04/08/2022
กอดวิเศษที่ทำให้ผู้มีภาวะออทิซึมรู้สึกสงบลง 🤍
ถอดบทเรียนจากซีรีย์ “Extraordinary Attorney Woo (2022)”
บทเรียนที่ 2 “กอดวิเศษ ช่วยเยียวยาบรรเทา”
อูยองอู มีภาวะออทิสติก ทำให้เธอมีปัญหากับการบูรณาการทางประสาทสัมผัส (Sensory Integration: SI) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous System) ของเราจะประมวลผลเมื่อได้รับข้อมูลจากสภาพแวดล้อมหรือผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ จากร่างกายของเรา
ได้แก่
1. Auditory (การได้ยิน)
2. Visual (การมองเห็น)
3. Olfactory (การรับกลิ่น)
4. Gustatory (การรับรสชาติ)
5. Tactile (การรับสัมผัส)
6. Vestibular (ระบบประสาทรับรู้การเคลื่อนไหวและสมดุล) ซึ่งมีผลต่อการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนท่าทาง การรักษาสมดุล
7. Proprioceptive (ระบบประสาทรับรู้ผ่านกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อ) ซึ่งมีผลต่อการรับรู้ตำแหน่งร่างกาย การลงน้ำหนัก การกะแรง กะระยะ
เมื่อประมวลผลข้อมูลที่ได้รับเข้ามาแล้วจึงตอบสนองกลับไป
ถ้าระบบประสาทส่วนกลางมีปัญหาในการประมวลผลข้อมูลทางประสาทสัมผัสใดก็ตาม การตอบสนองของร่างกายนั้นอาจจะผิดปกติไป ซึ่งสามารถสังเกตเห็นความผิดปกตินั้นได้จากการเคลื่อนไหว การสื่อสาร การเข้าสังคม และปัญหาทางด้านอารมณ์ (Jean, 1974)
จึงเห็นได้ว่าอูยองอูจะมีหูฟังประจำตัว เพื่อนำมาใช้เวลาสภาพแวดล้อมมีเสียงดังเกินไป เพราะสำหรับคนทั่วไปเสียงเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอะไร แต่สำหรับอูยองอูเสียงเหล่านั้นส่งผลให้ระบบประสาทของเธอทำงานหนักเพื่อประมวลผลกลับมาตอบสนอง ซึ่งส่งผลให้เธอรู้สึกท่วมท้นหรือถูกคุกคามมากกว่าคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม แม้อูยองอูจะพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะทำให้เธอรู้สึกท่วมท้นจนเกินไป
ในชีวิตจริงเธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอ
เสียงของรถชนกัน
เสียงของผู้คน
เสียงของคนรักที่กรีดร้อง
และความชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้อูยองอูรู้สึกท่วมท้นเกินกว่าที่ตัวเธอจะรับมือได้
ร่างกายที่ไม่สามารถประมวลผลให้ตอบสนองอย่างเหมาะสม ส่งผลให้อูยองอูรู้สึกคุกคาม และไม่ปลอดภัยอย่างมาก
เธอเริ่มแสดงออกด้วยกาพยายามปิดหู แต่ไม่เป็นผล เธอเริ่มตอบสนองต่อสถานการณ์รุนแรงขึ้นด้วยการตีหัวตัวเองอย่างแรง
อีจุนโฮ (พระเอก) ซึ่งเห็นอูยองอูที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป รีบปรี่เข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง
เขากอดเธอไว้แน่นที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เพื่อบอกเธอว่า “ทุกอย่างจะไม่เป็นไร”
อูยองอูขอร้องให้พระเอกกอดเธอแน่นอีกๆ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกสงบลง
อีจุนโฮเข้าใจดีและตอบสนองด้วยการกอดอูยองอูแน่นขึ้นตามที่เธอขอร้อง
ไม่นานอูยองอูค่อยๆ สงบลง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น อูยองอูขอบคุณที่อีจุนโฮกอดเธอเอาไว้
เธอพยายามจะอธิบายอีจุโฮว่า “สำหรับคนที่มีภาวะออทิสติกแล้ว การกอดแน่นๆ จะช่วยให้สงบลงได้”
ซึ่งตัวอีจุนโฮมีความเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างที่ เพราะตัวเขาเองยังได้บอกกับอูยองอูอีกว่า “ที่ต่างประเทศมีคนผลิตเก้าอี้กอดสำหรับผู้ที่มีความต้องการการกอดแน่นๆ เช่นนี้ด้วย”
**********
“การกอดแน่นๆ”
“การบำบัดด้วยแรงกดสัมผัสอย่างลึก (Deep Pressure Therapy: DTP) คืออะไร?”
การใช้แรงกดสัมผัสอย่างลึกเป็นรูปแบบหนึ่งของการสัมผัสทางประสาทสัมผัส ซึ่งสามารถทำได้ผ่าน...
การกอดแน่นๆ เช่น การกอดบุคคล การกอดสัตว์เลี้ยง
การสัมผัสแน่นๆ จากวัตถุ เช่น ผ้าห่มถ่วงน้ำหนัก
การบีบรัดหรือการจับเครื่องมือที่ออกแบบมาพิเศษ เช่น เก้าอี้กอด ตุ๊กตากอด
(Krauss, 1987)
ในปี 1992 Dr. Temple Grandin ซึ่งเป็นโรคออทิสติกที่มีความสามารถสูง (Autistic Spectrum Disorder with High Function) ซึ่งผู้ที่มีภาวะออทิสติกมักจะมีปัญหากับการบูรณาการทางประสาทสัมผัส (Sensory Integration: SI)
Dr. Temple Grandin จึงได้ประดิษฐ์ ”เครื่องบีบ (Squeeze Machin)” ขึ้นมาเพื่อให้กับตัวเธอเอง เพราะช่วงที่เธอเข้าสู่วัยรุ่นและเข้าในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเธอต้องเจอกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยคนใหม่ๆ เธอรู้สึกวิตกกังวลและประหม่ามากขึ้น เธอระบุในรายงานของเธอว่าเธอรู้สึกเหมือนอยู่ในสถานะหวาดกลัวตลอดเวลา (State of Stage Fright)
เมื่อเกิดความหวาดกลัว เธอจะนำตัวของเธอเองเข้าไปอยู่ในเครื่องบีบ เพื่อให้เครื่องมือดังกล่าวบีบตัวเธอ การได้รับการสัมผัสด้วยการถูกบีบรัดด้วยแรงกดที่มั่นคง (Firm Tactile Sensory) ส่งสัญญาณที่สม่ำเสมอไปประมวลผลที่ระบบประสาทส่วนกลาง และตอบสนองกลับมาทำให้ร่างกายของเธอสงบลง
**********
นอกจากการกอดแน่นๆ แล้ว ในทางงานวิจัยทางประสาทวิทยาค้นพบหลักฐานมากมายว่า “การกอด” สามารถช่วยให้มนุษย์เติบโตและได้รับการเยียวยาได้
การกอดช่วยเพิ่มความสุข ลดความเครียดและความวิตกกังวล
งานวิจัยของนักจิตวิทยา Grewn (2010) พบว่า “ในระหว่างที่คู่รักกอดกัน ร่างกายของคนทั้งสองจะได้รับการกระตุ้นฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขจากต่อมใต้สมอง (Pituitary Gland) และช่วยลดปริมาณฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดได้อย่างชัดเจน”
ในเด็กเล็กที่สมองด้านการควบคุมอารมณ์ยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ทำให้พวกเขาไม่สามารถจัดอารมณ์ทางลบได้ในหลายๆ ครั้ง เช่น เวลาที่เด็กเล็กๆ เศร้าหรือกลัว พวกเขามีแนวโน้มจะแสดงอารมณ์ออกมา มากกว่ายับยั้งอารมณ์นั้นไว้ ซึ่งพฤติกรรมที่เด็กจะแสดงมา คือ “การร้องไห้” หากผู้ใหญ่เข้าใจและกอดเขาเอาไว้ การกอดช่วยความเครียดและความวิตกกังวล เด็กๆ จะรู้สึกปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับ พวกเขาจะสามารถปลดปล่อยความรู้สึกคับข้องใจออกมา และค่อยๆ กลับมารู้สึกเป็นตัวเองได้อีกครั้ง
***
ในวันที่ไม่มีใครให้กอด เราหันกลับมากอดตัวเราเองได้เสมอ
ไม่ใช่แค่เพียงการกอดกับผู้อื่น แต่การกอดที่เกิดจากการกอดตัวเอง หรือ “ท่ากอดผีเสื้อ” (Butterfly hug)
เป็นหนึ่งในเทคนิคจากวิธี EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) ที่นักบำบัดใช้เพื่อบำบัดจิตใจของผู้ที่รับการบำบัดที่ได้รับความเจ็บปวดทางจิตใจจากเรื่องในอดีต มีความทรงจำอันแสนเจ็บปวดที่สร้างบาดแผลทางใจให้บุคคลโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว นอกจากนี้ท่ากอดผีเสื้อช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้อีกด้วย (Artigas & Jarero, 2014)
ขั้นตอนการทำท่ากอดผีเสื้อ (Butterfly Hug)
(1) ยกแขนทั้งสองข้างไขว้กัน มือขวาวางบนบ่าซ้าย มือซ้ายวางบนบ่าขวา
(2) หายใจเข้าและออกช้าๆ ระหว่างที่ทำท่ากอดนี้
(3) ยกมือขึ้นตบที่หัวไหล่ทั้งสองข้างเบาๆ เหมือนผีเสื้อกำลังกระพือปีก จะเคาะช้าๆ หรือเร็วๆ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้กอดเอง
(4) ระหว่างที่ตบไปที่บ่า ให้เราทำจิตใจให้นิ่งสงบ นึกถึงสิ่งดีๆ ที่ทำให้เรามีความสุข หรือ เหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง
(5) เราสามารถทำท่ากอดผีเสื้อตามระยะเวลาที่ต้องการ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 3-4 นาทีต่อครั้ง และควรทำทุกวันต่อเนื่อง เพื่อให้ความรู้สึกดีๆ มาเสริมสร้างจิตใจให้แข็งแกร่ง
การกอดนี้สามารถช่วยให้ผู้กอดรับรู้ได้ถึงความรักจากตัวเอง ซึ่งช่วยให้เกิดความรู้สึกมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ คุณค่าจากการได้สัมผัสตัวเองด้วยรัก เปรียบเสมือนการเริ่มต้นรักและใจดีกับตัวเอง
***********
สุดท้าย การกอดที่แสนเรียบง่ายธรรมดาที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน เป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มความรักและคุณค่าให้แก่กัน และการกอดในช่วงเวลาที่สำคัญยังช่วยเยียวยาและบรรเทาความหนักหนาทางใจได้อีกด้วย
ยังไม่มีงานวิจัยใดบอกว่า การกอดที่มากเกินไปจะส่งผลทางลบ แต่มีงานวิจัยมากมายที่บอกว่า “เด็กควรได้รับการกอด” “คู่รักควรกอดกัน” “ผู้สูงอายุต้องการกอด” และ “เราทุกคนควรกอดกัน"
ดังนั้น หากมีโอกาส อย่าลืมมอบ “กอด” ให้กับคนที่เรารักในทุกๆ วัน
ด้วยรักจากใจ
เม
เพจตามใจนักจิตวิทยา
อ้างอิง
Artigas, L., & Jarero, I. (2014). The butterfly hug. Implementing EMDR early mental health interventions for man-made and natural disasters, 127-130.
Ayres, A. Jean (1974). The Development of Sensory Integrative Theory and Practice: A Collection of the Works of A. Jean Ayres.
Krauss, K. E. (1987). The effects of deep pressure touch on anxiety. The American Journal of Occupational Therapy, 41(6), 366-373.
Grewen, K. M., Davenport, R. E., & Light, K. C. (2010). An investigation of plasma and salivary oxytocin responses in breast‐and formula‐feeding mothers of infants. Psychophysiology, 47(4), 625-632.
Temple Grandin, Ph.D (1992), Calming Effects of Deep Touch Pressure in Patients with Autistic Disorder, Journal of Child and Adolescent Psychopharmacology