ธนพนธ์เภสัช

ธนพนธ์เภสัช ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก ธนพนธ์เภสัช, การแพทย์และสุขภาพ, พหลโยธิน​, Bangkok.

ด้วยความรู้ทางเภสัชศาสตร์ในฐานะเภสัชกร ผมสร้างเพจ "เภสัชกรธนพนธ์" ขึ้นเพื่อให้ความรู้ด้านสุขภาพ ด้วยการใช้สารอาหารและปรับพฤติกรรมด้วยหลักการ CRT (Cellular Reform Therapy) โดยพึ่งยาให้น้อยที่สุด มาร่วมกันส่งต่อข้อมูลดีๆนี้ออกไปด้วยกันนะครับ

สบายดี...เวียงจันทน์
21/09/2025

สบายดี...เวียงจันทน์

ให้คำปรึกษาผลการวิเคราะห์สุขภาพด้วยการตรวจ DNA เฉพาะบุคคล ให้กับพี่น็อต วรฤทธิ์ และแนะนำการปรับพฤติกรรม พร้อมทั้งวางแผนก...
17/09/2025

ให้คำปรึกษาผลการวิเคราะห์สุขภาพด้วยการตรวจ DNA เฉพาะบุคคล ให้กับพี่น็อต วรฤทธิ์ และแนะนำการปรับพฤติกรรม พร้อมทั้งวางแผนการดูแลสุขภาพในระยะยาวด้วย Personalized Supplements ที่เหมาะสมแต่ละบุคคล

สารอาหารมีความจำเป็นต่อร่างกาย ข้อมูลใหม่และงานวิจัยมีข้อมูลมากขึ้น การอัพเดทความรู้ด้านสุขภาพจึงเป็นสำคัญ วันนี้มาอัพเด...
16/09/2025

สารอาหารมีความจำเป็นต่อร่างกาย ข้อมูลใหม่และงานวิจัยมีข้อมูลมากขึ้น การอัพเดทความรู้ด้านสุขภาพจึงเป็นสำคัญ วันนี้มาอัพเดทสารอาหารกลุ่ม Omega3 และ Probiotic

ธนพนธ์เภสัช

ทำไมต้องทานอาหารเสริมเฉพาะบุคคล✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์โลกสุขภาพที่เปลี่ยนไป: การปรับตัวให้เหมาะสมกับตัวเราเอ...
13/09/2025

ทำไมต้องทานอาหารเสริมเฉพาะบุคคล

✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์

โลกสุขภาพที่เปลี่ยนไป: การปรับตัวให้เหมาะสมกับตัวเราเอง

ในอดีตการทานอาหารเสริมมักจะเป็นการทานตามความนิยม หรือการแนะนำทั่วไป เช่น ทานวิตามินซีเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน หรือทานวิตามินบีเพื่อเพิ่มพลังงาน แต่ในปัจจุบัน โลกสุขภาพ กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ อาหารเสริมเฉพาะบุคคล (Personalized Supplements) กำลังกลายเป็นแนวทางใหม่ที่ช่วยให้การดูแลสุขภาพมีความแม่นยำและเหมาะสมกับ แต่ละบุคคล มากยิ่งขึ้น

การเลือกทานอาหารเสริมเฉพาะบุคคลนั้นจะช่วยให้เราสามารถเลือกสารอาหารที่ร่างกายต้องการจริง ๆ โดยพิจารณาจาก พันธุกรรม, การทดสอบสุขภาพ, ไลฟ์สไตล์, และ พฤติกรรมการดำเนินชีวิต ที่แตกต่างกันออกไป การเลือกใช้ Personalized Supplements จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพและลดความเสี่ยงจากการทานอาหารเสริมที่ไม่เหมาะสม

---

1. ทุกคนไม่เหมือนกัน: ทำไมต้องเลือกอาหารเสริมที่เฉพาะบุคคล?

1.1 ความแตกต่างทางพันธุกรรม

ทุกคนมี พันธุกรรม ที่แตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย เช่น การดูดซึมวิตามิน D, การเผาผลาญไขมัน หรือการตอบสนองต่อคาเฟอีน

ตัวอย่าง: การศึกษาพบว่า คนที่มียีน FTO (Fat mass and obesity-associated gene) มักมีแนวโน้มที่จะอ้วนมากขึ้น และต้องการการจัดการอาหารเสริมที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของ การเผาผลาญไขมัน

การทดสอบ DNA เช่น Nutri-Genomic Testing ช่วยให้เรารู้จักความต้องการทางโภชนาการที่เฉพาะเจาะจงตามยีนของเรา ทำให้สามารถเลือกทานอาหารเสริมที่เหมาะสมกับร่างกายได้มากขึ้น

1.2 ความแตกต่างของลำไส้: Gut Microbiome

ลำไส้ของแต่ละคนมี จุลินทรีย์ (Gut Microbiome) ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งมีผลต่อการดูดซึมสารอาหาร การขับถ่าย และการเผาผลาญพลังงาน

ตัวอย่าง: งานวิจัยพบว่า ผู้ที่มีจุลินทรีย์ในลำไส้ที่ไม่สมดุล (Dysbiosis) อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือโรคอ้วน ดังนั้น การเลือก Probiotic และ Prebiotic ที่เหมาะสมกับจุลินทรีย์ในลำไส้ของแต่ละคนจึงสำคัญมาก

1.3 ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน

พฤติกรรมการดำเนินชีวิตของแต่ละคน เช่น การทำงานหนัก การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือการออกกำลังกายน้อย ล้วนส่งผลต่อการ ดูดซึมและการเผาผลาญ สารอาหารในร่างกาย

ตัวอย่าง: ผู้ที่มีภาระงานที่ต้องใช้พลังงานสูงในแต่ละวัน เช่น นักกีฬา อาจต้องการ โปรตีน และ BCAA (Branched-Chain Amino Acids) เพิ่มเติม เพื่อช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อและฟื้นฟูพลังงานหลังการออกกำลังกาย

ส่วนคนที่ทำงานหนักและเครียดอาจมีความต้องการ วิตามินบี เพื่อช่วยในการลดความเครียดและเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย

---

2. ข้อดีของการเลือกอาหารเสริมเฉพาะบุคคล

2.1 เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพ

การเลือกทานอาหารเสริมที่เหมาะสมกับ พันธุกรรม และ ลำไส้ จะทำให้ร่างกายสามารถ ดูดซึมและใช้ประโยชน์จากสารอาหารได้เต็มที่ ซึ่งต่างจากการทานอาหารเสริมทั่วไปที่อาจไม่ได้ตอบสนองกับความต้องการของร่างกายแต่ละบุคคลอย่างเหมาะสม

2.2 ลดความเสี่ยงจากการทานเกินความจำเป็น

การทานอาหารเสริมที่ไม่เหมาะสมหรือทานมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น การทานวิตามิน A หรือวิตามิน D เกินขนาดอาจทำให้เกิดพิษสะสมในร่างกายได้

ตัวอย่าง: การทดสอบ DNA สามารถช่วยระบุว่าคุณ ดูดซึมวิตามิน D ได้ดีหรือไม่ ถ้าดูดซึมได้ไม่ดี ก็สามารถเสริมวิตามิน D ได้อย่างเหมาะสมแทนที่จะทานตามสูตรทั่วไป

2.3 ช่วยป้องกันและบำรุงเฉพาะจุด

การเลือกอาหารเสริมตาม การทดสอบสุขภาพ หรือ ข้อมูลจาก DNA ช่วยให้สามารถ พุ่งเป้า การบำรุงหรือการป้องกันโรคได้ตรงจุด เช่น การเสริม วิตามิน B12 ในผู้ที่มีผลทดสอบว่า ขาดแคลน หรือการเลือก Probiotic ที่เหมาะสมกับ จุลินทรีย์ในลำไส้ ที่มีผลต่อโรคอ้วนหรือโรคเบาหวาน

---

3. การเลือกอาหารเสริมตาม DNA และการทดสอบสุขภาพ

3.1 การตรวจ DNA

การตรวจ DNA จะช่วยให้เราเข้าใจถึง ยีนที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญสารอาหาร เช่น การดูดซึมวิตามิน D, การตอบสนองต่อคาเฟอีน และการเผาผลาญไขมัน ตัวอย่างเช่น

ยีน FTO (Fat Mass and Obesity-associated gene) มีผลต่อการเก็บไขมันในร่างกาย

ยีน MTHFR ที่มีผลต่อการดูดซึมโฟเลตและการใช้วิตามิน B12

3.2 การตรวจ Microbiome

การตรวจ Gut Microbiome สามารถบอกได้ว่า ลำไส้ของเรามีจุลินทรีย์ดีหรือไม่ และชนิดไหนที่ขาดหรือเกิน การเสริม Probiotic และ Prebiotic จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการปรับสมดุลลำไส้

3.3 การปรับอาหารเสริมตามผลการทดสอบ

จากข้อมูลพันธุกรรมและ Microbiome Test เราสามารถเลือก อาหารเสริม ที่ พุ่งเป้าเฉพาะ เช่น

Vitamin D หากการทดสอบ DNA พบว่าเราดูดซึมวิตามิน D ได้ไม่ดี

Probiotic strains ที่ช่วย เสริมจุลินทรีย์ดี เช่น Bifidobacterium หรือ Lactobacillus เพื่อช่วยลดการอักเสบหรือลดการติดเชื้อในลำไส้

---

4. การดูแลสุขภาพที่เฉพาะบุคคล

โลกสุขภาพในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนไปจากการดูแลสุขภาพที่เป็น “สูตรสำเร็จ” สำหรับทุกคน มาเป็นการดูแลที่ เฉพาะบุคคล ตาม พันธุกรรม และ สุขภาพของแต่ละคน การทานอาหารเสริมเฉพาะบุคคลช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ เหมาะสม และ ปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการทานเกินและเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพให้ดีที่สุด

สุขภาพที่ดี ไม่ได้เกิดจากการทำตามสูตรเดียวกับคนอื่น แต่เกิดจากการ เข้าใจตัวเอง และปรับให้เหมาะสมที่สุดกับ ร่างกายของเราเอง
...........................................................................
ปรึกษาข้อมูลสุขภาพ Line@
👉 https://page.line.me/szq0260o

💓ติดตาม เภสัชกรธนพนธ์💓
เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์
Fanpage👉https://facebook.com/moryoktv
Youtube👉https://www.youtube.com/-zt9ll
IG👉https://instagram.com/moryoktv
TikTok👉https://vt.tiktok.com/B3pKnv

#ธนพนธ์เภสัช เพจที่ #สอนให้ทุกคนเป็นหมอด้วยตัวเอง ระบบฟื้นฟูสุขภาพ #สุขภาพดี #สารอาหาร #อาหารต้นทาง #สารอาหารสำหรับเด็ก #สารอาการสำหรับคนสูงวัย #อาหารต้านโรค #อาหารชะลอวัย #ความงาม #สเตมเซลล์ #โภชนาการ #โภชนบำบัด #อาหารเสริมป้องกันมะเร็ง

อย่าปล่อยให้ความรู้อยู่แค่ในหัวของเรา จงแบ่งปันออกไปเพื่อสร้างคุณค่าให้ผู้อื่น บางครั้งความรู้ที่เรามี อาจช่วยเหลือใครใน...
12/09/2025

อย่าปล่อยให้ความรู้อยู่แค่ในหัวของเรา จงแบ่งปันออกไปเพื่อสร้างคุณค่าให้ผู้อื่น บางครั้งความรู้ที่เรามี อาจช่วยเหลือใครในบางสถานการณ์ ก็ได้...

🌍 โลกสุขภาพเปลี่ยน คุณต้องตามให้ทัน✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์---โลกสุขภาพใหม่: จากการรักษา → การป้องกัน → การปร...
11/09/2025

🌍 โลกสุขภาพเปลี่ยน คุณต้องตามให้ทัน

✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์

---

โลกสุขภาพใหม่: จากการรักษา → การป้องกัน → การปรับเฉพาะบุคคล

ในอดีตการดูแลสุขภาพมักเริ่มจาก การรักษาโรคเมื่อป่วยแล้ว แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กระแสใหม่ของวงการสุขภาพคือ การตรวจล่วงหน้าและปรับการดูแลเฉพาะบุคคล (Personalized Health) โดยใช้ ข้อมูลพันธุกรรม (DNA) และ จุลินทรีย์ในลำไส้ (Microbiome) เพื่อออกแบบการดูแลสุขภาพที่ “ตรงจุด” และ “ตรงกับตัวคุณ” มากที่สุด

---

🔬 การตรวจ DNA ด้วยน้ำลาย: เข้าใจร่างกายในระดับยีน

เพียงแค่เก็บ ตัวอย่างน้ำลาย ก็สามารถนำไปตรวจหาลักษณะพันธุกรรม (DNA) ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพได้ เช่น

ยีนการเผาผลาญ (Metabolism genes): บางคนเผาผลาญไขมันหรือคาเฟอีนได้ช้า → เสี่ยงอ้วนหรือใจสั่นง่าย

ยีนการล้างพิษ (Detoxification genes): หากมียีนที่ทำงานได้น้อย → ร่างกายสะสมสารพิษได้ง่าย

ยีนวิตามินและแร่ธาตุ (Nutrient metabolism): เช่น การดูดซึมโฟเลตต่ำ หรือการสร้างวิตามิน D ในผิวหนังที่น้อย

📌 งานวิจัยจาก Harvard (2020) ยืนยันว่า การตรวจ DNA สามารถช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงโรค เช่น เบาหวานชนิดที่ 2, โรคหัวใจ, มะเร็งบางชนิด และใช้ข้อมูลเพื่อปรับอาหารและการออกกำลังกายเฉพาะบุคคลได้อย่างแม่นยำ

---

💩 การตรวจ Probiotic และจุลินทรีย์ในอุจจาระ: กุญแจของ Gut Health

อุจจาระ ของเราเต็มไปด้วยข้อมูลสุขภาพ เพราะประกอบด้วยจุลินทรีย์นับล้านสายพันธุ์ การตรวจ Gut Microbiome Test ช่วยให้รู้ว่า:

คุณมี จุลินทรีย์ดี (Probiotic species) เพียงพอหรือไม่

มี เชื้อก่อโรค (Pathogenic bacteria) ที่อาจเป็นสาเหตุของอักเสบ อ้วนลงพุง หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือเปล่า

ความสมดุลของ Firmicutes : Bacteroidetes ratio ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับความอ้วนและโรคเบาหวาน

📌 งานวิจัยใน Nature Reviews Gastroenterology & Hepatology (2021) รายงานว่า ความไม่สมดุลของ Microbiome มีผลต่อโรคอ้วน, เบาหวานชนิดที่ 2, โรคซึมเศร้า และแม้แต่โรคอัลไซเมอร์

---

🎯 การเลือกอาหารเสริมพุ่งเป้าตาม DNA และ Microbiome

เมื่อเรารู้ ยีน + จุลินทรีย์ในลำไส้ ของเราแล้ว การเลือกอาหารเสริมก็ไม่ใช่การเลือกแบบ “เหมือนกันทุกคน” อีกต่อไป แต่คือการเลือกแบบ Personalized Nutrition เช่น

ถ้า DNA พบว่าคุณมี การเผาผลาญโฟเลตต่ำ → ควรเลือกอาหารเสริมที่มี Methylfolate แทนโฟเลตธรรมดา

ถ้า Gut Test พบว่า มีจุลินทรีย์ดีน้อย → เสริม Probiotic strain เฉพาะ เช่น Bifidobacterium longum สำหรับลำไส้ และ Lactobacillus rhamnosus GG สำหรับภูมิคุ้มกัน

ถ้ามียีน ไวต่อคาเฟอีน → หลีกเลี่ยงอาหารเสริมคาเฟอีน และเลือกสูตรเพิ่มพลังงานจาก Coenzyme Q10 หรือ NAD+ precursors แทน

📌 Clinical Nutrition (2020) รายงานว่า การปรับอาหารเสริมตามพันธุกรรมและ Gut Microbiome สามารถช่วยควบคุมน้ำหนักและน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่าการใช้สูตรทั่วไป

---

💊 Personalized Supplements: อนาคตที่เริ่มแล้วในวันนี้

Personalized Supplements คือ อาหารเสริมที่ผลิตตามผลตรวจสุขภาพของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น DNA, Microbiome, หรือ Lifestyle factors

ข้อดีที่สำคัญ:

1. แม่นยำ: ได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการจริง ๆ

2. ปลอดภัยกว่า: ลดโอกาสการทานเกินความจำเป็น

3. มีประสิทธิภาพสูงกว่า: เพราะเสริมตรงจุด เช่น เพิ่มเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายคุณขาด

4. ปรับเปลี่ยนได้: ทุก 6–12 เดือนตามผลตรวจสุขภาพใหม่

📌 Nature Medicine (2019) ยืนยันว่า Personalized Nutrition ช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ควบคุมน้ำตาลได้ดีกว่าการให้คำแนะนำโภชนาการแบบเดียวกันทุกคน

---

✅ สรุป: โลกสุขภาพใหม่ที่คุณต้องตามให้ทัน

โลกสุขภาพกำลังเปลี่ยนจาก One size fits all → One size fits YOU

ตรวจ DNA จากน้ำลายเพื่อรู้จักพันธุกรรมของตัวเอง

ตรวจ Microbiome จากอุจจาระเพื่อรู้จักจุลินทรีย์ในลำไส้

เลือกอาหารเสริมที่ พุ่งเป้า ตรงกับยีนและจุลินทรีย์

ใช้ Personalized Supplements เพื่อการดูแลสุขภาพที่แม่นยำและยั่งยืน

เพราะสุขภาพที่ดี ไม่ได้เกิดจากการทำเหมือนคนอื่น แต่เกิดจากการเข้าใจ “ร่างกายของคุณเอง” อย่างแท้จริง
...........................................................................
ปรึกษาข้อมูลสุขภาพ Line@
👉 https://page.line.me/szq0260o

💓ติดตาม เภสัชกรธนพนธ์💓
เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์
Fanpage👉https://facebook.com/moryoktv
Youtube👉https://www.youtube.com/-zt9ll
IG👉https://instagram.com/moryoktv
TikTok👉https://vt.tiktok.com/B3pKnv

#ธนพนธ์เภสัช เพจที่ #สอนให้ทุกคนเป็นหมอด้วยตัวเอง ระบบฟื้นฟูสุขภาพ #สุขภาพดี #สารอาหาร #อาหารต้นทาง #สารอาหารสำหรับเด็ก #สารอาการสำหรับคนสูงวัย #อาหารต้านโรค #อาหารชะลอวัย #ความงาม #สเตมเซลล์ #โภชนาการ #โภชนบำบัด #อาหารเสริมป้องกันมะเร็ง

  กับ  #โรคกระดูก✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์🦴โรคกระดูก: ปัญหาสำคัญในผู้สูงอายุโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) และ โ...
07/09/2025

กับ #โรคกระดูก

✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์

🦴โรคกระดูก: ปัญหาสำคัญในผู้สูงอายุ

โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) และ โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) เป็นโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด กระดูกเปราะ หักง่าย และคุณภาพชีวิตลดลง ปัจจัยเสี่ยงสำคัญได้แก่ การขาดแคลเซียม, วิตามิน D, ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง และ การอักเสบเรื้อรัง

สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ สุขภาพลำไส้ และ จุลินทรีย์ในลำไส้ (Gut microbiota) มีผลโดยตรงต่อสุขภาพกระดูก และนี่คือจุดที่ Probiotic เข้ามามีบทบาทสำคัญ

---

➡️กลไกที่ Probiotic มีผลต่อกระดูก

1. เพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญ

Probiotic เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium ช่วยสร้าง กรดแลกติก และ กรดไขมันสายสั้น (SCFAs) เช่น Butyrate, Propionate

SCFAs ทำให้ pH ในลำไส้ลดลง → เพิ่มการละลายและการดูดซึม แคลเซียม, แมกนีเซียม, ฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญต่อการสร้างมวลกระดูก

2. ลดการอักเสบเรื้อรัง (Anti-inflammatory effect)

การอักเสบเรื้อรังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ กระดูกสลายเร็วขึ้น

Probiotic กระตุ้นการสร้างสารต้านการอักเสบ เช่น IL-10, TGF-β และลดสารก่อการอักเสบ เช่น TNF-α, IL-6 → ช่วยชะลอการสูญเสียมวลกระดูก

3. ปรับสมดุลฮอร์โมนและภูมิคุ้มกัน

ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน การลดลงของ เอสโตรเจน ทำให้กระดูกพรุนเร็วขึ้น

งานวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า Probiotic เช่น Lactobacillus reuteri ช่วย ลดการสูญเสียมวลกระดูกที่เกิดจากการขาดเอสโตรเจน

4. ส่งเสริมการสร้างกระดูกใหม่ (Bone formation)

Probiotic กระตุ้นการทำงานของ Osteoblasts (เซลล์สร้างกระดูก) และลดการทำงานของ Osteoclasts (เซลล์สลายกระดูก)

ทำให้เกิดสมดุลระหว่าง “การสร้าง” และ “การสลาย” ของกระดูก

---

📈งานวิจัยที่สนับสนุน

1. งานวิจัยในมนุษย์ (J Clin Invest, 2018):
พบว่าผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่รับประทาน Lactobacillus reuteri 12 เดือน มีการ ชะลอการสูญเสียมวลกระดูก เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ทาน

2. Meta-analysis (Frontiers in Endocrinology, 2021):
การเสริม Probiotic มีผลในการ เพิ่มความหนาแน่นมวลกระดูก (Bone Mineral Density: BMD) โดยเฉพาะที่กระดูกสันหลังและกระดูกสะโพก

3. Clinical trial (Nutrients, 2020):
พบว่า Synbiotic (Probiotic + Prebiotic) มีผลดีต่อการดูดซึมแคลเซียม และช่วยปรับสมดุลของ ไมโครไบโอมในลำไส้ ส่งผลให้กระดูกแข็งแรงขึ้น

---

🎯Probiotic ที่น่าสนใจต่อสุขภาพกระดูก

✅Lactobacillus reuteri → ลดการสูญเสียมวลกระดูกในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

✅Bifidobacterium longum → เพิ่มการดูดซึมแคลเซียม และลดการอักเสบ

✅Lactobacillus casei Shirota → ปรับสมดุลภูมิคุ้มกันและเสริมสุขภาพกระดูก

✅Synbiotic (Probiotic + Prebiotic) → ผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น

---

คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลกระดูกด้วย Probiotic

1. ✅ เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสายพันธุ์ชัดเจน เช่น Lactobacillus reuteri หรือ Bifidobacterium longum

2. ✅ ควรทานต่อเนื่อง 3–6 เดือน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ต่อมวลกระดูก

3. ✅ ควรเสริมด้วย Prebiotic (เช่น Inulin, FOS) เพื่อช่วยให้ Probiotic ทำงานได้ดีขึ้น

4. ✅ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D ร่วมด้วย เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย ถั่ว

5. ✅ ออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก (Weight-bearing exercise) เช่น เดิน วิ่งจ๊อกกิ้ง กระโดดเชือก

📌Probiotic ไม่เพียงแต่ช่วยระบบทางเดินอาหาร แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการ ดูแลสุขภาพกระดูก โดยช่วยเพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุ ลดการอักเสบ ปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน และเสริมการสร้างกระดูกใหม่ หลักฐานวิจัยทั้งในสัตว์ทดลองและมนุษย์สนับสนุนว่า Probiotic โดยเฉพาะสายพันธุ์ Lactobacillus reuteri และ Bifidobacterium longum สามารถช่วย ชะลอการสูญเสียมวลกระดูกและลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน ได้

ดังนั้น การดูแลกระดูกในยุคใหม่ควรคิดถึง Probiotic ควบคู่กับการทานแคลเซียม วิตามิน D และการออกกำลังกาย เพื่อให้กระดูกแข็งแรงในระยะยาว
...........................................................................
ปรึกษาข้อมูลสุขภาพ Line@
👉 https://page.line.me/szq0260o

💓ติดตาม เภสัชกรธนพนธ์💓
เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์
Fanpage👉https://facebook.com/moryoktv
Youtube👉https://www.youtube.com/-zt9ll
IG👉https://instagram.com/moryoktv
TikTok👉https://vt.tiktok.com/B3pKnv

#ธนพนธ์เภสัช เพจที่ #สอนให้ทุกคนเป็นหมอด้วยตัวเอง ระบบฟื้นฟูสุขภาพ #สุขภาพดี #สารอาหาร #อาหารต้นทาง #สารอาหารสำหรับเด็ก #สารอาการสำหรับคนสูงวัย #อาหารต้านโรค #อาหารชะลอวัย #ความงาม #สเตมเซลล์ #โภชนาการ #โภชนบำบัด #อาหารเสริมป้องกันมะเร็ง

  กับ  #โรคผิวหนัง✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์---🙋โรคผิวหนัง: ปัญหาที่ไม่ควรมองข้ามโรคผิวหนัง เป็นหนึ่งในปัญหาสุข...
06/09/2025

กับ #โรคผิวหนัง

✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์

---

🙋โรคผิวหนัง: ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม

โรคผิวหนัง เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย และมีหลายประเภท เช่น สิว, ผื่นแพ้, โรคผิวหนังอักเสบ, กลาก และ โรคสะเก็ดเงิน ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังมีหลายปัจจัย รวมถึงการ อักเสบ, การติดเชื้อแบคทีเรีย, การแพ้ หรือแม้กระทั่งปัจจัยจาก การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และ จุลินทรีย์ในร่างกาย

ในปัจจุบันมีการศึกษามากมายที่แสดงให้เห็นว่า Probiotic หรือ จุลินทรีย์ตัวดี มีบทบาทสำคัญในการ เสริมสร้างสุขภาพผิว และ ลดอาการของโรคผิวหนัง โดยการช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการรักษาผิวพรรณให้ดีและแข็งแรง

---

🫟Probiotic กับโรคผิวหนัง: กลไกการทำงาน

1. ปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกาย

จุลินทรีย์ในลำไส้มีผลโดยตรงต่อสุขภาพผิว การศึกษาพบว่า ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ (Dysbiosis) ในลำไส้จะส่งผลให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเกิดโรคผิวหนังหลายชนิด

Probiotic ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ โดยการเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ตัวดี เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium ซึ่งสามารถช่วยลดการอักเสบและการติดเชื้อที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหนัง

2. การลดการอักเสบ (Anti-Inflammatory Effects)

การอักเสบเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิด สิว และ โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema)

Probiotic ช่วยลดการหลั่ง สารที่ก่อการอักเสบ เช่น TNF-α และ IL-6 ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกาย

Lactobacillus rhamnosus และ Bifidobacterium longum เป็นสายพันธุ์ที่มีงานวิจัยรองรับว่าช่วยลดอาการอักเสบในผิวหนังและลดอาการจากโรคผิวหนังต่าง ๆ

3. เสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier Function)

เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) เป็นชั้นป้องกันที่ช่วยป้องกันผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้นและจากการติดเชื้อ

การใช้ Probiotic ช่วยเสริมสร้างและ ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว โดยการกระตุ้นการผลิต ceramide ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในผิวหนังที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้น

Lactobacillus plantarum มีการศึกษาที่พบว่า ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว และ ลดการสูญเสียความชุ่มชื้น ในผิว

4. การต่อต้านแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนัง

Staphylococcus aureus เป็นแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับโรคผิวหนังหลายชนิด เช่น โรคผิวหนังอักเสบ, สิว, และ โรคสะเก็ดเงิน

Probiotic เช่น Lactobacillus acidophilus และ Lactobacillus rhamnosus GG ช่วยยับยั้งการเติบโตของ Staphylococcus aureus ในผิวหนัง ทำให้ลดการติดเชื้อและการเกิดปัญหาผิวหนังจากแบคทีเรียได้

---

🌐งานวิจัยที่สนับสนุนการใช้ Probiotic ในการรักษาโรคผิวหนัง

1. การศึกษาของ Lavi et al. (2016)

การศึกษานี้พบว่า Lactobacillus rhamnosus GG สามารถลดอาการ โรคผิวหนังอักเสบ (Atopic Dermatitis) และ ลดความรุนแรงของการแพ้ ในผู้ที่มีภาวะผิวแพ้ง่าย การใช้ Probiotic ในระยะยาวช่วยลดอาการผื่นคันและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

2. การศึกษาของ Kalliomäki et al. (2001)

การศึกษานี้พบว่า Lactobacillus GG ช่วยลดอาการ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ในเด็กเล็ก โดยการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบที่เกิดขึ้นในผิวหนัง

3. การศึกษาของ Bibiloni et al. (2017)

งานวิจัยนี้พบว่า Probiotic ในรูปแบบของ Yogurt ช่วยลดอาการ สิว โดยการลดการอักเสบในผิวหนังและการติดเชื้อของต่อมไขมัน

4. การศึกษาของ Xu et al. (2015)

การศึกษานี้พบว่า Bifidobacterium longum และ Lactobacillus acidophilus มีผลในการ ลดการอักเสบ ในโรค สิว และ โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) โดยการยับยั้งการทำงานของไซโตไคน์ที่ทำให้เกิดอาการอักเสบในผิวหนัง

---

🌀Probiotic ที่น่าสนใจในการดูแลผิวหนัง

✅Lactobacillus rhamnosus GG
ช่วยลดการอักเสบในผิวหนังและรักษา โรคผิวหนังอักเสบ

✅Bifidobacterium longum
ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว และ ลดการอักเสบ จากโรคต่าง ๆ

✅Lactobacillus acidophilus
ช่วย ยับยั้งแบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนัง และ ลดสิว

✅Lactobacillus plantarum
ช่วย ลดการสูญเสียความชุ่มชื้น และ เสริมเกราะป้องกันผิว

---

✒️คำแนะนำในการใช้ Probiotic สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง

1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสายพันธุ์ชัดเจน เช่น Lactobacillus rhamnosus GG, Bifidobacterium longum

2. ทานต่อเนื่อง อย่างน้อย 8–12 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผล

3. ทานร่วมกับอาหารที่ดีต่อผิว เช่น ผักใบเขียว, ผลไม้, และ น้ำมันปลา

4. ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนใช้ Probiotic โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคผิวหนังรุนแรงหรือใช้ยาภายนอก

➡️Probiotic ไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการ ดูแลผิวหนัง โดยการลดการอักเสบ, ปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้, เสริมเกราะป้องกันผิว และยับยั้งแบคทีเรียที่ทำให้เกิดปัญหาผิว การใช้ Probiotic จึงเป็นทางเลือกธรรมชาติที่สามารถช่วย รักษาและบรรเทาโรคผิวหนังต่าง ๆ ได้ เช่น สิว, โรคผิวหนังอักเสบ, โรคสะเก็ดเงิน, และ ผื่นแพ้

การเลือก Probiotic ที่มีงานวิจัยรองรับและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลผิวที่ดีและยั่งยืน
...........................................................................
ปรึกษาข้อมูลสุขภาพ Line@
👉 https://page.line.me/szq0260o

💓ติดตาม เภสัชกรธนพนธ์💓
เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์
Fanpage👉https://facebook.com/moryoktv
Youtube👉https://www.youtube.com/-zt9ll
IG👉https://instagram.com/moryoktv
TikTok👉https://vt.tiktok.com/B3pKnv

#ธนพนธ์เภสัช เพจที่ #สอนให้ทุกคนเป็นหมอด้วยตัวเอง ระบบฟื้นฟูสุขภาพ #สุขภาพดี #สารอาหาร #อาหารต้นทาง #สารอาหารสำหรับเด็ก #สารอาการสำหรับคนสูงวัย #อาหารต้านโรค #อาหารชะลอวัย #ความงาม #สเตมเซลล์ #โภชนาการ #โภชนบำบัด #อาหารเสริมป้องกันมะเร็ง

  มีผลต่อ  #ความอ้วน✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์🥮ความอ้วน: สาเหตุของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังความอ้วน หรือ ภาวะน้ำหนัก...
05/09/2025

มีผลต่อ #ความอ้วน

✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์

🥮ความอ้วน: สาเหตุของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

ความอ้วน หรือ ภาวะน้ำหนักเกิน เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2, โรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, และมะเร็งบางชนิด ปัจจัยที่ทำให้เกิดความอ้วนมีหลากหลาย ทั้งจากการรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง, การออกกำลังกายที่น้อย, การนอนหลับไม่เพียงพอ และการทำงานของ ฮอร์โมน และ จุลินทรีย์ในลำไส้

ในปัจจุบัน มีการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่า Probiotic หรือ จุลินทรีย์ตัวดี ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเราอาจมีผลต่อการควบคุม การสะสมของไขมัน และ การควบคุมการเผาผลาญ ซึ่งช่วยในการ ลดน้ำหนัก และ ควบคุมภาวะอ้วน ได้

---

🌐Probiotic ช่วยลดความอ้วนได้อย่างไร?

1. ปรับสมดุลลำไส้และจุลินทรีย์ (Gut Microbiota)

การศึกษาพบว่า จุลินทรีย์ในลำไส้ (Microbiota) ของคนที่อ้วนและผอมมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยคนที่มีภาวะอ้วนมักมีการเพิ่มจำนวนของ Firmicutes (จุลินทรีย์ที่ช่วยย่อยพลังงานจากอาหาร) และลดจำนวน Bacteroidetes (จุลินทรีย์ที่ช่วยลดการย่อยพลังงาน)

Probiotic เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium ช่วย เพิ่มจุลินทรีย์ที่ดี ลดการเติบโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้ร่างกายดูดซึมพลังงานจากอาหารได้มากเกินไป ทำให้มีผลในการ ควบคุมความอ้วน

2. ลดการอักเสบในร่างกาย (Inflammation)

ความอ้วนมักมาพร้อมกับภาวะ การอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ รวมถึงการ ต้านทานอินซูลิน ที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น

Probiotic สามารถช่วย ลดการอักเสบ โดยการปรับสมดุลของลำไส้และลดระดับสารอักเสบ เช่น TNF-α และ IL-6 ซึ่งจะช่วยในการ ลดน้ำหนัก และ ปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด ได้

3. ควบคุมฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความหิว (Hunger Hormones)

Probiotic มีผลต่อการ ปรับฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว เช่น เลปติน (Leptin) ซึ่งมีบทบาทในการบอกให้เรารู้สึกอิ่ม และ เกรลิน (Ghrelin) ที่ทำให้เรารู้สึกหิว

การใช้ Probiotic ช่วย ปรับสมดุลของฮอร์โมนเหล่านี้ ทำให้ลดความอยากอาหารและควบคุมปริมาณการกินได้ดียิ่งขึ้น

4. เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน (Energy Expenditure)

Probiotic ช่วยเพิ่มการ เผาผลาญพลังงาน ในร่างกาย ผ่านการผลิต กรดไขมันสายสั้น (SCFAs) เช่น Butyrate ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้พลังงานในเซลล์ต่าง ๆ

SCFAs ยังช่วยกระตุ้นการผลิต GLP-1 (Glucagon-Like Peptide 1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลินและลดการสะสมของไขมันในร่างกาย

---

✒️งานวิจัยที่สนับสนุนการใช้ Probiotic ในการลดความอ้วน

1. การศึกษาของ Khalesi et al. (2019)

การศึกษานี้พบว่า Lactobacillus gasseri สามารถ ลดไขมันในช่องท้อง และ ลดน้ำหนัก ในผู้ที่มีภาวะอ้วน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ทาน Lactobacillus gasseri เป็นเวลา 12 สัปดาห์ น้ำหนักตัวและการสะสมไขมันในช่องท้องลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

2. Meta-analysis ของ Suez et al. (2020)

การศึกษานี้วิเคราะห์การใช้ Probiotic ในการลดน้ำหนัก พบว่า Probiotic ช่วย ลดไขมันในร่างกาย โดยการปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งมีผลต่อ การเผาผลาญพลังงาน และ การลดการสะสมไขมัน

3. การศึกษาของ Ghanbari et al. (2017)

การศึกษานี้พบว่า Bifidobacterium breve สามารถช่วย ลดน้ำหนักและลดปริมาณไขมันในร่างกาย ได้ในผู้ที่มีภาวะอ้วน โดยการกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานและลดการสะสมไขมันในช่องท้อง

---

🫟Probiotic ที่มีผลต่อการลดความอ้วน

1. Lactobacillus gasseri

ช่วยลดไขมันในช่องท้องและน้ำหนักตัวในผู้ที่มีภาวะอ้วน

การศึกษาพบว่า Lactobacillus gasseri มีผลดีในการลดไขมันหน้าท้องและลดการสะสมของไขมันในร่างกาย

2. Bifidobacterium breve

ช่วยลดการสะสมไขมันในร่างกายและลดน้ำหนัก

การศึกษาแสดงให้เห็นว่า Bifidobacterium breve มีผลในการ ลดไขมันในช่องท้อง และสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น

3. Lactobacillus acidophilus

ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและลดการสะสมของไขมัน

สามารถช่วยลดการอักเสบในร่างกายและส่งผลดีต่อการลดน้ำหนัก

💯Probiotic หรือจุลินทรีย์ตัวดีในลำไส้มีบทบาทสำคัญในการ ควบคุมการสะสมของไขมัน และ การเผาผลาญพลังงาน โดยการ ปรับสมดุลลำไส้, ลดการอักเสบ, ปรับฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว และ เพิ่มการใช้พลังงาน ทำให้ช่วยในการ ลดน้ำหนัก และ ควบคุมความอ้วน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากการวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า Probiotic โดยเฉพาะในกลุ่ม Lactobacillus gasseri และ Bifidobacterium breve สามารถช่วย ลดไขมันในร่างกาย และ ลดน้ำหนัก ในผู้ที่มีภาวะอ้วน ดังนั้น การทาน Probiotic ร่วมกับการดูแลสุขภาพที่ดี เช่น การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย จึงเป็นทางเลือกที่สามารถช่วยในการ ลดความอ้วน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
...........................................................................
ปรึกษาข้อมูลสุขภาพ Line@
👉 https://page.line.me/szq0260o

💓ติดตาม เภสัชกรธนพนธ์💓
เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์
Fanpage👉https://facebook.com/moryoktv
Youtube👉https://www.youtube.com/-zt9ll
IG👉https://instagram.com/moryoktv
TikTok👉https://vt.tiktok.com/B3pKnv

#ธนพนธ์เภสัช เพจที่ #สอนให้ทุกคนเป็นหมอด้วยตัวเอง ระบบฟื้นฟูสุขภาพ #สุขภาพดี #สารอาหาร #อาหารต้นทาง #สารอาหารสำหรับเด็ก #สารอาการสำหรับคนสูงวัย #อาหารต้านโรค #อาหารชะลอวัย #ความงาม #สเตมเซลล์ #โภชนาการ #โภชนบำบัด #อาหารเสริมป้องกันมะเร็ง

04/09/2025

ทุกวันนี้คนเลือกซื้ออาหารเสริมมากขึ้น วิตามินและอาหารเสริมเฉพาะบุคคล จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและตอบโจทย์การดูแลสุขภาพ

  กับ  #โรคอัลไซเมอร์✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์---🧠โรคอัลไซเมอร์: โรคที่เกี่ยวข้องกับสมองโรคอัลไซเมอร์ (Alzheim...
04/09/2025

กับ #โรคอัลไซเมอร์

✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์

---

🧠โรคอัลไซเมอร์: โรคที่เกี่ยวข้องกับสมอง

โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's disease) เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์สมอง ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียความจำ การตัดสินใจที่ผิดพลาด และการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์มักมีปัญหาด้านการรับรู้และการคิดที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยทั่วไปมักพบในผู้สูงอายุ

แม้ว่าจะยังไม่มีการรักษาโรคอัลไซเมอร์อย่างสมบูรณ์ แต่ การวิจัยทางการแพทย์ พบว่า โพรไบโอติก หรือ จุลินทรีย์ตัวดี อาจมีบทบาทในการช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของสมอง และอาจช่วยลดความรุนแรงของโรคอัลไซเมอร์ได้

---

💢Probiotic กับโรคอัลไซเมอร์: กลไกที่น่าสนใจ

1. การปรับสมดุลลำไส้และสมอง (Gut-Brain Axis)

การวิจัยในปัจจุบันเปิดเผยว่า ลำไส้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ระบบย่อยอาหาร แต่ยังเชื่อมโยงกับ สมอง ผ่านสิ่งที่เรียกว่า Gut-Brain Axis ซึ่งเป็นการสื่อสารทางชีวภาพระหว่างจุลินทรีย์ในลำไส้และสมอง

งานวิจัยโดย Bercik et al. (2011) พบว่า Probiotic สามารถช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้และมีผลในการ ลดการอักเสบในสมอง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์

2. การลดการอักเสบ (Inflammation)

การอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammation) เป็นลักษณะสำคัญของโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งทำให้เกิดการทำลายของเซลล์สมองในระยะยาว

Probiotic มีคุณสมบัติในการ ลดการอักเสบ ผ่านการเพิ่มระดับ สารต้านการอักเสบ เช่น IL-10 และ TGF-β ซึ่งช่วยลดการกระตุ้นของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการทำลายสมอง

งานวิจัยโดย Sarkar et al. (2016) พบว่า Lactobacillus rhamnosus GG สามารถลดการอักเสบในสมองและช่วยเสริมสร้างสมองในหนูที่มีภาวะอัลไซเมอร์

3. การเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants)

การทำลายของเซลล์ในสมองที่เกิดจาก อนุมูลอิสระ เป็นหนึ่งในกลไกหลักที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์

Probiotic บางสายพันธุ์ เช่น Bifidobacterium longum สามารถกระตุ้นการผลิต สารต้านอนุมูลอิสระ ในลำไส้ ซึ่งส่งผลให้ ลดการเกิดอนุมูลอิสระในสมอง ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์สมองได้

งานวิจัยจาก Ravichandran et al. (2019) พบว่า Probiotic ช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระและเพิ่มระดับ Glutathione ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญในร่างกาย

4. การปรับฮอร์โมนและสารสื่อประสาท (Neurotransmitter Regulation)

ผลการศึกษาหลายชิ้นพบว่า Probiotic สามารถกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทที่สำคัญ เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และ โดปามีน (Dopamine) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง

ความสัมพันธ์ระหว่าง ลำไส้และสมอง ในการผลิตสารสื่อประสาทเหล่านี้ทำให้ Probiotic มีบทบาทสำคัญในการ ปรับสมดุลอารมณ์ และ การรับรู้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาการของโรคอัลไซเมอร์

---

✒️งานวิจัยที่สนับสนุนการใช้ Probiotic ในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์

1. การศึกษาของ Bercik et al. (2011)

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Gastroenterology พบว่า Probiotic สามารถปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้และลดอาการเครียดและความวิตกกังวลในหนูทดลอง โดยการปรับสมดุลนี้ช่วยลดการอักเสบและความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม

2. การศึกษาของ Sarkar et al. (2016)

การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Neuropsychopharmacology พบว่า Lactobacillus rhamnosus GG สามารถ ลดการอักเสบในสมอง และ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ในหนูที่มีลักษณะทางพันธุกรรมคล้ายคลึงกับมนุษย์ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์

3. การศึกษาของ Ravichandran et al. (2019)

งานวิจัยนี้พบว่า Probiotic สามารถลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระในสมอง โดย เพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระ และ ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์สมอง ซึ่งมีผลในเชิงบวกต่อผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์

---

🎯ตัวอย่าง Probiotic ที่อาจช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์

✅Lactobacillus rhamnosus GG

มีงานวิจัยสนับสนุนว่า ลดการอักเสบ และ เพิ่มสารสื่อประสาท ที่สำคัญ

✅Bifidobacterium longum

ช่วยลดอนุมูลอิสระและเสริมสร้างการทำงานของเซลล์สมอง

✅Lactobacillus acidophilus

ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทและปรับสมดุลลำไส้

---

📌คำแนะนำในการใช้ Probiotic สำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์

1. เลือก Probiotic ที่มีหลักฐานวิจัยรองรับ เช่น Lactobacillus rhamnosus GG และ Bifidobacterium longum

2. ทานอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 8–12 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

3. ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนการใช้ Probiotic โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ที่มีภาวะสุขภาพอื่นร่วมด้วย

4. ควรเสริมด้วยอาหารที่ดีต่อสมอง เช่น ผักใบเขียว ปลาแซลมอน และผลไม้ตระกูลเบอร์รี

🌐Probiotic หรือจุลินทรีย์ตัวดีมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและบำบัดโรคอัลไซเมอร์ ด้วยการ ลดการอักเสบในสมอง, เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ, และ ปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนช่วย ชะลอความเสื่อมสภาพของสมอง และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์

การใช้ Probiotic ร่วมกับการปรับพฤติกรรมและอาหารที่ดีต่อสมองอาจเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพสมองในระยะยาว และอาจช่วยผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ได้ในระดับหนึ่ง
...........................................................................
ปรึกษาข้อมูลสุขภาพ Line@
👉 https://page.line.me/szq0260o

💓ติดตาม เภสัชกรธนพนธ์💓
เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์
Fanpage👉https://facebook.com/moryoktv
Youtube👉https://www.youtube.com/-zt9ll
IG👉https://instagram.com/moryoktv
TikTok👉https://vt.tiktok.com/B3pKnv

#ธนพนธ์เภสัช เพจที่ #สอนให้ทุกคนเป็นหมอด้วยตัวเอง ระบบฟื้นฟูสุขภาพ #สุขภาพดี #สารอาหาร #อาหารต้นทาง #สารอาหารสำหรับเด็ก #สารอาการสำหรับคนสูงวัย #อาหารต้านโรค #อาหารชะลอวัย #ความงาม #สเตมเซลล์ #โภชนาการ #โภชนบำบัด #อาหารเสริมป้องกันมะเร็ง

Probiotic กับโรคเบาหวาน✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์---🩸เบาหวาน: โรคเงียบที่คนไทยเผชิญมากขึ้นโรคเบาหวาน (Diabetes ...
31/08/2025

Probiotic กับโรคเบาหวาน

✍️ โดย เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์

---

🩸เบาหวาน: โรคเงียบที่คนไทยเผชิญมากขึ้น

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่พบมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในไทยและทั่วโลก ปัจจัยสำคัญคือ ความต้านทานต่ออินซูลิน (Insulin resistance) และการทำงานผิดปกติของตับอ่อน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงต่อเนื่อง

สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ “จุลินทรีย์ในลำไส้” (Gut Microbiota) ก็มีบทบาทสำคัญต่อการเกิดหรือควบคุมโรคเบาหวาน ซึ่ง Probiotic หรือจุลินทรีย์ตัวดี สามารถช่วยปรับสมดุลลำไส้ และส่งผลทางอ้อมต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือด

---

🩸Probiotic ช่วยผู้ป่วยเบาหวานได้อย่างไร?

1. ปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้

คนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มักพบ ภาวะ Dysbiosis คือมีเชื้อก่อโรคมากกว่าเชื้อดี

งานวิจัยพบว่า Probiotic เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium ช่วยเพิ่มเชื้อดี ลดเชื้อก่อการอักเสบ → ส่งผลให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินดีขึ้น

2. ลดการอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammation)

การอักเสบในระดับต่ำ (Low-grade inflammation) เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด Insulin resistance

Probiotic ช่วยลดสารก่อการอักเสบ (เช่น TNF-α, IL-6) และเพิ่มสารต้านการอักเสบ (IL-10) → ช่วยให้ร่างกายใช้อินซูลินได้ดีขึ้น

3. สร้างกรดไขมันสายสั้น (SCFAs)

Probiotic ช่วยย่อยใยอาหารในลำไส้จนเกิด Butyrate, Propionate, Acetate

SCFAs มีบทบาทในการปรับสมดุลระดับน้ำตาล กระตุ้นการหลั่ง GLP-1 (Glucagon-like peptide-1) ซึ่งช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลินและลดความอยากอาหาร

4. ลดคอเลสเตอรอลและควบคุมน้ำหนัก

ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มักมีไขมันในเลือดสูงและอ้วนลงพุง

Probiotic บางสายพันธุ์ เช่น Lactobacillus gasseri มีรายงานว่าช่วยลดไขมันในช่องท้องและลด LDL cholesterol ได้ → ส่งผลดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน

---

🩸งานวิจัยที่สนับสนุน

1. Systematic Review & Meta-analysis (2020, Nutrients):
พบว่า การเสริม Probiotic สามารถ ลดค่า Fasting Blood Glucose (FBG) และ HbA1c ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้อย่างมีนัยสำคัญ

2. Randomized Controlled Trial (2019, Scientific Reports):
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ได้รับ Lactobacillus acidophilus และ Bifidobacterium bifidum เป็นเวลา 12 สัปดาห์ มีระดับ HbA1c ลดลง และค่า insulin sensitivity ดีขึ้น

3. Clinical Study (2018, Diabetes & Metabolism Journal):
การใช้ Probiotic ร่วมกับ Prebiotic (Synbiotic) ช่วยให้ระดับ GLP-1 สูงขึ้น → ช่วยควบคุมน้ำตาลและลดน้ำหนัก

---

🩸Probiotic ที่น่าสนใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

🫟Lactobacillus rhamnosus GG → ลดการอักเสบในลำไส้

🫟Bifidobacterium lactis BB-12 → เสริมภูมิคุ้มกันและควบคุมน้ำตาล

🫟Lactobacillus acidophilus → ช่วยปรับสมดุลไขมันในเลือด

🫟Lactobacillus gasseri → ลดไขมันในช่องท้อง

🫟Synbiotic (Probiotic + Prebiotic) → ช่วยให้ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น

---

🩸ผู้ป่วยเบาหวานควรเลือก Probiotic อย่างไร?

1. ✅ เลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุ สายพันธุ์ (strain) และ จำนวนเชื้อ (CFU) ชัดเจน

2. ✅ ทานต่อเนื่องอย่างน้อย 8–12 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลการควบคุมน้ำตาล

3. ✅ เสริมด้วย Prebiotic เช่น Inulin, FOS เพื่อช่วยให้เชื้อดีเจริญได้ดี

4. ✅ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือใช้ยาลดน้ำตาลอยู่

---

Probiotic ไม่ได้เป็นเพียงตัวช่วยเรื่องการย่อยอาหาร แต่มีบทบาทสำคัญต่อ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดการอักเสบ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอินซูลิน งานวิจัยจำนวนมากสนับสนุนว่า Probiotic โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ Prebiotic สามารถช่วยผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้จริง

ดังนั้น การเสริม Probiotic อย่างเหมาะสมภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ อาจเป็นอีกหนึ่ง ทางเลือกธรรมชาติ ที่ช่วยดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และการใช้ยาตามแพทย์สั่งครับ
...........................................................................
ปรึกษาข้อมูลสุขภาพ Line@
👉 https://page.line.me/szq0260o

💓ติดตาม เภสัชกรธนพนธ์💓
เภสัชกรธนพนธ์ ชัยอิทธิอนันต์
Fanpage👉https://facebook.com/moryoktv
Youtube👉https://www.youtube.com/-zt9ll
IG👉https://instagram.com/moryoktv
TikTok👉https://vt.tiktok.com/B3pKnv

#ธนพนธ์เภสัช เพจที่ #สอนให้ทุกคนเป็นหมอด้วยตัวเอง ระบบฟื้นฟูสุขภาพ #สุขภาพดี #สารอาหาร #อาหารต้นทาง #สารอาหารสำหรับเด็ก #สารอาการสำหรับคนสูงวัย #อาหารต้านโรค #อาหารชะลอวัย #ความงาม #สเตมเซลล์ #โภชนาการ #โภชนบำบัด #อาหารเสริมป้องกันมะเร็ง

ที่อยู่

พหลโยธิน​
Bangkok
10900

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ธนพนธ์เภสัชผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ธนพนธ์เภสัช:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram