
28/09/2025
FTA EU-ไทย กับเงื่อนไขที่มองข้ามไม่ได้: เมื่อสิทธิมนุษยชน 11 ปี คือตัวแปรหลักในข้อตกลงการค้าไทย-EU
ตั้งแต่ปี 2556 ประเทศไทยและสหภาพยุโรป (European Union: EU) ได้เริ่มการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) แต่ด้วยการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อปี 2557 ทำให้สหภาพยุโรปจึงขอชะลอการเจรจาไว้
ต่อมา ในปี 2562 หลังการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลในไทย สหภาพยุโรปได้มีข้อมติให้ฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองกับไทยและให้คณะกรรมาธิการยุโรปพิจารณาความเป็นไปได้ในการฟื้นการเจรจา FTA โดยในเดือนตุลาคมคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศได้มีมติให้สหภาพยุโรปมีการหารือ เพื่อฟื้นความสัมพันธ์กับไทยในทุกมิติ รวมถึงการดำเนินการไปสู่การฟื้นการเจรจา FTA
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ในปี 2568 ได้มีการประชุมรอบที่ 6 ระหว่างวันที่ 23-27 มิ.ย. และได้กำหนดการประชุมในรอบที่ 7 ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้
การเจรจาครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการค้าและภาษีศุลกากรเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบต่อความมุ่งมั่นของสหภาพยุโรป ในความยึดมั่นต่อหลักประชาธิปไตย นิติธรรม และสิทธิมนุษยชน สนธิสัญญาของสหภาพยุโรปได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนในมาตรา 21 แห่งสนธิสัญญาว่าด้วยสหภาพยุโรป (Treaty on European Union : TEU) และมาตรา 207 แห่งสนธิสัญญาว่าด้วยการดำเนินงานของสหภาพยุโรป (Treaty on the Functioning of the European Union : TFEU) ว่า นโยบายการค้าของ EU ต้อง “ส่งเสริม” สิทธิมนุษยชน
สำหรับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย นับตั้งแต่ปี 2563 มีประชาชนที่ถูกดำเนินคดีจากการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และการชุมนุมไปแล้วเกือบ 2,000 คน รวมไปถึงเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี กว่า 280 คน ปัจจุบันยังมีผู้ต้องขังทางการเมืองอย่างน้อย 54 คนที่ต้องสูญเสียอิสรภาพ เพียงเพราะพวกเขามีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง
ตลอดระยะเวลา 11 ปี ที่ผ่านมาตั้งแต่การรัฐประหาร ในปี 2566 รัฐสภายุโรป (European Parliament) ได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุมอย่างสันติ หรือแม้กระทั่งปัญหาสิทธิแรงงานและสิ่งแวดล้อม สภาฯ เรียกร้องให้รัฐไทยนิรโทษกรรมนักกิจกรรมทางการเมือง แก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 พร้อมกับเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรป “ใช้การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นเครื่องมือกดดันประเทศไทยให้ปฏิรูปกฎหมายที่มีลักษณะกดขี่ประชาชน โดยเฉพาะกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์และให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง”
ในโอกาสที่การเจรจารอบต่อไปจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมอ่านข้อกังวลของรัฐสภายุโรปที่เคยแสดงให้กับประเทศไทยในห้วงเวลา 11 ปีที่ผ่านมา พร้อมข้อเสนอจากองค์กรภาคประชาสังคมต่อปัญหาสิทธิมนุษยชนในไทย
📌อ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ที่ลิงก์ในคอมเมนต์