BMIC ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ รพ.นันอา

BMIC ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ รพ.นันอา BMIC ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ รพ.นันอา

รักษามะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัดด้วยวิธีรังสีรักษาร่วม แม่นยำ แผลเล็ก ฟื้นไว หายเร็ว

ตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจหาก้อนเนื้อร้าย (Ultrasound Guide Biopsy)

ปิดท่อน้ำเลี้ยงก้อนมะเร็งด้วยวิธี TACE (Transarterial Chemoembolization)

เผาทำลายก้อนมะเร็งด้วยคลื่นความร้อน (Microwave Ablation)

การใส่สายระบายน้ำดีที่คั่งออกจากตับ (Percutaneous Transhepatic Biliary drainage)
เป็นการรักษาภาวะน้ำดีอุดตันที่เกิดจาก

สาเหตุต่างๆเช่น นิ่วในทางเดินน้ำดี, มะเร็งของท่อทางเดินน้ำดี ทำให้น้ำดีไม่สามารถระบายออกได้ตามปกติ เป็นวิธีการรักษาที่รวดเร็ว ปลอดภัย แม่นยำ และทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น

ตรวจหลอดเลือดใหญ่บริเวณคอ ประเมินความเสี่ยงภาวะหลอดเลือดตีบ
(Carotid duplex ultrasound)

อัลตราซาวด์หลอดเลือดดําส่วนลึก
(Doppler ultrasound deep vein thrombosis)

อัลตราซาวด์เส้นเลือดขอด
(Doppler ultrasound varicose veins)

01/01/2024
AFP เป็น tumor marker ที่ได้รับการยอมรับให้นำมาใช้ตรวจหามะเร็งตับ ในกลุ่มที่เสี่ยง (high-risk population) ซึ่งได้แก่ ผู้...
31/08/2023

AFP เป็น tumor marker ที่ได้รับการยอมรับให้นำมาใช้ตรวจหามะเร็งตับ ในกลุ่มที่เสี่ยง (high-risk population) ซึ่งได้แก่ ผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรัง (chronic hepatitis), ผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบ บี (hepatitis B carrier), ผู้ป่วยโรคตับแข็ง (cirrhosis) เป็นต้น โดยแนะนำให้ตรวจซ้ำทุก 3 - 6 เดือน และ/หรือ ร่วมกับการตรวจอัลตราซาวด์ (ultrasound) ของตับ
AFP มักมีค่าสูงกว่าปกติมากในผู้ป่วย มะเร็งตับ (hepatocellular carcinoma) และมะเร็งของรังไข่ และ/หรือ อัณฑะ ชนิด embryonal cell carcinoma รวมทั้งยังอาจพบระดับสูงขึ้นได้ในมะเร็งปอด และมะเร็งของระบบทางเดินอาหาร โดยระดับ AFP ที่ตรวจพบมักจะสัมพันธ์กับระยะของโรคมะเร็งด้วย นั่นคือ ในมะเร็งระยะต้นมักพบ AFP สูงขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่จะสูงมากขึ้นเป็นลำดับในมะเร็งระยะท้าย นอกจากนั้นยังอาจพบ AFP สูงขึ้นได้ในผู้ป่วยโรคตับอื่นๆ ที่ไม่ใช่มะเร็ง แต่ระดับมักไม่สูงมากนัก
มะเร็งตับระยะเริ่มต้น สามารถรักษาหายได้ ศูนย์รังสีร่วมรักษา รพ.นันอา รักษามะเร็งโดยวิธีการให้เคมีบำบัด ผ่านหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งโดยตรง หรืออีกวิธีโดยการใช้คลื่นความร้อนเผาทำลายก้อนมะเร็งโดยตรง เป็นวิธีที่แม่นยำ แผลเล็ก และไม่ต้องนอนพักฟื้นนาน
ติดต่อเราทาง Inbox หรือ
TEL : 02-439-5100 , 094 505 5454
EMAIL : nanah.bmic@gmail.com
#ศูนย์รังสีร่วมรักษา #ตรวจสุขภาพ
#ห่วงใยใส่ใจสุขภาพคุณ #มะเร็งตับ #มะเร็งลําไส้
#ออกกำลังกาย #คุมอาหาร #รักษามะเร็ง #รักษามะเร็งไม่ต้องผ่าตัด
#ตรวจสุขภาพประจําปี
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ทำลายก้อนมะเร็ง
#อัลตราซาวน์ช่องท้อง
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อ
#ทำสายฟอกไต
#ตรวจเส้นฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่งมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์

28 กรกฎาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้เป็น “วันตับอักเสบโลก” (World Hepatitis Day) เพื่อให้ประชากรทั่วโลกตระ...
28/07/2023

28 กรกฎาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้เป็น “วันตับอักเสบโลก” (World Hepatitis Day) เพื่อให้ประชากรทั่วโลกตระหนักและดูแลตนเองให้ห่างจากโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี โดยในส่วนของผู้ติดเชื้อแล้วให้รีบเข้ารับการรักษาโดยเร็ว ก่อนลุกลามสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับ
ทั้งนี้ โรคตับอักเสบบีและซี ผลการสำรวจโดยองค์การอนามัยโลกพบว่า ทั่วโลกมีประชากรกว่า 325 ล้านคนที่ติดเชื้อไวรัสร้ายนี้ แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตถึง 1.34 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยนั้น พบผู้ป่วยมะเร็งตับมากเป็นอันดับต้นของมะเร็งทั้งหมด
มะเร็งตับระยะเริ่มต้น สามารถรักษาหายได้ ศูนย์รังสีร่วมรักษา รพ.นันอา รักษามะเร็งโดยวิธีการให้เคมีบำบัด ผ่านหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งโดยตรง หรืออีกวิธีโดยการใช้คลื่นความร้อนเผาทำลายก้อนมะเร็งโดยตรง เป็นวิธีที่แม่นยำ แผลเล็ก และไม่ต้องนอนพักฟื้นนาน
ติดต่อเราทาง Inbox หรือ
TEL : 02-439-5100 , 094 505 5454
EMAIL : nanah.bmic@gmail.com
#ศูนย์รังสีร่วมรักษา #ตรวจสุขภาพ
#ห่วงใยใส่ใจสุขภาพคุณ #มะเร็งตับ #มะเร็งลําไส้
#ออกกำลังกาย #คุมอาหาร #รักษามะเร็ง #รักษามะเร็งไม่ต้องผ่าตัด
#ตรวจสุขภาพประจําปี
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ทำลายก้อนมะเร็ง
#อัลตราซาวน์ช่องท้อง
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อ
#ทำสายฟอกไต
#ตรวจเส้นฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่งมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์

อาหารปิ้ง ย่าง ปัจจัยเสี่ยงโรคมะเร็งกินอาหารปิ้งย่างหรือรมควัน หรือเมนูหมูกระทะเป็นประจำ อาจทำให้เสี่ยงต่อการได้รับสารอั...
26/07/2023

อาหารปิ้ง ย่าง ปัจจัยเสี่ยงโรคมะเร็ง
กินอาหารปิ้งย่างหรือรมควัน หรือเมนูหมูกระทะเป็นประจำ อาจทำให้เสี่ยงต่อการได้รับสารอันตราย 3 ชนิด ได้แก่
- สารไนโตรซามีน (nitrosamines) พบในปลาหมึกย่าง ปลาทะเลย่าง และในเนื้อสัตว์ที่ใส่สารไนเตรท ประเภทแหนม ไส้กรอก เบคอน แฮม ที่มีสีแดงผิดปกติ ทำให้เสี่ยง สารก่อมะเร็ง ทั้งมะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร
- สารพัยโรลัยเซต (Pyrolysates) พบมากในส่วนที่ไหม้เกรียมของอาหารปิ้งย่าง สารกลุ่มนี้บางชนิดมีฤทธิ์ร้ายแรงทางพันธุกรรมมากกว่าสารอะฟลาทอกซินตั้งแต่ 6-100 เท่า
- สารพีเอเอช หรือสารกลุ่มโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic aromatic hydrocarbon) ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่เกิดในควันไฟ ไอเสียของเครื่องยนต์ ควันบุหรี่ และเตาเผาเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม โดยสารนี้จะพบในบริเวณที่ไหม้เกรียมของอาหารที่ปรุงด้วยการปิ้ง ย่าง หรือรมควันของเนื้อสัตว์ที่มีไขมันหรือมันเปลวติดอยู่ด้วย เช่น หมูย่างติดมัน เนื้อย่างติดมัน ไก่ย่างส่วนติดมัน เนื่องจากขณะปิ้งย่าง ไขมันหรือน้ำมันจะหยดไปบนเตาไฟ ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ก่อให้เกิดสารพีเอเอชลอยขึ้นมาพร้อมเขม่าควันเกาะที่บริเวณผิวของอาหาร โดยสารนี้จะมีมากในบริเวณที่ไหม้เกรียมของอาหารปิ้ง ย่าง หากกินเข้าไปเป็นประจำจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับและท่อน้ำดี
ข้อมูลสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่ามะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตในประเทศไทยอันดับหนึ่งคือมะเร็งตับและท่อน้ำดี
มะเร็งตับระยะเริ่มต้น รักษาหายได้ ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ รพ.นันอา รักษามะเร็งโดยวิธีการให้เคมีบำบัด ผ่านหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งโดยตรง และอีกวิธีโดยการใช้คลื่นความร้อนเผาทำลายก้อนมะเร็งโดยตรง เป็นวิธีที่แม่นยำ แผลเล็ก และไม่ต้องนอนพักฟื้นนาน
ติดต่อเราทาง Inbox หรือ
TEL : 02-439-5100 , 094-505-5454
EMAIL : bmic.nanah@gmail.com
#ศูนย์รังสีร่วมรักษา #ตรวจสุขภาพ
#ห่วงใยใส่ใจสุขภาพคุณ #มะเร็งตับ #มะเร็งลําไส้
#ออกกำลังกาย #คุมอาหาร #รักษามะเร็ง #รักษามะเร็งไม่ต้องผ่าตัด
#ตรวจสุขภาพประจําปี
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ทำลายก้อนมะเร็ง
#อัลตราซาวน์ช่องท้อง
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อ
#ทำสายฟอกไต
#ตรวจเส้นฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่งมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์

โรคมะเร็งเป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากเซลล์ ของร่างกายมีความผิดปกติที่ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์ มีการเจริญเติบโต ม...
04/06/2023

โรคมะเร็งเป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากเซลล์ ของร่างกายมีความผิดปกติที่ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์ มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์ มากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติลุกลามไปยังเนื้อเยื้อข้างเคียง หลอดเลือด และหลอดน้ำเหลือง ในที่สุดจะทำให้เกิดการแพร่กระจาย ไปยังอวัยวะอื่น ๆ ส่งผลให้การทำงานของอวัยวะเหล่านั้นผิดปกติ
ทั้งนี้จะไม่มีอาการใดเลยในช่วงแรกขณะที่ร่างกายมีเซลล์มะเร็งเป็นจำนวนน้อย ดังนั้นการตรวจค้นหามะเร็ง ระยะเริ่มแรกจึงมีความสำคัญมาก ส่งผลให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยดีขึ้น เนื่องจาก “รู้เร็ว รักษาหายได้”
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง คือ
- ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย เช่น สารก่อมะเร็ง ที่ปนเปื้อนในอาหาร อากาศ เครื่องดื่ม ยารักษาโรค รวมทั้งการได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิบางชนิด
- ปัจจัยจากพฤติกรรม เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือเค็มจัด อาหารที่มีส่วนผสมดินประสิว และไหม้เกรียม
- ปัจจัยทางพันธุกรรม เช่น ความผิดปกติของยีน และความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน
ปัจจุบันแพทย์สามารถรักษามะเร็งหลายชนิดให้หายได้ และทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีอัตรา การรอดชีวิตที่ยาวนานมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะของมะเร็งที่พบ เนื่องจากมะเร็งระยะเริ่มแรก มีการตอบสนองต่อการรักษา และมีโอกาสหายขาด มากกว่าระยะลุกลาม
สัญญาณอันตราย 7 ประการที่พึงระวังว่า มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ โดยเฉพาะมีอาการนานกว่า 2 สัปดาห์ ได้แก่
1. ถ่ายเป็นสีดำ หรือปัสสาวะเป็นเลือด
2. กลืนลำบาก มีอาการเสียด แน่นท้องเป็นเวลานาน
3. มีอาการเสียงแหบ และไอเรื้อรัง
4. มีเลือดออกผิดปกติ จากทวารต่างๆ
5. แผลซึ่งรักษาแล้วไม่ยอมหาย
6. มีการเปลี่ยนแปลงของหูดหรือไฝตามร่างกาย
7. มีก้อนตุ่มที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
===========================
แพคเกจตรวจหาความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง

ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ ร.พ.นันอา
ติดต่อนัดหมาย หรือ สอบถามข้อมูล
094 505 5454

#ตรวจสุขภาพประจําปี
#มะเร็งตับ
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ทำลายก้อนมะเร็ง
#อัลตราซาวน์ช่องท้อง
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อ
#ทำสายฟอกไต
#ตรวจเส้นฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่งมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์

30/05/2023

แพคเกจคัดกรองมะเร็งชนิดต่างๆ
ตรวจคัดกรองมะเร็งในผู้ชาย และคัดกรองมะเร็งในผู้หญิง
เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว หรือท่านที่มีอาการประกอบดังนี้
- ผู้ที่มีอาการไอเรื้อรัง หรือไอเป็นเลือด
- ผู้ที่มีอาการถ่ายเป็นมูกเลือด
- ผู้ที่มีไข้เรื้อรัง
- ผู้ที่มีอาการหายใจไม่สะดวก เหนื่อยง่าย หรือเจ็บหน้าอก
- ผู้ที่มีน้ำหนักลดผิดปกติ
- ผู้ที่มีอาการปวดท้องไม่ทราบสาเหตุ
============================
ตรวจคัดกรองมะเร็งตับ เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว
- ผู้ป่วยโรคตับแข็ง
- ผู้ป่วยโรคตับอักเสบบีเรื้อรัง
- ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและยังไม่มีโรคตับแข็งแต่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับสูง
- ในเพศชายอายุมากกว่า 45 ปี ในเพศหญิงอายุมากกว่า 50 ปี
- ผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังและตรวจพบพยาธิสภาพของเนื้อตับว่ามีพังผืดมาก
============================
ตรวจคัดกรองมะเร็งปอด เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว
- ผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่เรื้อรัง
- ผู้ที่มีอาการไอเรื้อรัง หรือไอเป็นเลือด
- ผู้ที่มีเสมหะ เสียงแหบ
- ผู้ที่มีไข้เรื้อรัง
- หายใจไม่สะดวก เหนื่อยง่าย หรือเจ็บหน้าอก
- ผู้ที่น้ำหนักลดผิดปกติ
===========================
ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีประวัติมะเร็งในครอบครัว
- ผู้ที่มีอาการปวดเต้านม หรือมีเลือด/น้ำเหลือง ไหลออกจากหัวนม
- ตรวจคลำพบก้อนผิดปกติที่เต้านมหรือรักแร้
- มีขนาดหรือรูปร่างของเต้านมเปลี่ยนแปลงไป
===========================
ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีประวัติมะเร็งในครอบครัว
- ผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่
- ผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus)
- มีอาการเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ที่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน
- มีอาการตกขาว ปัสสาวะหรืออุจจาระปนเลือด
- มีอาการปวดท้องน้อยบ่อยเกินปกติ แม้จะไม่ใช่ช่วงใกล้มีประจำเดือนก็ตาม
- รู้สึกเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย น้ำหนักลด
- ปัสสาวะบ่อย
===========================
ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ ร.พ.นันอา
ติดต่อนัดหมาย หรือ สอบถามข้อมูล
094 505 5454
#ตรวจสุขภาพประจําปี
#มะเร็งตับ
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ทำลายก้อนมะเร็ง
#อัลตราซาวน์ช่องท้อง
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อ
#ทำสายฟอกไต
#ตรวจเส้นฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่งมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์

ไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease) คือภาวะที่ไขมันเข้าไปแทรกที่เซลล์ของตับ ซึ่งหากสะสมมากกว่า 5-10% ของน้ำหนักตับ จะถือว่...
03/04/2023

ไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease) คือภาวะที่ไขมันเข้าไปแทรกที่เซลล์ของตับ ซึ่งหากสะสมมากกว่า 5-10% ของน้ำหนักตับ จะถือว่าเป็นภาวะไขมันพอกตับ ทำให้ตับเกิดการอักเสบ หรือเซลล์ตับตาย และเกิดพังผืดภายในตับ จนกลายเป็นโรคตับแข็งในที่สุด และยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับอีกด้วย

อาการของไขมันพอกตับจะไม่แสดงให้เห็นตั้งแต่เริ่มแรก โดยอาการที่พบได้บ่อยคือ
• เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
• รู้สึกไม่สบายท้อง
• น้ำหนักลดผิดปกติ ความอยากอาหารลดลง
• คลื่นไส้
• มึนงง ความสามารถในการตัดสินใจและสมาธิลดลง

โรคไขมันพอกตับ แบ่งระยะการดำเนินโรคได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้
ระยะแรก เป็นระยะที่มีไขมันสะสมอยู่ในเนื้อตับ แต่ยังไม่มีการอักเสบหรือพังผืดเกิดขึ้นในตับ
ระยะที่ 2 เป็นระยะที่เริ่มมีอาการอักเสบของตับ หากไม่ควบคุมดูแล และปล่อยให้การอักเสบดำเนินไปเรื่อยๆ เกินกว่า 6 เดือนอาจกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง
ระยะที่ 3 การอักเสบรุนแรงต่อเนื่องเกิดพังผืด (fibrosis) สะสมในตับ เซลล์ตับค่อยๆ ถูกทำลายลงแทนที่ด้วยพังผืด
ระยะที่ 4 เซลล์ตับถูกทำลายไปมาก ตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป ทำให้เกิดตับแข็งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ อ้วน โดยเฉพาะการอ้วนแบบลงพุง ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคตับจากไขมันเกาะตับเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะไขมันที่เรียกว่าไตรกลีเซอไรด์ ก็เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดไขมันเกาะตับ
การวินิจฉัยภาวะไขมันพอกตับและมะเร็งตับ

การตรวจร่างกายเป็นวิธีเดียวที่สามารถระบุได้ว่าผู้ป่วยมีภาวะไขมันพอกตับหรือไม่ โดยในขั้นต้นหากแพทย์พบความผิดปกติที่ตับ เช่น คลำที่ท้องแล้วบริเวณตับมีอาการโตผิดปกติ หรือซักประวัติผู้ป่วยแล้ว ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย ความอยากอาหารลดลง เคยมีประวัติดื่มแอลกอฮอล์ มีการใช้ยาหรืออาหารเสริมต่าง ๆ แพทย์ก็จะสั่งตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีทางห้องปฏิบัติการ เช่น
การตรวจเลือด

การตรวจนับความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count: CBC)
• การตรวจเอนไซม์และการทำงานของตับ
• การตรวจเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็งตับ
• การตรวจหาภาวะตับอักเสบจากไวรัสชนิดเรื้อรัง
• การตรวจเลือดหาภาวะอุดตันของท่อน้ำดี
• ตรวจเลือดหาความสามารถของตับในการกำจัดสารต่างๆที่ไม่ต้องการออกจากร่างกาย
• การตรวจค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด (Hemoglobin A1C)
• การตรวจวัดไขมันในเลือด ทั้งคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์

การดูภาพทางรังสีวินิจฉัย (Imaging Procedures) วิธีนี้จะช่วยให้แพทย์เห็นความผิดปกติของตับจากภาพถ่าย ซึ่งวิธีที่แพทย์ใช้ในเบื้องต้น คือ
- การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound)
- จากนั้นหากแพทย์ต้องการผลที่ละเอียดมากขึ้น แพทย์อาจสั่งเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
- หรือการเอกซเรย์ด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก (MRI) เพิ่มเติม เพื่อให้เห็นภาพของตับได้ชัดเจนจนสามารถยืนยันผลได้

การเก็บเนื้อเยื่อส่งตรวจ (Biopsy) เป็นวิธีที่ยืนยันผลได้ว่าผู้ป่วยมีภาวะไขมันพอกตับหรือไม่ และสาเหตุเกิดจากกอะไร โดยแพทย์จะทายาชาที่ผิวหนังบริเวณตับ จากนั้นใช้เข็มเจาะเข้าไปเพื่อเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อที่ตับ และนำไปตรวจโดยการส่องกล้องจุลทรรศน์ ผลที่ได้จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการตรวจวินิจฉัยวิธีอื่น ๆ
======================================
ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ ร.พ.นันอา
ติดต่อนัดหมาย หรือ สอบถามข้อมูล
+66 94 505 5454
#ตรวจสุขภาพประจําปี
#มะเร็งตับ
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ทำลายก้อนมะเร็ง
#อัลตราซาวน์ช่องท้อง
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อนเนื้อ
#ทำสายฟอกไตอกไต
#ตรวจเส้นฟอกไตฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่งมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์

คุณถนอม สามโทน เป็นศิลปินที่มีเอกลักษณ์ และสร้างผลงานเพลงคุณภาพเอาไว้มากมาย ขอแสดงความเสียกับครอบครัวคุณวิทยา เจตะภัย หร...
30/03/2023

คุณถนอม สามโทน เป็นศิลปินที่มีเอกลักษณ์ และสร้างผลงานเพลงคุณภาพเอาไว้มากมาย ขอแสดงความเสียกับครอบครัวคุณวิทยา เจตะภัย หรือ "ถนอม สามโทน" ด้วยครับ หมั่นตรวจคัดกรองสุขภาพของท่านอยู่เป็นประจำ #รู้ก่อนรักษาก่อน #มะเร็งตับ

กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจคัดกรองหาโรคมะเร็งตับ ได้แก่
1. ผู้ป่วยโรคตับแข็งทั้งเพศหญิงและชาย ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับมีหลายอย่าง ได้แก่ โรคตับแข็งจากทุกสาเหตุ สุรา ไวรัสตับอักเสบบีและซี สารพิษอะฟลาท๊อกซิน
ภาวะธาตุเหล็กสะสมที่ตับ โรคทางพันธุกรรมและเมตาบอลิกต่างๆ ฯลฯ พบว่าร้อยละ 80 ของมะเร็งตับเกิดในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็ง ในขณะที่อุบัติการณ์การเกิดมะเร็งตับจากโรคตับอื่นๆ ที่ยังไม่เป็นตับแข็งพบว่า
อุบัติการณ์ไม่สูงมากนัก
2. ผู้ป่วยโรคตับอักเสบเรื้อรังที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบบีหรือผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีตั้งแต่แรกคลอดหรือวัยเด็ก และยังไม่มีโรคตับแข็งแต่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับสูงในเพศชาย อายุมากกว่า 40 ปี และ
ผู้หญิงอายุมากกว่า 50 ปี และ ผู้ที่มีประวัติมะเร็งตับในครอบครัว
3. ผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังที่มี fibrosis stage 3 และ 4 ควรได้รับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งตับแม้ได้รับการรักษาจนหายขาดแล้ว
วิธีการและระยะเวลาการตรวจเฝ้าระวังมะเร็งตับ
วิธีการตรวจเฝ้าระวังหาโรคมะเร็งตับควรทำในประชากรกลุ่มที่มีความเสี่ยง
ต่อมะเร็งตับโดยการทำอัลตราซาวน์ ทุก 6-12 เดือนโดยอาจร่วมกับการตรวจเลือดหาค่า Alfa-fetoprotein (AFP) ปัจจุบันการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งตับมีความก้าวหน้ามาก โดยทั่วไปอาศัยการตรวจ Tumor markers ร่วมกับการตรวจทางรังสีและ/หรือการตรวจชิ้นเนื้อตับ
Tumor markers ที่สำคัญได้แก่ Alfa-fetoprotein (AFP) ซึ่งมีค่าปกติ 10-20 ng/ml และค่าที่ใช้วินิจฉัยมะเร็งตับถ้ามากกว่า 200 ng/ml
วิธีที่ยอมรับและเลือกใช้ในการตรวจคัดกรองหามะเร็งตับทั่วโลกในปัจจุบัน ได้แก่การตรวจอัลตราซาวน์ ทุก 6 เดือนและอาจร่วมกับการตรวจ AFP ในประชากรกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ
========================================
ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ ร.พ.นันอา
ติดต่อนัดหมาย หรือ สอบถามข้อมูล
+66 94 505 5454
#ตรวจสุขภาพประจําปี
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ทำลายก้อนมะเร็ง
#อัลตราซาวน์ช่องท้อง
#เอกซเรย์
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อ
#ทำสายฟอกไต
#ตรวจเส้นฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์

ท้องมาน (Ascites)   เป็นอาการท้องโตที่คล้ายกับการตั้งครรภ์ ซึ่งเกิดจากการทำงานของตับลดลงทำให้โปรตีน อัลบูมินลดต่ำลง รวมถ...
21/03/2023

ท้องมาน (Ascites) เป็นอาการท้องโตที่คล้ายกับการตั้งครรภ์ ซึ่งเกิดจากการทำงานของตับลดลงทำให้โปรตีน อัลบูมินลดต่ำลง รวมถึงทำให้เลือดออกจากทางเดินอาหารวิ่งผ่านตับไม่ได้เนื่องจากท่อหลอดเลือดตีบตันจากตับแข็ง ทำให้น้ำซึมออกจากหลอดเลือดและผนังช่องท้องไปสะสมอยู่ที่ช่องท้อง ซึ่งอาจจะมีมากกว่า 10 ลิตร ใน 1 คน

อาการ
• ผู้ป่วยที่มีภาวะท้องมานอาจมีอาการอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันก็ได้
• น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ
• ไม่อยากอาหาร
• ปวดท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
• แสบร้อนกลางอก
• คลื่นไส้ อาเจียน
• ท้องบวมขึ้น
• หายใจลำบากเมื่อนอนลง
• มีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น มีไข้สูง หรือมีอาการคล้ายหวัด
• มีอาการสับสนทางจิต ระดับการรับรู้ลดลง มีอาการทางสมอง เนื่องจากตับไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้

สาเหตุเกิดได้จากโรค ดังต่อไปนี้
• โรคตับแข็ง ที่คร่าชีวิตประชากรทั่วโลกกว่า 25,000 คนต่อปี ซึ่งในส่วนมากเกิดจากพฤติกรรมการกินดื่มแอลกอฮอล์จนตับไม่สามารถรับได้ ทำให้เกิดแผลเป็นขึ้นหลังจากที่มีการอักเสบหรืออันตรายต่อตับ และเมื่อเนื้อตับส่วนที่ดีถูกทำลายลงจากการอักเสบหรือสาเหตุอื่น ๆ เนื้อตับที่เหลือจะล้อมรอบ และทดแทนด้วยเนื้อเยื่อประเภทพังผืด ส่งผลให้เลือดที่ไหลผ่านตับถูกอุดกั้น ไหลไม่สะดวก และสมรรถภาพการทำงานลดลง หากอาการมากขึ้นจะมีการสร้างโปรตีนลดลงทำให้เท้าบวม มีน้ำในช่องท้องเกิดท้องมาน อาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองเป็นดีซ่านได้
• ไวรัสตับอักเสบ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมทั่วไป สามารถติดเชื้อได้จากการจากการกินอาหารร่วมกัน การสัมผัสกับสิ่งปนเปื้อน และการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเมื่อตับได้รับเชื้อไวรัส ก็จะเกิดภาวะตับอักเสบ ส่งผลให้ตับทำงานผิดปกติ มีอาการตับบวมโต ร่างกายอ่อนเพลีย ซึ่งไวรัสตับอักเสบมีหลายชนิดดังที่กล่าวมาแล้ว เช่น ไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี แต่ที่พบบ่อย คือ ไวรัสตับอักเสบเอ บี และซี
• ตับอ่อนอักเสบ ภาวะที่ตับอ่อนเกิดการอักเสบรุนแรงเฉียบพลัน โดยเป็นการอักเสบที่บริเวณเซลล์ของตับอ่อน เกิดขึ้นจากการที่น้ำย่อยในตับอ่อนไหลผ่านท่อของตับอ่อนไม่ได้ ทำให้น้ำย่อยย่อยเนื้อเยื่อตับอ่อนแทนจึงทำให้เกิดการอักเสบขึ้น โดยจะเป็นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน
• มะเร็งตับ ขั้นกว่าของโรคตับแข็ง เป็นมะเร็งที่พบได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ที่เกิดในผู้ชายไทย พบในคนอายุ 30-70 ปี โดยโรคมะเร็งตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการมีสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงจากการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี การได้รับสารอะฟลาทอกซิน ที่เกิดจากเชื้อราบางชนิดที่มักพบในอาหารแห้ง ความเป็นพิษของแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด และการได้รับสารเคมีที่เป็นสารก่อมะเร็ง โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมาพบแพทย์เมื่อมีอาการรุนแรงแล้ว

นอกจากโรคตับโดยตรงแล้วยังเกิดได้กับผู้ป่วย ไตวาย หัวใจล้มเหลว ไฮโปไทรอยด์ วัณโรคมะเร็งบางชนิด และการขาดสารอาหารทำให้เกิดภาวะขาดแอลบูมินด้วย ร้อยละ 50 ของผู้ป่วยโรคตับแข็งจะมีน้ำในช่องท้องเกิดขึ้นภายใน 10 ปี ซึ่งผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการรักษาเมื่อเกิดภาวะท้องม้านร้อยละ 50 จะมีโอกาสคงอยู่เพียง 2 ปี แต่ผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยาขับปัสสาวะแล้วจะมีโอกาสรอดเพียงแค่ร้อยละ 25 เท่านั้น

รีบดูแลร่างกายห่างไกลปัจจัยเสี่ยงที่สามารถทำได้ง่ายๆ แต่ต้องแข็งใจ ก่อนตับจะแข็ง นำไปสู่โรคต่างๆที่มีอัตราการรอดชีวิตน้อย และหากพบความผิดปกติของร่างกายควรรีบพบแพทย์ และไม่ควรละเลย เข้ารับการคัดกรองตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
============================================
ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ ร.พ.นันอา
ติดต่อนัดหมาย หรือ สอบถามข้อมูล
+66 94 505 5454
#ตรวจสุขภาพประจำปี
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ตรวจโรคทั่วไป
#อัลตราซาวน์ทุกส่วน
#เอกซเรย์ทุกส่วนของร่างกาย
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อตำแหน่งก้อนที่สงสัยโดยไม่ต้องผ่าตัด
#ทำสายฟอกไตถาวร
#ตรวจเส้นฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์
#มะเร็งตับ
#รักษามะเร็ง
#ทำลายก้อนมะเร็ง

กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เผยว่าในปี 2563 มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบในคนไทยมากเป็นอันดับ 1 แต่ละปีมีผู้เสียชีวิต...
19/03/2023

กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เผยว่าในปี 2563 มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบในคนไทยมากเป็นอันดับ 1 แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ราว 16,000 ราย
สาเหตุหลักอันดับต้นๆที่ทำให้เกิดมะเร็งตับในประเทศไทย คือ “การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี” ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากติดต่อจากแม่มาสู่ลูก แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วพบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งตับ คือ “การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”
มะเร็งตับในระยะแรก มักไม่แสดงอาการ แต่เมื่อเป็นมากขึ้นอาจมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร จุกเสียดท้อง ท้องอืด ปวดท้อง ชายโครงด้านขวา ในบางรายอาจมีอาการปวดร้าวไปที่หลังหรือไหล่ ท้องบวมขึ้น และน้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต มีน้ำในช่องท้อง ขาบวม มีน้ำในเยื่อหุ้มปอด อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำ
มะเร็งตับเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน ใช้ได้กับผู้ป่วยระยะเริ่มต้น การใช้คลื่นความความร้อนในการเผาทำลายก้อนมะเร็ง เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เป็นวิธีที่ปลอดภัย แม่นยำ และสามารถลดระยะเวลาการนอนโรงพยาบาล เนื่องจากแผลมีขนาดเล็ก
ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับจะมากหรือน้อยต่างขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล ไม่ว่าเป็นการรับประทานอาหาร การดื่มแอลกอฮอล์ และการพักผ่อนที่เพียงพอ รวมทั้งการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินความเสี่ยงหรือหาทางป้องกัน แม้มะเร็งตับจะถือเป็นภัยร้ายที่จู่โจมร่างกายอย่างเงียบ ๆ แต่โรคนี้ก็ยังมีโอกาสรักษาหายเพื่อให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาวและคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
============================================
ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ ร.พ.นันอา
ติดต่อนัดหมาย หรือ สอบถามข้อมูล
+66 94 505 5454
#ตรวจสุขภาพประจำปี
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ตรวจโรคทั่วไป
#อัลตราซาวน์ทุกส่วน
#เอกซเรย์ทุกส่วนของร่างกาย
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อตำแหน่งก้อนที่สงสัยโดยไม่ต้องผ่าตัด
#ทำสายฟอกไตถาวร
#ตรวจเส้นฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์

กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจคัดกรองหาโรคมะเร็งตับ ได้แก่1. ผู้ป่วยโรคตับแข็งทั้งเพศหญิงและชาย ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะ...
11/12/2022

กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจคัดกรองหาโรคมะเร็งตับ ได้แก่
1. ผู้ป่วยโรคตับแข็งทั้งเพศหญิงและชาย ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับมีหลายอย่าง ได้แก่ โรคตับแข็งจากทุกสาเหตุ สุรา ไวรัสตับอักเสบบีและซี สารพิษอะฟลาท๊อกซิน
ภาวะธาตุเหล็กสะสมที่ตับ โรคทางพันธุกรรมและเมตาบอลิกต่างๆ ฯลฯ พบว่าร้อยละ 80 ของมะเร็งตับเกิดในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็ง ในขณะที่อุบัติการณ์การเกิดมะเร็งตับจากโรคตับอื่นๆ ที่ยังไม่เป็นตับแข็งพบว่า
อุบัติการณ์ไม่สูงมากนัก
2. ผู้ป่วยโรคตับอักเสบเรื้อรังที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบบีหรือผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีตั้งแต่แรกคลอดหรือวัยเด็ก และยังไม่มีโรคตับแข็งแต่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับสูงในเพศชาย อายุมากกว่า 40 ปี และ
ผู้หญิงอายุมากกว่า 50 ปี และ ผู้ที่มีประวัติมะเร็งตับในครอบครัว
3. ผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังที่มี fibrosis stage 3 และ 4 ควรได้รับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งตับแม้ได้รับการรักษาจนหายขาดแล้ว
วิธีการและระยะเวลาการตรวจเฝ้าระวังมะเร็งตับ
วิธีการตรวจเฝ้าระวังหาโรคมะเร็งตับควรทำในประชากรกลุ่มที่มีความเสี่ยง
ต่อมะเร็งตับโดยการทำอัลตราซาวน์ ทุก 6-12 เดือนโดยอาจร่วมกับการตรวจเลือดหาค่า Alfa-fetoprotein (AFP) ปัจจุบันการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งตับมีความก้าวหน้ามาก โดยทั่วไปอาศัยการตรวจ Tumor markers ร่วมกับการตรวจทางรังสีและ/หรือการตรวจชิ้นเนื้อตับ

Tumor markers ที่สำคัญได้แก่ Alfa-fetoprotein (AFP) ซึ่งมีค่าปกติ 10-20 ng/ml และค่าที่ใช้วินิจฉัยมะเร็งตับถ้ามากกว่า 200 ng/ml

วิธีที่ยอมรับและเลือกใช้ในการตรวจคัดกรองหามะเร็งตับทั่วโลกในปัจจุบัน ได้แก่การตรวจอัลตราซาวน์ ทุก 6 เดือนและอาจร่วมกับการตรวจ AFP ในประชากรกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ
========================================
ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ ร.พ.นันอา
ติดต่อนัดหมาย หรือ สอบถามข้อมูล
+66 94 505 5454
#ตรวจสุขภาพประจำปี
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ตรวจโรคทั่วไป
#อัลตราซาวน์ทุกส่วน
#เอกซเรย์ทุกส่วนของร่างกาย
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อตำแหน่งก้อนที่สงสัยโดยไม่ต้องผ่าตัด
#ทำสายฟอกไตถาวร
#ตรวจเส้นฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์

Percutaneous  Transhepatic Biliary  drainage (PTBD)การใส่สายระบายน้ำดีที่คั่งออกจากตับเป็นการรักษาภาวะน้ำดีอุดตันที่เกิด...
23/11/2022

Percutaneous Transhepatic Biliary drainage (PTBD)
การใส่สายระบายน้ำดีที่คั่งออกจากตับ

เป็นการรักษาภาวะน้ำดีอุดตันที่เกิดจาก
สาเหตุต่างๆเช่น นิ่วในทางเดินน้ำดี,
มะเร็งของท่อทางเดินน้ำดี ทำให้น้ำดีไม่สามารถระบายออกได้ตามปกติ เป็นวิธีการรักษาที่รวดเร็ว ปลอดภัย แม่นยำ และทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น
============================================
ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ ร.พ.นันอา
ติดต่อนัดหมาย หรือ สอบถามข้อมูล
+66 94 505 5454
#ตรวจสุขภาพประจำปี
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ตรวจโรคทั่วไป
#อัลตราซาวน์ทุกส่วน
#เอกซเรย์ทุกส่วนของร่างกาย
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อตำแหน่งก้อนที่สงสัยโดยไม่ต้องผ่าตัด
#ทำสายฟอกไตถาวร
#ตรวจเส้นฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์

โรคหลอดเลือดดำอุดตัน หรือ Deep  Vein Thrombosis (DVT) เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่ขาเกิดการอุดตัน อันเนื่องมาจากสาเหตุที่ลิ...
28/09/2022

โรคหลอดเลือดดำอุดตัน หรือ Deep Vein Thrombosis (DVT)

เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่ขาเกิดการอุดตัน อันเนื่องมาจากสาเหตุที่ลิ่มเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้สะดวก ทำให้เกิดเลือดคั่ง จับตัวแข็ง อุดตัน
จากรายงานพบว่า 1 ใน 4 ของประชากรทั่วโลกเสียชีวิตจากภาวะหลอดเลือดอุดตัน ซึ่งส่วนใหญ่ป้องกันได้ เป็นการเสียชีวิตซึ่งไม่จำเป็นนับล้านคน รวมถึงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และ
เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตและทุพพลภาพในทุกประเทศทั่วโลก

สาเหตุของการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำประมาณ 50% เกิดจาก สาเหตุทางพันธุกรรมและปัจจัยเสริมอื่นๆ ในส่วนของพันธุกรรม อาจเกิดจากการที่มีการแข็งตัวของเลือดเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ขาดโปรตีนที่ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น โปรตีน C (Protein C) โปรตีน S (Protein S) และแอนติธรอมบิน III (Antithrombin III)

สาเหตุอื่นๆที่เกิดตามมา เช่น การตั้งครรภ์ หรือ ภาวะที่มีการกระตุ้นให้เลือดแข็งตัวง่ายหลังคลอด การได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจน จากยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนที่ใช้ในการรักษาอาการวัยทอง การ นอนนิ่งๆอยู่กับที่นานๆ (Immobilization) ภาวะหลังผ่าตัด โรคอ้วน มะเร็งบางชนิด หรือแม้แต่คนที่นั่งอยู่กับที่นานๆโดยไม่เคลื่อนไหว เช่นนั่งเครื่องบินในระยะทางไกลๆ หรือนั่งทำกิจกรรมบางอย่างต่อเนื่องนานเกินไป

ประโยชน์ที่ได้รับจากการตรวจ Doppler Ultrasound
1. สามารถบอกตําแหน่งและรายละเอียดความผิดปกติของหลอดเลือดที่มีการอุดตันได้
2. ในกรณีที่ผู้ป่วยเกิดหลอดเลือดดําส่วนลึกอุดตันที่ขาสามารถช่วยวินิจฉัยโรค เพื่อหาแนวทางการรักษาได้
อย่าง รวดเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนการรักษาต่อไป
3. ไม่ก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนในการตรวจ ไม่เกิดบาดแผลหรือการเจ็บปวดทรมาน ทั้งนี้เพราะการตรวจ
ไม่จําเป็นต้องฉีดสารใดๆ เข้าร่างกายเพื่อช่วยในการตรวจเส้นเลือด
4. ไม่ก่อให้เกิดอันตรายจากรังสีจึงปลอดภัยสําหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะหญิงมีครรภ์ รวมทั้งผู้ควบคุมเครื่องอัลตราซาวด์ ฉะนั้นการตรวจจึงทําได้บ่อยครั้ง เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของโรคเป็นระยะๆ
5. การตรวจอัลตราซาวด์ Doppler ในระบบหลอดเลือดดําส่วนลึก สามารถช่วยวินิจฉัยโรค เพื่อหาแนวทางการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนการรักษาให้กับผู้ป่วย
6. ลดค่าใช้จ่ายในการตรวจที่ไม่ตอบโจทย์การวินิจฉัย
============================================
ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ ร.พ.นันอา
ติดต่อนัดหมาย หรือ สอบถามข้อมูล
+66 94 505 5454

#ตรวจสุขภาพประจำปี
#ตรวจคัดกรองมะเร็ง
#ตรวจโรคทั่วไป
#อัลตราซาวน์ทุกส่วน
#เอกซเรย์ทุกส่วนของร่างกาย
#เอกซเรย์ก่อนพบแพทย์
#เจาะชิ้นเนื้อตำแหน่งก้อนที่สงสัยโดยไม่ต้องผ่าตัด
#ทำสายฟอกไตถาวร
#ตรวจเส้นฟอกไต
#ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะตำแหน่ง
#ในราคาที่ย่อมเยาว์

ที่อยู่

Bangkok Yai

เบอร์โทรศัพท์

+66945055454

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ BMIC ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ รพ.นันอาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง BMIC ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ รพ.นันอา:

แชร์