา แต่ตลอดช่วงการแพร่ระบาดฯ ที่ประชาชนต้องปรับตัวและให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขต่าง ๆ ด้วยดี การยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในครั้งนี้ นับเป็นชัยชนะของทุกคน จากการอดทนรอเพื่อก้าวไปสู่เสรีภาพในการใช้ชีวิต พร้อมขอให้ประชาชนใช้บทเรียนจากการแพร่ระบาดฯ โดยเฉพาะความสำคัญของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นคุณค่าที่จะยึดถือต่อไปในอนาคต
4. เมื่อวันที่ 17 พ.ค. นาย Eduard Heger นายกรัฐมนตรีฯ หารือทางไกลกับนาง Angela Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ผ่านระบบออนไลน์ ในโอกาสที่นาย Heger เข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยประเด็นสำคัญของการหารือเป็นเรื่องสถานการณ์โควิด-19 และการบริหารจัดการวัคซีน โดยสโลวาเกียขอบคุณเยอรมนีสำหรับการสนับสนุนและช่วยเหลือสโลวาเกียรับมือสถานการณ์ฯ ในช่วงที่ผ่านมา (รับคนป่วยไปรักษา ตลอดจนสนับสนุนอุปกรณ์ต่าง ๆ) รวมถึงการดำเนินการในกรอบ EU เพื่อผลักดันการจัดสรรวัคซีนอย่างยุติธรรม
5. ณ วันที่ 19 พ.ค. อัตราการแพร่ระบาดฯ (Reproductive number – R) ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ระหว่าง 0.85-0.95 (0.89-0.92 ในรอบสัปดาห์ก่อนหน้า)
6. ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนทุกคนจะได้เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนแบบ 2 ภาษา (สโลวัก/อังกฤษ) โดยผู้ที่เข้ารับวัคซีนก่อนหน้านั้น สามารถดาวน์โหลดเอกสารจากเว็บไซต์ korona.gov.sk อย่างไรก็ดี เอกสารดังกล่าว เป็นเอกสารสำหรับใช้ชั่วคราว และจะถูกแทนที่โดย “digital green certificate” ซึ่งจะเริ่มใช้
ในสโลวาเกีย ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. เป็นต้นไป
--
🇸🇮*สโลวีเนีย*
--
1. เมื่อวันที่ 12 พ.ค. รัฐบาลต่ออายุกฎหมายว่าด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเดิมกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 17 พ.ค. 64 ออกไปอีก 30 วัน และประกาศผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดฯ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อฯ เฉลี่ยในห้วง 7 วันและจำนวนผู้เข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลลดลง มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 23 พ.ค. สาระสำคัญดังนี้
(1) อนุญาตให้ชุมนุม/รวมตัวภายนอกอาคาร ได้ไม่เกิน 50 คน (จากเดิม 10 คน) โดยหากจะจัดกิจกรรมรวมตัวมากกว่า 50 คน ต้องขออนุญาตล่วงหน้าและปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
(2) จำกัดจำนวนผู้เข้าพื้นที่ภายในอาคาร 1 คน ต่อพื้นที่ 20 ตร.ม. ไม่นับรวมเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี (เดิมนับรวมทุกคน)
(3) อนุญาตให้สนามกีฬา โรงละคร/โรงภาพยนตร์ ศาสนสถาน เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าใช้บริการได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของที่นั่งทั้งหมด โดยผู้รับบริการต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อฯ เป็นลบ หรือ แสดงใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือ เป็นผู้หายป่วยจากโรคโควิด-19 นอกจากนี้ อนุญาตให้ที่พักแบบกางเต็นท์ (camp sites) เปิดให้จองที่พักได้ไม่เกินร้อยละ 70 ของจำนวนหน่วยที่พักทั้งหมด (จากเดิม ไม่เกินร้อยละ 30)
(4) ขยายเวลาให้ร้านอาหารเปิดบริการได้ระหว่าง 05.00 - 22.00 น. (จากเดิม 07.00 - 19.00 น.) ไม่จำกัดระยะห่างระหว่างบุคคลที่นั่งโต๊ะเดียวกัน (จากเดิม ระยะห่างระหว่างบุคคล 1.5 เมตร) แต่ยังคงจำกัดผู้ร่วมโต๊ะไม่เกิน 4 คน/โต๊ะ ไม่นับรวมเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี (เดิมนับรวมทุกคน) และยังคงระยะห่างระหว่างโต๊ะ 3 ม. เช่นเดิม
2. เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ทางการสโลวีเนียยืนยันพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อินเดียรายแรก โดยอ้างอิงข้อมูลจากสถาบันจุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกันวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยลูบลิยานา ซึ่งยืนยันเชื้อไวรัสสายพันธุ์อินเดียจากตัวอย่างที่เก็บเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 64 อนึ่ง ผลการวิเคราะห์ตัวอย่างเชื้อฯ อีกจำนวน 576 ตัวอย่าง ที่เก็บในช่วงวันที่ 26 เม.ย.-2 พ.ค. 64 พบว่า ร้อยละ 90 เป็นเชื้อสายพันธุ์อังกฤษ และยังไม่พบเชื้อสายพันธุ์อินเดียเพิ่มเติม
3. นาย Janez Poklukar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขฯ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 64 เป็นต้นไป EU จะได้รับวัคซีนฯ เพิ่มเติมทุกสัปดาห์ และตรงตามกำหนดมากขึ้น โดยมีปริมาณมากเพียงพอที่จะรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ นอกจากนี้ ในส่วนของสโลวีเนีย ยืนยันความพร้อมใช้งานระบบ “digital green certificate” ของ EU ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 64 เพื่อรองรับการเดินทางข้ามประเทศของประชาชนในช่วงฤดูร้อน
4. กระทรวงสาธารณสุขฯ ประกาศว่า สโลวีเนียจะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุระหว่าง 12 - 15 ปี เมื่อ European Medicines Agency (EMA) อนุมัติ ซึ่งคาดว่า EMA จะอนุมัติให้ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech ให้กับเด็กอายุระหว่าง 12 - 15 ปีภายในเดือน พ.ค. นี้
5. นาย Jelko Kacin State Secretary / National Logistics Coordinator for the Mass Vaccination Campaign against COVID-19 กล่าวว่า ปัจจุบันการบริหารจัดการวัคซีนยังเป็นไปด้วยดี (กว่าร้อยละ 40 ของประชากรได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม ตามนัยข้อ 1) โดยมีสัดส่วนการใช้วัคซีนของ บ. Pfizer/BioNTech เป็นอันดับหนึ่ง (ประมาณร้อยละ 52) / บ. AstraZeneca เป็นอันดับ 2 (ประมาณร้อยละ 34) / บ. Johnson & Johnson ประมาณร้อยละ 9 และ บ. Moderna ประมาณร้อยละ 6
--------------------------------------------------------
❤️❤️**สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอให้พี่น้องชาวไทยในออสเตรีย สโลวาเกียและสโลวีเนีย รักษาสุขภาพ หมั่นล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากปิดปากและจมูก และปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลของประเทศที่ท่านอาศัยนะคะ**❤️❤️
--------------------------------------------------------
Photo credit: Heute
