คอลลาเจน ฟิณเดลเลส Findelles Collagen65

คอลลาเจน ฟิณเดลเลส Findelles Collagen65 คอลลาเจนแท้จากประเทศญี่ปุ่น ช่วยบำ ลดปวดเข่า เบาปวดข้อ

💗 อย่าชะล่าใจ! “โรคหัวใจ” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของผู้สูงอายุอีกต่อไปหลายคนอาจจะกำลังคิดว่าโรคหัวใจเป็นเรื่องไกลตัว จะเกิดก...
29/09/2025

💗 อย่าชะล่าใจ! “โรคหัวใจ” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของผู้สูงอายุอีกต่อไป

หลายคนอาจจะกำลังคิดว่าโรคหัวใจเป็นเรื่องไกลตัว จะเกิดกับใครก็คงไม่ใช่กับเราในวัยหนุ่มสาวหรือวัยทำงานที่ยังแข็งแรงอยู่แน่นอน แต่จริงๆ แล้วรู้ไหมคะว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบันของเรานี่แหละค่ะ คือตัวการสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่เสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้ง่ายขึ้นโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ความเครียด หรือการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ วันนี้เราจะชวนมาสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงรอบตัว พร้อมวิธีดูแลหัวใจของเราให้แข็งแรงกันค่ะ

🧬 ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจปัจจัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดกันก่อนนะคะ ซึ่งก็คือเรื่องของพันธุกรรม อายุ และเพศค่ะ
▪️ พันธุกรรม: หากคนในครอบครัวสายตรงของเรา เช่น พ่อแม่พี่น้อง มีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจตั้งแต่อายุยังน้อย ก็จะทำให้เรามีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปค่ะ
▪️ อายุและเพศ: เมื่ออายุเพิ่มขึ้น อวัยวะต่างๆ รวมถึงหัวใจและหลอดเลือดก็ย่อมเสื่อมลงตามธรรมชาติ และโดยเฉลี่ยแล้ว เพศชายจะมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้มากกว่าเพศหญิงค่ะ
แม้จะเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ แต่การรู้ไว้ก็ช่วยให้เราตระหนักและหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองได้เร็วขึ้นนะคะ

🍟 พฤติกรรมการกินตัวการสำคัญ
อาหารที่เราทานในแต่ละวันส่งผลต่อสุขภาพหัวใจโดยตรงเลยค่ะ โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งพบมากในเมนูโปรดของใครหลายๆ คน
🔸 ของทอด ของมัน: ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอด หมูทอด เฟรนช์ฟรายส์ หรืออาหารผัดที่ใช้น้ำมันเยอะๆ ล้วนแต่เพิ่มไขมันเลว (LDL) ในร่างกาย ซึ่งจะไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบและอุดตันได้ค่ะ
🔸 กะทิ: แกงกะทิต่างๆ แม้จะหอมอร่อย แต่ก็เป็นแหล่งของไขมันอิ่มตัวสูงเช่นกันค่ะ
🔸 ของหวาน เบเกอรี่: เค้ก คุกกี้ ขนมปังต่างๆ มักมีส่วนประกอบของเนย มาการีน และน้ำตาลในปริมาณมาก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ไขมันในเลือดสูงและเสี่ยงต่อโรคอ้วนได้ค่ะ
การทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำจะส่งผลให้ระดับไขมันในเลือดสูง และเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจในที่สุดค่ะ 🍔🍰

⚖️ น้ำหนักเกินและโรคอ้วน
ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องรูปร่างและความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นประตูสู่สารพัดโรคเรื้อรังที่เป็นอันตรายต่อหัวใจโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือดได้ค่ะ

🤯 ความเครียดสะสมและการพักผ่อนน้อย
ในยุคที่ต้องแข่งขันและเร่งรีบแบบนี้ ความเครียดจากการทำงานหรือการใช้ชีวิตกลายเป็นเรื่องปกติของใครหลายคนไปแล้ว แต่ความเครียดที่สะสมโดยไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสม จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้เลยนะคะ 😵 ประกอบกับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ก็ยิ่งซ้ำเติมให้ร่างกายอ่อนแอและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวได้อีกด้วยค่ะ

🚭 การสูบบุหรี่และควันบุหรี่มือสอง
เป็นที่ทราบกันดีว่าการสูบบุหรี่คือตัวการร้ายทำลายสุขภาพ และเป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้นๆ ของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันค่ะ สารพิษในบุหรี่จะเข้าไปทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการอักเสบและเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ง่าย แต่ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ แม้เราจะไม่ได้สูบเอง แต่การอยู่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่และได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นประจำ ก็มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ไม่ต่างกันเลยค่ะ

