11/06/2021
EP.3 : ตับอ่อนมีหน้าที่อะไรบ้าง - โดย Emma Bryce
😃บทความในคลิป Ep.3 นี้ ผมจะขออนุญาตนำเพื่อน ๆไปรู้จักการทำงานของ #ตับอ่อน ซึ่งเชื่อว่าเพื่อนผู้กำลังประสบภาวะเบาหวานบางท่าน อาจเคยได้ยินคุณหมอกล่าวถึงอวัยวะสำคัญชิ้นนี้ ที่หากเริ่มทำงานผิดเพี้ยน ก็จะส่งผลต่อการเกิดเบาหวานโดยตรงทันที… ทั้งนี้ ต้องขออนุญาตให้เครดิตการทำคลิปแก่ นักเขียนอิสระ ผู้มีผลงานตีพิมพ์บทความอันเกี่ยวกับอาหาร เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมหลายชิ้น ใน TED Education, New York Times, Wires magazine และ the Guardian ซึ่งเป็นผู้ไขปริศนาการทำงานของตับอ่อนในคลิปนี้ครับ
😊หากกล่าวถึงอวัยวะอันไม่ใหญ่ไม่เล็ก ที่เรียกกันว่า หรือตับอ่อนในภาษาเราๆ ซึ่งจะเป็นคนละส่วนกับอวัยวะใหญ่สุดในร่างกายที่เรียกว่าตับ (Liver) นะครับ อันว่าเจ้าตับอ่อนนี้ จะถูกจัดเรียงอยู่ภายใต้กระดูกซี่โครง (Ribs) ของเราอีกทีครับ โดยแบ่งหน้าที่หลักเป็นสองส่วน อย่างแรกคือการผลิตของเหลว ที่ Emma บ่งบอกว่ามีลักษณะคล้ายน้ำผลไม้ (Juice) ซึ่งใช้ช่วยการ #ย่อยสารอาหาร ส่วนหน้าที่สำคัญอีกประการ คือ #ควบคุมระดับน้ำตาล (Sugar Control) ในร่างกายครับ
😊เจ้าตับอ่อนนี้ หากกล่าวถึงตำบลสัณฐานที่แน่นอน ถูกระบุว่าตั้งซ้อนอยู่ #ด้านหลังของกะเพาะอาหาร โดยหน้าที่อย่างแรก คือผลิตเจ้า Juice #เพื่อย่อยสลายอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ในลักษณะของน้ำแร่ธาตุรวมพิเศษ (tonic water) อันมีองค์ประกอบของน้ำ(Water) โซเดียมไบคาร์บอเนต(กรดเกลือ) และ เอนไซม์เพื่อการย่อย (Digestive Enzyme) ซึ่งทำให้เกิดสถานะของน้ำย่อย ที่สามารถย่อยสลายอณูสารอาหารหลากหลายประเภท เช่น ย่อย #ไขมัน ด้วย Lipase ย่อย #โปรตีน ด้วย Protease และรวมถึงย่อย #แป้งคาร์โบไฮเดรต ด้วย Amylase ซึ่งทำให้ง่ายต่อการถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด โดยเฉพาะเจ้าตัวแป้ง จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาลขนาดเล็ก (ที่เราเรียกจนเคยชินว่า #กลูโคส ไงครับ – ผู้เขียน) พร้อมส่งต่อเข้าสู่เซลล์ร่างกาย เพื่อสันดาปเป็นพลังงานต่อไปครับผม
😗หน้าที่สำคัญอย่างที่สองของเจ้าตัวตับอ่อน อันเกี่ยวโดยตรงกับโรคเบาหวาน คือ #การควบคุมระดับน้ำตาลในระบบหมุนเวียนเลือดของร่างกายมนุษย์ครับ โดยภายในอวัยวะตับอ่อน ณ บริเวณเซลล์อันถูกเรียกว่า the Islets of Langerhans จะผลิตฮอร์โมนหลักสองชนิดคือ #อินซูลิน (Insulin) และ #กลูคากอน (Glucagon) ออกมา เพื่อสร้างกลไกควบคุมปริมาณน้ำตาลในระบบเลือด หากขาดความสมดุล ไม่ว่าเป็นทางน้อยไปหรือมากไปก็สามารถทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว ดังนั้น เจ้าตับอ่อนจึงต้องมีความเสถียรในการทำงานโดยเสมอ
😊ภายหลังเมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป และมวลอาหารมีการคลุกเคล้าเข้ากับเจ้า Tonic water ระดับน้ำตาลในเลือดจะปรับตัวสูงขึ้น อันเป็นผลพวงจากการดูดซึมน้ำตาลที่ได้จากการย่อยสลายแป้ง และเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้ลดลง #ตับอ่อนจะหลั่ง Insulin ออกมา เพื่อทำหน้าที่คล้ายการเปิดกุญแจ #ให้น้ำตาลถูกดูดซึมออกจากเลือดผ่านเข้าสู่เซลล์เป้าหมาย ดังที่ผมอธิบายในคลิปที่แล้ว และไปใช้ผลิตพลังงานแก่เซลล์ หรือเพื่อการเก็บสำรองไว้ก่อนกรณีร่างกายมีการบริโภคอย่างเกินพอ (For energy or storage) นอกจากนี้ เจ้า Insulin จะส่งสัญญาณไปบอก #ตับ(Liver) ให้ #หยุดกระบวนการหลั่งน้ำตาลที่มีสะสมไว้ มิให้เข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งตามปกติแล้ว ตับจะดำเนินการช่วงที่ร่างกายมิได้นำเข้าสารอาหารใด (หมายถึงร่างกายถูกออกแบบให้ตับ มีขีดความสามารถเก็บและนำส่งน้ำตาลเข้ากระแสเลือดได้เอง เพื่อชดเชยการขาดช่วง ที่ร่างกายมนุษย์ว่างเว้นการบริโภค เช่นระหว่างมื้ออาหาร ช่วงการนอนหลับ ตลอดจนในภาวะอดอาหาร – ความเห็นผมเองครับ)
😉แต่ในทางกลับกัน ที่ #ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติที่ควรจะเป็น ตับอ่อนจะหลังฮอร์โมน #กลูคากอน เพื่อสร้างอาณัติสัญญาณ บ่งบอกให้เซลล์ร่างกายที่มีน้ำตาลสะสมและยังมิได้ถูกนำมาใช้ และรวมถึงน้ำตาลสำรองในตับ ให้ระดม #หลั่งน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งการทำงานของทั้ง #อินซูลินและกลูคากอนดังกล่าว จะทำให้เกิด #สมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นครับ
😊แต่เพื่อนๆลองจินตนาการดูครับว่า หาก #ตับอ่อนเริ่มทำงานแปรปรวน ขาดความเสถียร อันเป็นผลมากจากปัจจัยภายนอกหรือภายในใดก็ตาม โดยเฉพาะหาก Insulin #มิได้ถูกผลิตออกมาด้วยปริมาณเพียงพอ หรืออาจถูกผลิตด้วย #ประสิทธิภาพการทำงานอันลดลง หรือแม้แต่ #มิได้ถูกผลิตออกมาเลย ก็จะเกิดอาการรอยโรคที่เราเรียกว่า #เบาหวาน (Diabetes) ซึ่งเมื่อมีน้ำตาลท่วมท้นในกระแสเลือด จะทำให้หลอดเลือดมีการแข็งตัว อันส่งผลให้เกิดอาการไตวาย (Kidney Failure) เส้นเลือดในสมองตีบแตก (Strokes) และโรคหัวใจล้มเหลว (Heart Attack)ในท้ายที่สุดนั่นเองครับ
😏ซึ่งในช่วงท้ายวิดีโอคลิป ทาง Emma Bryce ได้พูดถึงการค้นพบสำคัญ ที่ว่าผู้ป่วยเบาหวานมักมี #ฮอร์โมนกลูคากอนถูกหลั่งออกมาในระดับที่สูงผิดปกติ ซึ่งหมายถึงในภาวะดังกล่าว นอกจากร่างกายไม่มีปริมาณอินซูลินที่จะใช้กำจัดน้ำตาลในเลือดอย่างพอเพียงแล้ว ตับอ่อนยังหลั่งกลูคากอน ไปบอกอวัยวะตับและรวมถึงเซลล์ที่มีน้ำตาลสำรองอัดแน่น ให้ปล่อยน้ำตาลถาโถมเข้าสู่เลือด ทำให้สถานการณ์คับขันเป็นทวีคูณขึ้นไปอีก
😁ในบทสรุป Emma ได้บอกไว้ว่า มิใช่เพียงความพยายามในการดูแลรักษาระบบการทำงานของตับอ่อนให้เสถียรเท่านั้น แต่ต้องขึ้นกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วยภาวะเบาหวานเองอีกด้วย หากยังดำเนินชีวิตอย่างไม่เป็นคุณต่อระบบการทำงานร่างกาย โดยเฉพาะอุปนิสัยเลือกรับประทานอาหารอันตามใจปาก มากกว่าเลือกสิ่งที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย ตลอดจนขาดวินัย มิได้หมั่นออกกำลังกาย ก็อาจเป็นการยากที่จะฟื้นฟูสถานการณ์อันเลวร้าย ที่ร่างกายมีน้ำตาลท่วมท้นหนาแน่นในระบบเลือดได้ครับ
View full lesson: http://ed.ted.com/lessons/what-does-the-pancreas-do-emma-bryceBeneath your ribs, you’ll find, among other things, the pancreas -- an organ ...