ห่างไกลโรค by พี่ณี

  • Home
  • ห่างไกลโรค by พี่ณี

ห่างไกลโรค by พี่ณี วิตามิน/อาหารเสริมบำรุงเลือด

💥สัญญาณเตือน "โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท"
02/12/2022

💥สัญญาณเตือน "โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท"

🌹🌹 สวัสดียามเช้าจร้าทุกท่าน...เป็นกำลังใจในการทำงานนะคะ ขอให้มีความสุขทั้งวันจร้าา🥰🥰
15/01/2021

🌹🌹 สวัสดียามเช้าจร้าทุกท่าน...เป็นกำลังใจในการทำงานนะคะ ขอให้มีความสุขทั้งวันจร้าา🥰🥰

นอกจากการออกกำลังกายแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่จะป้องกันไวรัสได้ก็คือการรับประทานที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และต้านเชื้อไวรัสมีข้อ...
30/03/2020

นอกจากการออกกำลังกายแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่จะป้องกันไวรัสได้ก็คือ
การรับประทานที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และต้านเชื้อไวรัส
มีข้อมูลจาก นายแพทย์มรุต จิรเศรษฐศิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย
และแพทย์ทางเลือก แนะนำผักผลไม้สมุนไพร
3 กลุ่ม ที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานของร่างกายช่วย
ป้องกันการติดเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ ได้แก่

- กลุ่มเสริมภูมิคุ้มกัน เช่น พลูคาวหรือผักคาวตอง, เห็ดต่างๆ, ตรีผลา
(สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม)
- กลุ่มที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ดอกขี้เหล็ก, ยอดมะยม,
ใบเหลียง, ยอดสะเดา, มะระขี้นก, ฟักข้าว, ผักเชียงดา, คะน้า, มะรุม, ผัก.
แพว มะขามป้อม, ลูกหม่อน และผักผลไม้หลากสี
- กลุ่มที่มีสารสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อ
โรคโควิด-19 เช่น พลูคาวหรือผักคาวตอง กะเพรา หอมแดง หอมหัวใหญ่
มะรุม ใบหม่อน แอปเปิล เปลือกผลของพืชตระกูลส้ม (ส้ม มะนาว มะกรูด
ส้มซ่า)

ซึ่งทั้งสามกลุ่มที่ว่ามาเป็นส่วนผสมใน 7 เมนูอาหารไทยป้องกัน
ไวรัสโควิด-19 นี้

กักตัวอยู่บ้าน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารต้านไวรัส รับรองว่าโควิด-19 ทำอะไรร่างกายเราไม่ได้แน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://bit.ly/33T7D1J
ที่มา : กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก
#หยุดเชื้อเพื่อชาติ #อาหารต้านไวรัส

 #ห่วงนะ #โควิด19 🛡 รู้เขารู้เรารบ 100 ครั้งชนะ 100 ครั้งค่ะขอให้สุขภาพดี..รบยังไงก็ชนะค่ะ...
04/03/2020

#ห่วงนะ
#โควิด19

🛡 รู้เขารู้เรา
รบ 100 ครั้งชนะ 100 ครั้งค่ะ

ขอให้สุขภาพดี..
รบยังไงก็ชนะค่ะ...

เก๊าท์ เปลี่ยน ชีวิตเราได้อย่างไร ?ป้องกันเก๊าท์ ก่อนที่เราจะเสียใจ ...
20/02/2020

เก๊าท์ เปลี่ยน ชีวิตเราได้อย่างไร ?

ป้องกันเก๊าท์ ก่อนที่เราจะเสียใจ ...

ออฟฟิศ ซินโดรม (office syndrome)คืออะไร?1.อาการทำงานหนักนั่งในสภาวะ เดิมๆในท่าเดิมๆเราจำเป็นต้องลุกเดินทุกๆ 1 ชม.2. ปวดค...
19/02/2020

ออฟฟิศ ซินโดรม (office syndrome)
คืออะไร?

1.อาการทำงานหนักนั่งในสภาวะ เดิมๆในท่าเดิมๆเราจำเป็นต้องลุกเดินทุกๆ 1 ชม.
2. ปวดคอ ปวดข้อเข่า ปวดไหร่ ปวดเอว ปวดข้อต่อ
3.อ้วนลงพุง
4.นอนไม่หลับ
5.เกิดจากการนั่งท่าผิดๆทำให้กล้ามเนื้อ ตึงรั้งหดเกร็ง เป็นพังผืด
6.สาเหตุ ทำให้เกิดไมเกรน ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี
7.ความเครียดถามหา นอนไม่หลับ สมองทำงานได้ไม่เต็ม 100%
8.ความเครียดทำลายเซลล์สมอง ระยะยาวมีผลกระทบต่อฮอร์โมน
9.นั่งหน้าจอคอมนานๆทำให้มีผลกระทบต่อจอประสาทตา
-------------------
สารสกัดจากธรรมชาติ ปลอดภัย มี อย.รับรอง มาตรฐานการผลิตระดับยา

สนใจปรึกษาโทร. 085-487 6686

 #ตะคริว       อาการหดเกร็งที่ทำให้กล้ามเนื้อปวดและเป็นก้อนแข็ง ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยที่ไม่สามารถบังคับได้ การเ...
19/02/2020

#ตะคริว
อาการหดเกร็งที่ทำให้กล้ามเนื้อปวดและเป็นก้อนแข็ง ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยที่ไม่สามารถบังคับได้ การเป็นตะคริวอาจเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อส่วนใดของร่างกายก็ได้ในบางรายอาจมีอาการตะคริวที่ขาในขณะนอนหลับตอนกลางคืน จนสะดุ้งตื่น หรือที่เรียกว่า ตะคริวกลางคืน (Nocturnal Leg Cramps)

ซึ่งตะคริวมักเกิดกับกล้ามเนื้อขาและพบได้บ่อยในคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดตะคริว แต่พบว่าบางรายอาจสัมพันธ์กับการที่นั่งอยู่เป็นเวลานาน ๆ หรือมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นมากเกินไป การยืน หรือทำงานบนพื้นแข็ง เช่น คอนกรีตเป็นเวลานาน หรือนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น

นอกจากนี้พบว่าอาการตะคริวอาจสัมพันธ์กับภาวะต่าง ๆ ได้แก่ การตั้งครรภ์ ภาวะขาดน้ำ กลุ่มโรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โรคต่อมไร้ท่อ หรือการรับประทานยาบางประเภท เช่น ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น หากเกิดขึ้นบ่อยหรือรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมต่อไป

ตะคริวกลางคืนจัดการอย่างไร

หากไม่อยากเป็นตะคริวตอนกลางคืนหรือขณะนอนหลับ ควรนอนในท่าที่สบายผ่อนคลาย ใช้หมอนรองขา ให้สูงจากเตียงประมาณ 10 เซนติเมตร ห่มผ้าให้ความอบอุ่นกับร่างกาย รวมทั้งดื่มนมก่อนนอนเพื่อเพิ่มแคลเซียม และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ

แต่ถ้าเป็นตะคริวขณะนอนหลับสามารถดูแลให้ดีขึ้นได้โดย

- ยืดกล้ามเนื้อขา ยืดขาให้ตรง

- กระดูกปลายเท้าขึ้นค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง

- นวดกล้ามเนื้อขาเป็นวงกลมไปเรื่อย ๆ จนอาการดีขึ้น

=====================

สนใจ..ปรึกษาสุขภาพ โทร. 085-487 6686

=======================
สนับสนุนโดย ดิออฟฟิศ
สารสกัดนวัฒกรรมจากธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง และการอับเสบที่ อาการล้าเกิดขึ้นจากการทำงานซ้ำๆเดิมๆ ระยะเวลานาน สะสมกัน ให้สามารถกลับมายืดตัว หดตัวและคลายตัวได้ดียิ่งขึ้น ดูแลตั้งแต่ระดับเซลล์กล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ

♥️♥️โรค NCDs คืออะไรโรค NCDs หรือ non-communicable diseases เป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คือ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคและไม...
19/02/2020

♥️♥️โรค NCDs คืออะไร
โรค NCDs หรือ non-communicable diseases เป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คือ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคและไม่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ แต่เป็นโรคที่เกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ซึ่งจะมีการดำเนินโรคอย่างช้าๆ ค่อยๆ สะสมอาการอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีอาการของโรคแล้วมักจะเกิดการเรื้อรังของโรคด้วย จึงอาจจัดว่าโรค NCDs เป็นกลุ่มโรคเรื้อรังได้
.
🚫ตัวอย่างของโรค NCDs..

โรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคหลอดเลือดสมอง
โรคเบาหวาน
โรคมะเร็งต่างๆ
โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ถุงลมโป่งพอง
โรคไตเรื้อรัง
โรคอ้วนลงพุง
โรคตับแข็ง
โรคสมองเสื่อม
🔥🔥พฤติกรรมเสี่ยง...ตัวการก่อโรค NCDs
สาเหตุหลักสำคัญของกลุ่มโรค NCDs คือพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารรสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด อาหารที่มีไขมันสูง อาหารปิ้งย่าง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย การนอนดึก การมีความเครียดสูง การรับประทานยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เป็นต้น ดังนั้นคนที่มีพฤติกรรมการดำเนินชีวิตเช่นนี้จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค NCDs ได้มากกว่าคนอื่นๆ
.
🚫ความรุนแรงของโรค NCDs
แม้โรค NCDs จะไม่ใช่โรคติดต่อ แต่จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่า ตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมากลุ่มโรค NCDs เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย โดยมีคนไทยป่วยด้วยโรค NCDs ถึง 14 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 300,000 คนต่อปี และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี
.
🌟🌟ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยงโรค NCDs
การป้องกันโรค NCDs ทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากตัวเรา นั่นก็คือการปรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เช่น
🎐🎐รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ เน้นการรับประทานผักและผลไม้
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสหวานจัด เค็มจัด อาหารมัน รวมถึงอาหารปิ้งย่าง
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาที/ครั้ง สัปดาห์ละ 5 ครั้ง
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
งดสูบบุหรี่
พักผ่อนให้เพียงพอ
ผ่อนคลายความเครียด
ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ
รับประทานยาตามแพทย์สั่ง ไม่ซื้อยารับประทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
หากมีอาการผิดปกติใดๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ ทันทีนะคะ

✅เรียบเรียงโดย ศูนย์จัดการความรู้ผู้ป่วย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

หากคุณมีอาการปวดเมื่อย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อยหลัง, เมื่อยคอ, บ่า, ไหล่ หรือปวดศีรษะอยู่บ่อยครั้ง นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของอาก...
22/11/2019

หากคุณมีอาการปวดเมื่อย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อยหลัง, เมื่อยคอ, บ่า, ไหล่ หรือปวดศีรษะอยู่บ่อยครั้ง นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการ “ออฟฟิศซินโดรม” (Office Syndrome)

หลายๆคนคงสงสัยว่าโรคนี้เป็นอย่างไร?
เรามี 5 สัญญาณเตือนของ “โรคออฟฟิศซินโดรม” มาให้สังเกตกันดู ว่าคุณมีอาการเหมือนสัญญาณเตือนเหล่านี้หรือไม่
1. อาการปวดหัวเรื้อรัง
อาการปวดหัวเรื้อรัง หรือบางทีมีอาการปวดหัวไมเกรนร่วมด้วย สาเหตุเกิดจากความเครียดในการทำงาน หรือการใช้สายตาในการทำงานเป็นเวลานาน เช่น การอ่านเอกสาร การใช้สายตาจ้องหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แสงบริเวณโต๊ะทำงานไม่เพียงพอ หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อมในวันที่ทำงานที่วุ่นวาย ไม่สงบ อาจจะทำให้คุณเกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว

2. อาการปวดตึงที่คอ บ่า และไหล่แบบเรื้อรัง
สาเหตุของอาการนี้มาจากอะไร เรามีวิธีสังเกตง่ายๆ ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานกว่า 8 ชั่วโมง อยู่กับกองเอกสารทั้งวัน แล้วมีอาการปวดตึงต้นคอ ปวดบ่า ปวดไหล่อยู่บ่อยๆ หรือบางทีปวดจนหันคอลำบาก ก้มก็ร้องโอย เงยก็ร้องโอย นั่นแหละคืออาการของโรค Office Syndrome

3. อาการปวดหลัง
อาการปวดหลังนั้น สังเกตได้ง่ายๆเลย เพราะเป็นอาการยอดฮิตอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการที่เรานั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานๆทั้งวัน หรือเป็นงานที่ต้องยืนนานๆ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงเป็นประจำนั้น อาการของการปวดหลังนั้นคงจะหลีกเลี่ยงได้ยากแน่ๆ

4. ปวดแขน มือชา นิ้วล็อค
สาเหตุของอาการนี้เกิดจากการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้นเอ็นนิ้วมือ ซึ่งมาจากการที่เราใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ในการจับเมาส์ พิมพ์เอกสารในท่าเดิมๆเป็นเวลานานๆ จึงทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทจนเกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นจึงเป็นจำนวนมาก ทำให้ปวดปลายประสาท นิ้วล็อค หรือข้อมือล็อคได้

5. อาการปวด ตึงที่ขา หรือเหน็บชา
ลองสังเกตอาการนี้ง่ายๆ ว่าคุณเป็นเหน็บชาบ่อยหรือเปล่า หรืออยู่ดีๆขาไม่มีแรง อาการเหล่านี้เกิดจากการนั่งทำงานนานๆทำให้เส้นเลือดดำถูกกดทับและส่งผลให้เลือดไหลเวียนผิดปกติจึงเกิดอาการเหน็บชาได้ง่าย หากมีอาการแต่ไม่รีบรักษาปล่อยไว้ในระยะเวลานาน อาจเกิดอาการชาลามไปถึงเท้า ขาไร้เรี่ยวแรงแล้วล่ะก็ การเดินของท่านอาจจะถึงขั้นทรุด เดินไม่ได้เลยก็เป็นได้

วิธีหลีกเลี่ยงอาการ Office Syndrome ง่ายๆ เพียงแค่ในวันการทำงาน ควรแบ่งเวลาในการพักผ่อนบ้าง หรือระหว่างทำงานก็ควรยืดเส้นยืดสาย กายบริหารด้วยท่าง่ายๆ ที่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลุกเดินบ้าง ออกไปสูดอากาศนอกห้องบ้าง ถือเป็นการพักสายตาไปในตัวได้ด้วย จัดระเบียบห้องให้โล่งสดใสบ้าง ผ่อนคลายปรับเก้าอี้ ปรับการวางคอมพิวเตอร์ดูว่าเหมาะสมหรือเปล่า พอดีกับเราไหม อาการที่กล่าวมาข้างต้นก็จะไม่เกิดขึ้นกับคุณแน่นอน

กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม ที่พบบ่อยมี  3 ระบบ ได้แก่     1. อาการทางระบบการมองเห็น  อาการในกลุ่มนี้เกิดจากการมองจอคอมพิวเต...
20/11/2019

กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม ที่พบบ่อยมี 3 ระบบ ได้แก่
1. อาการทางระบบการมองเห็น อาการในกลุ่มนี้เกิดจากการมองจอคอมพิวเตอร์นานๆ หรือนั่งทำงานอยู่ในตำแหน่งที่มีแสงไม่เหมาะสม
2. อาการทางระบบทางเดินหายใจ เกิดจากการนั่งทำงานในห้องปรับอากาศที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรือห้องที่มีมลภาวะจากหมึกเครื่องพิมพ์ หมึกเครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น
3. อาการทางระบบกล้ามเนื้อ เป็นอาการที่พบได้บ่อยสุด ส่วนใหญ่มาด้วยอาการปวด หรือ อาการเมื่อยล้า