❤️ ปรับพฤติกรรมวันนี้ เพื่อหัวใจที่แข็งแรงในวันหน้า
ข่าวดีก็คือเราสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ค่ะ เพียงแค่เราหันมาตระหนักรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างให้ดีขึ้น เริ่มต้นง่ายๆ ได้ตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ
🔹 ลดหวาน มัน เค็ม: ลองปรับเมนูอาหารในแต่ละมื้อ เพิ่มผักผลไม้ให้มากขึ้น และเลือกทานอาหารที่ปรุงด้วยวิธีการต้ม นึ่ง ย่าง แทนการทอดหรือผัด
🔹 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: หาเวลาเคลื่อนไหวร่างกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 3-5 วันต่อสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเร็ว วิ่ง หรือเต้นแอโรบิก เพื่อช่วยให้หัวใจแข็งแรงและระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้นค่ะ
🔹 จัดการความเครียด: หาวิธีผ่อนคลายที่เหมาะกับตัวเอง เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ
🔹 พักผ่อนให้เพียงพอ: พยายามนอนหลับให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออย่างเต็มที่
🔹 ลด ละ เลิกบุหรี่: เพื่อสุขภาพของตัวคุณเองและคนรอบข้างค่ะ

ที่สำคัญ อย่าลืมเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อคัดกรองความเสี่ยงของโรคหัวใจอย่างสม่ำเสมอนะคะ การตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและเพิ่มโอกาสในการกลับมามีสุขภาพที่ดีได้อีกครั้งค่ะ

อ้างอิง:
https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1187613
https://thainews.prd.go.th/thainews/news/view/1238205/?bid=1
https://www.tnnthailand.com/health/204150/

#โรคหัวใจ ิถีชีวิตที่ยั่งยืน

เมนูนุ่มนิ่ม เคี้ยวง่าย อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนจากแครอท ช่วยบำรุงสายตาคนทำงานหน้าคอม #ชีวจิต
28/09/2025

เมนูนุ่มนิ่ม เคี้ยวง่าย อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนจากแครอท ช่วยบำรุงสายตาคนทำงานหน้าคอม
#ชีวจิต

แค่กินผักอาจยังไม่พอ แต่ต้องกินให้หลากหลายชนิด และสีสัน เพราะแต่ละสีที่ต่างกัน ก็หมายถึงประโยชน์ที่ต่างกันนะคะ
26/09/2025

แค่กินผักอาจยังไม่พอ แต่ต้องกินให้หลากหลายชนิด และสีสัน เพราะแต่ละสีที่ต่างกัน ก็หมายถึงประโยชน์ที่ต่างกันนะคะ

กินให้ถูก เลี่ยงไขมันพอกตับ 🤗✨คนไทยเจ็บป่วยด้วยโรคจากพฤติกรรมการกินอยู่ไม่เหมาะสมเพิ่มขึ้น หนึ่งในนั้นคือ “โรคไขมันพอกตั...
25/09/2025

กินให้ถูก เลี่ยงไขมันพอกตับ 🤗✨
คนไทยเจ็บป่วยด้วยโรคจากพฤติกรรมการกินอยู่ไม่เหมาะสมเพิ่มขึ้น หนึ่งในนั้นคือ “โรคไขมันพอกตับ” เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อ้วนลงพุง ดื่มเหล้าบ่อย กินยาบางชนิดนาน ๆ โดยเฉพาะฮอร์โมนและสเตรียรอยด์
✅ ลดไขมันสูง นม เนย ชีส ไข่แดง กะทิ
✅ ลดแป้ง น้ำตาล ไม่กินผลไม้แทนมื้อหลัก
✅ งดเหล้า ยาที่ไม่จำเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ที่มา: โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
#สสส #สื่อสารสุข #ลดเสี่ยงลดโรค #ไขมันพอกตับ

วุ้นตาเสื่อมคืออะไร? 👀วุ้นตาเสื่อม คือ ภาวะที่วุ้นตา (ของเหลวใสลักษณะคล้ายเจล ซึ่งทำหน้าที่เติมเต็มช่องว่างภายในลูกตา) เ...
24/09/2025

วุ้นตาเสื่อมคืออะไร? 👀

วุ้นตาเสื่อม คือ ภาวะที่วุ้นตา (ของเหลวใสลักษณะคล้ายเจล ซึ่งทำหน้าที่เติมเต็มช่องว่างภายในลูกตา) เกิดการเปลี่ยนแปลง จนเห็นเป็นจุดหรือเส้นทึบแสงลอยไปมาในลานสายตา

โดยทั่วไป วุ้นตาเสื่อมไม่เป็นอันตรายและพบได้บ่อยตามวัย แต่บางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะร้ายแรง เช่น

- จอประสาทตาฉีกขาด
- จอประสาทตาหลุดลอก

ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้
👉 ดังนั้น หากมีอาการ ควรเข้าพบจักษุแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและแยกแยะความผิดปกติอย่างถูกต้อง เพื่อปกป้องสุขภาพตาของคุณค่ะ
#โรงพยาบาลพญาไท #ตรวจสุขภาพต้องที่พญาไท #หยากไย่ลอยไปมา #วุ้นตาเสื่อม

💡ปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับไขมันดี (HDL) และไขมันร้าย (LDL)ที่คุณควรรู้เพื่อควบคุมให้สมดุล 👍🏿เมื่อพูดถึง “คอเลสเตอรอล” หลายค...
23/09/2025

💡ปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับ
ไขมันดี (HDL) และไขมันร้าย (LDL)
ที่คุณควรรู้เพื่อควบคุมให้สมดุล 👍🏿
เมื่อพูดถึง “คอเลสเตอรอล” หลายคนอาจนึกถึงโรคไขมันในเลือดสูง แต่จริงๆ แล้วคอเลสเตอรอลคือไขมันที่ร่างกายผลิตขึ้นเอง และยังได้รับเพิ่มจากอาหารที่เรากิน โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
🔸 LDL (ไขมันร้าย) ไขมันชนิดไม่ดี มีโอกาสสะสมในหลอดเลือดสูง
🔹 HDL (ไขมันดี) ไขมันชนิดดี มีหน้าที่ช่วยกำจัดคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกจากร่างกาย
แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากอาหารที่เรากินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่ส่งผลต่อระดับ LDL และ HDL ในร่างกายของเรา วันนี้มาดูกันค่ะว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ LDL สูงขึ้น และมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยเพิ่ม HDL ได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
✅ ปัจจัยที่ช่วยให้ HDL (ไขมันดี) เพิ่มสูงขึ้น
1️⃣ ออกกำลังกายแบบแอโรบิก
การออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการเพิ่ม HDL เพราะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและการเผาผลาญไขมัน
2️⃣ กินไขมันดีจากธรรมชาติ
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วชนิดต่างๆ และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่พบในปลาทะเล (แซลมอน ทูน่า) เมล็ดแฟลกซ์ จะช่วยเพิ่ม HDL และลดไขมันที่สะสมในหลอดเลือดได้ดีค่ะ
3️⃣ ลดน้ำหนักและไขมันส่วนเกิน
การลดน้ำหนัก โดยเฉพาะไขมันสะสมบริเวณท้อง ช่วยเพิ่มระดับ HDL ได้อย่างชัดเจน เพราะไขมันส่วนเกินส่งผลเสียต่อการเผาผลาญไขมันในเลือด
4️⃣ กินอาหารที่มีโอเมก้า-3 เป็นประจำ
โอเมก้า-3 จากปลาทะเล เช่น แซลมอน ทูน่า ซาร์ดีน จะช่วยเพิ่ม HDL และลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้ดีค่ะ
5️⃣ ดื่มไวน์แดงได้เล็กน้อย
การดื่มไวน์แดงในปริมาณพอเหมาะ (ประมาณ 1 แก้วต่อวัน) เพราะในไวน์แดงนั้นมีสาร Resveratrol ที่ช่วยเพิ่มระดับ HDL ได้ แต่หากดื่มมากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกันค่ะ
6️⃣ เลิกสูบบุหรี่
หากเลิกสูบบุหรี่ได้ ระดับ HDL จะเพิ่มขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ และช่วยลดความเสี่ยงของการอักเสบในหลอดเลือดได้อีกด้วยค่ะ
🚨 ปัจจัยที่ทำให้ LDL (ไขมันไม่ดี) เพิ่มสูงขึ้น
1️⃣ กินไขมันอิ่มตัวมากเกินไป
เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน นมไขมันเต็ม ไขมันสัตว์ น้ำมันปาล์ม และน้ำมันมะพร้าว ไขมันกลุ่มนี้กระตุ้นให้ตับผลิต LDL เพิ่มมากขึ้น
2️⃣ กินไขมันทรานส์
พบในขนมอบ เบเกอรี่ อาหารทอด อาหารแปรรูป ไขมันทรานส์ไม่เพียงเพิ่มระดับ LDL แต่ยังลดไขมันดี (HDL) และเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจด้วย
3️⃣ กินคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวและน้ำตาลสูง
ข้าวขัดขาว ขนมหวาน น้ำตาลทราย และเครื่องดื่มหวานจัด จะกระตุ้นให้ตับผลิตไขมันเพิ่มขึ้น ทำให้ LDL และไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นตามมา
4️⃣ ขาดการออกกำลังกาย
การไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกายจะทำให้ LDL เพิ่มขึ้น และ HDL ลดต่ำลง การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น
5️⃣ โรคอ้วนและไขมันสะสมรอบเอว
ผู้ที่มีภาวะอ้วน โดยเฉพาะผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ร่างกายจะผลิต LDL สูงขึ้น และยังกำจัด LDL ออกจากเลือดได้น้อยลง อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวานและโรคหัวใจอีกด้วย
6️⃣ พันธุกรรมและโรคทางกรรมพันธุ์
บางคนอาจมีระดับ LDL สูงโดยกำเนิด เช่น โรค Familial Hypercholesterolemia ซึ่งร่างกายจะกำจัด LDL ออกจากเลือดได้ยากกว่าปกติ
7️⃣ สูบบุหรี่
การสูบบุหรี่จะเร่งให้ LDL เกิดการออกซิเดชันและสะสมในหลอดเลือดเร็วขึ้น อีกทั้งยังลดระดับ HDL ด้วย
8️⃣ ดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก
แอลกอฮอล์กระตุ้นให้ตับผลิต LDL และไตรกลีเซอไรด์เพิ่มขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อโรคไขมันพอกตับและโรคหัวใจได้
📊 ระดับคอเลสเตอรอลที่เหมาะสม ควรอยู่ที่เท่าไหร่?
เพื่อสุขภาพที่ดี ควรควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ดังนี้ค่ะ 👇
▪️ คอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol): ต่ำกว่า 200 มก./ดล.
▪️ HDL (ไขมันดี): เพศชายควรสูงกว่า 40 มก./ดล., เพศหญิงควรสูงกว่า 50 มก./ดล.
▪️ LDL (ไขมันร้าย): ต่ำกว่า 130 มก./ดล. (หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือโรคหัวใจ ควรต่ำกว่า 100 มก./ดล.)
▪️ ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides): ต่ำกว่า 150 มก./ดล.
หมายเหตุ: ค่าที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันได้ตามสุขภาพแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวัดอย่างแม่นยำค่ะ
✨ สรุปก็คือ การควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาระดับไขมันให้สมดุลค่ะ เพราะไขมันในเลือดที่ผิดปกติมักไม่มีอาการชัดเจน การตรวจสุขภาพเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าเราดูแลได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ในระยะยาวค่ะ 💖😊
อ้างอิง:
https://www.medparkhospital.com/disease-and-treatment/how-blood-lipids-different-from-each-other
https://www.bnhhospital.com/th/ไขมันในเลือดสูง
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/dyslipidemia
https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=519
https://www.paolohospital.com/th-TH/samut/Article/Details/บทความ/HDL-และ-LDL-ต่างกันอย่างไร-
#อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ #ไขมันดี #ไขมันร้าย

ไมเกรน & ซึมเศร้า: คู่หูที่ไม่ได้รับเชิญทำไมสองภาวะนี้มักมาด้วยกัน? 🤯😥รู้สึกเศร้าๆ หดหู่ ไม่มีเรี่ยวแรง ใครคิดว่าหนักแล้...
22/09/2025

ไมเกรน & ซึมเศร้า: คู่หูที่ไม่ได้รับเชิญ
ทำไมสองภาวะนี้มักมาด้วยกัน? 🤯😥

รู้สึกเศร้าๆ หดหู่ ไม่มีเรี่ยวแรง ใครคิดว่าหนักแล้ว แต่หลายคนยังต้องทนทรมานกับอาการปวดหัวไมเกรนบ่อยๆ อีกด้วย 😥 อาการร่วมเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะคะ เพราะทางการแพทย์ค้นพบว่า "ไมเกรน" กับ "โรคซึมเศร้า" มีความเกี่ยวข้องกันมากกว่าที่เราคิด วันนี้ Bluzone จะชวนมาทำความเข้าใจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้ให้มากขึ้น เพื่อการดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างถูกต้องค่ะ

🧠💥 รู้จัก "ไมเกรน" ที่ไม่ใช่แค่ปวดหัวธรรมดา
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่าไมเกรน แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่อาการปวดหัวธรรมดาทั่วไปนะคะ ไมเกรน (Migraine) คือโรคทางระบบประสาทที่ทำให้มีอาการปวดศีรษะรุนแรงเป็นพักๆ และมักจะปวดตุ้บๆ ที่ข้างใดข้างหนึ่งของศีรษะเป็นหลัก นอกจากอาการปวดแล้ว ผู้ป่วยไมเกรนจำนวนมากยังมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น
▪️ คลื่นไส้ อาเจียน
▪️ ไวต่อแสงจ้าหรือเสียงดังผิดปกติ (แพ้แสง-เสียง)
▪️ บางรายอาจมีอาการเตือนนำมาก่อนปวดศีรษะ หรือที่เรียกว่า "ออร่า" (Aura) เช่น เห็นแสงซิกแซก แสงแฟลช หรือภาพเบลอ
อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นเป็นๆ หายๆ และในบางคนก็เป็นบ่อยจนกลายเป็น "ไมเกรนเรื้อรัง" (Chronic Migraine) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างมากเลยค่ะ

😞💔 เข้าใจ "ซึมเศร้า" เมื่อใจป่วยเกินกว่าแค่เศร้า
ส่วนโรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder) ก็ไม่ใช่แค่ความรู้สึกเศร้าหรือเสียใจชั่วครั้งชั่วคราวนะคะ แต่เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีความรู้สึกเศร้าหมองอย่างรุนแรง เบื่อหน่ายไปหมดทุกอย่าง แม้แต่สิ่งที่เคยชอบหรือเคยทำแล้วมีความสุขก็ไม่รู้สึกเหมือนเดิมอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ ที่พบบ่อยคือ
▪️ อ่อนเพลีย ไม่มีแรงง่าย หมดพลังงาน
▪️ นอนไม่หลับ หรือในทางกลับกันคือนอนมากเกินไป
▪️ ไม่มีสมาธิ ความสามารถในการตัดสินใจลดลง
▪️ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าหรือเป็นภาระ
▪️ ในรายที่อาการรุนแรงอาจมีความคิดอยากทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย

🔗 ความสัมพันธ์แบบสองทิศทาง (Bidirectional Relationship)
แล้วสองโรคนี้มาเกี่ยวกันได้อย่างไร? มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมายที่ชี้ว่าไมเกรนและโรคซึมเศร้ามีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งในลักษณะ "สองทิศทาง" ค่ะ
▪️ ผู้ที่เป็นไมเกรน โดยเฉพาะไมเกรนเรื้อรัง มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าสูงกว่าคนทั่วไปถึง 2-4 เท่า!
▪️ ในทางกลับกัน คนที่เป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว ก็มีแนวโน้มที่จะมีอาการไมเกรนได้ง่ายขึ้น รวมถึงอาจทำให้อาการปวดไมเกรนรุนแรงและถี่กว่าเดิม ทำให้การรักษาทั้งสองโรคยากยิ่งขึ้นไปอีก
▪️ เมื่อเป็นสองโรคนี้ร่วมกัน จะยิ่งทำให้คุณภาพชีวิตลดลงอย่างมาก และเสี่ยงต่อภาวะทุพพลภาพ (Disability) มากกว่าคนที่เป็นโรคใดโรคหนึ่งเพียงอย่างเดียวค่ะ

🔬 ไขสาเหตุ ทำไมถึงเกิดร่วมกันบ่อย?
สาเหตุที่ทำให้ไมเกรนกับซึมเศร้ามักจะมาคู่กันนั้นมีความซับซ้อน แต่คาดว่ามาจากกลไกทางชีวภาพและปัจจัยอื่นๆ ร่วมกันหลายอย่าง ดังนี้ค่ะ
🔹 พันธุกรรมร่วมกัน: มีงานวิจัยที่พบว่าทั้งสองโรคอาจมีปัจจัยทางพันธุกรรมบางอย่างที่เหมือนกัน ทำให้คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหนึ่ง อาจมีความเสี่ยงต่ออีกโรคหนึ่งด้วย
🔹 สารสื่อประสาทในสมอง: โดยเฉพาะ "เซโรโทนิน" (Serotonin) ซึ่งหลายคนเรียกว่าสารแห่งความสุข มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งในการเกิดไมเกรนและภาวะซึมเศร้า การที่ระดับหรือการทำงานของเซโรโทนินผิดปกติไป จึงอาจเป็นจุดร่วมที่ทำให้เกิดทั้งสองโรคได้พร้อมๆ กัน
🔹 การอักเสบในระบบประสาท: พบว่าทั้งในผู้ป่วยไมเกรนและซึมเศร้า อาจมีการอักเสบเรื้อรังในระดับต่ำๆ เกิดขึ้นในร่างกายและสมอง ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ประสาทและวงจรที่ควบคุมอารมณ์และความเจ็บปวด
🔹 วงจรสมองที่ทำงานเชื่อมโยงกัน: สมองส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์ (Limbic System) และส่วนที่ประมวลผลความเจ็บปวดนั้นทำงานใกล้ชิดกัน เมื่อวงจรใดวงจรหนึ่งทำงานผิดปกติไป ก็อาจส่งผลกระทบถึงกันได้ง่ายขึ้นค่ะ

❤️ ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อต้องรับมือกับทั้งสองโรค
การรับมือกับไมเกรนและซึมเศร้าไปพร้อมๆ กันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็สามารถจัดการได้หากได้รับการดูแลที่เหมาะสมและมองภาพรวมค่ะ
🔸 สังเกตตัวเองและรีบปรึกษาแพทย์: หากคุณมีอาการปวดศีรษะไมเกรน ร่วมกับรู้สึกเศร้า เบื่อหน่าย หรือหมดกำลังใจต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง อย่าปล่อยทิ้งไว้
🔸 รักษาแบบองค์รวม: การรักษาจำเป็นต้องมองภาพรวมทั้งสุขภาพกายและใจ แพทย์อาจพิจารณายาบางชนิด เช่น ยากลุ่มต้านเศร้าบางตัว ที่สามารถช่วยป้องกันอาการไมเกรนและปรับสมดุลอารมณ์ไปพร้อมกันได้
🔸 ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์: การดูแลสุขภาพพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ พยายามนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและเป็นเวลา ออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ และหาวิธีจัดการความเครียดที่เหมาะกับตัวเอง
🔸 พิจารณาการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT): เป็นจิตบำบัดรูปแบบหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีรับมือกับความคิดเชิงลบและรูปแบบพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อทั้งอาการปวดและอารมณ์ ซึ่งมีหลักฐานว่าได้ผลดีกับทั้งสองโรคค่ะ
🔸 อย่าโทษตัวเอง: โปรดจำไว้เสมอว่าทั้งไมเกรนและซึมเศร้าเป็น "โรค" ที่เกิดจากความผิดปกติทางชีวภาพของร่างกาย ไม่ใช่ความอ่อนแอของจิตใจ การใจดีกับตัวเองและขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างและผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ

การทำความเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างไมเกรนและสุขภาพจิต จะช่วยให้เราตระหนักและหันมาใส่ใจดูแลตัวเองแบบองค์รวมมากขึ้น หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญกับความท้าทายนี้อยู่ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากแพทย์นะคะ การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกครั้งค่ะ ❤️

ที่มา:
https://www.bangkokhospital.com/th/bangkok-bone-brain/content/migraine-and-depression-connection
https://www.medparkhospital.com/lifestyles/dealing-with-the-mental-health-impact-of-migraines
https://www.migrainethailand.com/migraines-and-depression/
https://americanmigrainefoundation.org/resource-library/link-between-migraine-depression-anxiety/
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/38397400/

ิถีชีวิตที่ยั่งยืน #ไมเกรน

ทำไมครีมกันแดดต้องทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง?โดนเฉพาะเมื่ออยู่นอกบ้าน+ตากแดด ☀️ทั้งๆ ที่เลือกใช้ตัวที่มีค่า SPF สูงๆ แล้วแท้ๆ แต...
21/09/2025

ทำไมครีมกันแดดต้องทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง?
โดนเฉพาะเมื่ออยู่นอกบ้าน+ตากแดด ☀️

ทั้งๆ ที่เลือกใช้ตัวที่มีค่า SPF สูงๆ แล้วแท้ๆ แต่ทำไมคนถึงแนะนำให้ทากันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง? บางคนอาจจะคิดว่าทาตอนเช้ารอบเดียวก็น่าจะพอแล้วสำหรับทั้งวัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การปกป้องผิวจากแสงแดดมีรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่านั้นเยอะเลยค่ะ วันนี้เราจะมาไขทุกข้อข้องใจให้เคลียร์กันไปเลยว่า เพราะอะไรการทากันแดดซ้ำถึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เพื่อให้ผิวสวยๆ ของเราอยู่กับเราไปนานๆ ค่ะ 😊

🔸 ทำความเข้าใจค่า SPF และ PA กันก่อน
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับตัวเลขและสัญลักษณ์บนหลอดครีมกันแดดกันให้มากขึ้นอีกนิด เพื่อจะได้เข้าใจการทำงานของมันได้ดีขึ้นก่อนจะเข้าเนื้อหาหลักกันค่ะ

1️⃣ SPF (Sun Protection Factor)
ค่านี้จะบอกเราถึงความสามารถในการป้องกันรังสี UVB ที่เป็นสาเหตุหลักของอาการผิวไหม้แดดและมะเร็งผิวหนังค่ะ ตัวเลขยิ่งสูง ก็จะยิ่งปกป้องได้ยาวนานขึ้นในทางทฤษฎี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะติดทนไปตลอดทั้งวันนะคะ

2️⃣ PA (Protection Grade of UVA)
ส่วนค่านี้จะบอกถึงความสามารถในการป้องกันรังสี UVA ซึ่งเป็นตัวการร้ายที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยและความหมองคล้ำค่ะ จะแสดงด้วยเครื่องหมายบวก (+) ยิ่งบวกเยอะ ก็ยิ่งป้องกันได้ดีค่ะ

🔸 แล้วทำไมกันแดดถึงเสื่อมประสิทธิภาพ?
แม้ว่าเราจะเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงลิ่วแค่ไหน แต่ประสิทธิภาพของมันก็จะค่อยๆ ลดลงระหว่างวันค่ะ ซึ่งสาเหตุหลักๆ ก็มาจากปัจจัยเหล่านี้เลย

▪️ เหงื่อและการสัมผัสน้ำ 💧: ปัจจัยข้อนี้สำคัญมากๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะกับอากาศร้อนๆ ของบ้านเรา แค่เหงื่อออกเล็กน้อย หรือการล้างมือ ล้างหน้า ก็สามารถทำให้ครีมกันแดดหลุดออกไปได้แล้วค่ะ แม้ว่าจะเป็นสูตรกันน้ำ (Water-Resistant) ก็ตาม โดยทั่วไปสูตรกันน้ำจะยังคงประสิทธิภาพอยู่ได้ประมาณ 40-80 นาทีเมื่ออยู่ในน้ำเท่านั้นค่ะ

▪️ การเสียดสี 👚: การเช็ดหน้าโดยไม่ตั้งใจ การใส่หรือถอดหน้ากากอนามัย หรือแม้แต่การเผลอเอามือไปสัมผัสใบหน้า ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ครีมกันแดดที่เราทาไว้หลุดออกไปโดยไม่รู้ตัวค่ะ

▪️ ความแรงของแสงแดด 🔥: ในช่วงเวลาที่แดดจัดมากๆ อย่างช่วง 10.00 - 16.00 น. ผิวของเราจะเจอกับรังสี UV ที่เข้มข้นกว่าปกติ ทำให้ครีมกันแดดต้องทำงานหนักขึ้นและเสื่อมประสิทธิภาพลงเร็วกว่าเดิมค่ะ

▪️ ปริมาณที่ใช้ไม่ถูกต้อง 🤏: คนส่วนใหญ่มักจะทาครีมกันแดดในปริมาณที่น้อยเกินไปค่ะ ทำให้ผิวไม่ได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ตามที่ระบุไว้บนฉลากสินค้า ซึ่งปริมาณที่แนะนำสำหรับใบหน้าคือประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ หรือเท่ากับเหรียญสิบบาทค่ะ

🔸 คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและสถาบันสุขภาพผิวทั่วโลกจึงแนะนำเป็นเสียงเดียวกันว่า เราควรทาครีมกันแดดซ้ำในทุกๆ 2 ชั่วโมงค่ะ โดยมีรายละเอียดดังนี้

▪️ ในชีวิตประจำวัน: หากคุณทำงานในออฟฟิศหรือในอาคารเป็นหลัก ไม่ได้โดนแดดโดยตรง หรือมีเหงื่อออกมากนัก การทาซ้ำอาจจะไม่ใช่เรื่องจำเป็นขนาดนั้น แต่การทาในตอนเช้าก็ยังคงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้นะคะ

▪️ เมื่อต้องออกแดด: ไม่ว่าค่า SPF ของคุณจะสูงแค่ไหน หากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เช่น ไปเที่ยวทะเล เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมนอกบ้าน ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมงอย่างเคร่งครัดเลยค่ะ

▪️ หลังกิจกรรมทางน้ำหรือเหงื่อออก: ควรทาซ้ำทันทีหลังจากเช็ดตัวให้แห้งนะคะ ไม่ต้องรอให้ครบ 2 ชั่วโมงค่ะ

ดังนั้น แทนที่เราจะโฟกัสแค่ตัวเลข SPF สูงๆ เพียงอย่างเดียว การสร้างวินัยในการทาครีมกันแดดซ้ำอย่างสม่ำเสมอ คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยปกป้องผิวของเราจากอันตรายของแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพและดีที่สุดค่ะ ลองปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองดูนะคะ เพื่อผิวสวยสุขภาพดีในระยะยาวค่ะ 😊

#กันแดด ิถีชีวิตที่ยั่งยืน

📣 ไหนใครเกิดมามีปานบ้าง ? ไม่ว่าจะปานดำหรือแดง 🫣 แอดพาส่อง  #ความหมายปานตามร่างกาย ✨ ตามความเชื่อโบราณจีน ที่บอกเลยว่าเป...
20/09/2025

📣 ไหนใครเกิดมามีปานบ้าง ? ไม่ว่าจะปานดำหรือแดง 🫣 แอดพาส่อง #ความหมายปานตามร่างกาย ✨ ตามความเชื่อโบราณจีน ที่บอกเลยว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้นน้า เพราะในยุคสมัยนี้แล้วชีวิตเราก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปาน อ่านเป็นความรู้เฉยๆ กันได้เลย ⭐️ อะๆ เอาเป็นว่าใครมีปานเหมือนกัน ยกมือหน่อย 🙋🏻‍♀️

#เซลเฮียร์

บอกลาปวดหลัง ให้ดีขึ้นในหลักเดือน ด้วยท่ากายบริหาร 5 ท่านี้!ปัญหาปวดหลังมักอาการฮิตที่พบได้ทุกวัยตั้งแต่วัยรุ่นยันผู้สูง...
19/09/2025

บอกลาปวดหลัง ให้ดีขึ้นในหลักเดือน ด้วยท่ากายบริหาร 5 ท่านี้!

ปัญหาปวดหลังมักอาการฮิตที่พบได้ทุกวัยตั้งแต่วัยรุ่นยันผู้สูงอายุ

แต่วันนี้ เราจะมาพิชิตอาการสุดน่ารำคาญนี้ด้วย ท่ากายบริหาร แบบง่ายๆทำได้ที่บ้าน มือใหม่ก็ทำตามได้

โดยท่าเหล่านี้ จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่คอยซัพพอร์ตหลัง ไม่ว่าจะเป็น หลัง หน้าท้อง ก้น สะโพก ให้แข็งแกร่งมากขึ้น ทำให้อาการปวดหลังลดลงได้นั่นเอง

จะมีท่าไหนที่ช่วยดูแลอาการปวดหลังเราได้บ้าง ไปดูกันเลย!

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
อ.นพ.เตชิต จิระวิชิตชัย
แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู

อ้างอิง
https://shorturl.at/QFYd2

รู้ไหมว่า หากเราต้องการบริหารจัดการปริมาณน้ำตาลต่อวันให้พอดี ก็ควรกินผลไม้หลังอาหาร ส่วนจะเพราะอะไรนั้น มาดูกัน #ชีวจิต ...
18/09/2025

รู้ไหมว่า หากเราต้องการบริหารจัดการปริมาณน้ำตาลต่อวันให้พอดี ก็ควรกินผลไม้หลังอาหาร ส่วนจะเพราะอะไรนั้น มาดูกัน
#ชีวจิต #ผลไม้ #ลดน้ําตาล #กิน

🍎🍐🍋🍇 แม้หมอจะบอกเราเสมอว่า หากไม่อยากป่วยใจต้องลดเครียด ลดหงุดหงิด แต่ในกรณีที่พยายามหลีกเลี่ยงแล้ว แต่ความเครียดก็ยังตา...
17/09/2025

🍎🍐🍋🍇 แม้หมอจะบอกเราเสมอว่า หากไม่อยากป่วยใจต้องลดเครียด ลดหงุดหงิด แต่ในกรณีที่พยายามหลีกเลี่ยงแล้ว แต่ความเครียดก็ยังตามรุมเร้า ลองกินผักผลไม้ก็ช่วยได้มาก เพราะอาหารมีส่วนช่วยในการลดความเครียด ...เมื่อไกลเครียด หัวใจก็แข็งแรง
#ชีวจิต #ผักผลไม้

ที่อยู่

Bangkok
10400

เบอร์โทรศัพท์

+66653966365

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คอลลาเจน ฟิณเดลเลส Findelles Collagen65ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง คอลลาเจน ฟิณเดลเลส Findelles Collagen65:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram