ดีบูน วิตามินบำรุงกระดูกและ ข้อต่อ

ดีบูน วิตามินบำรุงกระดูกและ ข้อต่อ กระดูกทับเส้น กระดูก ปวดคอ ปวดหลัง ป

รู้แล้วว่าทำไมต้องผ่อนคลาย มาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีการใดบ้างที่จะผ่อนคลายสมองกันบ้าง1.ทำจิตใจให้สงบ          ตรงนี้พี่เมษ์...
12/06/2018

รู้แล้วว่าทำไมต้องผ่อนคลาย
มาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีการใดบ้างที่จะผ่อนคลายสมองกันบ้าง

1.ทำจิตใจให้สงบ
ตรงนี้พี่เมษ์ขอข้ามเรื่องการนั่งสมาธิไปนะคะ เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นคอมมอนเซ้นส์ที่ใครๆ ก็พูดถึงถ้าต้องการสมาธิ แต่ถ้าต้องการอ่านหนังสือให้จำแม่น ต้องจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยซะก่อน จะได้สบายใจ สดชื่น ไม่ว่าจะเป็นอาบน้ำ ทานข้าว จัดการการบ้านทุกอย่าให้เรียบร้อยก่อนเริ่มอ่านหนังสือ จะได้ไม่มีอะไรมาคอยทำให้กังวลใจ
อ้อ ,, อีกอย่างนึงที่สำคัญคืออ่านหนังสือให้สบายที่สุด นั่งให้ถนัด ในที่ๆ ผ่อนคลาย บรรยากาศเหมาะกับการอ่านหนังสือ จะได้อ่านได้อย่างเต็มที่ค่ะ

2.ฟังเพลง
เปิดเพลงเบาๆ คลอการอ่านหนังสือกันไป ถือเป็นเทคนิคดนตรีบำบัด ที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ น้องๆ สามารถเลือกให้ถูกใจตัวเองได้เลยค่ะ อยากฟังเพลงแนวไหนก็จัดไปเลย แต่ขอเป็นเพลงซอฟท์ๆ easy listening จะแจสเบา โมสาซ อาร์แอนด์บี หรือเพลงที่น้องๆ ชอบก็ได้ค่ะ แต่อย่าโหดมาก บีทแน่น เบสตุ้บๆๆๆ เหมือนอยู่ในปาร์ตี้ไม่งั้นแทนที่จะสบายๆ เหมาะกับการอ่านหนังสือ จะกลายเป็นลุกขึ้นมาเต้นสติแตกกระเจิงแทนนะคะ

3.เปิดรับธรรมชาติ
ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ มันก็ดูอึดอัดและกดดันว่ามั้ยคะ หลายคนจึงเลือกออกไปอ่านตามสวนสาธารณะที่มีลมพัดเบาๆ บรรยากาศดีมีออกซิเจน เพราะส่งผลต่อการสูบฉีดโหิตที่ส่งผลต่อสมองของเรา แถมลดความกดดัน คลายเครียดด้วยสีเขียวๆ ของต้นหญ้า แค่ฟังก็ฟิน อยากไปนั่งอ่านหนังสือให้ฉ่ำปอดไปเลยใช่มั้ยละคะ แต่ถ้าไม่สามารถออกไปหาสถานที่แบบนี้จริงๆ ละก็ จำลองมาไว้ในห้องด้วยการเปิดเสียงจำพวกดนตรีธรรมชาติบำบัดดูก็ได้ค่ะ ก็พอสร้างบรรยากาศได้พอสมควรเลยหละ

4.เล่นกีฬา
เมื่อเราเล่นกีฬาสมองจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินที่จะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายทำให้ไม่เครียด ดีต่อสุขภาพทั้งกายและจิต น้องๆ ก็แค่อาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น แล้วก็ค่อยกลับมาอ่านหนังสือ จะได้สดชื่น สดใส และกระตือรือร้น มีสติพร้อมสำหรับการอ่านหนังสือ แต่อย่าหักโหมเล่นไปนะคะ เดี๋ยวจะหมดแรงก่อนอ่านซะอีก เอาเบาๆ พอดีๆ ก็พอค่ะ

5.พักสายตา
อ่านหนังสือนานๆ ก็ต้องล้าบ้าง เมื่อยบ้าง ดังนั้นเมื่ออ่านไปได้ระยะหนึ่งจนรู้สึกล้า อย่างฝืนนะคะต้องพัก ให้ตัวเองผ่อนคลาย ลุกขึ้นยืน เดินยืดเส้นยืดสาย พักสายตาซะหน่อย หรืออาจจะแวะไปเติมพลังทานขนม น้ำหวานนิดๆหน่อยๆ ก่อนกลับมาตั้งหน้าตั้งตาลุยกันต่อคะ

6.Take a nap
อันนี้จัดหนักสำหรับน้องๆ ที่บอกว่า อ่านไหวแล้วง่วงจัง ,,,, ง่วงก็ต้องนอนค่ะ ให้ตัวเองหลับสัก 15-20 นาที ให้สมองได้พักผ่อน ช่วยลดความเครียด ลดอาการเหนื่อยล้า ทำให้น้องๆสดชื่น ตื่นตัว พร้อมสำหรับเรียนรู้ต่อ แต่อย่าเกินไปกว่า 20 นาทีนะคะ เพราะถ้างีบหลับนานไป แทนที่จะสดชื่น จะกลายเป็นง่วง มึน เบลอมากกว่าเดิมนะคะ

7.หาแรงบรรดาลใจ
บ่อยครั้งที่เครียดจนท้อ หมดกำลังใจ ไม่มีความหวัง อยากหยุดทุกอย่างเอาไว้แค่ตรงนั้นเพราะท้อแล้ว ดังนั้นจงผ่อนคลายค่ะ หยุดเอาไว้ตามที่ตัวเองต้องการ แล้วหาแรงบันดาลใจ ปลุกไฟในตัวเอง ยกตัวอย่างอย่างพี่เมษ์เองจะมีคำคมติดไว้บนโต๊ะ พร้อมรูปของมหาวิทยาลัยที่ตัวเองหวังเอาไว้บนโต๊ะตลอด ถ้าเหนื่อยหรือท้อเมื่อไหร่ก็หันไปมองดู จะได้รู้ว่าเราทำเพื่ออะไรอยู่ แล้วฮึดสู้กันอีกครั้ง

8.ให้รางวัลตัวเอง
เหนื่อยมากๆ เครียดมากๆ ก็ตามใจตัวเองซักหน่อย อ่านมาเยอะก็ให้ตัวเองไปทำสิ่งที่ชอบบ้าง อย่างแว๊บไปอ่านการ์ตูน ดูคลิป ฟังเพลง กินขนม ทานน้ำสักหน่อย ก็ถือว่าผ่อนคลายตัวเอง ก่อนจะตั้งหน้าอ่านกันใหม่ จะได้ไม่เครียดจนเบลอค่ะ


ทั้ง 8 เทคนิคนี้ทำเพื่อการผ่อนคลาย เพื่อช่วยให้เราปลอดโปร่งขึ้น สามารถจดจำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้นเท่านั้นแต่อย่าเพลินเชียวล่ะ เพราะไม่งั้นแทนที่จะเป็นการผ่อนคลาย จะเป็นการเสียเวลาไปโดยไม่รู้ตัวนะคะ
แล้วน้องๆ ล่ะคะ มีเทคนิคในการผ่อนคลายอื่นๆอีกมั้ยค่ะ มาบอกกันที่นี่เลย เราจะได้เรียนเก่ง เจ๋งสุดๆ ไปพร้อมๆ กันค่ะ

ประโยชน์ดีๆของการดื่มน้ำอุ่นฉันคิดว่าคนส่วนใหญ่คงรู้อยู่แล้วว่าน้ำมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของมนุษย์ รวมถึงคำพูดที่ว่าการ...
12/06/2018

ประโยชน์ดีๆของการดื่มน้ำอุ่น

ฉันคิดว่าคนส่วนใหญ่คงรู้อยู่แล้วว่าน้ำมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของมนุษย์ รวมถึงคำพูดที่ว่าการดื่มน้ำวันละ 8 แก้วดีต่อร่างกายก็ด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ก็คือทั้งน้ำอุ่นและน้ำร้อนต่างมีประโยชน์ในตัวของมันเอง งั้นเรามาดูประโยชน์ 12 ข้อของการดื่มน้ำอุ่นกันดีกว่า
1. ลดน้ำหนัก

น้ำอุ่นจะช่วยบำรุงกระบวนการเผาผลาญให้ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณควรทำเป็นอย่างยิ่งหากคุณต้องการลดน้ำหนัก วิธีที่ดีที่สุดคือดื่มน้ำอุ่นกับมะนาว 1 แก้ว น้ำอุ่นจะช่วยทำลายเนื้อเยื่อไขมันในร่างกาย
2. ลดอาการคัดจมูกและเสมหะในลำคอ

การดื่มน้ำอุ่นคือการเยียวยาตามธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมสำหรับโรคไข้หวัด อาการไอ และเจ็บคอ นอกจากนี้ยังช่วยละลายเสมหะและบรรเทาอาการเจ็บคออีกทั้งช่วยล้างจมูกด้วย
3. ปวดประจำเดือน

น้ำร้อนจะช่วยลดจากอาการปวดประจำเดือน ความร้อนของน้ำจะทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องสงบและผ่อนคลาย อาการปวดก็จะหายไป
4. ล้างพิษ

เมื่อคุณดื่มน้ำอุ่น อุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้นและทำให้เหงื่อออก ซึ่งเป็นการปลดปล่อยสารพิษและทำความสะอาดร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเราควรบีบน้ำมะนาวเพิ่มเข้าไปด้วย
5. ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร

การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวที่ได้รับผลกระทบจากอนุมูลอิสระ ไม่นานนักผิวที่เสียหายก็จะดูเรียบเนียนขึ้น
6. ป้องกันการเกิดสิว

น้ำอุ่นสามารถทำความสะอาดร่างกายได้อย่างล้ำลึกและยังช่วยลดสาเหตุของการเกิดสิวด้วย
7. เส้นผมแข็งแรงและมีชีวิตชีวา

การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยให้ผมนุ่ม เงางาม เนื่องจากความร้อนจะไปกระตุ้นปลายประสาทในรากผม ทำให้เส้นผมมีชีวิตชีวา แลดูมีสุขภาพดี
8. ช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผม

การกระตุ้นรากผมยังได้ประโยชน์อีกทางหนึ่งนั่นก็คือการเจริญเติบโต นอกจากจะช่วยเสริมสร้างรากผมให้แข็งแรงแล้ว ยังช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย
9. ป้องกันรังแค

น้ำอุ่นจะช่วยให้หนังศีรษะชุ่มชื้นขึ้น ไม่ทำให้ผิวหนังแห้งหรือมีรังแค
10. เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและระบบประสาทให้มีสุขภาพดี

ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบประสาทมีสุขภาพดีโดยการสลายไขมันที่เกาะอยู่รอบๆ
11. ช่วยในการย่อยอาหาร

การศึกษาพบว่าการดื่มน้ำเย็นในระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารจะทำให้น้ำมันในอาหารที่บริโภคเข้าไปแข็งตัว ทำให้ไขมันเกาะอยู่ที่ผนังด้านในของลำไส้และอาจส่งผลให้เป็นโรคมะเร็งลำไส้ได้ในที่สุด แต่คุณสามารถเลี่ยงปัญหานี้ได้ด้วยการดื่มน้ำอุ่น
12. การเคลื่อนไหวของลำไส้

น้ำอุ่นจะช่วยให้การเคลื่อนไหวของลำไส้มีความแข็งแรงและคลายความเจ็บปวดลง การขาดน้ำอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกเรื้อรังและเกิดอุจจาระสะสมในลำไส้ การเคลื่อนไหวของลำไส้ก็จะช้าลง คุณควรดื่มน้ำร้อนหรืออุ่นทุกเช้าตอนที่ท้องว่างมันจะช่วยสลายอาหารที่ตกค้างและทำให้การเคลื่อนไหวของอนุภาคนุ่มนวลขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเจ็บปวดผ่านลำไส้ลงด้วย

รู้จริงเรื่อง ไข่ และวิธีกินไข่ ให้ได้ประโยชน์ ไข่เป็นอาหารของคนหลายชาติหลายภาษา ในแง่โภชนาการ ไข่ขาวและไข่แดงรวมกันจะเป...
12/06/2018

รู้จริงเรื่อง ไข่ และวิธีกินไข่ ให้ได้ประโยชน์

ไข่เป็นอาหารของคนหลายชาติหลายภาษา ในแง่โภชนาการ ไข่ขาวและไข่แดงรวมกันจะเป็นอาหารที่สมบูรณ์ ราคาถูก เมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ในระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน ไก่คือ ผู้ทำอาหารราคาถูกที่คนไม่กินให้เป็นอาหารที่มีคุณภาพดีที่คนกินได้ และเป็นผู้เปลี่ยนคุณภาพอาหารที่มีประสิทธิภาพสูงมากที่เดียว

คุณค่าทางโภชนาการของไข่

ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 50 กรัม ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี โปรตีน 7 กรัม ซึ่งโปรตีนชนิด FAO ได้จัดว่าเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพดีที่สุด กล่าวคือ มีค่า Biological Value ประมาณ 100 ซึ่งหมายความว่าเป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพในการดูดซึมสูงกว่าโปรตีนชนิดอื่น แถมยังมีไขมันเพียงแค่ 6 กรัมและยังให้วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี1, บี2, บี3, บี6 และ บี12 ธาตุเหล็ก lecithin เป็นต้น

แต่เมื่อมีการศึกษา ความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับไข่ และภาวะการเกิดโรคของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหาร และมีการนำความรู้เหล่านั้นออกเผยแพร่ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน ไม่แน่ใจว่าเป็นอาหารที่บำรุงร่างกายหรือทำร้ายร่างกายกันแน่ ผู้ที่รักสุขภาพมากมายเริ่มไม่ชอบความอร่อยของไข่ เพราะกลัวโคเลสเตอรอลที่มากับไข่แดง บางคนถึงกับแยกกินเฉพาะไข่ขาวปราศจากไข่แดง แต่ไข่แดงกลับมีคุณค่าทางอาหารที่ดีที่สุด การเลือกกินเฉพาะไข่ขาวเพราะกลัวโคเลสเตอรอล ทำให้คุณพลาดคุณค่าที่ดีของไข่แดง เพราะในไข่แดงมีสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี วิตามินเอ โฟเลตโคลีน และบรรดาเกลือแร่ต่าง ๆ แคลเซี่ยม เหล็ก

ท่าบริหารป้องกันอาการปวดหลังสำหรับผู้สูงอายุภาวะปวดหลังในผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่ก็จะเกิดจากภาวะที่โครงสร้างต่าง ๆ ของระบบกระ...
12/06/2018

ท่าบริหารป้องกันอาการปวดหลังสำหรับผู้สูงอายุ

ภาวะปวดหลังในผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่ก็จะเกิดจากภาวะที่โครงสร้างต่าง ๆ ของระบบกระดูกสันหลังเสื่อมได้แก่ เอ็นยึดต่าง ๆ, กล้ามเนื้อที่ไม่แข็งแรง หมอนรองกระดูกที่หมดอายุและกระดูกเสื่อมที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกงอก ซึ่งจะทำให้เกิดอาการเมื่อยหลัง เวลานั่งนาน ๆ ปวดเวลาใช้งาน ปวดเวลาขยับมาก ๆ หรือ ทำให้หลังแข็งไม่สามารถขยับได้ นอกจากนี้ส่วนหนึ่งอาจจะปวดจากภาวะกระดูกบาง/พรุน ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ แต่ท่านอาจจะมีอาการปวดจากภาวะกระดูกพรุนหรือยุบก็ได้
ข้อควรปฏิบัติหรือพึงระวังที่สำคัญคือ

ควรเตรียมร่างกายเสมอก่อนที่จะเริ่มออกกำลังกาย
ทุกท่าออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น แต่บางท่าที่เราออาจจะไม่คุ้น ควรเริ่มช้า ๆ และสังเกตร่างกายตนเองทุกเวลา
หยุดท่าออกกำลังกายที่ทำให้เกิดอาการปวด
ไม่ควรยกขาทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกัน นอกจากหลังท่านแข็งแรงขึ้นแล้ว
ควรหลีกเลี่ยงท่าออกกำลังกายที่มีการบิดมาก ๆ หรือ ก้ม แอ่นมาก ๆ
ในท่าแอ่นหลัง ควรใช้มือไปช่วยประคองหรือดันหลังเวลาทำท่าเหล่านั้น

การดูแลหลังเพื่ออนาคต

หลีกเลี่ยงการอยู่ท่าเดียวนาน ๆ โดยเฉพาะในท่านั่ง
หลีกเลี่ยงการก้มมาก ๆ บิดมาก ๆ โดยเพาะเมื่อร่างกายอยู่ในท่าเดียวนาน ๆ
หากจำเป็นต้องก้มหยิบของ ให้ใช้การย่อเข่า งอสะโพก และ ก้มหลังเล็กน้อย เพื่อให้แรงต่อข้อกระจายทั้งเข่า สะโพกและหลัง

การดูแลรักษากระดูกและอาหารบำรุงกระดูกโครงกระดูกมนุษย์ ประกอบไปด้วยกระดูกชิ้นต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยโครงสร้า...
12/06/2018

การดูแลรักษากระดูกและอาหารบำรุงกระดูก

โครงกระดูกมนุษย์ ประกอบไปด้วยกระดูกชิ้นต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยโครงสร้างของข้อต่อ เอ็น กล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน และอวัยวะต่างๆ กระดูกในมนุษย์ผู้ใหญ่มีประมาณ 206 ชิ้น และคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักร่างกาย อย่างไรก็ดี จำนวนของกระดูกอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ในทารกจะมีกระดูกประมาณ 300 ชิ้น และเมื่อสิ้นสุดช่วงวัยรุ่น กระดูกบางชิ้นจะเชื่อมต่อกันด้วยเอ็น และกล้ามเนื้อ ประกอบเข้าด้วยกันเป็นโครงกระดูก

กระดูก เป็นอวัยวะที่ประกอบด้วยเนื้อเยื่อกระดูก (osseous tissue) ที่มีความแข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา การเจริญของเนื้อเยื่อกระดูกในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทำให้กระดูกเป็นอวัยวะที่มีหลายลักษณะ เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานของกระดูกในแต่ละส่วน เช่น กะโหลกศีรษะ (skull) ที่มีลักษณะแบนแต่แข็งแรงมาก เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนของสมอง หรือกระดูกต้นขา (femur) ที่มีลักษณะยาวเพื่อเป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของรยางค์ล่าง เป็นต้น เมื่อกระดูกเจริญเติบโตเต็มที่ จะประกอบด้วยน้ำ ร้อยละ 20 สารอินทรีย์ ร้อยละ 30 – 40 ที่สำคัญคือโปรตีน ที่เหลือร้อยละ 40 – 50 เป็นแร่ธาตุต่างๆ แร่ธาตุสำคัญที่เป็นองค์ประกอบของกระดูก คือ แคลเซียม และฟอสเฟต ซึ่งจับตัวกันเป็นผลึกแข็ง

12/06/2018
โรคกระดูกพรุน ภัยเงียบใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม !สาเหตุที่ทำให้กระดูกพรุนกระดูกประกอบไปด้วยโปรตีน คอลลาเจน แคลเซียม โดยมีแ...
12/06/2018

โรคกระดูกพรุน ภัยเงียบใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม !

สาเหตุที่ทำให้กระดูกพรุน

กระดูกประกอบไปด้วยโปรตีน คอลลาเจน แคลเซียม โดยมีแคลเซียมและฟอสเฟตเป็นตัวทำให้กระดูกแข็งแรง

ทนต่อการดึงรั้ง กระดูกจะมีการสลายตัวอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่มีการสร้างกระดูกใหม่โดยการใช้แคลเซียมจากอาหารที่ทานเข้าไป

ก็จะเกิดการสลายแคลเซียมในเนื้อกระดูกเก่าออกมาในเลือดและถูกออกมาจากทางปัสสาวะและอุจจาระ

ในวัยเด็กจะมีการสร้างกระดูกมากกว่าการสลายตัวของกระดูก จึงทำให้กระดูกเกิดการเติบโต จนทำให้มวลกระดูกเพิ่มขึ้น

จนมีความหนาแน่นมากที่สุด เมื่ออายุประมาณ 30 – 35 ปี หลังจากนั้นจะเกิดการสลายตัวของกระดูกมากกว่าการสร้าง

จึงทำให้กระดูกบางตัวลง เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน

จะทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงอย่างรวดเร็ว ฮอร์โมนชนิดนี้จะช่วยดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย

ช่วยชะลอการสลายตัวของแคลเซียมที่อยู่ภายในกระดูก เมื่อฮอร์โมนชนิดนี้ลดลง จึงทำให้กระดูกบางตัวอย่างรวดเร็ว

จนทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนโรคกระดูกพรุนโดยส่วนใหญ่เกิดจากภาวการณ์หมดประจำเดือนในผู้หญิง

โดยกระดูกจะเกิดการสลายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 10 – 20 ปี หลังการหมดประจำเดือน ซึ่งช่วงหลังหมดประจำเดือน

การเสื่อมสลายตัวของกระดูกที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นจะมีการสะสมตัวอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปอย่างยาวนาน

จนทำให้เกิดการเสียสมดุลระหว่างการสร้างและการสลายตัวของกระดูก โดยพบได้ทั้งชายและหญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี

หนังสืออุตุนิยมวิทยาประเทศไทยโดยทั่ว ๆ ไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ฤดู ดังนี้1. ฤดูร้อน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึ...
12/06/2018

หนังสืออุตุนิยมวิทยา

ประเทศไทยโดยทั่ว ๆ ไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ฤดู ดังนี้

1. ฤดูร้อน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม

2. ฤดูฝน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม

3. ฤดูหนาว เริ่มต้นประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์

ฤดูร้อนเริ่มต้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และเป็นระยะที่ขั้วโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์ โดยเฉพาะเดือนเมษายนบริเวณประเทศไทย มีดวงอาทิตย์อยู่เกือบตรงศรีษะในเวลาเที่ยงวัน ทำให้ได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์เต็มที่ สภาวะอากาศจึงร้อนอบอ้าวทั่วไป ในฤดูนี้แม้ว่าโดยทั่วไปจะมีอากาศร้อนและแห้งแล้ง แต่บางครั้งอาจมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบน ทำให้เกิดการปะทะกันของมวลอากาศเย็น กับมวลอากาศร้อนที่ปกคลุมอยู่เหนือประเทศไทย ซึ่งก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง หรืออาจมีลูกเห็บตกก่อให้เกิดความเสียหายได้ พายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นในฤดูนี้มักเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพายุฤดูร้อน

ลักษณะอากาศในฤดูร้อนพิจารณาจากอุณหภูมิสูงสุดของแต่ละวัน โดยมีเกณฑ์การพิจารณาดังนี้

- อากาศร้อน อุณหภูมิระหว่าง 35.0 ซ. - 39.9 ซ.
- อากาศร้อนจัด อุณหภูมิตั้งแต่ 40.0 ซ. ขึ้นไป

ฤดูฝน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคม เมื่อมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย และร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านประเทศไทย ทำให้มีฝนชุกทั่วไป ร่องความกดอากาศต่ำนี้ปกติ จะพาดผ่านภาคใต้ในระยะต้นเดือนพฤษภาคม แล้วจึงเลื่อนขึ้นไปทางเหนือตามลำดับ จนถึงช่วงประมาณปลายเดือนมิถุนายน จะพาดผ่านอยู่บริเวณประเทศจีนตอนใต้ ทำให้ฝนในประเทศไทยลดลงระยะหนึ่ง และเรียกว่าฝนทิ้งช่วง ซึ่งอาจนานประมาณ 1 - 2 สัปดาห์หรือบางปีอาจเกิดขึ้นรุนแรง และมีฝนน้อยนานนับเดือน ในเดือนกรกฎาคมปกติร่องความกดอากาศต่ำ จะเลื่อนกลับลงมาจากทางตอนใต้ของประเทศจีน พาดผ่านบริเวณประเทศไทยอีกครั้ง ทำให้มีฝนชุกต่อเนื่อง และปริมาณฝนเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฏาคมเป็นต้นไป จนกระทั่งมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทย แทนที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ประมาณกลางเดือนตุลาคม ประเทศไทยตอนบนจะเริ่มมีอากาศเย็นและฝนลดลง โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เว้นแต่ภาคใต้ยังคงมีฝนชุกต่อไปจนถึงเดือนธันวาคม และมักมีฝนหนักถึงหนักมากจนก่อให้เกิดอุทกภัย โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันออก ซึ่งจะมีปริมาณฝนมากกว่าภาคใต้ฝั่งตะวันตก อย่างไรก็ตามการเริ่มต้นฤดูฝนอาจจะช้าหรือเร็วกว่ากำหนดได้ประมาณ 1 - 2 สัปดาห์

เกณฑ์การพิจารณาปริมาณฝนในระยะเวลา 24 ชั่วโมงของแต่ละวันตั้งแต่เวลา 07.00 น. ของวันหนึ่งถึงเวลา 07.00 น.ของวันรุ่งขึ้นตามลักษณะของฝนที่ตกในประเทศที่อยู่ในเขตร้อนย่านมรสุมมีดังนี้

- ฝนวัดจำนวนไม่ได้ ปริมาณฝนน้อยกว่า 0.1 มิลลิเมตร
- ฝนเล็กน้อย ปริมาณฝนระหว่าง 0.1 - 10.0 มิลลิเมตร
- ฝนปานกลาง ปริมาณฝนระหว่าง 10.1 - 35.0 มิลลิเมตร
- ฝนหนัก ปริมาณฝนระหว่าง 35.1 - 90.0 มิลลิเมตร
- ฝนหนักมาก ปริมาณฝนตั้งแต่ 90.1 มิลลิเมตรขึ้นไป

ฤดูหนาว เริ่มต้นประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดปกคลุมประเทศไทยตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนาน 1-2 สัปดาห์ เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูฝนเป็นฤดูหนาว อากาศแปรปรวน ไม่แน่นอน อาจเริ่มมีอากาศเย็น หรืออาจยังมีฝนฟ้าคะนอง โดยเฉพาะบริเวณภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออกลงไปซึ่งจะหมดฝน และเริ่มมีอากาศเย็นช้ากว่าภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ลักษณะอากาศในฤดูหนาวพิจารณาจากอุณหภูมิต่ำสุดของแต่ละวัน โดยมีเกณฑ์การพิจารณาดังนี้

- อากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำกว่า 8.0 ซ.
- อากาศหนาว อุณหภูมิระหว่าง 8.0 ซ. - 15.9 ซ.
- อากาศเย็น อุณหภูมิระหว่าง 16.0 ซ. - 22.9 ซ.

สัญญาณ เช็คเข่าเสื่อม 1) งอเข่าได้ไม่เต็มช่วง2) ปวดเข่าเมื่อเดินนาน3) เกิดเสียดก๊อกแก๊ก ครืดคราดในข้อเข่า4) เข่าหนืดๆฝืด...
12/06/2018

สัญญาณ เช็คเข่าเสื่อม

1) งอเข่าได้ไม่เต็มช่วง
2) ปวดเข่าเมื่อเดินนาน
3) เกิดเสียดก๊อกแก๊ก ครืดคราดในข้อเข่า
4) เข่าหนืดๆฝืดๆ
5) เข่าโก่ง ผิดรูป

ปรึกษาสอบถาม
โทร 087 596 5464

โรคปวดหลัง และอาการปวดร้าวลงขาอาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน อาการปวดหลังที่แสดงอาการปวดหลังติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 6 สัปดาห์...
12/06/2018

โรคปวดหลัง และอาการปวดร้าวลงขา
อาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน
อาการปวดหลังที่แสดงอาการปวดหลังติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 6 สัปดาห์หรือน้อยกว่า แต่ไม่ได้ปวดร้าวลงไปตามแนวขา เรียกว่า อาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดจากกล้ามเนื้อเอวตึงเคล็ด หรือข้อต่อ เอ็นบริเวณรอบกระดูกสันหลังอักเสบส่งผลให้เกิดอาการปวด ทรมาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะอาการค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2 - 3 วัน หลังจากได้รับการรักษา
อาการปวดร้าวลงขาแบบเฉียบพลัน
อาการปวดร้าวลงขาแบบเฉียบพลัน เป็นอาการประเภทหนึ่งของโรคปวดหลัง ซึ่งจะแสดงอาการปวดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 6 สัปดาห์หรือน้อยกว่า และยังปวดร้าวลงไปยังบริเวณสะโพกและขาอีกด้วย อาการประเภทนี้อาจจะเกิดจากโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท ระยะเวลาที่อาการจะทุเลาจะกินเวลานานกว่าอาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน และการกระทบกระเทือนของเส้นประสาทบริเวณหลังมักเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดที่รุนแรงกว่า
อาการปวดหลังและปวดร้าวลงขา แบบเรื้อรัง (ปวดหลังเรื้อรัง อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม)
อาการปวดหลังและปวดร้าวลงขาที่กินระยะเวลานานกว่า 6 สัปดาห์ จัดเป็นอาการในกลุ่มโรคเรื้อรัง อาทิเช่น กระดูกสันหลังตีบแคบเบียดเส้นประสาท การรักษาเฉพาะทางถือเป็นสิ่งจำเป็น

ปรึกษาสอบถามฟรี
โทร 087 596 5464

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

087 596 5464

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ดีบูน วิตามินบำรุงกระดูกและ ข้อต่อผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์