ในรายที่เริ่มเป็นใหม่ๆจะมีอาการเฉพาะช่วงพัก, ช่วงเว้นว่างที่ผู้ป่วยไม่ได้จดจ่ออยู่กับการทำงานหรือ ช่วงเวลาก่อนนอน ส่วนผู้ป่วยรายที่มีอาการหนักขึ้นอาจมีกล้ามเนื้อหดเกร็งค้าง ล๊อคข้อไว้ ทำให้เกิดอาการเจ็บแปล๊บขึ้นมาขณะเคลื่อนไหวร่างกายส่วนนั้นๆ บางรายมีความรู้สึกคล้ายอาการชา และรู้สึกยิบๆ บริเวณผิวหนังร่วมด้วย อาการทางระบบกล้ามเนื้อเหล่านี้เกิดจากการปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวน้อยกว่าปกติ มักเกิดขึ้นที่บริเวณ คอ บ่า ไหล่ มากที่สุด รองลงมาคือ หลังส่วนล่าง ส่วนบริเวณข้อมือและ แขน จะพบมากเป็นอันดับสาม

สาเหตุของ “ออฟฟิศซินโดรม”เกิดจากการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำๆเป็นเวลานาน หรืออยู่ในท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสมต่อเนื่องแ...
20/11/2019

สาเหตุของ “ออฟฟิศซินโดรม”

เกิดจากการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำๆเป็นเวลานาน หรืออยู่ในท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสมต่อเนื่องแล้วยังอาจเกิดจากปัจจัยอื่นได้ เช่น
สภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์ในการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่นโต๊ะหรือเก้าอี้ที่ใช้ทำงานสูงหรือต่ำจนเกินไป ไม่เหมาะกับโครงสร้างของร่างกาย เป็นต้น
สภาพร่างกายอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่ออาการเจ็บป่วย เช่น ความเครียดจากการทำงาน การพักผ่อนที่ไม่เพียง การได้รับสารอาหารไม่ครบ หรือทานอาหารไม่ตรงเวลา เป็นต้น

แนวทางการรักษา “ออฟฟิศซินโดรม”

การรักษากลุ่มอาการ “ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)” นั้นมีด้วยกันหลายวิธี ทั้ง การรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยยา การปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน การทำกายภาพบำบัดเพื่อยืดกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายเพื่อรักษาปวดหลังเพิ่มสมรรถภาพร่างกาย และปรับอิริยาบถให้ถูกต้อง การรักษาด้วยศาสตร์ทางเลือกอื่น เช่น การฝังเข็ม การนวดแผนไทย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาที่ดีและเหมาะสมคือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยวิธีการที่ดีที่สุดที่จะป้องกันอาการจาก “Office Syndrome” ได้นั้นคือต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำงาน จัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น ลดอาการบาดเจ็บจากการทำงานและเพิ่มคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างถาวร

การทำกายภาพบำบัด เป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญในการรักษาออฟฟิศซินโดรมที่เกี่ยวข้องกับระบบกล้ามเนื้อและกระดูก โดยการรักษานอกเหนือจากการทำกายภาพบำบัดแล้ว ยังรวมถึงการประเมินโครงสร้างร่างกายและการปรับร่างกายให้เกิดความสมดุล การสร้างความรู้ความเข้าใจในการปรับเปลี่ยนท่าทางการทำงานตามความเหมาะสมในแต่ละบุคคล การให้ความรู้และส่งเสริมการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและถูกวิธีเพื่อให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น ป้องกันภาวะบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และเนื้อเยื่อที่อาจเกิดตามมาจากการออกกำลังแบบผิดวิธี รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคอื่นๆที่อาจเกิดตามมาได้ในระยะยาว และเมื่อมีอาการเกิดขึ้นและไม่สามารถทุเลาได้ด้วยการดูแลตัวเอง เช่น การพักผ่อน นอนหลับการนวด หรือการยืดกล้ามเนื้อเพื่อผ่อนคลาย ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา และตรวจหาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้นว่าเป็นจากโรคทางระบบกล้ามเนื้อและกระดูก หรือมีภาวะซ่อนเร้นอื่นๆ เพื่อจะได้วิเคราะห์ต้นเหตุและให้การรักษาปวดหลังได้อย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป

Address

555/124 หมู่10 ต. บางพลีใหญ่, อ. บางพลี

10540

Telephone

+66854876686

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when ห่างไกลโรค by พี่ณี posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Practice

Send a message to ห่างไกลโรค by พี่ณี:

  • Want your practice to be the top-listed Clinic?

Share

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram