ศูนย์พระเมตตา โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์

ศูนย์พระเมตตา โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง รพ. เซนต์หลุยส์
Saint Louis Palliative Care Center

มาเจอพวกเราได้นะคะ💕
08/09/2025

มาเจอพวกเราได้นะคะ💕

🎉 127th Anniversary Saint Louis Hospital
Caring Like Home – บ้านแห่งความรัก 🏡💙
ขอเชิญทุกท่านมาร่วมสัมผัสบรรยากาศแห่งความอบอุ่น
พร้อมกิจกรรมดี ๆ มากมายที่เตรียมไว้เพื่อคุณ ✨
📺 Caring Like Home Talk (Live)
เสวนาสุขภาพจากทีมแพทย์เฉพาะทาง
ที่จะมาแบ่งปันความรู้ และการดูแลสุขภาพแบบเข้าใจง่าย 🩺💙
🕙 เวลา 10.50 น.
หัวข้อ: “ใจดี มีสุข”
โดย นพ.บุญเสริฐ ชาติละออง หัวหน้าแพทย์สถาบันหัวใจ
🕚 เวลา 11.40 น.
หัวข้อ: “Palliative care เสียงสะท้อนจากประสบการณ์จริง”
โดย นพ.ภูริภัทร แตระกุล หัวหน้าแพทย์ศูนย์ดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง
🕛 เวลา 12.25 น.
หัวข้อ: “มะเร็งลำไส้, ไวรัสตับอักเสบ และวัคซีนในปัจจุบัน”
โดย นพ.กัมพล โรจนรัตนางกูร แพทย์ประจำศูนย์ทางเดินอาหารและตับ
🕧 เวลา 12.45 น.
หัวข้อ: “ขูดหินปูนด้วยเครื่อง Air Flow เสียวน้อย เจ็บน้อย ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด จริงไหม?”
โดย ทพญ.ลลิตา เลิศจิระวงศ์
แพทย์ประจำศูนย์ทันตกรรม
🕐 เวลา 13.05 น.
หัวข้อ: “มะเร็งปอดภัยเงียบใกล้ตัว”
โดย พญ.พรพรรณ รัตนเจียเจริญ แพทย์ประจำศูนย์อายุรกรรม
🕜 เวลา 13.35 น.
หัวข้อ: “การดูแลสุขภาพ และการออกกำลังกาย”
โดย คุณป๋อ – ณัฐวุฒิ สกิดใจ
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน 127 ปี และเก็บเกี่ยวความรู้สุขภาพดี ๆ กลับไปดูแลตัวเองและคนที่คุณรักกันนะคะ🥰
📅 วันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2025
📍 ณ อาคารเสริมคุณ – หลุยส์เวย์ ชั้น 1

#โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์
#บ้านแห่งความรัก

21/08/2025
07/08/2025

เปิดลงทะเบียน วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ที่ Facebook : Death Fest

Old School คือโรงเรียนกวดวิชาหลักสูตรเร่งรัดเพื่อผู้สูงวัย ให้การวางแผนดูแลสุขภาพ ชีวิต และทรัพย์สิน ทำได้ทันเวลา ชั้นเรียนนี้เป็นการต่อยอดจากงาน ‘Death Fest 2025 : Better Living, Better Leaving.’ ที่เราคัดเลือกวิชายอดฮิตจากในงานมาให้ผู้ที่สนใจแต่พลาดไป ได้มีโอกาสมาลงเรียนอีกครั้ง รวมทั้งมีวิชาใหม่ ๆ มาให้เรียนรู้กันเพิ่มเติม และนำไปใช้ได้เลยทันทีโดยไม่ต้องรอให้ถึง Death Fest ปีหน้า

โรงเรียนกวดวิชานี้จะเปิดเรียนวันที่ 30 - 31 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ที่ Victor Club @ Samyan Mitrtown
ลงทะเบียนเรียน ฟรี! มีทั้งหมด 8 วิชา ดังนี้

วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เวลา 09.00 - 11.00 น.
📍ห้อง 1 : ออมเงินเพื่อเกษียณ สำหรับคนที่เริ่มวางแผนช้า
วิทยากร : ดร.อัจฉรา โยมสินธุ์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
📍ห้อง 2 : ดูแลผู้ดูแล พบวิธีดูแลกาย-ใจผู้ดูก่อนจะ Burnout
วิทยากร : วรรณวิภา มาลัยนวล กระบวนกร บริการช่วยเหลือผู้ดูแล และ ชนาพร เหลืองระฆัง วิทยากร Peaceful Death

วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13.00 - 15.00 น.
📍ห้อง 1 : รับมือสมองเสื่อม ตั้งแต่การสังเกตอาการจนถึงการจัดบ้านเพื่อกันสมองเสื่อม
วิทยากร : พิชยนันท์ วัฒนวิทูกูร ผู้ช่วยวิจัย / ผู้ประสานงานสมาคม คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล / สมาคมผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม และ ทรงกลด บางยี่ขัน บรรณาธิการบริหาร The Cloud
📍ห้อง 2 : ซ้อมตาย เพราะช่วงเวลาสุดท้าย การเผชิญความตายเป็นงานของเราคนเดียว
วิทยากร : ธนวัชร์ เกตน์วิมุต (ครูดล) ประธานเครือข่ายชีวิตสิกขา และผู้ก่อตั้งธนาคารสติ

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เวลา 09.00 - 11.00 น.
📍ห้อง 1 : ทันตกรรมผู้สูงวัย เพราะปัญหาฟันพัวพันกับอีกหลายโรคของคนแก่
วิทยากร : ผศ.ดร.ทพญ.สิริมา กุลวานิช คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ทพ.สุรพงศ์ ศรีสมบูรณ์ ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลลำลูกกา
📍ห้อง 2 : เขียนประวัติก่อนวายชนม์ หลักการเขียนเรื่องของเราที่อยากจะเล่าไว้ให้คนข้างหลัง
วิทยากร : ชมัยภร บางคมบาง นักเขียนอาชีพ และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13.00 - 15.00 น.
📍ห้อง 1 : ออกกำลังกายสำหรับผู้สูงวัย อย่างปลอดภัย แต่ได้ผล โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่แต่บ้าน
วิทยากร : ดร.กัลยา ก้องวัฒนากุล และ ดร.สุทิศา ปลื้มปิติวิริยะเวช สาขาวิชาชรัณสุขศาสตร์ คณะกายภาพบำบัดและเวชศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยรังสิต
📍ห้อง 2 : สื่อสารความตายกับคนรักด้วยสมุดเบาใจ แล้วการคุยเรื่องความตายจะเบาสบาย ง่ายกว่าที่คิด
วิทยากร : วรรณา จารุสมบูรณ์ ประธานกลุ่ม Peaceful Death ชุมชนกรุณาเพื่อการอยู่และตายดี และ ปิญชาดา ผ่องนพคุณ นักวางแผนการตายดี / ผู้ก่อตั้งเพจ Baojai Family อยู่อย่างเบาใจ จากไปอย่างใจเบา

ก็ไม่ขนาดน้านนนถ้าเป็นคนที่ lead family conference เอง บางทีเราก็สร้างจังหวะคุยสนุกๆ ได้นะแต่ก็ใช่ บางทีที่บรรยากาศพาเศร...
06/08/2025

ก็ไม่ขนาดน้านนน
ถ้าเป็นคนที่ lead family conference เอง บางทีเราก็สร้างจังหวะคุยสนุกๆ ได้นะ
แต่ก็ใช่ บางทีที่บรรยากาศพาเศร้าหรือซาบซึ้งก็คงไม่ควรขำแหละ

พาลิเอทีฟ

จากใจบุคลากรของเราที่สัมผัสงานด้านประคับประคองมาหลายเดือนน้องบอกพวกเราว่า“พอถึงระยะสุดท้ายแล้ว ถึงจุดที่เค้าจะไปจริงๆ มั...
30/07/2025

จากใจบุคลากรของเราที่สัมผัสงานด้านประคับประคองมาหลายเดือน
น้องบอกพวกเราว่า

“พอถึงระยะสุดท้ายแล้ว ถึงจุดที่เค้าจะไปจริงๆ มันมีความทรมาน แล้ว ณ เวลานั้นเรามีทางเลือกไม่เยอะมาก อยากให้ทุกคนรู้จัก palliative care เพื่อเป็นทางเลือกกที่ดีที่จะช่วยคนไข้เหล่านั้นได้ ช่วยลดอาการทรมานได้จริงๆ”

#ศูนย์พระเมตตา

🌟🌟วันนี้เป็นอีก 1 ปีที่ทางเราได้มีโอกาสต้อนรับนักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียน โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์-Assumption Conventเ...
27/06/2025

🌟🌟วันนี้เป็นอีก 1 ปีที่ทางเราได้มีโอกาสต้อนรับนักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียน โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์-Assumption Convent

เมื่อบ่ายนี้มีคำถามของน้องคนหนึ่งน่าสนใจมาก และเราคิดว่าเรายังตอบได้ไม่ดีนักจึงจะขอนำมาเรียบเรียงให้อ่านกันใหม่ ณ โอกาสนี้

❓Q: เหตุการณ์การเสียชีวิตของคนคนหนึ่งเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ บุคลากรทางการแพทย์มีวิธีดูแลใจตัวเองอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับการสูญเสียเป็นประจำ?

📖A(เรียบเรียงใหม่ให้ละเอียดขึ้น): เหตุการณ์การเสียชีวิตของคนคนหนึ่งเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจคนรอบๆ ตัว โดยเฉพาะคนที่มีความผูกพันกันมากเช่น ครอบครัว เพื่อน
เราสามารถเรียนรู้ที่จะรับรู้และเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นปกติหลังจากการสูญเสียบุคคลที่เป็นที่รักได้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกสะเทือนใจ หรือความรู้สึกเศร้า หรือความเครียด/กังวลที่มีสำหรับอนาคตข้างหน้า
❤ความเข้าใจนี้เรียกว่า 'Empathy'

แต่มันคงจะไม่ดีหากวันหนึ่งเรารู้สึกจมดิ่งไปกับความเศร้านั้นๆ ร่วมไปกับพวกเขาด้วย
💔การจมดิ่งร่วมไปกับความเศร้าภายนอกนี้เรียกว่า 'Sympathy'

เมื่อใจเราเกิดความ Sympathy เราจะต้องใช้พลังใจส่วนหนึ่งในการจัดการกับอารมณ์นั้นๆ หากเกิดขึ้นกับตัวเราบ่อยมากเราก็อาจจะถึงขั้น burnout กับการทำงานนี้ได้

สิ่งที่เราใช้เผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้คือการใช้ empathy ไม่ใช่ sympathy
เมื่อตอนบ่ายเราตอบไปอย่างสั้นๆ ว่า "มันก็เป็นเรื่องธรรมดา" ซึ่งหมายถึงว่า การเสียชีวิตเป็นเรื่องธรรมดา(โดยเฉพาะในคนไข้ระยะท้ายที่เราคาดการณ์ไว้แล้วด้วย) และความเศร้าเสียใจที่ตามมาก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน
เรา 'เข้าใจ' (และคาดการณ์ไว้แล้ว) ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นอย่างเสมอๆ ในผู้ป่วยระยะท้ายของเรา

มากไปกว่านั้น เมื่อเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องธรรมดา การที่เราได้ดูแลเขาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่มีอาการรบกวนหรือทรมาน หรือให้ได้มีความสุขในช่วงชีวิตที่มีจำกัดของเขา ถ้าเราทำได้ ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีเสียอีก

อาจเรียกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการปรับมุมมองเกี่ยวกับชีวิตและความตายก็ได้

และอย่างที่พี่พยาบาลได้เสริมให้ในช่วงบ่าย ในบางทีใจเราก็เกิด sympathy ได้ เรารู้จักคนไข้บางคนนานกว่าคนอื่น หรือมีบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับพวกเขามากขึ้น เราก็อาจจะพลอยรู้สึกเศร้าเสียใจไปด้วยได้ ซึ่งเราได้ทำตามหน้าที่ ดูแลเขาอย่างดีจนถึงช่วงสุดท้าย ได้ช่วยให้การจากไปเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุดที่เป็นไปได้แล้ว ไอเดียเหล่านี้ก็เป็นการฮีลใจต่อเหตุการณ์เหล่านั้นได้เช่นกัน

🙏สุดท้ายทีมงาน #ศูนย์พระเมตตา ขอขอบคุณโรงเรียนที่ไว้ใจส่งนักเรียนมาดูงานที่ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ มาอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าน้องๆ นักเรียนจะได้มองเห็นภาพงานในสายสุขภาพมากขึ้นตามที่น้องๆ ได้หวังไว้

.... ยินดีต้อนรับผู้มาศึกษาดูงาน 🤝✨...วันนี้แผนกของเราได้รับเกียรติจากนักศึกษาแพทย์ปี5 ม.บูรพาและทีมอ.แพทย์โรงพยาบาลสมเด...
25/06/2025

.... ยินดีต้อนรับผู้มาศึกษาดูงาน 🤝✨...
วันนี้แผนกของเราได้รับเกียรติจากนักศึกษาแพทย์ปี5 ม.บูรพาและทีมอ.แพทย์โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า

"ขอบคุณสำหรับการมาเยือนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ดีๆค่ะ แผนกเรายินดีต้อนรับเสมอ "💙

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Palliative Sedation
20/06/2025

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Palliative Sedation

Myths and Mistakes in Palliative Sedation: Addressing Ethical and Clinical Complexities

Palliative sedation (PS) ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ยังคงถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้ง เช่นคำพูดที่ว่า “drip ให้หลับแล้วจากไปเลย” การสื่อสารความเชื่อเช่นนี้อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่คลาดเคลื่อนทั้งในด้านจริยธรรมและการดูแลผู้ป่วย session นี้พาเราทบทวนความเชื่อเดิม ๆ เปิดประเด็นที่ท้าทายทางจริยธรรม และชวนกันวางรากฐานเวชปฏิบัติที่ถูกต้อง ชัดเจน และกล้าพูดอย่างตรงไปตรงมา
------------------------------------------

•• Myth 1 Palliative sedation is euthanasia ••

- ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัวรามาธิบดี สนับสนุนให้ใช้คำว่า Medical Assistance in Dying (MAiD) หรือการยุติชีวิตโดยความช่วยเหลือทางการแพทย์ มากกว่า euthanasia เนื่องจากมีความหมายที่ตรงกับสิ่งที่ทำจริง อีกทั้งยังมีความเป็นกลางทางภาษามากกว่า คำว่า euthanasia นั้น “eu-” หมายถึง “ดี” มีนัยยะของการให้คุณค่าและการตัดสินการกระทำอยู่

- MAiD เป็นการที่แพทย์หรือพยาบาลให้สารที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตโดยตรง

- PS เป็นการลดระดับความรู้สึกตัวเพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมาน ช่วยให้จัดการอาการได้ดีขึ้น ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเร่งการเสียชีวิต เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลประคับประคองซึ่งมีหลักการว่าไม่เร่งหรือยื้อการตาย

จากนิยามนี้ จะเห็นได้ ทั้งสองอย่างเป็นคนละสิ่งกันอย่างสิ้นเชิง จึงควรใช้คำให้ถูกต้อง ชัดเจน ไม่คลุมเครือ

- เปรียบเทียบ MAiD กับ PS ในประเด็นต่าง ๆ ได้ดังนี้
• Intention: MAiD ตั้งใจให้เสียชีวิตเร็วขึ้น, PS ตั้งใจลด suffering
• Agent: MAiD ใช้ยานำสลบ, PS ใช้ยา anxiolytic/sedative เช่น midazolam
• Timing: MAiD เมื่อ death foreseeable, PS มักใช้ช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของชีวิต (ส่วนมาก)
• Monitoring: MAiD monitoring น้อยกว่า, PS ต้อง titrate และประเมินซ้ำใกล้ชิด

ดังนั้น MAiD ในประเทศไทยยังทำไม่ได้ ยังไม่มีกฎหมายรองรับ แต่ PS เป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานของการรักษา สามารถทำได้เลยในเวชปฏิบัติทั่วไป และมีหลักฐานจาก systematic review สนับสนุนว่า PS ไม่ได้เร่งการเสียชีวิต
------------------------------------------

•• Myth 2 When in doubt, sedate. ••

- ไม่ควร PS เพียงเพราะไม่แน่ใจว่าจะจัดการผู้ป่วยอย่างไร ให้กลับไปตรวจสอบตามนิยามก่อนเสมอว่าผู้ป่วยรายนั้นมี
1.intractable suffering จริงหรือไม่ และ 2.refractory symptoms จริงหรือไม่

- Systematic review ตั้งแต่ปี 2012-2021 ระบุว่าเหตุผลที่ทำ PS มากที่สุด ได้แก่ delirium และ dyspnea > pain > psychological distress (อาการทางจิตใจยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียง ต้องประเมินซ้ำ และใช้ทีมสหวิชาชีพร่วมพิจารณาอย่างถี่ถ้วน)

- หัวใจสำคัญของเรื่องนี้คือการประเมินอาการและสาเหตุอย่างละเอียด โดยต้องระบุให้ได้ว่าสาเหตุคืออะไรและให้การรักษาตามนั้น หากยังหาไม่พบ ให้ตั้งคำถามกับตนเองว่าเป็นเพราะอะไร เช่น อาการนั้นมีหลายสาเหตุ การแก้สาเหตุทำแล้วไม่สอดคล้อง goal of care หรือผู้รักษาเองอาจยังขาดความรู้และประสบการณ์ในโรคดังกล่าว (บางครั้งเป็นโรคที่พบไม่บ่อย) แนะนำให้ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

- หากไม่แน่ใจว่าอาการเข้าข่าย “refractory” จริงหรือไม่ ให้ดูตามลำดับคือ
1. ผู้ป่วยได้รับการรักษาตามมาตรฐานที่ควรได้รับครบหรือไม่ เช่น delirium ควรได้รับการแก้สาเหตุ (เท่าที่ได้) และ antipsychotic, dyspnea ควรได้ strong opioid
2. การรักษาเหล่านั้น ขนาดยาเหมาะสมหรือไม่ หากสามารถใช้ second line treatment ได้ด้วย ได้ทดลองใช้จนหมดแล้วหรือไม่
3. ประเมินสาเหตุอีกครั้งว่ามองข้ามสาเหตุใดไปหรือไม่
4. เมื่อทำทั้งหมดแล้วไม่ได้คำตอบอาจลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอื่นอีกครั้งให้แน่ใจจริง ๆ ว่า “refractory” จริง เพราะการทำ PS ผู้ป่วยมีแนวโน้มจะหลับยาวต้องทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเราไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยพลาดโอกาสอะไรไป
------------------------------------------

•• Myth 3 No comfort? Drip morphine. ••

- ไม่ควรใช้ opioid ในการ sedate (ไม่ใช้ผลข้างเคียงของยามาทำให้ผู้ป่วยหลับ)

