14/07/2021
#อ่าน_เล่น_ทำงาน .. เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น
คำถาม “เด็กปฐมวัย (0-6 ปี) มีความจำเป็นต้องเรียนรู้อะไรบ้าง?”
คำตอบสั้นๆ “งานหลักของเด็กปฐมวัย คือ การเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ในวัยถัดไป ผ่านการฝึกช่วยเหลือตัวเองตามวัย การเล่น การฟัง(นิทาน)”
**********
คำตอบยาวๆ ...
หากอ้างอิงตามพัฒนาการตามทฤษฎีพัฒนาการทางจิตสังคมของ (Psychosocial Development) อีริก อีริกสัน จะเห็นถึงความสำคัญที่เด็กควรทำได้และสิ่งที่ผู้ใหญ่ควรมอบให้ในแต่ละช่วงวัย โดยเรียงลำดับตามขั้นบันไดพัฒนาการ ดังนี้...
บันไดขั้นที่ 1 สร้างสายสัมพันธ์ พัฒนาความเชื่อใจ สร้างพ่อแม่ลูกที่มีอยู่จริง
“พัฒนาการขั้นแรกของมนุษย์ (วัย 0-2 ปีแรก) เริ่มจากการที่พ่อแม่ต้องสร้างความเชื่อใจ (Trust) ให้กับลูก
ภารกิจที่สำคัญของพ่อแม่และผู้ใหญ่ คือ “การมีเวลาให้กับลูกเพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน" เพราะเด็กเล็กที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เมื่อเข้าร้องไห้เพราะหิว หรือร้องไห้เพราะเปียกแฉะไม่สบายตัว หรือ เพราะต้องการให้ปลอบประโลม ถ้าพ่อแม่ตอบสนองเขา เด็กจะรับรู้ว่า “สายสัมพันธ์ที่เขามีระหว่างพ่อแม่กับตัวเขานั้นมั่นคงและปลอดภัย”
"การอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง” ถือเป็นอีกกิจกรรมที่พ่อแม่สามารถทำได้ทุกวัน
ทุกครั้งที่พ่อแม่นั่งลงเพื่ออ่านหนังสือให้ลูกฟัง ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับลูกจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมา รวมทั้งสมองของลูกที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นจากการที่พ่อแม่อ่านหนังสือให้เขาฟัง
ที่สำคัญ ก่อนที่เด็กๆ จะเรียนรู้ “การฟังและทำตามคำบอกของพ่อแม่” เสียงของพ่อแม่จำเป็นต้องมีความสำคัญสำหรับลูกเสียก่อน
ซึ่งการอ่านหนังสือนิทาน นอกจากเด็กๆ จะได้ยินเรื่องราวและมองเห็นภาพในหนังสือนิทานแล้ว เขายังได้ยินเสียงของพ่อแม่ และเสียงพ่อแม่มีความสำคัญสำหรับเขา เพราะช่วงเวลานิทานที่เต็มไปด้วยความสนุก เด็กๆ จะเชื่อมโยงความสุขที่เกิดขึ้นกับเสียงของพ่อแม่ และความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยกับช่วงเวลาที่พ่อแม่อยู่กับเขา
**********
บันไดขั้นที่ 2 พัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง ผ่านการใช้ร่างกายเพื่อช่วยเหลือตัวเอง
“พัฒนาการขั้นที่สองของมนุษย์ (วัย 2-3 ปี) คือ ความเป็นตัวของตัวเอง (Autonomy)” เด็กวัยนี้มีอิสรภาพทางร่างกายมากขึ้น เขาสามารถคลาน เดิน วิ่ง และหยิบคว้าอย่างรวดเร็ว เพราะกล้ามเนื้อของเขาเริ่มแข็งแรงพอจะเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง แต่อาจจะกะน้ำหนักมือไม่ได้และยังไม่คล่องแคล่วมากนัก ทำให้เขาอาจจะทำน้ำหก ทำของหลุดมือ จับของแล้วเผลอบีบจนเละคามือ และหกล้มได้บ่อยครั้ง
ดังนั้นความสามารถที่ต้องพัฒนามาพร้อมกับด้านร่างกาย คือ “การควบคุมร่างกายตนเอง” ซึ่งทักษะนี้จะเกิดขึ้นได้ หากเด็กได้ลงมือทำ และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
ภารกิจที่สำคัญของพ่อแม่และผู้ใหญ่ของเด็กวัยนี้ ได้แก่...
(1) “การสอนเด็กช่วยเหลือตัวเองตามวัย (Self-care) เพื่อให้เขาได้ฝึกทำอะไรด้วยตนเอง” ได้แก่ การกิน การล้างหน้าแปรงฟัน การอาบน้ำ การถอด-ใส่เสื้อผ้า การถอด-ใส่รองเท้า การเก็บของเล่น และการเข้าห้องน้ำ
สุดท้าย เด็กที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ใช่แค่เพียงทำให้พ่อแม่สบายใจที่ปล่อยลูกไปสู่โลกภายนอก แต่เป็นความมั่นใจที่เกิดขึ้นในตัวเด็กด้วยว่า “เขาสามารถทำได้” เด็กจะพร้อมเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างมีความสุขเพราะฐานของเขานั้นมั่นคงและเเข็งแรง
(2) “การให้เด็ก ๆ เล่นโดยใช้ร่างกายให้มากที่สุด เพื่อสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็ก-มัดใหญ่ที่แข็งแรงพร้อมสำหรับการเรียนรู้ขั้นต่อไป และเพื่อกระตุ้นประสารสัมผัสทางกายต่างๆ อย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้เด็กๆ สามารถปรับตัวกับสังคมในวัยถัดมา อย่าเพิ่งมุ่งอ่านเขียนเป็นสำคัญ"
เล่นปีนป่าย เช่น ปีนเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่น ปีนต้นไม้
เล่นกับธรรมชาติ เช่น เล่นน้ำ เล่นดิน เล่นทราย เล่นโคลน เล่นใบไม้ ใบหญ้า เรียงหิน เป็นต้น
เล่นเลอะเทอะ (Messy play) เช่น เล่นกับอาหาร ได้แก่ ข้าวสารแห้ง เส้นมักกะโรนี เส้นสปาเก็ตตี้ หั่นผักผลไม้ แป้งข้าวโพดใส่น้ำ เป็นต้น
*ศิลปะ สำหรับเด็กวัยนี้ก็ถือว่าเป็นการเล่นได้เช่นกัน เมื่อเด็กๆ ละเลงสี หรือ วาดเส้นไปทั่วกระดาษ ร่างกายของเขาได้เคลื่อนไหว สมองได้สร้างสรรค์ และเขารู้สึกสนุกกับการเล่นนี้
เล่นทำงานบ้าน เช่น ช่วยแม่ทำอาหาร ช่วยพ่อล้างรถ ช่วยกวาดพื้น ถูพื้น ซักผ้า เป็นต้น
เพราะการเล่นเช่นนี้ทำให้เด็กได้ทดสอบร่างกายของตนเอง และส่งเสริมให้ร่างกายได้ใช้งานอย่างเต็มที่นั้นเอง
เมื่อเด็กรับรู้ว่า “ตนเองสามารถทำสิ่งใดได้ด้วยตนเอง” เขาจะรับรู้ถึงความสามารถของตน ซึ่งนำไปสู่ความภาคภูมิใจ และความรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง (Sense of Autonomy) และการควบคุมตนเอง (Self Control) จะเกิดขึ้นตามมา
**********
บันไดขั้นที่ 3 พัฒนาความคิดริเริ่มและลงมือทำตามความคิดผ่านการเล่น เพื่อเตรียมความพร้อมออกสู่โลกกว้าง
“พัฒนาการขั้นที่สามของมนุษย์ (วัย 3-5 ปี) คือ การเป็นผู้คิดริเริ่ม (Innitiative)” เด็กวัยนี้เริ่มมีความคิดริเริ่มอยากจะทำอะไรด้วยตนเอง พวกเขาจะพยายามช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด
นอกจากนี้จินตนาการจะเข้ามามีส่วนสำคัญในโลกของเด็กวัยนี้เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้การเล่นจึงเป็นกุญแจสำคัญของการพัฒนาร่างกาย จิตใจ ความคิด อารมณ์ และสังคมของเด็กวัยนี้เป็นอย่างมาก การเล่นทำให้เด็กๆ สามารถทดลองทำตามความคิดของตนเอง และความสนุกที่เกิดจากอิสระทางความคิดได้ปลดปล่อยให้เด็กๆ เล่นตามจินตนาการอย่างสนุกสนาน การเล่นที่เข้ามามีบทบาทสำคัญของเด็กๆ วัยนี้ ได้แก่...
การเล่นปรากฏในรูปแบบการทำกิจกรรมศิลปะ ประดิษฐ์ และสร้างสรรค์งานต่างๆ อย่างอิสระ
การเล่นบทบาทสมมติ เช่น การสมมติให้ตัวเองหรือพ่อแม่และคนรอบตัวที่เล่นด้วยเป็นสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ การสมมติให้สิ่งของรอบตัวเป็นอะไรก็ตามในจินตนาการของตน
การเล่นทดลองเพื่อตอบคำถามสิ่งที่เด็กๆ อยากรู้
การเล่นตามกติกาอย่างง่าย เช่น เกมโดมิโน เกมจับคู่ เกมบิงโก เป็นต้น
ภารกิจที่สำคัญของพ่อแม่และผู้ใหญ่ของเด็กวัย 3-5 ปี คือ “การอนุญาตให้เด็กๆ ได้เล่นอย่างที่เด็กวัยเขาควรได้เล่น และได้ทดลองสิ่งที่เขาอยากรู้ โดยมีพ่อแม่คอยดูแลและสนับสนุน”
***
"การเตรียมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเล่นของเด็ก"
(1) พื้นที่ที่ปลอดภัย
ปิดรูปลั๊กไฟ ไม่มีของอันตราย หรือ ของที่อยู่สูงเกินเด็กเอื้อมถึง และหากเลอะเทอะแล้วทำความสะอาดในภายหลังได้อย่างง่ายดาย อาจจะใช้การปูผ้ายางกันเปื้อนก่อนจะปล่อยให้เด็กๆ เล่น
(2) วัตถุดิบและอุปกรณ์สำหรับเล่น
ของเล่นต่างๆ ทั้งแบบ Free form และสำเร็จรูป เช่น บล็อกไม้ ตัวต่อพลาสติก ตุ๊กตา รถของเล่น เป็นต้น
วัสดุและวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น หิน ดิน ทราย ไม้ ใบไม้ ดอกไม้ เป็นต้น
(3) อุปกรณ์สำหรับสร้างสรรค์งาน เช่น
กาว กรรไกร สีต่างๆ ทั้งนี้ผู้ใหญ่ควรสอนให้เด็กๆ ใช้อุปกรณ์เหล่านั้นให้ถูกวิธี ก่อนจะมอบให้พวกเขาไป และในเด็กเล็กต่ำกว่า 6 ปี ผู้ใหญ่ควรให้การดูแลระหว่างที่เด็กๆ ใช้อุปกรณ์เหล่านี้
***
คำถาม “ปล่อยเด็กเล่นอิสระ โดยปราศจากการควบคุมชี้นำ แล้วถ้าเขาทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม ผู้ใหญ่จะควบคุมเขาได้อย่างไร?”
คำตอบ “การเล่นอิสระ” ไม่ได้เท่ากับ “การปล่อยปละละเลย” เพราะ ก่อนปล่อยเด็กๆ เล่น ผู้ใหญ่มีหน้าที่บอกกติกาหรือขอบเขตให้ชัดเจน
ข้อ 1 เราจะไม่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ
ข้อ 2 เราจะไม่ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ
ข้อ 3 เราจะไม่ให้ข้าวของเสียหาย
หากเล่นแล้ว ทำผิดกติกา ผู้ใหญ่มีหน้าที่ย้ำเตือนเรื่องกติกาที่เราตกลงกัน โดยอาจจะตกลงกับเขาไว้ว่า “แม่จะเตือนลูก 2 ครั้ง ถ้าเกิดครั้งที่ 3 แม่จะเข้าใจว่า ลูกไม่พร้อมเล่นสิ่งนี้ เพราะลูกไม่ควบคุมตัวเอง”
นอกจากให้กติกาควบคุมเด็กแล้ว ก่อนจะเล่นกำหนดเวลาให้ชัดเจนว่าเล่นได้ถึงเมื่อไหร่ แล้วเมื่อหมดเวลาให้ตารางเวลาคุมเขา พ่อแม่ไม่ได้มีหน้าที่ควบคุมสั่งการเด็ก แต่เรามีหน้าที่ควบคุมกติกาให้ชัดเจน และสอนเด็กให้ปฏิบัติตาม
ส่วนประกอบสุดท้ายที่สำคัญที่สุดสำหรับการเล่นของเด็กๆ ก็คือ “ความกล้าหาญ” ของพ่อแม่ที่จะปล่อยให้ลูกเล่นอิสระ(ภายใต้ขอบเขตของกติกาที่ชัดเจน)
**********
สุดท้าย งานหลักของเด็กปฐมวัย คือ การฝึกช่วยเหลือตัวเองตามวัย การเล่น และการฟัง(หนังสือนิทาน) เพื่อเตรียมร่างกาย ได้แก่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก-มัดใหญ่ สมอง และจิตใจ ให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ในขั้นวัยถัดไป
ด้วยรักจากใจ
เม
เพจตามใจนักจิตวิทยา
อ้างอิง
Widick, C, Parker, C A, & Knefelkamp, L (1978) Erik Erikson and psychosocial development New directions for student services, 1978(4), 1-17