
01/05/2024
ในยุคที่เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปในทุกนาที มนุษย์จึงสามารถเข้าถึงข้อมูลพันธุกรรมของตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้เกี่ยวกับลักษณะหน้าตาและนิสัยมาจากพ่อและแม่ แต่ยังสามารถถอดรหัสพันธุกรรมส่วนบุคคลเพื่อระบุข้อมูลการแสดงออกเฉพาะตัวต่างๆ ของร่างกาย ไปจนถึงโรคทางพันธุกรรมที่ได้รับการถ่ายทอด ซึ่งอาจนำไปสู่การรักษาโรคด้วยการแก้ไขจีโนมในอนาคตอันใกล้ 🧬
ในปี 2408 เกรเกอ เมนเดล ได้นำเสนอทฤษฎีพันธุศาสตร์ตามหลักของเมนเดล ได้แก่ กฎการแยก และกฏการรวมกลุ่มอย่างอิสระ ซึ่งอธิบายถึงการได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมของลูกจากพ่อและแม่โดยการสุ่มอย่างอิสระ
ในปี 2533 โครงการ Human Genome Project ได้เริ่มขึ้นและได้เสร็จสิ้นในปี 2546 พร้อมกับข้อมูลรหัสพันธุกรรมของมนุษย์ และในเดือนกรกฎาคม 2564 คณะกรรมการฯ ได้เผยแพร่กรอบการกํากับดูแลสําหรับการแก้ไขจีโนมมนุษย์และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขจีโนมมนุษย์
จากค่าใช้จ่ายหลักล้านสู่ราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าการรับประทานอาหารมื้อหรู ทำให้เราสามารถนำข้อมูลที่ได้จากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม (Whole Genome Sequencing) มาใช้ในการวางแผนดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ตั้งแต่การคัดกรองความเสี่ยงโรคล่วงหน้า ไปจนถึงใช้ในการแพทย์และการดูแลร่างกายแบบเฉพาะบุคคล (Precision-personalised medicine & healthcare) ข้อมูลพันธุกรรมเหล่านี้จึงเป็นมากกว่าเพียงการตรวจสุขภาพทั่วไป แต่เป็น "Big data" ส่วนบุคคลที่จะช่วยให้เราก้าวไปสู่อนาคตของชีวิตได้อย่างมั่นใจและมีแผนการ💪🏻
ขอขอบคุณข้อมูลจาก:
1. https://www.who.int/groups/expert-advisory-committee-on-developing-global-standards-for-governance-and-oversight-of-human-genome-editing/registry
2. doi:10.2105/AJPH.2023.307315
3. https://www.who.int/health-topics/human-genome-editing =tab_3
4. https://www.raconteur.net/healthcare/timeline-of-scientific-discovery-gene-editing
5. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK447275/
เริ่มต้นวางแผนดูแลสุขภาพตัวคุณและคนในครอบครัวกับ DNALL🧬
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 📍
LINE Official Account 📲
Call ☎️ 094-616-6878