- เลือกใช้ sedative drug โดยตรงเพื่อลดระดับการรู้สึกตัว + monitor เสมอ
• First line: midazolam bolus 1-5 mg IV/SC bolus จนกว่าจะได้ระดับความรู้สึกตัวที่ต้องการ, maintenance 0.5-1 mg/hour IV/CSCI then titrate as needed

- ข้อควรระวัง คือ “ไม่มีสูตรสำเร็จในการปรับยา” ต้องดูที่การตอบสนองยาของผู้ป่วยแต่ละราย ไม่แนะนำให้จำขนาดสำเร็จรูปไปใช้กับผู้ป่วยทุกราย แต่แนะนำให้จำเป็น “ช่วงของยา” และตระหนักเสมอว่าเราอยู่ตรงจุดไหนของช่วงยานี้และปรับขึ้นลง

- ข้อผิดพลาดที่เจอบ่อย คือ ไม่ได้ bolus ก่อน (เช่น 2 mg stat) ข้ามไป drip แล้วค่อย ๆ titration (เช่น 0.5 mg/hour) จะทำให้ลดระดับความรู้สึกตัวได้ช้ากว่าที่ต้องการ (0.5 –> 2 mg ใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง)
ในทางกลับกัน มีคนที่ drip หนักมือแต่แรก ก็อาจจะมากเกินไป

- Midazolam ไม่มี max dose แต่ common dose ไม่เกิน 5 mg/hour มักจะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว หากต้องใช้ขนาดสูง ให้ย้อนกลับไปประเมินสาเหตุอีกครั้ง

• Second line: Phenobarbital start 30-60 mg IV/SC, titrate to 60-120 mg IV/SC q 8-12 hours
ข้อดีคือบริหารยาง่าย สะดวกกับคุณพยาบาลในวอร์ด โดยจะใช้เป็นยาเดียวหรือ add on กับ Midazolam ก็ได้

• Alternatives
1. Propofol 10-20 mg IV bolus then 10-70 mg/hour IV ใช้น้อยมาก ข้อเสียคือแสบเส้น

2. Dexmedetomidine (Precedex) 0.2-0.7 mcg/kg/hour continuous IV drip ตั้งแต่แรก หรือบางคนอาจเริ่มด้วย 30 mcg bolus นำมาก่อนก็ได้ พบบ่อยใน ICU แต่ยัง off label ใน guideline PS ยาช่วยลดระดับการรู้ตัวได้ดี และยังตอบสนองบางอย่างได้ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวด และ confusion ด้วย ข้อจำกัด คือ ราคาสูงมาก
------------------------------------------

•• Myth 4 Their family accept morphine, so let’s do it. ••

ในเวลาที่เราสื่อสารกันว่า “Accept morphine” ให้ระวังว่าจะเป็นการส่งสัญญาณว่าเรากำลังทำอะไรที่ไม่ใช่มาตรฐานหรือเปล่า ทั้งที่จริงแล้ว การให้มอร์ฟีนก็เป็นการรักษามาตรฐานไม่แตกต่างจากการใช้ยาปฏิชีวนะ อาจกล่าวได้ว่า เป็นคำที่ไม่จำเป็นต้องใช้ จะสามารถลดความเข้าใจคลาดเคลื่อนกับทีมงาน ครอบครัว และสังคมได้มากกว่า

• สำหรับ Best practice ในการทำ PS มี 4 องค์ประกอบ ได้แก่
1. ทบทวน goal of care
2. พูดคุยกับครอบครัวถึงความคาดหวังของการทำหัตถการ
3. พูดคุยให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า PS เป็นเพียงการลดระดับความรู้สึกตัว ไม่ใช่การ drip ยาให้เสียชีวิต แพทย์ควรมีความละเอียดอ่อนในการสื่อสารกับครอบครัว เพื่อไม่ให้กลายเป็นความรู้สึกค้างคาใจตามไปหลังผู้ป่วยเสียชีวิต ดังนั้น แม้ครอบครัวอาจจะไม่ได้ถามว่าสิ่งนี้ คือ MAiD หรือไม่ แพทย์ควรอธิบายให้ครอบคลุมประเด็นนี้ไปเลย
4. บันทึกเวชระเบียนให้ละเอียด หัวใจของ inform consent คือการ inform แพทย์ควรให้ข้อมูลละเอียดทุกแง่มุม ให้ครอบครัวได้ถามจนพอใจและสบายใจ
------------------------------------------

