กายภาพบำบัดรพ.เด็ก

กายภาพบำบัดรพ.เด็ก เพจความรู้ทางกายภาพบำบัดด้านเด็ก

27/05/2025

วันนี้โทรศัพท์หมายเลข 1415 ต่อ 3203 มีปัญหาที่เครื่องโทรศัพท์ ติดต่อหรือนัดหมาย กายภาพบำบัด รพ.เด็ก รบกวนโทร 090 090 7802นะคะ

25/04/2025

📌คลินิกโรคผิวหนัง
เปิดให้บริการพื้นที่เดิม ชั้น 12
อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี
ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2568 เป็นต้นไป
** คนไข้เลเซอร์โปรดรอแจ้งการเปิดใช้บริการอีกครั้ง

25/04/2025

📌คลินิกพันธุกรรม
เปิดให้บริการพื้นที่เดิม ชั้น 14
อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี
ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2568 เป็นต้นไป

สงกรานต์ก็เป็นห่วงนะ ขอให้เปียกกันทุกคน
11/04/2025

สงกรานต์ก็เป็นห่วงนะ ขอให้เปียกกันทุกคน

09/04/2025
07/04/2025

ระบบการทรงตัวของร่างกาย จะเป็นการทำงานประสานกันของ 3 ระบบครับ
๐ ระบบสายตา หรือ visual
๐ ระบบทรงตัวกับประสาทหูชั้นใน หรือ vestibular
๐ ระบบประสาทรับรู้การเคลื่อนไหว หรือ proprioceptor

ในช่วงแรกเกิดระหว่าง 6 ถึง 8 เดือนแรกของชีวิตร่างกายจะใช้ระบบ proprioceptor สำหรับการทรงตัวเช่นการคลานการกลิ้งไปมา เมื่อเริ่มเดินระบบ veatibular กับ visual หรือสายตาจะเริ่มทำงานประสานงานกัน
เมื่อโตขึ้นและเริ่มเข้าสู่สังคมการเคลื่อนไหวและการทรงตัวขาเดียวหรือการจะเดินลดลง ทำให้การทรงตัวของเราต้องขึ้นอยู่กับระบบสายตาเป็นหลักแต่เมื่อสายตาเริ่มถูกใช้งานในลักษณะการเพ่งมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเริ่มมีอาการสายตา สั้น เอียงหรือยาว ทำให้การทำงานของประสานของ 3 ระบบนี้เริ่มมีปัญหาจนการเคลื่อนที่ของตา คอ ลำตัว ขา ทำงานไม่สัมพันธ์กันการทรงตัวจะแย่ลงส่งผลไปถึงการเดิน เป็นที่มาของอาการปวดตึงต่างๆครับ

Propriocepter หรือระบบประสาทผ่านการเคลื่อนไหว จะขึ้นอยู่กับ 1 วิธีการฝึก และ 2 สภาพแวดล้อม

1. วิธีการฝึก
Kinetic Chain Movement จะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบตามลักษณะการเคลื่อนไหว

แบบแรกคือการเคลื่อนไหวจากแขนและขาเข้าสู่แกนกลางลำตัว (Closed Kinetic Chain) แบบที่สองคือการเคลื่อนไหวจากแกนกลางลำตัวไปสู่แขนและขา (Open Kinetic Chain)

Closed Kinetic Chain Exercises (CKC)
การออกกำลังกายแบบนี้ มือ เท้าเราต้องเกาะติดยึดอยู่ในที่เดียว ส่วนใหญ่มักจะเป็นพื้น การออกกำลังกายแบบ closed chain จะเป็นการออกแบบหลายข้อ (multiple joints) กล้ามเนื้อหลายกลุ่ม (multiple muscle groups) ในเวลาเดียวกัน เช่น การทำ squat ซึ่งก็จะใช้ เข่า สะโพก ข้อเท้า และกล้ามเนื้อ กลุ่มต้นขาด้านหน้า (quads) ต้นขาด้านหลัง (hamstrings) hipflexors น่อง (calves) ก้น (glutes)
การออกกำลังกายแบบ closed chain สามารถจะทำโดยใช้เวทหรือไม่ใช้เวทก็ได้ แต่เวลาที่ใช้เวท ส่วนใหญ่จะวางเวทใว้ที่บริเวณหลัง บ่า หรือด้านหน้าหน้าอก ซึ่งเป็นที่ที่ถือว่าปลอดภัยสำหรับการออกกำลังกายแบบนี้ มากกว่าการเอาเวทไปใว้ไกลจากตัวเหมือนการออกกำลังกายแบบ opened chain ตัวอย่างการออกกำลังกายแบบ closed chain ก็มี pushups, pull-ups, squats, and lunges

Open Kinetic Chain Exercises (OKC)
แบบเปิดหรือopen คือแบบที่มือและ/หรือเท้าเราจะมีอิสระในการเคลื่อนไหว เช่นท่า chest press มือเท้าเราอิสระ มีเฉพาะหลังที่ติดเบาะ การเคลื่อนไหวแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการเคลื่อนไหวแบบ isolate คือ ใช้กล้ามเนื้อกลุ่มเดียวเป็นหลัก ใช้ข้อต่อ ( joint ) เดียวในการเคลื่อนไหว หรือเช่น การทำ leg extension ข้อต่อที่เคลื่อนไหวอยู่ข้อเดียวคือ เข่า และกลุ่มกล้ามเนื้อที่ข้อต่อนี้แยกออกมาออกกำลังแรง ก็คือกลุ่มกล้ามเนื้อด้านหน้าของต้นขา (quadriceps)
การออกกำลังกายแบบ Open chain นี้สามารถทำได้โดยใช้เวท หรือไม่ใช้เวท แต่เวลาที่ใช้เวท เราจะวางเวทในระยะที่ไกลไปจากช่วงตัว หรือเรียกอีกอย่างนึงคือ เอาเวทไปไว้ตามแขน ขา ไกลๆ เช่น ข้อเท้า หรือถือไว้ที่มือทการออกกำลังกายประเภทนี้ก็มีพวก biceps curls, leg curls, leg extensions, chest press

ทำไมเราถึงต้องรู้ว่าการออกกำลังของเราเป็น closed chain หรือ opened chain?

เพราะการส่งแรงจากลำตัวสู่แขนขา หรือจากแขนขาเข้าสู่ลำตัวนั้น ความสำคัญของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (core) มีความสำคัญมาก เปรียบเหมือนเครื่องยนต์รถที่มีแขนขาเป็นล้อหมุนไป ถ้ากล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวขาดความแข็งแรงโคลงเคลงก็จะทำให้การออกแรงไปสู่แขนและขานั้นลดลงไปด้วย ล้อพังอีก

การออกแรงจากลำตัวส่งไปสู่แขนและขานั้น กล้ามเนื้อในส่วนแกนกลางลำตัวจะเป็นส่วนแรกที่ทำงาน โดยที่เราไม่รู้ตัวว่ามันได้ทำงานแล้วก่อนที่แขนและขาจะเคลื่อนไหว เวลาเราออกกำลังกายยกน้ำหนัก หรือแม้แต่วิ่ง เราคงเคยรู้กันมาบ้างว่า เราต้องเกร็งส่วนหลัง หน้าท้อง และจัดกระดูกเชิงกราน (engage core) ก่อนที่จะส่งแรงยก หรือระหว่างวิ่ง เพื่อที่จะส่งแรงช่วยปกป้องกระดูกสันหลัง อวัยวะภายใน และเชิงกรานไม่ให้บาดเจ็บอีกด้วย

มีงานวิจัยศึกษาเรื่องการหดตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้องที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของขา ผลจากการทดลองพบว่าปฏิกิริยาตอบสนองของกล้ามเนื้อหน้าท้องจะเกิดขึ้นก่อนการเคลื่อนไหวของขาในทุกๆการเคลื่อนไหว
จริงๆแล้วกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวมีหน้าที่สําคัญหลายอย่างครับ เป็นตัวช่วยรับแรงกระแทก ( ShockAbsorbers ) เมื่อมีการกระโดดขึ้นลงหรือการเคลื่อนที่ ด้วยการกระโดดหรือวิ่ง ช่วยสร้างความมั่นคงและความสมดุลในการเคลื่อนไหวให้กับร่างกาย (Stabilise) เป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างแขนและขา ช่วยให้เกิดความสัมพันธ์และประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหว

การที่เรารู้จัก kinetic chain movement จะทำให้เรามีความเข้าใจมากขึ้นว่า เราต้องโฟกัสไปจุดใดเพื่อสร้างแรงส่งไม่ใช่แค่โฟกัสเฉพาะส่วนที่เคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียวและทำไมการหายใจที่ถูกต้องจึงสำคัญต่อการออกกำลังกาย

2. คือ สภาพแวดล้อม

เวลายกตัว การทรงตัวขาเดียว บนพื้นแข็ง บนพื้นนิ่ม บนท่อเหล็ก ทุกๆ สสภาพแวดล้อมจะมีผลต่อการรับรู้ของร่างกายจากระบบประสาทส่วนปลาย การประเมินของสมองจากชุดความคิดและประสบการณ์ที่ผ่านมา นำไปสู่การตอบสองโดยสั่งกล้ามเนื้อผ่านไขสันหลัง

สองจุดที่สำคัญมากๆคือฝ่าเท้าและข้อมือ... ครูจะมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปครับ

หากเราสรุปจากบทความข้างบน จะเห็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องออกแบบสร้างโปรแกรมออกกำลังที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น ฝึกก้น เราจะฝึกทั้งแบบ closed chain opened chain และฝึกในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไป ยิ่งมีความหลากหลายมากเท่าไรร่างกายก็จะยิ่งมีโอกาสเรียนรู้มากขึ้น จึงไม่ควรฝึกกลุ่มท่าเดิมๆ ตลอดครับ ควรมีการเปลี่ยนบ้าง

วันนี้นาวมากๆใครอ่านถึงตรงนี้บ้างครับ​ พิมพ์​ ยาว

04/04/2025


#การไม่มีบางทีก็ทำให้มีมาก
#เล่นอิสระสำคัญสำหรับเด็ก
ที่ shopping mallใกล้บ้านของหมอ ลูกค้าหลักเป็นกลุ่มครอบครัว
เพราะที่นี่ มีโรงเรียนสำหรับกิจกรรมของเด็กๆทุกชนิดที่พ่อแม่จะคิดได้
ดนตรี บัลเลต์ เทควันโด ศิลปะ ภาษา เขียนโปรแกรม ประกอบหุ่นยนต์ ฯลฯ
แม้กิจกรรมนั้นจะเป็นสิ่งที่เด็กสนใจและเต็มใจ
อยากมาเรียนด้วยตัวเอง
แต่....ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะมีโอกาสได้เรียน
หมอและลูกสาวจะเรียนเปียโนเสร็จราวๆ 10 โมง
บริเวณลานด้านหน้าโรงเรียนดนตรี มีสนามเด็กเล่น
ซึ่งก็มีเด็กๆแวะเวียนมาเล่นไม่ได้ขาด
หมอสังเกตเห็นเด็กชายวัยประมาณ 10 ขวบคนหนึ่ง
เค้าไม่ได้เล่นของเล่นที่อยู่ในสนาม
แต่เค้านั่งปั้นดินน้ำมันคนเดียว
และมีโมเดล ไดโนเสาร์ สัตว์ 3-4 วางข้างตัว
ข้างๆกับโมเดลสัตว์ มีถุงข้าวเหนียวไก่ทอดและขวดน้ำวางอยู่
บ่งบอกว่าคงอยู่นาน...เลยเที่ยงแน่

การแต่งกาย...ดูไม่เข้าพวก
กับเด็กๆที่คุณพ่อคุณแม่ยอมจ่ายในราคาแพง
เพื่อแลกกับความสามารถพิเศษของลูก....แม้แต่น้อย
หมอเดาว่า พ่อหรือแม่ของเด็กคนนี้
คงทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่นี่
หมอนั่งมอง วิธีที่เค้าจัดการกับดินน้ำมัน
เค้าปั้นเป็น ก็อตซิลล่า เอาไปต่อสู้กับไดโนเสาร์
สักพักดินน้ำมัน ก็กลายเป็น ปลาดุกยักษ์ และล่าสัตว์ (เท่าที่เค้ามี)
ดินน้ำมัน กลายเป็นสารพัดสิ่ง ที่เค้าต้องการ

หมอกับลูกสาว ไปนั่งดูเด็กน้อย
ปั้นดินน้ำมัน ประกอบการเล่าเรื่องอย่างสนุกสนาน
ทุกอย่างที่เค้าปั้น มันมีเรื่องราวและเค้าก็รู้จริงซะด้วย
(บอกว่าปั้นปลากด หมอลองไปหารูปดู รายละเอียดของครีบ มันใช่จริงๆ)
หมอรู้สึกว่า ภาพเด็กชายที่นั่งเล่นตามจินตนาการตัวเอง
อยู่หน้าสถาบันพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆของเด็ก
ถ้าเป็นฉากในหนัง
ก็คงเป็นฉากที่มีความ contrast สูงมาก
ระหว่างเด็กคนนี้ กับ สถานที่ ที่เค้ามานั่งเล่น
ในขณะที่..กิจกรรมที่มีคนบอกว่าดี
ถูกแปลงมาเป็นหลักสูตรสำเร็จรูป
เพื่อความสะดวกสบายของพ่อแม่ยุคใหม่
ยิ่งมีหลักสูตรสำเร็จรูปมากเท่าไหร่
ยิ่งพ่อแม่
อยากให้ลูกเก่งกว่า ฉลาดกว่า รู้มากกว่า..มากเท่าไหร่
ยิ่งพ่อแม่ใช้ความกลัว ในการผลักดัน
กลัวลูกจะด้อยกว่า กลัวว่าลูกจะไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุด
กลัวว่าถ้าทุกคนเรียนแล้วลูกเราจะล้าหลัง ฯลฯ
โรงเรียนเสริมศักยภาพ ก็เหมือนสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มในจิตใจพ่อแม่
อย่างน้อย....เราก็ให้สิ่งที่(เค้า)ศึกษามาแล้วว่าดี กับลูก
แต่...เด็กยิ่งลงเรียนเพื่อเสริมศักยภาพ มากเท่าไหร่
ดนตรี กีฬา ศิลปะ coding ทำอาหาร
#เรายิ่งดึงให้เด็กห่างไกลจากการเล่นอิสระแบบเด็ก
เราเปลี่ยนการเล่นมาเป็นเรียนแบบมีเป้าหมาย
(ที่ผู้ใหญ่เป็นผู้กำหนด)
ซึ่งอาจจะดีในแง่ของการที่ดึงให้เด็กๆห่างจากจอ
และได้มาทำกิจกรรมที่มีประโยชน์กว่า
แต่คิดไปคิดมา ตอนที่พาลูกๆมาเรียนหลายๆอย่าง
พ่อแม่ก็เป็นคนพามาเองนี่นา
ดังนั้น ปัญหาคงไม่ใช่เวลาที่จะใช้เล่นกับลูก
แต่เป็น "ทางเลือก"ที่พ่อแม่รู้สึกว่า
การมาเรียนเป็นเรื่องเป็นราว คงได้ประโยชน์กว่าเล่นเองที่บ้าน (โดยมีพ่อแม่นั่งดูลูกเล่น/เล่นกับลูก)
เด็กคนนี้เหมือนมานั่งสาธิตให้เราดูว่า
การเล่น การทำสิ่งที่ชอบ มันต้องอย่างนี้เซ่!!
ไม่ต้องมีหลักสูตรรองรับ ไม่ต้องมีอุปกรณ์หรูหรา
เหมือนที่ Mitchel Resnick ผู้เขียนหนังสือเรื่อง
Lifelong Kindergarten กล่าวไว้ว่า
การเล่น เป็นกิจกรรมที่ก่อเกิดความคิดสร้างสรรค์
องค์ประกอบของการเล่น มี 3 อย่าง
1.จิตใจที่สงสัยใคร่รู้
2.จินตนาการ
3.การทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โดย องค์ประกอบ 3 สิ่งนี้ ต้องเกิดจากตัวผู้เล่นเอง
ของเล่นสำเร็จรูป
หลักสูตรเสริมสร้างศักยภาพที่ผ่านการคิดมาอย่างดีแล้ว
ย่อมเกิดจากความคิดสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม
ของใครคนใดคนหนึ่งมาก่อน
อะไรที่สร้างสรรค์มาเสร็จแล้ว...คนใช้ย่อมไม่ต้องคิดอะไรเพิ่มเติมอีก
สิ่งนั้น อาจจะด้อยกว่า ดินน้ำมันแค่ก้อนเดียว...ก็เป็นได้
เตือนตัวเอง และส่งต่อเผื่อใครจะได้ยินเสียงในใจเด็ก

เรียนแค่พอดีพอดี ดนตรีสักอย่าง กีฬาสักอย่าง
และปล่อยให้ลูกได้เล่นอิสระให้มากที่สุด
#มีเวลาเบื่อหน่ายกับวันปิดเทอม
#ได้โหยหาเพื่อน
#ได้คิดถึงครูบ้าง
จากใจเด็กบ้านนอกที่หลงมาอยู่กรุง
ที่นึกสงสารเด็กกรุงเทพเหลือเกิน
ปิดเทอมแล้ว...แต่โรงเรียน
ย้ายมาอยู่ในห้างสรรพสินค้าซะนี่😅
หมอแพม
รีโพสต์
ปล.ขออนุญาตเจ้าของผลงานปั้นปลาดุกยักษ์ปีศาจ ในการถ่ายรูปแล้ว

03/04/2025

แจ้งย้ายหอผู้ป่วย (IPD) โรงพยาบาลราชวิถี

03/04/2025

การอพยพผู้ใช้วีลแชร์จากอาคารสูง / Evacuating Wheelchair Users from High-Rise Buildings

1. แนวทางการอพยพผู้ใช้วีลแชร์อย่างปลอดภัย / Safe Evacuation Guidelines
•วางแผนล่วงหน้าและฝึกซ้อม (Plan & Practice): จัดทำแผนอพยพฉุกเฉินเฉพาะบุคคลสำหรับผู้ใช้วีลแชร์แต่ละคน กำหนดผู้ช่วยเหลือ (buddy system) และฝึกซ้อมการอพยพเป็นประจำ เพื่อให้ทุกคนทราบหน้าที่และวิธีช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน  

Prepare personal emergency evacuation plans (PEEPs) for each wheelchair user. Designate assistants in advance and practice evacuation drills regularly so that everyone knows their role and how to help in an emergency 

•ใช้บันไดหรือพื้นที่ปลอดภัย (Use Stairs or Refuge Areas): อพยพออกทางบันไดที่ใกล้ที่สุดเสมอ โดยให้ผู้ช่วยเหลือช่วยพาผู้ใช้วีลแชร์ลงบันไดอย่างระมัดระวังด้วยอุปกรณ์ที่เหมาะสม หากผู้ใช้วีลแชร์ไม่สามารถลงบันไดได้ ให้เคลื่อนย้ายไปยัง พื้นที่ปลอดภัย/จุดรอความช่วยเหลือ (Area of Refuge) ซึ่งเป็นชานพักบันไดหรือห้องนิรภัยที่ทนไฟ เพื่อรอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ 

Always move toward the nearest stairwell for evacuation. Caregivers or colleagues should assist wheelchair users down the stairs using proper equipment or techniques. If descending the stairs is not possible, move the person to an Area of Refuge (a fire-protected landing or safe waiting area in the stairwell) to await rescue by emergency personnel

• ห้ามใช้ลิฟต์ทั่วไป (Do Not Use Standard Elevators): ในสถานการณ์ไฟไหม้หรือเหตุฉุกเฉิน ห้ามใช้ลิฟต์ปกติในการอพยพ เนื่องจากอาจเกิดไฟฟ้าขัดข้องหรือติดค้างได้ ควรใช้ลิฟต์ฉุกเฉินเฉพาะทาง (ถ้ามีในอาคาร) ที่ออกแบบสำหรับการอพยพและควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเท่านั้น 

Do not use ordinary elevators to evacuate during a fire or emergency, as they may lose power or malfunction. Only use dedicated evacuation elevators if the building is equipped with them, and then only under the direction of fire safety officials

• คำนึงถึงความต้องการพิเศษ (Account for Special Needs): ระหว่างการวางแผนอพยพ ให้พิจารณาความต้องการพิเศษของผู้ใช้วีลแชร์แต่ละคน เช่น หากบุคคลนั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจหรืออุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ หรือมีสัตว์ช่วยเหลือ ต้องเตรียมวิธีขนย้ายอุปกรณ์เหล่านั้นอย่างปลอดภัย รวมถึงวางแผนล่วงหน้าว่าหากไม่สามารถยกวีลแชร์ลงมาด้วยได้ เมื่อออกสู่อาคารชั้นล่างจะมีวีลแชร์สำรองหรือวิธีการเดินทางที่เหมาะสมรองรับอย่างไร 

Plan for any special requirements the individual might have. For example, if the person uses a ventilator or other medical devices, or has a service animal, prepare safe methods to evacuate those items as well. Also plan for mobility after evacuation – if the primary wheelchair cannot be carried downstairs, ensure there is a contingency (such as a spare wheelchair or other mobility aid) available at ground level.

• แจ้งตำแหน่งและขอความช่วยเหลือ (Communication): หากต้องพักอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยระหว่างรอการช่วยเหลือ ให้ผู้ใช้วีลแชร์หรือตัวผู้ช่วยเหลือ ติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทันที – ผ่านอุปกรณ์สื่อสารสองทางที่ติดตั้งไว้ในพื้นที่ปลอดภัยหรือใช้โทรศัพท์มือถือแจ้งตำแหน่งชั้นและจุดที่รออยู่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว  

If sheltering in an Area of Refuge while awaiting assistance, make sure to communicate your location to rescue personnel. Use the two-way emergency communication system provided at the refuge area or a phone to inform first responders which floor and refuge point you are at, so they can reach you quickly  .

2. มาตรฐานและแนวทางสากล / International Standards & Guidelines
• กฎหมาย ADA (สหรัฐอเมริกา): Americans with Disabilities Act (ADA) กำหนดให้สถานที่สาธารณะต้องมี “เส้นทางหนีภัยที่ผู้พิการเข้าถึงได้” (accessible means of egress) จากทุกชั้นของอาคาร เช่น มีพื้นที่ปลอดภัยในชั้นสูงหรือมีลิฟต์สำรองกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ผู้ใช้วีลแชร์สามารถหนีออกจากอาคารได้อย่างปลอดภัยเทียบเท่าคนทั่วไป  . นอกจากนี้ ADA และกฎหมายที่เกี่ยวข้องยังกำหนดให้มีระบบเตือนภัยที่ได้ยินและเห็นได้ (สัญญาณเสียงและไฟกระพริบ) และป้ายทางออกฉุกเฉินที่มีสัญลักษณ์รถเข็นเพื่อชี้ทางหนีไฟสำหรับผู้พิการ

Americans with Disabilities Act (ADA) regulations require public buildings to provide an accessible means of egress from each floor for people with disabilities. This can include protected refuge areas on upper floors or backup-powered evacuation elevators, so that wheelchair users have a safe way out equivalent to others  . The ADA and related standards also mandate accessible alarm systems (with both audible and visual alerts) and emergency exit signage with the wheelchair symbol to mark evacuation routes for disabled persons.

• NFPA 101 (Life Safety Code): NFPA 101 ซึ่งเป็นรหัสความปลอดภัยด้านอัคคีภัยที่ใช้ในหลายประเทศ กำหนดมาตรฐานการหนีไฟในอาคารที่ครอบคลุมถึงการอพยพผู้พิการด้วย เช่น กำหนดให้มี พื้นที่สำหรับการช่วยเหลือผู้พิการ (Areas of Refuge) ในอาคารที่ไม่มีทางออกชั้นล่างที่เข้าถึงได้ กำหนดความกว้างของบันไดหนีไฟที่เพียงพอสำหรับการขนย้ายเก้าอี้รถเข็น และสนับสนุนการใช้ลิฟต์อพยพฉุกเฉินในอาคารสูงบางประเภท  . NFPA 101 ยังอ้างอิงมาตรฐานอุปกรณ์ฉุกเฉินต่างๆ เช่น ANSI/RESNA ED-1 สำหรับเก้าอี้และอุปกรณ์ขึ้นลงบันไดกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการใช้งาน

NFPA 101 (Life Safety Code) – a widely adopted fire safety code – includes provisions for evacuating people with disabilities. For instance, it requires areas of refuge or rescue assistance on floors above ground in buildings where direct accessible exits are not available, and specifies that stairwells be wide enough to accommodate evacuation of wheelchair users. It also permits the use of evacuation elevators in certain high-rises, under strict safeguards  . NFPA 101 references standards like ANSI/RESNA ED-1 for emergency stair travel devices (evacuation chairs, etc.) to ensure such equipment meets safety and performance criteria.

• มาตรฐานสากลอื่นๆ (ISO, UN, WHO): ในระดับสากล มีมาตรฐานอย่างเช่น ISO 21542 (มาตรฐานการออกแบบเพื่อการเข้าถึงในอาคาร) ที่ครอบคลุมเรื่องเส้นทางหนีไฟสำหรับผู้ใช้รถเข็น รวมถึงการติดตั้งสัญลักษณ์ทางออกฉุกเฉินแบบสากล (รูปคนวิ่งและรถเข็น) เพื่อระบุเส้นทางอพยพที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน . องค์การสหประชาชาติได้เน้นย้ำเรื่องนี้ในกรอบ Sendai Framework for Disaster Risk Reduction 2015-2030 ซึ่งเรียกร้องให้ทุกประเทศวางแผนรับมือภัยพิบัติที่ครอบคลุมผู้พิการ ตั้งแต่ระบบเตือนภัยไปจนถึงการอพยพที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน . นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ได้ออกคู่มือแนวทางเพื่อส่งเสริมการจัดการภาวะฉุกเฉินที่คำนึงถึงคนพิการ เช่น Guidance Note on Disability and Emergency Risk Management for Health ที่เน้นให้หน่วยงานต่างๆ รวมประเด็นผู้พิการไว้ในแผนภาวะฉุกเฉินและมีรายการตรวจสอบเพื่อประเมินความพร้อม 

International standards and initiatives also guide inclusive evacuation. ISO 21542, for example, addresses accessible building design and requires features like the international accessible exit sign (with the running man and wheelchair symbols) to mark wheelchair-accessible escape routes . The United Nations emphasizes disability-inclusive disaster planning in the Sendai Framework for Disaster Risk Reduction 2015–2030, which calls on countries to ensure no one is left behind, from early warning systems to accessible evacuation procedures . Similarly, the World Health Organization (WHO) has issued guidance (e.g. Guidance Note on Disability and Emergency Risk Management for Health) urging authorities to integrate disability considerations into emergency plans, and providing checklists to evaluate readiness .

3. อุปกรณ์และสัญลักษณ์ช่วยอพยพ / Evacuation Aids & Signage

ตัวอย่างเก้าอี้อพยพฉุกเฉินสำหรับช่วยเหลือผู้ใช้วีลแชร์ลงบันได (Example: an evacuation chair allows a wheelchair user to be carried down stairs safely) .
• เก้าอี้อพยพและอุปกรณ์ลงบันได (Evacuation Chairs & Stair Descent Devices): อุปกรณ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยนำผู้ที่เคลื่อนที่เองไม่ได้ลงบันไดอย่างปลอดภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน เก้าอี้อพยพฉุกเฉิน มักมีล้อและรางเลื่อนพิเศษที่สามารถไถลตามขอบขั้นบันไดอย่างนุ่มนวล ผู้ใช้วีลแชร์ต้องย้ายมาตัวเก้าอี้นี้และมีผู้ช่วยหนึ่งคน (หรือมากกว่า) เป็นผู้ควบคุมเก้าอี้ลงบันได . เก้าอี้บางรุ่นสามารถใช้งานได้โดยผู้ช่วยเพียงคนเดียวและมีระบบเบรกควบคุมความเร็ว บางรุ่นเป็นแบบไฟฟ้าที่สามารถเลื่อนขึ้น-ลงบันไดได้เอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอพยพ
 
These devices are designed to help evacuate individuals who cannot use stairs independently. Emergency evacuation chairs typically have special wheels or caterpillar tracks that allow a person to be glided down staircases smoothly. A wheelchair user transfers into the evacuation chair, and an assistant (one or more people) guides it down the stairs . Some chair models require only a single operator and include brakes to control descent speed, while others may need two operators for stability. There are even powered stair-climbing chairs that can move up or down stairs under power, further aiding efficient evacuation 

• แคร่หรือเสื่อเลื่อนฉุกเฉิน (Rescue Evacuation Sleds): แคร่เลื่อนฉุกเฉิน เป็นอุปกรณ์อีกประเภทสำหรับเคลื่อนย้ายผู้พิการหรือผู้ป่วยลงบันไดหรือผ่านทางแคบที่เก้าอี้ใช้ไม่ได้ ลักษณะคล้ายแผ่นรองหรือเปลนิ่มที่มีสายรัด สามารถนำผู้ที่นั่งบนแคร่นี้ “เลื่อน” ลงมาตามบันไดหรือพื้นเอียงได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้แรงคนลากหรือลดลง ผู้ช่วยมักต้องทำงานร่วมกันอย่างน้อยสองคนในการควบคุมแคร่เลื่อนเพื่อให้ผู้ถูกอพยพลงมาอย่างนุ่มนวลและปลอดภัย . ข้อดีคือแคร่เลื่อนพับเก็บง่าย น้ำหนักเบา และสามารถใช้ในสถานที่ที่พื้นที่จำกัดที่เก้าอี้อพยพอาจกางออกไม่สะดวก

A rescue sled (evacuation sled) is another device used to evacuate people with mobility impairments down stairs or through tight spaces where a chair might not be practical. It is essentially a flexible pad or stretcher with straps, allowing the person to be secured and slid down stairways or slopes, guided by rescuers. Typically, at least two assistants are needed to control the descent of a sled, to ensure the individual is lowered smoothly and safely . The advantage of evacuation sleds is that they are lightweight, can be quickly deployed or stored, and work in confined areas where a rigid evacuation chair might be difficult to maneuver.

• ป้ายและระบบสัญลักษณ์ทางออกฉุกเฉิน (Accessible Evacuation Signage): ป้ายทางออกฉุกเฉินที่มีสัญลักษณ์รถเข็น เป็นส่วนสำคัญของการอพยพในอาคารสูง สัญลักษณ์สากลที่รวมรูป “คนวิ่ง” และ “รถเข็น” แสดงถึงทางออกหรือเส้นทางหนีไฟที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้วีลแชร์และผู้พิการอื่นๆ . ป้ายเหล่านี้มักติดตั้งบริเวณประตูหนีไฟ บันได หรือทางไปยังลิฟต์อพยพ/พื้นที่ปลอดภัย พร้อมด้วยลูกศรชี้ทิศทางที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังมี ป้ายพื้นที่ปลอดภัย (Area of Refuge sign) ที่แสดงตำแหน่งจุดรอความช่วยเหลือสำหรับผู้พิการโดยเฉพาะ (มักเป็นสัญลักษณ์รูปโทรศัพท์หรือเครื่องหมาย “🅿” ร่วมกับสัญลักษณ์รถเข็น) เพื่อให้ทั้งผู้ใช้งานและเจ้าหน้าที่ทราบตำแหน่งพื้นที่ดังกล่าว. การจัดให้มีป้ายและสัญลักษณ์ที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเหล่านี้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายและมาตรฐานสากล (เช่น ISO 21542 และ ADAAG) ซึ่งช่วยให้การอพยพเป็นระบบและทุกคนรับรู้เส้นทางหนีภัยของตนเองได้อย่างรวดเร็ว 

Accessible emergency exit signs (featuring the wheelchair symbol) are crucial in high-rise evacuations. The international “Accessible Exit” pictogram – often showing a running man accompanied by the wheelchair graphic – indicates an exit route that is safe for wheelchair users and others with disabilities . These signs are posted at stairwell doors, along escape routes, or pointing toward evacuation elevators and refuge areas, often with arrows to guide direction. There are also specific “Area of Refuge” signs marking the designated safe waiting areas for persons with disabilities (commonly including the wheelchair icon and sometimes an emergency phone symbol), so that both occupants and first responders can locate these areas quickly. Providing clear, standardized signage is required by accessibility codes and standards (such as ISO 21542 and ADA guidelines) and ensures that everyone – including those with disabilities – can identify their evacuation routes quickly and confidently during an emergency.

ที่อยู่

Dusit

เบอร์โทรศัพท์

+66900907802

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ กายภาพบำบัดรพ.เด็กผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์