12/10/2025
สวัสดีครับ
ผมมีโอกาสเข้าร่วมอบรมหลักสูตร Advanced Course in Aviation Medicine (หลักสูตรแพทย์เวชศาสตร์การบินขั้นสูง) ที่เมืองซาลซ์บวร์ก ประเทศออสเตรีย และสามารถสอบจบหลักสูตรได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยครับ
หลักสูตรนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ท่าอากาศยาน Salzburg โดยศูนย์การแพทย์เวชศาสตร์การบิน (AeMC Salzburg) มีแพทย์เข้าร่วมอบรมทั้งหมด 36 คนจากหลายประเทศทั่วโลก ในจำนวนนี้มีแพทย์จากเอเชียเพียงสองคน คือผม แพทย์ชาวไทยที่ทำงานอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม และ Dr. Tony Ho เพื่อนแพทย์รุ่นน้องชาวเวียดนามที่ทำงานอยู่ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์
ตลอดหลักสูตร เราได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างเข้มข้น ฟังบรรยายเกี่ยวกับเวชศาสตร์การบินขั้นสูง พร้อมชมการทำงานจริงของสนามบินในขณะที่เครื่องบินขึ้นลงอยู่ตรงหน้า
สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือการได้เห็นและศึกษาประวัติของเครื่องบิน Douglas DC-6B ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่สำคัญที่สุดในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เครื่องรุ่นนี้ถูกสร้างโดยบริษัท Douglas Aircraft Company ในสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายทศวรรษ 1940 เพื่อให้สามารถบินได้ระยะไกลกว่า DC-4 และมีความสะดวกสบายมากขึ้นสำหรับผู้โดยสาร
เครื่อง DC-6B ที่ตั้งอยู่ที่ Hangar-7 ท่าอากาศยานซาลซ์บวร์ก มีประวัติพิเศษไม่เหมือนใคร เพราะเคยเป็น เครื่องบินประจำตำแหน่งของประธานาธิบดี Josip Broz Tito แห่งยูโกสลาเวีย ใช้สำหรับภารกิจทางการทูตและการเดินทางของผู้นำประเทศในยุคสงครามเย็น หลังจากนั้นเครื่องบินลำนี้ถูกเก็บรักษาไว้จนกระทั่งบริษัท Red Bull ได้ซื้อมาบูรณะครั้งใหญ่ในช่วงปี 2000 ให้กลับมาบินได้อีกครั้งภายใต้ชื่อ “The Flying Bulls DC-6B” ใช้เวลาเกือบหกปีในการฟื้นฟูทุกชิ้นส่วนให้กลับสู่สภาพสมบูรณ์ ทั้งเครื่องยนต์ Pratt & Whitney R-2800 สี่เครื่อง ระบบควบคุม และภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
ปัจจุบันเครื่องลำนี้จอดอยู่ภายใน Hangar-7 ซึ่งเป็นอาคารกระจกทรงโดมที่สวยงาม รวบรวมเครื่องบินคลาสสิกและรถแข่งของ Red Bull ไว้จัดแสดงอย่างถาวร การได้ขึ้นบินกับเครื่อง DC-6B ลำนี้ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก เพราะในแต่ละปีจะมีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เครื่องจะได้รับอนุญาตให้นำออกบิน และเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการหรือได้รับเชิญเป็นพิเศษเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้สัมผัสประสบการณ์นี้ ซึ่งผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสขึ้นบินจริงกับเครื่องบินประวัติศาสตร์ลำนี้
นอกจากนี้ เรายังได้ฝึกในเครื่องจำลองการบิน (Flight Simulator) และเข้าเยี่ยมชมการทำงานของเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน (Air Traffic Control Tower) ของสนามบินซาลซ์บวร์ก ซึ่งช่วยให้เข้าใจมุมมองการประสานงานระหว่างแพทย์ นักบิน และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นได้อย่างลึกซึ้ง
หลังจากนี้ ผมจะดำเนินการเก็บประสบการณ์และเคสทางการแพทย์เพิ่มเติม เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการขอสอบประเมินเพื่อเลื่อนระดับจาก แพทย์เวชศาสตร์การบินระดับ 2 (Class 2 AME) เป็น ระดับ 1 (Class 1 AME) ซึ่งจะทำให้สามารถตรวจและออกใบรับรองแพทย์ให้กับนักบินพาณิชย์ได้ในอนาคต
ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ ผมจะเข้าร่วมการประชุมวิชาการนานาชาติครั้งสำคัญ คือ 71st International Congress of Aviation and Space Medicine (ICASM 2025) ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งผมได้รับเกียรติให้ขึ้นบรรยายในวันที่ 29 ตุลาคม ช่วงเช้า ในหัวข้อ
“Andropause and Aeromedical Risk: A Systematic Review of Testosterone Deficiency in Male Pilots’ Performance and Mental Health” (ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายกับความเสี่ยงด้านเวชศาสตร์การบิน: การทบทวนอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับผลกระทบต่อสมรรถนะและสุขภาพจิตของนักบินชาย)
ทำไมแพทย์เวชศาสตร์การบินถึงมีจำนวนน้อยมากทั่วโลก?
สาขาเวชศาสตร์การบิน (Aviation Medicine) เป็นสาขาย่อยของเวชศาสตร์ป้องกันที่มีความเฉพาะทางสูงมาก แพทย์ที่ทำงานด้านนี้จะต้องผ่านการฝึกอบรมและการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลการบินของประเทศ เช่น EASA ในสหภาพยุโรป หรือ FAA ในสหรัฐอเมริกา เพื่อให้สามารถออกใบรับรองแพทย์สำหรับนักบิน ลูกเรือ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการบินได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล
การเป็นแพทย์เวชศาสตร์การบินไม่ได้หมายถึงเพียงการตรวจสุขภาพทั่วไป แต่ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงสรีรวิทยาของมนุษย์เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากพื้นดิน เช่น ความดันอากาศต่ำ การขาดออกซิเจน ความเร่ง (G-force) การเปลี่ยนแปลงของจังหวะการนอน และผลกระทบทางจิตใจจากการบินระยะไกลหรืออยู่ในสภาวะโดดเดี่ยว
แพทย์หนึ่งคนจะต้องสามารถเชื่อมโยงความรู้ด้านอายุรกรรม จิตเวช ศัลยกรรม โสตประสาท และเวชศาสตร์อาชีวะเข้าด้วยกัน เพื่อประเมินว่านักบินคนหนึ่ง “เหมาะสม” ต่อการปฏิบัติหน้าที่บนท้องฟ้าได้หรือไม่ การตัดสินใจของแพทย์ AME แต่ละครั้งจึงมีผลโดยตรงต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารหลายร้อยชีวิตในทุกเที่ยวบิน
ด้วยเหตุนี้เอง แพทย์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและได้รับการแต่งตั้งเป็น AME (AeroMedical Examiner) จึงมีจำนวนน้อยมากทั่วโลก เพราะต้องผ่านการตรวจสอบเข้มงวด การอบรมเฉพาะทาง และการตรวจประเมินอย่างต่อเนื่อง
ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น และอาจเป็น แพทย์ไทยเพียงคนเดียวในต่างประเทศที่ปฏิบัติงานด้านนี้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะเป็นเกียรติส่วนตัวแล้ว ยังเป็นแรงผลักดันให้ผมอยากส่งต่อความรู้ด้านเวชศาสตร์การบินสู่แพทย์รุ่นต่อไปในอนาคตครับ
รศ.ดร.นพ.วัชรพล อเล็กซองดร์ กำเนิดศิริ
เมืองซาลซ์บวร์ก สาธารณรัฐออสเตรีย