Ovisure Gold นมธัญพืชคุณภาพสูงในการบำรุงกระดูกและข้อ

Ovisure Gold นมธัญพืชคุณภาพสูงในการบำรุงกระดูกและข้อ OVISURE GOLD - นมถั่วบำรุงกระดูกและข้ออันดับ 1 ของประเทศไทย

👉9 ประโยชน์ของการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ” เหตุผลว่าทำไมหมอถึงชอบถามจัง ว่าได้ออกกำลังกายไหม?เมื่ออายุมากขึ้น ความเสื่อมข...
15/11/2023

👉9 ประโยชน์ของการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ” เหตุผลว่าทำไมหมอถึงชอบถามจัง ว่าได้ออกกำลังกายไหม?
เมื่ออายุมากขึ้น ความเสื่อมของร่างกายก็จะตามมา ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เราทุกคนต้องประสบพบเจอ ดังนั้นเราควรมองเรื่องอายุที่มากขึ้นเป็นเรื่องปกติ ไม่ควรกังวลหรือรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่แย่ ในทางตรงกันข้าม ควรภูมิใจและยินดีกับช่วงวัยที่เรียกได้ว่าเป็นวัยของความสุข หรือที่เรียกว่า golden peroid ที่เราได้พักจากการทำงานหนักมาตลอด ได้พักผ่อน ได้ท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมที่ชอบ โดยที่ไม่ต้องมีเวลาเข้า-ออกงานมาเป็นตัวบังคับอีกแล้ว
การไม่ออกกำลังนั้นส่งผลทางอ้อมให้เสียชีวิตได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่ทราบกัน เพราะการไม่ออกกำลังกายและอายุที่มากขึ้นก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ หรือ ภาวะอื่นที่เกี่ยวข้องกับความไม่แข็งแรงของร่างกายซึ่งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เช่น หกล้ม กระดูกหัก ทำให้เดินไม่ได้ ติดเก้าอี้ ต้องใช้รถเข็น หรือติดเตียง เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ง่าย เช่น ติดเชื้อได้ง่าย ปอดอักเสบ แผลกดทับ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตทางอ้อมได้
การที่ผู้สูงอายุมีชีวิตยืนยาว น่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่หมอต้องการมากกว่า คือ มีจำนวนปีที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงการที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์รอบด้าน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ทั้งนี้การออกกำลังกายในผู้สูงอายุจะเห็นผลชัดทางด้านร่างกายก่อน แล้วจะตามมาด้วยผลพลอยได้ด้านอื่น ๆ ซึ่งมักเป็นผลทางอ้อมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพต่อ ๆ ไป
2. คนที่ออกกำลังกายจะมีความสามารถไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ได้
ผู้สูงอายุ ผู้สูงวัย หมอขอเรียกสั้นๆว่า สว. บางคนมักจะบ่นกับหมอว่า “ตอนที่เป็นหนุ่มสาวแข็งแรงอยู่ ทำแต่งานจนไม่มีเวลาเที่ยวหรือใช้เงิน จนตอนนี้อายุขนาดนี้มีเงินใช้แต่ก็เที่ยวไม่ไหวแล้ว เห็นบันได 20 ขั้นก็กลัวขึ้นไม่ไหว เลยไม่ไปไหนดีกว่า ลูกหลานชวนไปเที่ยวก็กลัวไปเป็นภาระเขา” หมอเลยอยากแนะนำว่า ออกกำลังกายตอนนี้ เริ่มตอนนี้ก็จะได้มีกล้ามเนื้อร่างกายที่แข็งแรง สามารถขึ้นเขาลงห้วยได้ หิ้วของ เดินไกล พร้อมที่จะไปได้ทุกที่ และไม่มีความกังวลใด ๆ
3. การออกกำลังกายป้องกัน โรคสมองเสื่อม Alzheimer’s และภาวะซึมเศร้า
ทำไมการออกกำลังกายในผู้สูงอายุถึงลดปัญหาโรคสมองเสื่อม Alzheimer’s และภาวะซึมเศร้าได้ ทราบไหมครับ? เพราะถ้าเราแข็งแรง เราจะไม่รู้สึกสูงวัย จะมีความมั่นใจ กล้าออกสู่สังคม ออกไปมีกิจกรรมกับเพื่อนหรือลูกหลานได้ มีเพื่อนคุย เพื่อนเล่น ไม่ต้องเก็บตัวหรือคิดว่าตัวเองเป็นภาระให้ใคร จึงมีภาวะซึมเศร้าลดลง เมื่อสมองเรายังได้ทำงาน ได้คิดได้วางแผนตลอด สมองจึงเสื่อมช้าลง อีกทั้งการออกกำลังกายยังส่งผลดีทำให้การนอนดีขึ้น ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สมองเสื่อมช้าลงด้วย
4. การออกกำลังกายช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการพลัด ตก หกล้ม
เมื่ออายุมากขึ้น ก็มักจะมีเหตุการณ์หกล้มที่ไม่คาดคิด (สว ไม่เคยคิด แต่ลูก ๆ นั้นคิดอยู่ และคอยบอกให้ระวังอยู่ตลอด) เช่น เดินสะดุด หกล้มเนื่องจากเข้าห้องน้ำกลางคืนแบบไม่เปิดไฟ ปีนเก้าอี้หยิบของจากที่สูงแล้วตกลงมา และเมื่อ สว. หกล้ม จนอาจทำให้กระดูกหัก เลือดออกในสมอง หลังเข้ารับการรักษาอาจเกิดภาวะติดเตียง สูญเสียความมั่นใจในการกลับมายืนหรือเดินใหม่อีกครั้ง
วิธีป้องกันก่อนเกิดเหตุคือการออกกำลังกาย เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นแข็งแรง เมื่อผู้สูงอายุ หรือ สว.มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง การทรงตัว และการปรับสมดุลท่าทางของร่างกายจะที่ดีขึ้น เมื่อเกิดการหกล้ม ก็จะผ่อนหนักเป็นเบาได้ ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของการออกกำลังกายคือ มวลกระดูกจะดีขึ้น โดยพบว่า การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ ช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการล้มได้ถึง 40% และลดกระดูกหักได้ถึง 50%
5. การออกกำลังกายช่วยควบคุมน้ำหนักได้
ผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะอ้วนได้มากกว่าวัยหนุ่มสาวอยู่แล้ว เพราะมีมวลกล้ามเนื้อที่ลดลง (จากการไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรือจากอายุที่มากขึ้น) การเผาผลาญที่ลดลง (การเผาผลาญนั้นแปรผันตามมวลกล้ามเนื้อที่แต่ละคนมี) รวมถึงระบบของต่อมไร้ท่อที่ทำงานลดลง ทำให้ผู้สูงอายุหรือ สว. มักมีน้ำหนักเกินได้ง่าย
การออกกำลังกายที่มีแบบแผนและหลากหลายร่วมกับการควบคุมอาหารที่เหมาะสม จะสามารถทำให้ผู้สูงอายุไม่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน จนเกิดผลเสียอื่น ๆ ตามมาได้ (เช่น เบาหวาน ข้อเข่าเสื่อมหรือกระดูกกดทับเส้นประสาท)
6. การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความแข็งแรง กลับมาหนุ่มสาวอีกหลายปี
เป็นเรื่องปกติที่อายุมากขึ้น ความแข็งแรงหรือความฟิตจะลดลง ซึ่งบอกได้โดยการวัด การใช้ออกซิเจนสูงสุด หรือ VO2 max โดยพบว่าผู้สูงอายุจะมีค่า VO2 max ลดลง 11-15% เมื่อเทียบกับคนอายุ 35 ปี การที่จะคงความหนุ่มสาวหรือความแข็งแรงนั้น ยาวิเศษที่จะช่วยได้นั้นคือ “การออกกำลังกาย” โดยพบว่าคนอายุ 50 ปีที่ออกกำลังกายต่อเนื่องสามารถรักษาความฟิตได้เท่ากับตอนอายุ 30 ปีได้ และเมื่อผู้สูงอายุออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องจะสามารถเพิ่มความฟิด เพิ่มอัตราการใช้ออกซิเจนสูงสุดได้มากขึ้นถึง 19-22% และที่สำคัญคือทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงอีกด้วย
7. การออกกำลังกายลดการเกิดโรคเบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ
ผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอมีอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองตีบน้อยกว่า มีความดันเลือดลดลง ลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานได้ถึง 42% และยังพบอีกว่าปริมาณการออกกำลังกายเป็นสัดส่วนโดยตรงกับการลดการเกิดโรคเบาหวาน พูดง่าย ๆ คือ ยิ่งเพิ่มเวลาออกกำลังกายยิ่งลดการเกิดเบาหวาน นอกจากนี้ยังพบว่า การออกกำลังกายลดความเสี่ยงการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดสั่นพริ้ว (atrial fibrillation) ได้
8. การออกกำลังกายลดการเกิดโรคมะเร็ง
มีการศึกษาพบว่าการออกกำลังลดการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งไต มะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ส่วนมะเร็งที่อื่นเช่น มะเร็งปอด มะเร็งโรคเลือด มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับอ่อน พบว่าการออกกำลังสามารถลดได้แต่ยังต้องมีหลักฐานทางการศึกษาเพิ่มเติม
9. การออกกำลังกายช่วยให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อยืดหยุ่น ลดการปวดเรื้อรังได้
การออกกำลังกายบางประเภท เช่น โยคะ ไทเก็ก (Tai-chi) รวมถึงการออกกำลังกายทั่วไปที่มีการ warm-up cool-down และมีการยืดกล้ามเนื้อหลังการออกกำลัง จะทำให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ยืดหยุ่น ลดการปวดเรื้อรังได้ นอกจากนั้นการที่ผู้สูงอายุ หรือ สว.ยืดกล้ามเนื้อรอบข้อต่าง ๆ เช่น หัวไหล่ สะโพก หรือกระดูกสันหลัง จะช่วยให้ไม่เกิดภาวะข้อติด หลังโก่งค่อม และลดภาวะปวดเรื้อรังที่ต้องใช้ยาแก้ปวดและลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ด้วย

5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อมคุณกำลังเข้าใจผิดอยู่หรือเปล่าในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากหันมาใส่ใจเรื่องการออกก...
13/11/2023

5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม
คุณกำลังเข้าใจผิดอยู่หรือเปล่า
ในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากหันมาใส่ใจเรื่องการออกกำลังกาย และอาหารการกินกันมากขึ้นไม่ต่างจากผู้สูงอายุมากนัก หากพูดถึงการออกกำลังกายสมัยนี้ก็คงไม่พ้นการวิ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก บางคนที่เริ่มกำลังกายใหม่ๆ ก็อาจจะรู้สึกปวดเข่า เพราะกล้ามเนื้อหัวเข่ายังไม่ชิน และยังแข็งแรงไม่พอ ซึ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิ่งนั้นต้องเคยได้ยินประโยคที่ว่า “วิ่งมากๆ แล้วจะข้อเข่าเสื่อม” ทำให้กลายเป็นความเชื่อที่ส่งต่อกันมาเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เรามาเช็คกันดีกว่าว่าพฤติกรรมหรือกิจกรรมแบบไหนบ้างที่มีอิทธิพลต่อโรคข้อเสื่อม
ความเชื่อที่ 1 การวิ่งทำให้เกิดโรคข้อเสื่อม จริงหรือ?
“วิ่งมากๆ แล้วจะข้อเข่าเสื่อม” ประโยคยอดฮิตติดหูที่ผู้เริ่มต้นการวิ่งต้องเคยได้ยินแทบจะทุกคน ทำให้กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะวิ่งอย่างเต็มที่ เพราะกลัวเกิดปัญหาโรคข้อเสื่อมตามมา แต่ความเป็นจริงแล้วจากการรายงานของแพทย์หลายคนยืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง”
หลายคนเริ่มสงสัยกันแล้วใช่มั้ยล่ะว่า อาการบาดเจ็บของข้อเข่าที่เกิดขึ้นหลังจากการวิ่งนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร อาการดังกล่าวที่เกิดจากการวิ่งเป็นเรื่องปกติทั่วไปของผู้ที่เริ่มต้นใช้กล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งมือใหม่ เนื่องจากกล้ามเนื้อยังไม่ชิน และแข็งแรงไม่พอ แต่พอหยุดพักหรือออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ก็จะทำให้อาการบาดเจ็บข้อเข่าทุเลาลงหรือไม่ค่อยบาดเจ็บ เนื่องจากกล้ามเนื้อเริ่มแข็งแรงขึ้น และคุ้นเริ่มคุ้นชินนั่นเอง
ความเชื่อที่ 2 เป็นโรคข้อเสื่อมไม่ควรออกกำลังกาย จริงหรือ?
ผู้ป่วยด้วยโรคข้อเสื่อมส่วนใหญ่มักจะงดทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด แต่ในความเป็นจริงแล้วสามารถออกกำลังกายได้ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายให้เหมาะสมขึ้นนั่นเอง เพราะการออกกำลังกายจะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดข้อต่าง ๆ ให้แข็งแรงมากขึ้น แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบหนัก ๆ เพราะจะยิ่งส่งผลต่อข้อเข่าได้ การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคข้อเสื่อม มีดังนี้
⦁ ออกกำลังกายด้วยวิธีแอโรบิก เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยควบคุมน้ำหนัก และสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ซึ่งแพทย์แนะนำให้ออกกำลังกายติดต่อกันอย่างน้อย 30 นาที เป็นเวลา 4 วันต่อสัปดาห์ ตัวอย่างการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่เหมาะสมกับผู้ป่วยข้อเสื่อม มีดังนี้
⦁ การปั่นจักรยาน จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของข้อเข่าได้เป็นอย่างดี
⦁ การเดิน หากมีปัญหาด้านการทรงตัวขณะเดิน ก็สามารถเดินบนลู่วิ่ง หรือใช้ไม้เท้าช่วยพยุงตัวได้
⦁ วารีบำบัดหรือกิจกรรมทางน้ำ เช่น การว่ายน้ำ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดรุนแรง เนื่องจากน้ำจะช่วยลดแรงกดทับได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
⦁ ไทเก็กหรือโยคะ เป็นการออกกำลังกายที่มีการผสมผสานระหว่างการเคลื่อนไหวของร่างกาย การผ่อนคลาย และการหายใจ โดยการออกกำลังกายในลักษณะนี้จะช่วยซ่อมแซมการทำงานของกล้ามเนื้อ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อ
⦁ การยืดกล้ามเนื้อ การยืดกล้ามเนื้อจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ทำให้อาการปวดทุเลาลง อย่างไรก็ตามแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะออกกำลังกายประเภทนี้
ความเชื่อที่ 3 โรคข้อเสื่อมเกิดจากวัยทอง จริงหรือ?
ก่อนอื่นเลยต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า โรคข้อเสื่อมนั้นเกิดจากการที่กระดูกอ่อนซึ่งทำหน้าที่ปกป้อง และดูดซับแรงกระแทกภายในข้อมีการสึกหรอ และเสื่อมสภาพลง โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคข้อเสื่อม ได้แก่
⦁ อายุที่เพิ่มมากขึ้น ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือช่วงวัยทอง จะเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อจะเสื่อมสภาพลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่มีอายุน้อย ๆ จะไม่มีโอกาสเป็นโรคข้อเสื่อมได้ ซึ่งอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้
⦁ ผลจากโรคข้ออักเสบ คนที่ป่วยเป็นโรคเกาท์ หรือรูมาตอยด์ มีอาการของโรคคือทำให้ข้ออักเสบ ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าอักเสบได้ด้วย
⦁ เกิดการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ เช่น ผู้ที่เล่นกีฬา หรือเกิดอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเข่า ทำให้มีโอกาสจะเกิดโรคข้อเสื่อมในอนาคตได้ง่ายกว่าปกติ
⦁ น้ำหนักเกิน ทำให้ข้อเข่าต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติ โดยส่วนใหญ่มักจะพบในหมู่คนที่เป็นโรคอ้วน มีน้ำหนักมากเกินไป
⦁ ทางพันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคข้อเสื่อม ก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้สูงเช่นกัน
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคข้อเสื่อมนั้นไม่ได้มาจากวัยทองเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอีกหลากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นผลจากโรคข้ออักเสบ เกิดจากอาการบาดเจ็บ มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน หรือแม้กระทั่งพันธุกรรม เหล่านี้ก็สามารถส่งผลทำให้เกิดโรคข้อเสื่อมได้ด้วยเช่นกัน
ความเชื่อที่ 4 อาหารการกินส่งผลต่อโรคข้อเสื่อม จริงหรือ?
อาหารการกินเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอาการข้อเสื่อม เราลองมาดูกันว่าอาหารประเภทไหนควรทาน และอาหารประเภทไหนควรหลีกเลี่ยง
อาหารที่ควรทาน
⦁ อาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ รวมถึงวิตามินซีเสริมในรูปแบบต่าง ๆ เนื่องจากเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยลดการอักเสบของข้อต่อต่าง ๆ ได้
⦁ อาหารที่มีฟลาโวนอยด์สูง เช่น ชาเขียว มะเขือเทศ หัวหอม เพราะสารดังกล่าวมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดอาการบาดเจ็บของข้อเข่าได้ดีเช่นเดียวกัน
⦁ อาหารที่มีวิตามินดีสูง เช่น อาหารทะเล นม และไข่ รวมไปถึงการรับแสงแดดอ่อน ๆ ในยามเช้า เนื่องจากวิตามินดี จะช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น
⦁ อาหารประเภทกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งได้แก่ ปลาทะเล แซลมอน ทูน่า โอเมก้า3 จะช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ลดอาการปวดข้อ และกระดูก
⦁ สมุนไพร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมุนไพรไทยใกล้ตัวเรา เช่น ⦁ ขิง ขมิ้น ซึ่งมีส่วนช่วยลดการบาดเจ็บ และอาการปวดข้อเข่าได้ดี แต่ก็มีข้อระมัดระวังในทาน เพราะหากทานมากเกินไปก็อาจทำให้ปวดแสบท้องได้
อาหารที่ควรเลี่ยง
⦁ อาหารที่มีเกลือสูง ไม่ว่าจะเป็นอาหารหมักดอง ขนมขบเคี้ยว เพราะการรับประทานเกลือมากเกินไป จะทำน้ำถูกดึงเข้าสู่เซลล์ ทำให้ข้อต่อขาดน้ำหล่อเลี้ยงและเสียความยืดหยุ่นนั่นเอง
⦁ อาหารที่มีน้ำตาลสูง เนื่องจากการมีน้ำตาลในเลือดสูง จะกระตุ้นการอักเสบในร่างกายให้รุนแรงขึ้น
⦁ อาหารไขมันสูง เช่น อาหารทอด อาหารจานด่วน เพราะไขมันจะทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้เช่นเดียวกันกับอาหารที่มีน้ำตาลสูง
⦁ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และอาการปวดข้อรุนแรงมากขึ้น
ความเชื่อที่ 5 ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมสามารถดูแลตัวเองได้ที่บ้าน จริงหรือ?
การป้องกันโรคข้อเสื่อมไม่ให้มีอาการหนักขึ้นหรือกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถทำได้โดยการดูแลรักษาสุขภาพ ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายที่เหมาะสม หากปรับพฤติกรรมเหล่านี้ให้ไปในทางที่ดีขึ้นได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่ออาการของข้อเสื่อมได้อีกด้วย

5 ท่าบริหารข้อเข่าให้ฟิตฟิ พิชิตข้อเข่าเสื่อมด้วยตัวเองถนอมข้อเข่าให้ใช้ได้ดีถึงวัยชรา ด้วยการบริหารกล้ามเนื้อข้อเข่าวัน...
11/11/2023

5 ท่าบริหารข้อเข่าให้ฟิตฟิ พิชิตข้อเข่าเสื่อมด้วยตัวเอง
ถนอมข้อเข่าให้ใช้ได้ดีถึงวัยชรา ด้วยการบริหารกล้ามเนื้อข้อเข่าวันละนิด ช่วยชะลอความเสื่อมของข้อเข่าให้ฟิตฟิ
ได้อีกนาน กับ 5 กระบวนท่าดังนี้
1. การว่ายน้ำ หรือเดินในน้ำ
เป็นท่าบริหารข้อเข่าและเป็นการออกกำ ลังกายกลางแจ้งที่ช่วยให้ข้อเข่าเคลื่อนตัวได้ดีมากขึ้น แถมยังได้ออกกำ ลังกายและเพิ่มความทนทาน
ของกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายไปพร้อมกัน อีกทั้งกระตุ้นการทำ งานของหัวใจและหลอดเลือด เหมาะอย่างยิ่งกับผู้มีน้ำ หนักตัวมาก
2. ปั่นจักรยานแบบมีแรงต้านต่ำ
ท่าบริหารข้อเข่าท่านี้ช่วยให้ข้อขาขยับได้ลื่นขึ้นและยืดเหยียดตามองศาที่เหมาะสม โดยการปั่นจักรยานแบบหนืดๆ แล้วค่อยเพิ่มเวลาทีละนิด
จาก 15 นาที จนครบ 30-45 นาที นอกจากได้ออกแรงช่วงต้นขาด้านหน้า ยังลดแรงกดกระดูกสะบ้าในช่วงที่ปั่นจักรยานด้วย
3. ท่าก้าวเท้าเข่าย่อ
เน้นเวทเทรนนิ่งได้ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ ด้วยการก้าวขาขวาออกไปข้างหน้า เทน้ำ หนักไปที่ส้นเท้า พร้อมกับดันตัวไปข้างหน้าแล้วหยุดย่อค้างไว้
ทำ สลับกันข้างละ 10 ก้าว ท่าบริหารข้อเข่านี้จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อหลัก กล้ามเนื้อขาด้านหน้า และกล้ามเนื้อก้น ให้เกิดความสมดุล
และเมื่อกล้ามเนื้อบริเวณโดยรอบข้อเข่าแข็งแรง ความเสื่อมที่ตามติดมาก็จะชะลอลง
4. ท่าซูโม่สควอช
การออกกำ ลังกายด้วยท่าสควอชมีหลายระดับ แต่ที่เหมาะกับกลุ่มเสี่ยงโรคข้อเข่าเสื่อม ต้องเน้นที่การสร้างความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อ
สะโพกด้านใน สะโพกด้านนอก และช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณก้น เริ่มต้นด้วยการยืนกางขากว้างประมาณ 2 ช่วงแขน ให้ปลายเท้าชี้ออกนอกลำตัว
และย่อตัวดันสะโพกไปด้านหลังสักครู่แล้วจึงกลับมายืนในท่าเดิม โดยแนะนำ ให้ทำ ในมุมต่ำ ประมาณ 30 - 45 องศา เพราะถ้าในมุมที่งอมากๆ อาจจะ
ยิ่งทำ ให้เจ็บบริเวณข้อลูกสะบ้าได้
5. นอนเหยียด
มาเพิ่มแรงต้านให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบข้อเข่าแข็งแรง ด้วยการใช้ผ้าผืนเล็กม้วนรองใต้ข้อเข่า แล้วเหยียดขาตรงค้างไว้ 10 วินาที ปฏิบัติเช่น
นี้สลับขาทั้งสองข้าง นอกจากเป็นท่าทางที่ง่ายและไม่ต้องหาอุปกรณ์ออกกำ ลังกายให้ว้าวุ่นใจแล้ว ยังได้เหยียดข้อเข่าออกไปอย่างเต็มที่ด้วย
อย่าลืมหันมาเวิร์กเอาต์อย่างถูกวิธี กับ 5 ท่าบริหารข้อเข่า เสริมความฟิตฟิ อย่างสม่ำ เสมอช่วยชะลอเวลาให้ข้อเข่ามีสมรรถนะที่ดีและพร้อมใช้
งานไปอีกนาน หากมีอาการเจ็บแปลบปวดลึกที่เข่าอยู่บ่อยๆ และมีอาการมากขึ้นเรื่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์หาสาเหตุและเริ่มต้นการรักษาอย่างตรงจุด
ร่วมกับการปรับพฤติกรรมก่อนที่โรคข้อเสื่อม อาการปวดเข่าจะรุนแรงจนแก้ได้ยาก
เรียบเรียงโดย นพ. ปฐมฉัฐ พิสิฐวัฒนาภรณ์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดส่องกล้องโรคข้อและการบาดเจ็บทางการกีฬา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

👇👇👇บริหารกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของข้อเข่าการออกกำลังกายหรือกายบริหารนั้น ช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโด...
08/11/2023

👇👇👇บริหารกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของข้อเข่า
การออกกำลังกายหรือกายบริหารนั้น ช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยเน้นกล้ามเนื้อหน้าขาหรือกล้ามเนื้อในการเหยียดเข่าเป็นหลัก ท่าบริหารข้างล่างนี้เริ่มจากง่ายไปยาก ดังนี้
ท่าที่1
นอนหงาย นำหมอนเล็ก ๆ วางใต้เข่าเหยียดเข่าตรง นับ1-10
ทำได้ในช่วงแรกที่กล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงมากนัก
ท่าที่2
นั่งยกขาข้างใดข้างหนึ่งวางบนเก้าอี้เหยียดเข่าตรง เกร็งกล้ามเนื้อหน้าขาพร้อมกระดกข้อเท้าขึ้น
นับ1-10หรือเท่าที่ทำได้ (เมื่อครบ 10 ยกขาอีกข้างทำสลับกัน)ท่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่กล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงพอที่จะยกขาตนเองได้
ถ้ามีปัญหาข้อเหยียดไม่สุด ให้ใช้ถุงทรายถ่วงที่ข้อเท้าร่วมด้วย
ท่าที่3
นั่งชิดพนักเก้าอี้
เหยียดเข่าตรงพร้อมกระดกข้อเท้าขึ้น
เกร็งค้างนับ1-10ทำสลับข้าง
ท่าที่4
ยืนพิงกำแพงให้เท้าห่างจากกำแพงเล็กน้อยไม่ต่ำกว่าระดับเข่าแล้วยืดตัวขึ้น
ท่าที่5
นั่งไขว้ขาเหมือนท่าที่4แต่ให้ขาที่อยู่ด้านบนออกแรงกดลงด้วย ในขณะที่ขาที่อยู่ด้านล่างเหยียดขึ้นตรงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เช่นกัน
กล้ามเนื้อหน้าขาของขาที่อยู่ด้านล่างต้องรับน้ำหนักมากขึ้นอีก คือทั้งน้ำหนักของขาที่อยู่ด้านล่างรวมกับน้ำหนักของขา ข้างที่อยู่ด้านบน และแรงกดจากขาที่อยู่ด้านบน ทำสลับข้างในทำนองเดียวกัน
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อหน้าขาและท้องขาได้ดีมาก เป็นท่าที่ยากที่สุด เนื่องจากกล้ามเนื้อหน้าขาต้องออกแรงมากที่สุดการบริหารทุกท่าให้เริ่มทำจากน้อยไปมาก โดยทำชุดละประมาณ20-30ครั้ง วันละ2-3ชุด เป็นอย่างน้อย ค่อย ๆ เพิ่มตามความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าของแต่ละคน จนได้ประมาณ 100ครั้งต่อวัน
ท่าที่
-------------------
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #ยูซีทู #คอลลาเจนไทพ์ทู #คอลลาเจนข้อเข่า #คอลลาเจนชนิดที่2 #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ #หนุ่มรักษาและปกป้องข้อกระดูกรายแรกในประเทศไทย
-------------------
📞 สายด่วน : 099-069-1373
📩 Line : line.me/R/ti/p/
👉เข้าไปที่เว็บไซต์เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม: ovisurethailand.store/ovisureth

เช็คอาการ เข่าเสื่อม? หากปวดเข่า แล้วไม่แน่ใจว่าเป็นข้อเข่าเสื่อมหรือไม่ ให้ถามตนเอง ว่ามีอาการ 5 ข้อดังต่อไปนี้ด้วย หรื...
06/11/2023

เช็คอาการ เข่าเสื่อม?
หากปวดเข่า แล้วไม่แน่ใจว่าเป็นข้อเข่าเสื่อมหรือไม่ ให้ถามตนเอง ว่ามีอาการ 5 ข้อดังต่อไปนี้ด้วย หรือไม่
เข่าฝืดหรือข้อหนืด
⇒ ข้อมักฝืดตึงหลังตื่นนอนตอนเช้า โดยเป็นนาน

อาการปวดเข่าเข่าของเราเข่าเป็นข้อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่แบกรับน้ำหนักตัว เข่าประกอบขึ้นจากกระดูก 3 ชิ้น คือ กระ...
04/11/2023

อาการปวดเข่า
เข่าของเรา
เข่าเป็นข้อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่แบกรับน้ำหนักตัว เข่าประกอบขึ้นจากกระดูก 3 ชิ้น คือ กระดูกต้นขา กระดูกหน้าแข้ง และกระดูกสะบ้า ปลายของกระดูกจะมีกระดูกอ่อนปกคลุมอยู่ ทำหน้าที่ให้ข้อเข่าเคลื่อนไหวด้วยความราบเรียบ ระหว่างกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้งจะมีกระดูกอ่อนรูปวงแหวนช่วยรับน้ำหนักด้วย รอบ ๆ ข้อจะมีเอ็นและเยื่อหุ้มข้อทำหน้าที่ส่งเสริมความแข็งแรงให้กับข้อ ถุงน้ำรอบ ๆ ข้อเข่าจะทำหน้าที่ลดแรงเสียดทานระหว่างเอ็นกับกระดูกเมื่อข้อมีการเคลื่อนไหว
เมื่อข้อเข่ามีปัญหาจะมีอาการอย่างไร ?
อาการเริ่มแรกของข้อเข่าที่มีปัญหาคืออาการปวด ซึ่งในระยะแรกอาจเป็นอาการปวดเป็น ๆ หาย ๆ และปวดมากเมื่อมีการใช้งานของข้อเข่า เช่น การยืนนาน ๆ หรือการเดินขึ้นลงบันได เมื่อเป็นนานเข้าจะมีอาการฝืดขัด อาการปวดจะเป็นมากขึ้นและรุนแรงขึ้น อาจมีการสะดุดหรือข้อติดขัดเวลาเดินในรายที่เป็นมาก ๆ ข้อจะบวม
สาเหตุของอาการปวดข้อเข่ามีอะไรบ้าง ?
สาเหตุของการปวดเข่า
อาจแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ ได้ดังนี้
1. การบาดเจ็บหรือมีอุบัติเหตุต่อข้อเข่า พบได้บ่อยมาก ผู้ป่วยจะมีอาการปวดข้อหรือข้อบวมทันทีภายหลังจากมีอุบัติเหตุ อาจพบรอยช้ำบริเวณข้อได้
2. โรคข้อเข่าเสื่อม พบได้มากในเพศหญิงวัยกลางคนและสูงอายุ อาการปวดจะเป็น ๆ หาย ๆ มาเป็นเวลานาน และมีความสัมพันธ์กับการใช้ข้อ
3. กระดูกอ่อนของกระดูกสะบ้าเสื่อม เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในเด็กหรือหนุ่มสาว อาจพบร่วมกับการออกกำลังกายอย่างรุนแรงหรือมีอุบัติเหตุต่อข้อเข่า เป็นเหตุให้กระดูกสะบ้าเสื่อมก่อนวัย
4. กระดูกสะบ้าเคลื่อน พบได้ในคนอายุน้อย จะมีการเคลื่อนของกระดูกสะบ้าเมื่อมีการงอข้อเข่า อาจเป็นผลจากการเสื่อมหรือฉีกขาดของเอ็นยึดกระดูกสะบ้า หรือกระดูกผิวข้อต้นขาตื้นกว่าปกติ
5. ปุ่มกระดูกหน้าแข้งอักเสบ พบได้บ่อยในเด็กวัยรุ่นที่มีการเจริญเติบโตอย่างมาก และมีการออกกำลังกายอย่างรุนแรง ทำให้มีการอักเสบของเอ็นที่ยึดติดกับปุ่มกระดูกหน้าแข้ง
6. ถุงน้ำรอบข้อเข่าอักเสบ พบได้บ่อยในผู้หญิงอ้วน หรือผู้ที่ต้องคุกเข่าทำงาน
7. อาการปวดเข่าภายหลังข้อเข่าอักเสบ มักพบในรายที่มีข้อเข่าอักเสบเรื้อรัง เมื่อได้รับการรักษาจนหายแล้วก็ตาม ผลจากการอักเสบของข้อจะทำให้มีการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อ ทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อมตามมาได้
8. ข้อเข่าอักเสบ ในกรณีที่มีข้อเข่าอักเสบ ข้อเข่าจะมีอาการบวมและร้อนร่วมด้วย การเคลื่อนไหวของข้อเข่าจะทำได้ไม่เต็มที่
สัญญาณอันตรายของอาการปวดข้อเข่ามีอะไรบ้าง ?
1. มีการบวมและร้อนของข้อเข่าหรือบริเวณรอบ ๆ ข้อ
2. มีต่อมน้ำเหลืองโต
3. มีกล้ามเนื้อต้นขาลีบ
4. มีการเปลี่ยนแปลงของสีของเท้าเวลาเดินนาน ๆ
5. มีอาการเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
6. มีอาการข้อติดหรือข้อขัด
7. มีอาการชาหรืออ่อนแรงของขา

อาหารบำรุงข้อต้านเข่าเสื่อม     #ปวดข้อ  #ปวดเข่า  #ข้อเสื่อม  #เข่าเสื่อม  #ข้อเข่าเสื่อม  #เข่าหลวม  #ข้ออักเสบ  #รูมา...
02/11/2023

อาหารบำรุงข้อต้านเข่าเสื่อม
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

01/11/2023

#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

6 ประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ในนมถั่วเหลือง สร้างหุ่นสุดปัง สุขภาพไม่พังแน่นอน!ร่างกายของคนเราต้องการสารอาหารให้ครบถ้วน 5 หมู่ ซ...
30/10/2023

6 ประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ในนมถั่วเหลือง สร้างหุ่นสุดปัง สุขภาพไม่พังแน่นอน!
ร่างกายของคนเราต้องการสารอาหารให้ครบถ้วน 5 หมู่ ซึ่งสารอาหารสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือ โปรตีน และแหล่งอาหารที่ช่วยให้เราได้โปรตีนที่มักจะนึกถึงกันเป็นอย่างแรก ก็คือ นมวัว นั่นเอง! แล้วถ้าเกิดเราแพ้นมวัวหรือไม่สามารถทานนมวัวได้ล่ะ เราจะได้รับโปรตีนจากที่ไหนได้อีกบ้าง?
ปัจจุบันโปรตีนจากพืชอย่างถั่วเหลืองเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าถั่วเหลืองก็มีประโยชน์ต่อร่างกายและให้โปรตีนได้อย่างครบถ้วนไม่แพ้กับนมวัวเช่นเดียวกัน วันนี้ลองมาดูกันว่าประโยชน์ของถั่วเหลืองมีอะไรบ้าง ที่ช่วยสร้างหุ่นสุดปัง และยังดีต่อสุขภาพ พออ่านแล้วอาจจะอยากจะเปลี่ยนใจมาลองดื่มนมถั่วเหลืองแทนนมวัวกันก็ได้นะ ไปดูกันเลย!
ประโยชน์จากการดื่มนมถั่วเหลือง
1. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
ในถั่วเหลืองจะมีสารที่ชื่อว่า ไอโซฟลาโวน (Isoflavone) ซึ่งมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลไม่ดีในร่างกาย รวมทั้งยังเป็นแหล่งที่ดีของเลซิตินและกรดไลโนเลอิก ช่วยควบคุมการเผาผลาญแคลอรี และกำจัดคอเลสเตอรอลที่สะสมในร่างกาย ดังนั้น การบริโภคถั่วเหลืองในแต่ละวัน จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย
2. บำรุงผิวพรรณ
การดื่มนมถั่วเหลืองช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น เหมาะกับสาวๆ ที่ต้องการดูแลสุขภาพ สร้างผิวสวย เนื่องจาก สารไอโซฟลาโวน (Isoflavone) ในถั่วเหลืองยังช่วยชะลอวัยและยังช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัยได้ด้วย นอกจากนี้ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเสริมความยืดหยุ่นของผิวให้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
3. บำรุงกระดูก
คุณประโยชน์ของ สารไอโซฟลาโวน (isoflavone) ในถั่วเหลืองยังไม่หมด ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง รวมถึงโปรตีนที่ได้จากถั่วเหลือง ก็มีส่วนช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก และลดอัตราเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนได้
4. ช่วยควบคุมน้ำหนัก
น้ำเต้าหู้เรียกว่าเป็นตัวช่วยสำหรับคนควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะมีปริมาณไขมันต่ำ ดังนั้น หากรับประทานน้ำเต้าหู้เป็นประจำ ช่วยให้ได้คุณประโยชน์ต่างๆ จากถั่วเหลือง และยังทำให้อิ่มท้องช่วยให้ควบคุมอาหารในช่วงที่ต้องการจะลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. บำรุงสมอง
ถั่วเหลืองอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ทั้ง วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามิน A, B, B1, B2, B6, B12 ไนอาซิน และวิตามิน C, D, E รวมถึงยังมี “เลซิทิน” ซึ่งเป็นสารบำรุงเซลล์ประสาทและสมอง ช่วยเพิ่มความทรงจำ
6. ปรับสภาพฮอร์โมนของผู้หญิงให้สมดุล
ผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือน ระดับฮอร์โมนในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่งสารอาหารในนมถั่วเหลืองยังช่วยปรับสภาพฮอร์โมนให้สมดุล ลดความรู้สึกไม่สบายตัว และยังช่วยลดอาการร้อนวูบวาบในระยะหมดประจำเดือนของผู้หญิงได้อีกด้วย
-------------------
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #ยูซีทู #คอลลาเจนไทพ์ทู #คอลลาเจนข้อเข่า #คอลลาเจนชนิดที่2 #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ #หนุ่มรักษาและปกป้องข้อกระดูกรายแรกในประเทศไทย

นมถั่วเหลือง มีโปรตีนเทียบเท่ากับนมวัว แถมยังมีไขมันน้อยกว่าจริงหรือ?ถั่วเหลืองมีโปรตีนสูง เป็นแหล่งโปรตีนสำหรับผู้ที่ไม...
26/10/2023

นมถั่วเหลือง มีโปรตีนเทียบเท่ากับนมวัว แถมยังมีไขมันน้อยกว่าจริงหรือ?
ถั่วเหลืองมีโปรตีนสูง เป็นแหล่งโปรตีนสำหรับผู้ที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ เพราะถั่วเหลืองมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับโปรตีนจากสัตว์ อีกทั้งมีทั้งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน กรดไขมันไม่อิ่มตัว และปราศจากคอเลสเตอรอล (cholesterol)
โปรตีนในถั่วเหลืองนั้น ทำหน้าที่ในการลดระดับคอเลสเตอรอลรวม และแอลดีแอลคอเลสเตอรอล (LDL Cholesterol) รวมทั้งช่วยลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride) ในเลือด ตลอดจนยับยั้งการเกิดไขมันต่างๆ ที่จะไปอุดตันในหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ
เพราะฉะนั้น นมถั่วเหลืองจึงเหมาะสำหรับผู้ต้องการลดความอ้วนหรือผู้ที่กลัวอ้วน แม้ว่านมถั่วเหลืองจะให้แคลเซียมน้อยกว่านมวัว แต่ก็ให้เหล็กและวิตามินบีหนึ่งมากกว่า ในเด็กไทยที่เป็นโรคขาดโปรตีน ซึ่งจะมีผลเสียต่อร่างกายและสติปัญญาของเด็ก หากเด็กได้ดื่มนมทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว ก็จะช่วยเสริมปริมาณโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้
เด็กไทยมีทางเลือกในการเลือกดื่มนมถั่วเหลือง ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการทัดเทียมนมวัวแต่ราคาถูกกว่า ด้วยเหตุนี้เอง คนจีนจึงนิยมดื่มนมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้กันมาก จนถือกันว่านมถั่วเหลืองเป็นแม่โคของคนจีน
ประโยชน์ของนมถั่วเหลือง
แม้ว่านมวัวจะเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายและมักนำมาใช้ในการผลิตแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ แต่นมถั่วเหลืองก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ถูกใจสำหรับกลุ่มคนที่รักสุขภาพ เนื่องจากนมชนิดนี้อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายไม่แพ้นมวัว อีกทั้งยังมีสรรพคุณหลายประการที่ล้วนแต่ดีต่อสุขภาพทั้งสิ้น เราลองมาดู 8 คุณประโยชน์ของนมถั่วเหลืองกัน ดังต่อไปนี้
1. ลดไขมันในเลือด
นมถั่วเหลือง มีสรรพคุณในการลดไขมันในเลือด เนื่องจากมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวทั้งแบบเชิงเดี่ยว (Monounsaturated) และเชิงซ้อน (Polyunsaturated) ที่ช่วยป้องกันการเกิดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด
นอกจากนี้ มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า การรับประทานถั่วเหลืองเป็นประจำสามารถช่วยลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ซึ่งหากมีไขมันชนิดนี้สูงเกินไป จะก่อให้เกิดอันตรายแก่หลอดเลือดได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถั่วเหลืองไม่เพียงแต่จะช่วยลดระดับของไขมันที่ไม่ดีอย่าง LDL (low density lipoproteins) เท่านั้นแต่ก็ยังช่วยเพิ่มระดับของไขมันดีอย่าง HDL ได้อีกด้วย (High density lipoproteins) ดังนั้น หากรู้ตัวว่ามีระดับคอเลสเตอรอลสูงเกินกว่าปกติ การดื่มนมถั่วเหลืองก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี
มีการทดลองเพื่อหาประสิทธิผลในการลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายด้วยเครื่องดื่มที่ทำมาจากถั่วเหลือง โดยทำการทดลองในกลุ่มตัวอย่างชาวฝรั่งเศสที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงในกลุ่มความเสี่ยงระดับปานกลาง
ผลที่ได้คือ การบริโภคเครื่องดื่มจากถั่วเหลืองที่มีสารแพลนท์ สเตอรอล (Plant Sterol) ช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลชนิดเลว (non-HDL และ LDL) ลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า น้ำเต้าหู้อาจช่วยควบคุมและลดระดับไขมันในผู้ป่วยที่มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงที่อยู่ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงเล็กน้อยไปจนถึงปานกลาง
2. เสริมความแข็งแรงให้หลอดเลือด
นอกจากนมถั่วเหลืองจะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดไขมันโอเมก้า-6 แล้ว ก็ยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งสามารถช่วยปกป้องเส้นเลือดจากการบาดเจ็บ อีกทั้งสารอาหารดังกล่าวยังช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระ ที่อาจทำอันตรายต่อเซลล์ และช่วยป้องกันการสะสมของคอเลสเตอรอล รวมถึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเลือด
3. ช่วยลดน้ำหนัก
โดยธรรมชาติแล้ว นมถั่วเหลืองจะมีปริมาณของน้ำตาลน้อยกว่านมชนิดอื่นๆ เนื่องจากนมวัวหนึ่งถ้วยจะมีปริมาณของน้ำตาลถึง 12 กรัม ในขณะที่นมถั่วเหลืองจะมีปริมาณน้ำตาลเพียงแค่ 7 กรัม
นอกจากนี้ กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดเชิงเดี่ยวในนมถั่วเหลืองจะป้องกันการดูดซึมของไขมันบริเวณลำไส้ จึงอาจเป็นผลดีสำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก ยิ่งไปกว่านั้นนมถั่วเหลืองยังมีไฟเบอร์ซึ่งจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องนานขึ้นอีกด้วย จากงานวิจัยพบว่าการบริโภคนมถั่วเหลือง ช่วยลดภาวะอ้วนและภาวะอ้วนลงพุงในกลุ่มตัวอย่างทดลองได้อย่างมีนัยสำคัญ
4. ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด
นมถั่วเหลืองมีสารต้านอนุมูลอิสระ จากงานวิจัยของ Molecular Nutrition & Food Research ในปีพ.ศ. 2554 ระบุว่าสาร ‘ไอโซฟลาโวน’ ในนมถั่วเหลืองสามารถต้านทานมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งปากมดลูก
5. บรรเทาอาการที่เกิดขึ้นในหญิงวัยหมดจำเดือน
มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า ไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ในถั่วเหลืองสามารถช่วยรักษาระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนได้ เนื่องจากผู้หญิงในวัยนี้จะมีฮอร์โมนดังกล่าวลดลง ซึ่งการดื่มนมถั่วเหลืองเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคที่อาจเกิดจากการสูญเสียฮอร์โมนเอสโตรเจน
นอกจากนี้ ไอโซฟลาโวนยังมีสรรพคุณช่วยในการบรรเทาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือดในหญิงวัยหมดประจำเดือนอีกด้วย
6. ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
หญิงสาววัยหมดประจำเดือนมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนสูง เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่กระดูกเริ่มเปราะบางและมีการสูญเสียแคลเซียม ซึ่งการดื่มนมถั่วเหลืองเป็นประจำสามารถช่วยเพิ่มมวลและความหนาแน่นกระดูกได้ เพราะไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มที่มีโปรตีนสูงเท่านั้นแต่ยังอุดมไปด้วยแคลเซียมซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
7. ดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า การรับประทานถั่วเหลืองสามารถช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอลในชายสูงวัยได้ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจลดลง อีกทั้งยังช่วยรักษาระดับของความดันเลือดในผู้ป่วยเบาหวานให้ดีขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามแม้ว่านมถั่วเหลืองจะมีโปรตีนน้อยกว่านมวัว แต่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว
8. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
สารไอโซฟลาโวนในถั่วเหลืองเป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ (Antioxidant) ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการที่ทำลายภูมิคุ้มกันและเซลล์ต่างๆ จนนำไปสู่เกิดการเสื่อมถอยของร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า สารแอนตี้ออกซิเด้นท์ในนมถั่วเหลืองยังสามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เฉพาะในหญิงวัยหมดประจำเดือนอีกด้วย
ข้อควรระวังในการรับประทานถั่วเหลือง
เด็กทารกที่ดื่มน้ำนมถั่วเหลืองเพียงอย่างเดียว จะมีโอกาสที่ต่อมไทรอยด์จะทำงานต่ำกว่าปกติได้ จึงไม่ควรให้นมที่ทำจากถั่วเหลืองในเด็กทารกที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน และจะเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้เด็กแพ้ถั่วเหลืองด้วย
ในบางรายที่แพ้นมผงที่ทำจากนมวัว แพทย์อาจแนะนำให้บริโภคนมผงที่ทำจากถั่วเหลืองแทน
สำหรับในเด็กผู้ชาย การบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณสูงและเป็นประจำ อาจทำให้มีเต้านมที่โตผิดปกติ
บางข้อมูลระบุว่า อาจทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในเพศชายได้ เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิงจะไปกดการทำงานของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนของเพศชาย
โปรตีนถั่วเหลือง อาจทำให้มีการสร้างน้ำนมที่ผิดปกติ ทำให้เนื้อเยื่อเต้านมหนาตัวยิ่งขึ้น ทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในเลือดเพิ่มมากขึ้น ในเพศหญิงก่อนวัยทองและวัยทอง
ในกระบวนการผลิตโปรตีนถั่วเหลือง อาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งที่ชื่อว่า ไนโตรซามีน (Nitrosamines) และสารพิษที่เรียกว่า ไลซิโนอะลานีน (Lysinoalanine)
สตรีมีครรภ์ และผู้ที่กำลังให้นมบุตร ควรบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณที่พอดี
ในผู้ป่วยบางกลุ่ม ควรสอบถามและปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น
มะเร็งเต้านมและมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เนื่องจากสารไอโซฟลาโวนในถั่วเหลืองมีลักษณะคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน จึงอาจมีผลกระทบในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาหารที่ทำมาจากถั่วเหลืองเพิ่มความเสี่ยงในการก่อเซลล์มะเร็งทั้งในผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
ไตวาย หากมีระดับสารไฟโตรเอสโตรเจนในเลือดมากจนเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะพิษ เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยภาวะไตวาย
นิ่วในไต การบริโภคอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดนิ่วในไตจากการสะสมของสารออกซาเลต (Oxalates) มากจนเกินไป
คำแนะนำในการรับประทานถั่วเหลือง
เมล็ดถั่วเหลืองแก่มีสารยับยั้งเอนไซม์บางชนิดที่ช่วยย่อยโปรตีน จึงต้องทำให้สุกเสียก่อนจึงจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และสำหรับผู้ที่เกิดอาการอาเจียนหรือมีอาการท้องร่วงหลังการดื่มน้ำเต้าหู้ และเข้าใจว่าเป็นอาการแพ้ ซึ่งความจริงแล้วสาเหตุอย่างหนึ่งของอาการดังกล่าวอาจเกิดจากการดื่มน้ำเต้าหู้ที่ไม่เดือดเต็มที่ ทำให้ไม่สามารถทำลายสารซาโพนีนได้
แม้ว่านมถั่วเหลืองจะสามารถใช้ทดแทนนมวัวได้ แต่สำหรับในเด็กที่ไม่ได้แพ้นมวัวก็ไม่ควรที่จะดื่มนมถั่วเหลืองแทนนมวัว เนื่องจากอยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโต และนมวัวก็มีแคลเซียมมากกว่านมถั่วเหลือง ให้พลังงานมากกว่า มีโปรตีนที่สมบูรณ์กว่า แต่ทั้งนี้ยังสามารถดื่มร่วมกับนมวัวได้
การเลือกซื้อนมถั่วเหลือง ควรดูรายละเอียดที่ข้างกล่องด้วย ซึ่งนมถั่วเหลืองที่ดีต่อสุขภาพนั้นนอกจากจะมีโปรตีนที่สูงแล้ว ยังต้องมีแคลเซียมสูงด้วย
การเก็บถั่วเหลืองไว้นานเกินไป หรือเก็บรักษาไม่ดี เต้าหู้หรือเต้าเจี้ยวอาจมีการปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซิน(Aflatoxin) ได้ ซึ่งเป็นสารที่ก่อมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ

ที่อยู่

399 อาคารอินเตอร์เชนจ 21 ถนน สุขุมวิท แขวง คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร, Thailand
Bangkok
10110

เบอร์โทรศัพท์

+66990691373

เว็บไซต์

https://line.me/R/ti/p/@887whxws

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Ovisure Gold นมธัญพืชคุณภาพสูงในการบำรุงกระดูกและข้อผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram