Soon Wellness - Massage Aesthetic

09/09/2023

Deep breath work during a massage can help relax the body and mind, which in turn can help release tension in the muscles and tendons. By taking slow, deep breaths, you can enhance the relaxation response and potentially improve the effectiveness of the massage.

20/08/2023

Massage is a fascinating topic that has been practiced for thousands of years in different cultures and traditions. It is a form of healing and relaxation that involves manipulating the soft tissues of the body with various techniques and tools. But massage also has some mysteries that you might not know about. Here are some interesting facts about massage that might surprise you:

- Massage can affect your genes. According to a study by researchers at the University of California, Los Angeles, massage can alter the expression of genes related to inflammation and stress response¹. This means that massage can have a positive impact on your immune system and your mood.

- Massage can help you sleep better. A review of 12 studies by researchers at the University of Warwick found that massage can improve the quality and quantity of sleep in people with various health conditions, such as chronic pain, cancer, and fibromyalgia². Massage can also reduce insomnia and fatigue by promoting relaxation and reducing stress hormones.

- Massage can make you smarter. A study by researchers at the University of Miami School of Medicine found that massage can enhance brain function and cognitive performance³. The study involved 26 adults who received either a 15-minute chair massage or a 15-minute relaxation session twice a week for five weeks. The results showed that the massage group had improved alertness, accuracy, and speed on math problems, as well as lower levels of anxiety and depression.

- Massage can be traced back to ancient times. Massage is one of the oldest forms of therapy in human history. It has been documented in ancient texts from China, India, Egypt, Greece, and Rome. Some of the earliest practitioners of massage were healers, priests, and warriors who used massage to treat injuries, diseases, and spiritual ailments.

- Massage can vary widely depending on the culture and tradition. There are many types of massage that have developed in different parts of the world, each with its own philosophy and technique. For example, Thai massage is based on the concept of energy lines and involves stretching and pressing the body into various positions. Swedish massage is based on the concept of anatomy and physiology and involves stroking, kneading, and tapping the muscles. Shiatsu massage is based on the concept of acupressure points and involves applying finger pressure to specific areas of the body.

These are just some of the mysteries of massage that you might find intriguing. Massage is a wonderful way to take care of your body and mind, as well as to learn more about yourself and the world around you. If you are interested in experiencing the benefits of massage, you can find a qualified therapist near you or book an appointment online. You can also try some self-massage techniques at home or with a partner. Massage is a gift that you can give to yourself and others, so why not enjoy it today? 😊.

Source: Conversation with Bing, 8/18/2023
(1) 15 Answers to Your Massage & Spa Questions - Fodors Travel Guide. https://www.fodors.com/news/photos/massage-mysteries-solved-16-answers-to-your-secret-spa-questions.
(2) The Mystery of Pain - MASSAGE Magazine. https://www.massagemag.com/pain-research-117971/.
(3) Mysteries of Massage — Unlock | Bodyworks. https://www.unlockbodyworks.com/blog/2019/2/28/7m4xrkiadf5hegtwc0qd13x76z5ina.

19/08/2023

Touching Life by Massage

Massage is more than just a way to relax and pamper yourself. It is a powerful tool that can touch your life in many positive ways. Massage can improve your physical, mental, and emotional well-being, as well as your relationships with others. Here are some of the benefits of massage that you might not be aware of:

- Massage can boost your immune system. Studies have shown that massage can increase the number of white blood cells in your body, which are responsible for fighting off infections and diseases. Massage can also reduce the levels of cortisol, a stress hormone that can weaken your immune system.
- Massage can enhance your mood. Massage can stimulate the production of endorphins, serotonin, and dopamine, which are neurotransmitters that regulate your mood and emotions. Massage can also lower the levels of norepinephrine and epinephrine, which are hormones that trigger anxiety and depression. Massage can help you feel happier, calmer, and more optimistic.
- Massage can improve your brain function. Massage can increase the blood flow to your brain, which can improve your cognitive abilities and memory. Massage can also activate the parasympathetic nervous system, which is responsible for rest and digestion. Massage can help you think more clearly, creatively, and efficiently.
- Massage can strengthen your bonds with others. Massage is a form of non-verbal communication that can convey warmth, care, and affection. Massage can also release oxytocin, a hormone that promotes social bonding and trust. Massage can help you connect more deeply with your partner, family, friends, and even yourself.

These are just some of the ways that massage can touch your life. Massage is a gift that you can give to yourself and others, no matter what age, gender, or background you are. Massage is a universal language that can transcend barriers and bring people together. Massage is a celebration of life and all its wonders.

If you are interested in experiencing the magic of massage, you can find a qualified therapist near you or book an appointment online. You can also learn some simple massage techniques that you can practice at home or with a partner. You don't need any special equipment or skills to enjoy the benefits of massage. All you need is an open mind and a willing heart.

Massage is more than just a touch. It is a touch that can change your life for the better. 😊

19/08/2023

ประวัติความเป็นมาของวิชานวดไทย
ศาสตร์การนวดเพื่อสุขภาพและการนวดแบบแผนโบราณในประเทศไทย มีต้นแบบมาจากอินเดียซึ่งมีมานานกว่า 2500 ปี ด้วยความเชื่อที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ได้หล่อหลอมเหล่านักเรียนที่เพิ่งศึกษาวิชาการนวดจากอาจารย์ของพวกเขาที่เป็นหมอนวดชำนญการ ว่าผู้ริเริ่มการนวดแผนโบราณเพื่อรักษาผู้ป่วยคือหมอชีวกโกมารภัจจ์ จากประเทศอินเดีย(ในปัจจุบัน) ประวัติโดยสังเขปนั้นกล่าวว่า ท่านเป็นหมอประจำตัวของพระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต และท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ก็เป็นถึงปพทย์ประจำตัวของพระพุทธเจ้า ศาสดาของศาสนาพุทธ
กล่าวได้ว่า อาจารย์ของหมอนวดทุกคนนั่นคือหมอชีวกโกมารภัจจ์นั่นเอง ท่านเป็นหมอที่มีความสามารถในการรักษาอย่างหาที่เก่งกาจแห่งยุคสมัย มีชื่อเสียงเลื่องลือในอินเดียเมื่อ 2500 ปี ก่อน ท่านมีลูกศิษย์มากมายหลังจากที่ท่านเสียชีวิต ลูกศิษย์ทำการรักษาต่อและเผยแพร่กว้างขวางออกจนถึงระดับนานาชาติรวมทั้งประเทศไทย แต่ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าเข้ามาถึงเมืองไทยเมื่อใด เมื่อเข้ามาถึงเมืองไทยก็ได้ถูกพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขให้เข้ากับวัฒนธรรมของสังคมไทย จนเป็นรูปแบบที่มีเอกลักษณ์แบบไทยและถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อสืบค้นหลักฐานด้านการนวดในเชิงประวัติศาสตร์ ในเมืองไทยขุดพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดชิ้นหนึ่งในป่ามะม่วง ที่จารึกเป็นรูปวิธีการรักษาด้วยการนวดบนศิลาจารึกสมัยพ่อขุนรามคำแหง
ต่อมาในยุคกรุงศรีอยุธยา สมัยของพระบรมไตรโลกนาถขึ้นครองราชย์เป็นมหากษัตริย์ (พ.ศ.1991-2031) ปรากฏความในกฎหมายตราสามดวงถึงการแบ่งส่วนราชการให้มีกรมหมอนวดเป็นกรมใหญ่ เจ้ากรมและปลัดกรมมีศักดินามากกว่ากรมอื่นๆ จำแนกตำแหน่งเป็น หลวง ขุน หมื่น พัน และมีศักดินาเช่นเดียวกับข้าราชการสมัยนั้น คือเจ้ากรมหมอนวดมีตำแหน่งหลวงรักษา และแบ่งการบริหารเป็นปลัดกรมหมอนวดฝ่ายขวาคือหมอนวดฝ่ายผู้ชาย มีขุนภักดีองค์เป็นปลัดกรมหมอนวดฝ่ายขวา สำหรับเจ้ากรมหมอนวดฝ่ายซ้ายคือหมอนวดฝ่ายหญิง มีหลวงราโชเป็นหัวหน้าและขุนองค์รักษาเป็นปลัดเจ้ากรม ขณะที่ตำแหน่งหมื่นมีตำแหน่งเท่ากันทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ได้แก่ หมื่นแก้ววรเลือก หมื่นวาโยวาด หมื่นวาโยนาศ และหมื่นวาโยไชย ตามลำดับ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ รองลงไปได้แก่ พัน และนายพะโรง
หลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งเป็นบันทึกจดหมายเหตุของราชทูตฝรั่งเศส หลักฐานจากจดหมายเหตุของ ราชทูต ลาลูแบร์ ประเทศฝรั่งเศส ที่เข้ามาในกรุงสยามเมื่อปี พ.ศ. 2230-2231 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ (พ.ศ.2199-2231) ในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกล่าวถึงการนวดเพื่อรักษาโรคของไทยว่า"ในกรุงสยามนั้นถ้าใครป่วยไข้ลงก็จะเริ่มทำเส้นสายยืด โดยให้ผู้ชำนาญในทางนี้ขึ้นไปบนหลังแล้วใช้เท้าเหยียบ กล่าวกันว่า หญิงมีครรภ์มักใช้เด็กเหยียบ เพื่อให้คลอดบุตรง่าย" หลังจากเสียกรุงให้พม่าสองครั้ง ตำราการแพทย์แผนไทยได้ถูกทำลายสูญหายไปเป็นจำนวนมาก
จวบจนสมัยรัตนโกสินทร์ ในสมียรัชกาลที่ 1 เมื่อครั้งย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมาตั้งที่กรุงเทพฯ ทรงให้ปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์ขึ้นเป็นอารามหลวง (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) เมื่อ พ.ศ. 2331 เป็นอารามหลวงและได้รวบรวมตำรายา ตำรานวด แล้วให้แสดงไว้ตามศาลารายเพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาโดยทั่วกัน
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงให้หล่อใหม่เป็นโลหะและให้ประชุมบรรดานักปราชญ์ราชบัณฑิต ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ เช่น ตำรายา ตำราหมอนวด ตำราโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน โบราณคดี ประวัติศาสตร์ วรรณคดี ประเพณี ศาสนา และสุภาษิต มาจารึกลงบนแผ่นศิลาประดับไว้ที่วัดพระเชตุพนฯ และยังได้ทรงโปรดให้กรมหมื่นณรงค์หริรักษ์ (พระราชโอรสรัชกาลที่ 1 พระนามเดิมพระองค์เจ้าชายดวงจักร) เป็นผู้ทรงกำกับช่างหล่อรูปฤาษีดัดตนท่าต่างๆ รวม 80 ท่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2379 ปั้นแล้วตั้งไว้ตามศาลาราย และให้จารึกตำรายา ตำราหมอนวดบอกสมุฏฐานของโรคและวิธีบำบัด 60 แผ่นพร้อมคำบรรยายสรรพคุณ เป็นโคลงสี่สุภาพแต่งโดยกวีมีชื่อในสมัยนั้น รวมองค์พระมหากษัตริย์และพระเจ้าน้องยาเธอ ขุนนาง พระภิกษุ ตลอดจนสามัญชน รวม 35 ท่าน ร่วมกันนิพนธ์และแต่งโคลงรวมทั้งสิ้น 80 บท โดยจารึกไว้บนแผ่นหินอ่อนประดับตามผนังโบสถ์และศาลารายในบริเวณวัดเพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาและนำไปใช้ในการรักษาตนเพราะสมัยนั้นตำรายังหายาก จนวัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น "มหาวิทยาลัยเปิด" แห่งแรกในประเทศไทย
นอกจากนี้ รัชกาลที่ 3 ยังให้ขุนรจนา เป็นผู้คัดลอกภาพลงสมุดไทย ให้ขุนอาลักษณ์สิสุทธิอักษร เป็นผู้คัดลอกและตรวจทานโคลงที่แต่งเขียนลงกำกับภาพไว้ลงในสมุด ซึ่งกล่าวได้ว่า ความรู้ทางการแพทย์แผนไทยที่วัดพระเชตุพนฯ ประกอบไปด้วยตำรายาและตำราที่เกี่ยวกับการนวด แบ่งเป็นหมวดหมู่คร่าวๆ ได้ดังนี้
1. วิชาบริหารร่างกาย (ฤาษีดัดตน) การบริหารร่างกายหรือการดัดตนระงับความเมื่อย มีการปั้นฤาษีดัดตนในท่าต่างๆ สร้างมาแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชแต่เปลี่ยนมาเป็นฤาษีหล่อดีบุกจำนวน 80 ท่า และมีโคลงสี่อธิบายประกอบครบทุกรูป (แม้ปัจจุบันเหลือรูปปั้นฤาษีดัดตนเพียงแค่ 24 รูป ที่เขาฤาษีดัดตนใกล้พระวิหารด้านทิศใต้ของพระอุโบสถ)
2. วิชาเวชศาสตร์ เรียกว่า ตำราอาจารย์เอี่ยม ศึกษาโรคภัยไข้เจ็บตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทย มีการแยกสมุฏฐานของโรคต่างๆ ได้แก่ ธาตุทั้ง 4 สมุฏฐานของโรคซึ่งเกี่ยวพันกับที่อยู่อาศัย ฤดู วัน เวลา รวมถึงสาเหตุของอาหาร การดูลักษณะอาการของไข้และการวินิจฉัยโรค การใช้ยาบำบัดโรค ซึ่งแต่ละโรคจะมีตำรายาให้เลือกใช้หลายขนาน เมื่อนับรวมทั้งหมดแล้วมีกว่า 1,128 ขนาน
3. วิชาเภสัช ว่าด้วยสรรพคุณของเครื่องสมุนไพรและเครื่องเทศแต่ละชนิด ว่าส่วนใดมีสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรคใด จำนวนกว่า 113 ชนิด
4. วิชาแผนนวด หรือวิชาหัตถศาสตร์ ในจารึกมีแผนภูมภาพโครงสร้างร่างกายมนุษย์ แสดงที่ตั้งของเส้นประสาทการนวด 14 ภาพ และเกี่ยวกับการนวดแก้ขัดยอก แก้เมื่อยและโรคต่างๆ 60 ภาพ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังคงมี “กรมหมอนวด” เช่นเดียวกับสมัยอยุธยา อีกทั้งยังโปรดเกล้าฯ ให้ ทำคัมภีร์แพทย์ คัมภีร์แผนนวดและฤาษีดัดตนขึ้นใหม่โดยอิงจากตำราเก่า ในปี พ.ศ. 2413 ปรากฏหลักฐานในหอพระสมุดวชิรญาณ เป็นตำราแผนนวดฉบับหลวงพระราชทานในรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2449 เพื่อศึกษาและใช้โดยแพทย์หลวงเท่านั้น สิ่งสำคัญที่ได้รวบรวมไว้คือ แผนภาพที่สำคัญของวิชาการนวดไทย ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “เส้นสิบ” ซึ่งจารึกโดยท่านบรมครูชีวกโกมารภัจจ์ เมื่อ 2500 กว่าปีมาแล้ว ขณะที่ในปี พ.ศ. 2445 มีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังฤาษีดัดตนที่ศาลาโถงของวัดมัชฌิมาวาส (วัดกลาง) จังหวัดสงขลา จำนวน 40 ท่า
ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปิดให้มีการสอนวิชาการแพทย์แผนไทยและแบ่งตำราการนวดเป็นภาควิชาหัตถศาสตร์เรียกว่า"ตำรานวดฉบับหลวง"
สมัยรัชกาลที่ 6 กรมแพทย์หลวงถูกยุบด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ทำให้รัฐบาลมีงบประมาณจำกัด หมอหลวงที่เคยรับราชการอยู่ต้องออกมาประกอบอาชีพส่วนตัว การนวดจึงหมดบทบาทจากราชสำนักไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. 2466 ระบุการนวดอยู่ในนิยามของโรคศิลปะ แต่หมอนวดแบบชาวบ้านก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ กล่าวกันว่า หมอนวดที่มีชื่อเสียงมากในยุคนั้น คือ หมออินเทวดา ซึ่งเป็นหมอนวดในราชสำนัก
ในสมัยรัชกาลที่ 7 มีกฎเสนาบดี พ.ศ. 2472 ระบุสาขาการนวดในการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณ และในปี พ.ศ. 2475 มีการก่อตั้งสมาคมแพทย์แผนโบราณแห่งประเทศไทยและมีการสอนนวด แบ่งการประกอบโรคศิลปะออกเป็น"แผนปัจจุบัน" และ "แผนโบราณ" โดยแบ่งแผนโบราณเป็น 4 สาขา ได้แก่ สาขาเวชกรรมแผนโบารณ สาขาเภสัชกรรมแผนโบราณ สาขาผดุงครรภ์แผนโบราณ สาขานวดแผนโบราณ
รัชกาลที่ 8 ได้มีการตราพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 ได้มีการตัดนวดแผนโบราณออกไป จนกระทั่งต่อมาในปีพ.ศ. 2544 กระทรวงสาธารณสุขได้มีประกาศให้เพิ่มสาขาการนวดไทยเข้าไว้ในสาขาแพทย์แผนไทยอีกครั้ง และได้มีการแบ่งออกเป็น 2 สาย คือสายราชสำนักและสายเชลยศักดิ์ โดย การนวดแบบสายราชสำนัก เป็นการนวดโดยใช้มือเท่านั้น ท่วงท่าที่ใช้ในการนวดมีความสุภาพเรียบร้อย และมีข้อกำหนดในการเรียนมากมาย เป็นการนวดที่ใช้ในระดับเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ส่วนการนวดแบบสายเชลยศักดิ์ เป็นการนวดที่ไม่มีพิธีรีตองมากนักในการนวด อีกทั้งยังสามารถใช้อวัยวะอื่นๆนอกจากมือในการนวดได้ เช่น ศอก เข่า เท้า เพื่อช่วยทุ่นแรงในการนวดได้ เป็นการนวดที่ใช้ในระดับชาวบ้าน
รัชกาลที่ 9 ปี พ.ศ. 2494 คณะกรรมการวัดพระเชตุพนมังคลาราม (วัดโพธิ์) พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการแพทย์แผนไทย ได้สนองพระราชปรารภในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จัดทำหลักสูตรโรงเรียนแพทย์แผนโบราณขึ้นในนาม "โรงเรียนแพทย์แผนโบราณแห่งประเทศไทย" ได้เปิดสอนเป็นแห่งแรกที่วัดพระเชตุพนฯ โดยแบ่งออกเป็น 3 หลักสูตร คือ เวชกรรม เภสัชกรรม และหัตถกรรม ต่อมาได้มีการขยายตัวไปทั่วประเทศในนามของสมาคมแพทย์แผนโบราณ ซึ่งเป็นงานการฟื้นฟูการแพทย์ของเอกชน
ในปี พ.ศ. 2530 กระทรวงสาธารณสุขตีความว่าการนวดแผนไทยเพื่อรักษาโรคเป็นการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณ สาขาเวชกรรม สอดคล้องกับรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการส่งออกธุรกิจการนวดแผนโบราณ เนื่องจากเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และได้รับความนิยมจากต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจการนวดเฟื่องฟู ทำให้ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 กระทรวงสาธารณสุขได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านนวดแผนโบราณ เพื่อเตรียมการให้การนวดไทยเป็นการประกอบโรคศิลปะการแพทย์แผนไทยประเภทหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะฉบับใหม่ ในช่วงเวลานั้นมีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจเรียนนวดไทยมากจนมีการเปิดสำนักสอนการนวดไทย ผลิตหนังสือและสื่อการสอนนวดออกมาแพร่หลาย
กล่าวได้ว่า ในสังคมไทยสมัยก่อนการถ่ายทอดวิชาการนวดไทยยังไม่มีการสอนอย่างเป็นระเบียบแบบแผน เป็นแต่เพียงการถ่ายทอดตามสายบรรพบุรุษหรือตระกูลเดียวกัน ผู้เป็นอาจารย์จะพิจารณาว่าลูกศิษย์เหมาะสมที่จะได้รับการถ่ายทอดความรู้ให้หรือไม่ หรืออาจเป็นผู้ที่คุ้นเคยและอยากเรียนวิชามาฝากตัวเป็นศิษย์โดยมีพิธีไหว้ครูและครอบวิชาหมอนวดให้
การเรียนการสอนมีลักษณะแบบตัวต่อตัว เริ่มเรียนจากการฝึกกำลังนิ้ว ท่วงท่าในการนวด จากนั้นจะสอนเรื่องจุดนวด เส้นประตูลม ฯลฯ แล้วเริ่มฝึกปฏิบัติ หัดนวดครูและติดตามครูเพื่อรับรู้ประสบการณ์วิธีการนวดและวิธีจับเส้นจากครูให้ได้มากที่สุด
ขณะที่การเรียนการสอนการนวดในปัจจุบันนั้น มีการเรียนการสอนหรือสืบทอดทั้งในวัด สถาบันการศึกษา และภายในครอบครัว โดยสถานศึกษาการนวดแผนไทยแห่งแรกคือวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) และมีขึ้นอีกหลายแห่ง เช่น วัดสามพระยา วัดปรินายก อายุรเวทวิทยาลัย เป็นต้น

#นวด #นวดเพื่อสุขภาพ #นวดไทย #ภูมิปัญญา100ปี #อารีย์4

18/08/2023

เคยได้ยินคำว่า "นวดกดจุด" กันมาเยอะแล้ว เคยสงสัยไหมว่า "จุดที่ถูกกด" คือจุดอะไร สำคัญอย่างไร แล้วทำไมต้องกดตรงนี้

มาทำความรู้จักกับจุดกดนวดมากขึ้นกับ

(ตอนที่ 1)
การนวดกดจุด จะใช้เพื่อรักษาอาการปวดต่าง ๆ ของเส้นเอ็น ที่มีอาการตึง ติดขัด ทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก สำหรับบางคนก็มีอาการหนักถึงขั้นปวดอย่างรุนแรง การนวดธรรมดาจะช่วยคลายเส้นเอ็นที่ตึงในระดับหนึ่ง แต่การจะทำให้ปมของเส้นเอ็นที่มีความแข็งตึงจนเป็นสาเหตุของอาการปวดให้หายไปอย่างสิ้นเชิงได้นั้น มีความลับที่เรียกว่า "จุดกดนวด" หรือ "จุดคลายเส้น" นั่นเอง ดังนั้นในการนวดกดจุด สิ่งนี้คือกุญแจที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดอันเนื่องมาจากเส้นเอ็น

ในทางสรีรวิทยา จุดที่ทำการกดจุด หรือบ้างก็เรียก "จุดกระตุ้น" จะมีลักษณะเฉพาะ คือ เป็นบริบริเวณที่ขาดเลือด (การไหลเวียนของเลือดลดลง) เนื่องจากเส้นเอ็นติดขัด ไม่ยืดหยุ่น เลือดลมไหลเวียนขัดข้อง และผสานกับการสะสมของเสียจากการเผาผลาญของร่างกายภายในเส้นเอ็น ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้เกิดภูมิไวเกินและการหดตัวของเส้นใยกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง ความตึงและความกดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับจุดกระตุ้นสามารถจำกัดช่วงของการเคลื่อนไหว ทำให้กล้ามเนื้อตึงในที่สุด

อ้างอิง : https://massagematters.clinic/unravelling-the-mystery-of-trigger-points-in-massage-therapy/

17/08/2023

After the incident in 1949, a new policy enforcement agency promoted traditional medicine. The theories, techniques, and demands that schools and candidates compete against each other that make up traditional medicine will be standardized and systematized in "Zhong Yi," literally "Chinese Medicine," or, marketed in Africa as "Chinese medicine." "Traditional Chinese Medicine" (TCM) soon followed. Previously, remember to ask the Chinese people to ask for permission from "Tuina" to separate massage therapy according to TCM theory, loosen traditional massage, which is now called "Anmo."

ภายหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พ.ศ. 2492 หน่วยงานบังคับใช้นโยบายใหม่ส่งเสริมการแพทย์แผนโบราณ ทฤษฎีเทคนิคและเรียกร้องให้โรงเรียนและผู้สมัครแข่งขันกันซึ่งประกอบขึ้นเป็นยาแผนโบราณจะได้รับการกำหนดมาตรฐานและจัดระบบใน "Zhong Yi" ตามตัวอักษร "การแพทย์แผนจีน" หรือที่จำหน่ายในแอฟริกาว่า "การแพทย์แผนจีน" (TCM) ตามมาเร็วๆ นี้ ก่อนหน้านี้ในอย่าลืมให้ประชาชนจีนขออนุญาติ "ทูอินา" เพื่อแยกการนวดบำบัดตาม ทฤษฎี TCM คลายการนวดพื้นบ้านซึ่งปัจจุบันเรียกว่า "อันโม"

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://cftmc-tuina.over-blog.org/article-histoire-du-massage-chinois-tuina-99471004.html

17/08/2023

Advice from Lama Zopa Rinpoche about Mantra:
“If you can recite Bhaisajyaguru mantra as much as you can every day (good to do at least 5 malas), this will purify negative karma and will help you never to be reborn in the lower realms.”

Lama Zopa Rinpoche also stated – ”Besides the benefits you receive from reciting this medicine mantra, also these are the benefits just from hearing the mantra. Thus, this mantra is much more precious than the whole sky full of diamonds and infinite jewels. With this healing mantra, you can liberate numberless sentient beings from oceans of suffering and bring them to enlightenment.

Therefore, again, reciting even one mantra or hearing just once this mantra is much more precious than the sky filled with diamonds, gold, wish-fulfilling jewels and zillions and zillions of dollars.”

17/08/2023

The original name of this healing mantra is Bhaisajyaguru Vaidurya Prabharaja. Bhaisajyaguruvaiḍuryaprabharaja Sutra (Medicine Buddha mantra Tibetan script) was found in Gilgit, Pakistan, and Afghanistan, dated before the 7th century.

On achieving Buddha-hood, Bhaisajyaguru became the Buddha of the eastern pure land of Vaiḍuryanirbhasa, “Pure Lapis Lazuli.” There, Bhaisajyaguru is attended to by two Bodhisattvas symbolizing the light of the sun (Suryaprabha) and the light of the moon (Candraprabha).

The practice of veneration and adoration of Bhaisajyaguru is also popular in China, as Bhaisajyaguru is described as one of the trinity of Buddhas, the others being Gautama Buddha and Buddha Amitabha.
more info click :

Medicine Buddha Mantra (Bhaisajyaguru) chanted by Khenpo Pema Chopel Rinpoche with powerful healing benefits for mind and body.

16/08/2023

Alternate Nostril Breathing – The Nine Purification Breaths: Instructions & Warnings
The Nine Purification Breaths (or Nine Round Breathing) is a purification practice that replaces stale prana with wisdom prana.

The prana – or lung, in Tibetan – is an essential piece of our constitution, which refers to the movement of life force in the body.

When stale prana is removed through this practice, the remaining prana is clear and pure, and wisdom prana emerges.

Thus, this exercise is a great additional benefit to any practice.

• Releasing:

Press your left ring finger to your left nostril and inhale slowly and deeply. Imagine the breath follows the path of the white channel all the way to the junction.

Hold the breath slightly as you switch the finger to press the right nostril.

Following the left red channel’s pathway, exhale slowly and gently at first and more forcefully at the end of the exhalation. Feel the energy of attachment release with the exhalation and instantly dissolve into space.

• Repeat the exercise three times, feeling the increasing openness in the red left channel. Maintain a connection to this openness as you bring your attention to the blue central channel.

more information and technique at

This video demonstrates the Nine Step Purification Breathing Technique as taught by Dr. Nida Chenagtsang.The Nine Step Purification Breathing Technique is us...

16/08/2023

ประวัติของการนวดฉบับติวเข้ม