•• Q and A ••

• PS กดหายใจไหม?: ถ้าใช้ขนาดน้อยและติดตามใกล้ชิด โอกาสเกิดน้อยมาก

• PS ทำที่บ้านได้ไหม?: ทำได้ หากมีการเตรียมการอย่างเหมาะสม เช่น การแยกเส้นยาออกจากยาชนิดอื่น (เพื่อไม่ให้ได้รับยาอื่นเกินจำเป็นหากมีการ titration) และมีทีมดูแลหรือญาติที่ผ่านการฝึกฝนสามารถติดตามอาการได้อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ควรทบทวนร่วมกันอีกครั้งว่า ในสถานการณ์ที่อาการซับซ้อนมากขึ้น การอยู่ที่บ้านยังคงตอบโจทย์ “การจากไปอย่างดี” ตามที่ผู้ป่วยและครอบครัวเคยหวังไว้หรือไม่ แม้จะมีแผนล่วงหน้าว่าต้องการเสียชีวิตที่บ้าน แต่เมื่อถึงเวลาจริง การเปลี่ยนแผนเพื่อให้สามารถบรรเทาทุกข์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าในโรงพยาบาล ก็อาจเป็นทางเลือกที่ควรพิจารณาอย่างไม่รู้สึกผิด

• หลัง sedation ยังต้องให้ยาอื่นต่อไหม? ต้องให้ต่อโดยปรับขนาดยาให้เหมาะสม ยาแต่ละตัวมีหน้าที่ต่างกัน ต้องให้ต่อ ยา sedation ไม่ได้ “ทดแทน” ยา symptom control ได้

• จิตสุขท้ายกับ PS: ศาสนาพุทธให้ความสำคัญกับการรู้ตัว อย่างไรก็ตาม delirium ไม่ใช่สภาวะของการรู้ตัวอย่างแท้จริง การมีอาการรบกวนอย่างมากส่งผลต่อคุณภาพของจิตสุดท้าย หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่จิตที่ไม่สงบ ในขณะเดียวกันการทำ PS อย่างถูกต้อง ช่วยบรรเทาความทุกข์ทั้งทางกายและใจ เปรียบเหมือนคนว่ายน้ำไม่แข็งแต่มีชูชีพให้เกาะ เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการสื่อสารที่ดีจากครอบครัว และนำไปสู่จิตสุดท้ายที่สงบ เป็นกุศล ช่วยให้ผู้ป่วยลอยตัวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้
------------------------------------------

•• Take home message ••

Bold: ยืนยันว่า PS ไม่ใช่ MAiD พูดให้ชัดและต่อเนื่อง
Brave: กล้าคุย กล้าตัดสินใจ ให้ถูกต้องตามหลักการ
Amazing: เลือกและใช้ยาให้ถูกต้อง (Midazolam, Phenobarbital) ตามหลักฐานและขนาดที่เหมาะสม

------------------------------------------

ในปี 2569 ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว รามาธิบดี เปิดหลักสูตรฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอดอนุสาขาเวชศาสตร์ประคับประคอง (Palliative Medicine) หลักสูตร 2 ปี เป็นปีแรก ติดตามข่าวสารการรับสมัครและรายละเอียดการฝึกอบรมได้ที่เพจนี้ค่ะ

SCB ช่วยเผยแพร่เรื่อง living will ที่ปกติพูดกันยากให้เป็นความรู้กับทุกคนสำหรับใครที่สนใจปรึกษาเรื่อง living will จริงๆ แ...
11/06/2025

SCB ช่วยเผยแพร่เรื่อง living will ที่ปกติพูดกันยากให้เป็นความรู้กับทุกคน
สำหรับใครที่สนใจปรึกษาเรื่อง living will จริงๆ แวะมาพูดคุยกันได้ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ค่ะ

#ศูนย์พระเมตตา #พินัยกรรมชีวิต

หลายครั้งเราอาจไม่สามารถเลือกกำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเองได้
อย่างในกรณีที่ต้องเผชิญความเจ็บป่วยซึ่งไม่อาจรักษาให้หายได้
การมีพินัยกรรมชีวิต หรือ Living Will ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ทำให้เราสามารถวางแผนวาระสุดท้ายของตัวเองได้
และหลีกเลี่ยงความทรมานจากการรักษาที่ทำได้แค่ยื้อเวลาการจากไปเท่านั้น

ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ระบุว่า “บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตนหรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้...”

การทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์รับบริการสาธารณสุขเอกสารนี้เรียกว่า พินัยกรรมชีวิต หรือ Living Will และมีข้อดีดังนี้

✅ ได้ตัดสินใจแนวทางและรูปแบบการรักษาด้วยตัวเอง โดยเป็นการเคารพสิทธิในร่างกายของผู้ป่วย (Patient Right)
หลีกเหลี่ยงการได้รับการทุกข์ทรมานด้านร่างกาย และจิตใจ รวมถึงการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (Dehumanization) ที่เป็นเพียงการยืดการเสียชีวิตลงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้
✅ ไม่เป็นภาระกับทายาท หรือคนที่ใกล้ชิดในการตัดสินใจ ซึ่งบ่อยครั้งก็อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในครอบครัวได้ และหลีกเลี่ยงผลกระทบทางจิตใจต่อทายาทที่เป็นผู้ตัดสินใจแทน รวมถึงบ่อยครั้งญาติผู้ป่วยอาจมีการตัดสินใจที่แตกต่างกันจนนำไปสู่การขัดแย้งกับบุคลากรทางสาธารณสุข

✅ เป็นการช่วยวางแผนจัดการทางด้านการเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่อาจสูงมาก และเป็นเพียงเพื่อยืดการเสียชีวิตโดยไม่อาจรักษาให้หายได้

ข้อแนะนำในการทำ Living Will
1. ผู้ทำที่มีอายุครบ 18 ปีขึ้นไป หากมีอาการป่วยที่ไม่อาจรักษาหายได้ หรืออยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิต และต้องการปฎิเสธที่จะรับการรักษา ก็สามารถทำพินัยกรรมชีวิตได้
2. ก่อนตัดสินใจทำ ควรปรึกษาบุคลากรทางสาธารณสุขที่ดูแลให้ทราบที่แน่ชัดในการรักษา
3. พูดคุยกับคนในครอบครัว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ในทางที่ได้เลือกตัดสินใจ
4. ควรทำไว้ 2 ฉบับ โดยเก็บไว้กับตัวเอง และไว้ที่โรงพยาบาลที่ไปรักษาประจำ

ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/protect-my-family/living-will-planning?utm_campaign=weal_content_202505&utm_source=facebook&utm_medium=owned

ลูกค้า SCB PRIVATE BANKING ที่สนใจปรึกษาเรื่องการส่งต่อมรดก สามารถติดต่อได้ที่ SCB Wealth Planning and Family Office หรือ RM ของท่าน

#พินัยกรรมชีวิต

ที่อยู่

โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ 27 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ
10120

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 16:00
อังคาร 08:00 - 16:00
พุธ 08:00 - 16:00
พฤหัสบดี 08:00 - 16:00
ศุกร์ 08:00 - 16:00
เสาร์ 08:00 - 16:00
อาทิตย์ 08:00 - 16:00

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ศูนย์พระเมตตา โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram