27/12/2023
🥶 หนาว กี่โมง 🥶 เริ่มหนาวนิดๆละเนอะ ^__^
เข้าหน้าหนาวทีไร ปากแตกปากแห้งทุกที 👄 🤐👄
มาดูว่ามีสาเหตุอะไรที่นอกเหนือจากนั้น แล้วจะจัดการปัญหานี้อย่างไรดีนะ
สิ้นปีทีไรอบอุ่นใจทุกที~ แต่ช่วงสิ้นปีก็มีสารพัดปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย รวมถึง “ริมฝีปากแห้ง” ที่ยังเป็นปัญหากวนใจหลายคนอยู่ วันนี้ จึงมาบอกถึงสาเหตุของปัญหาและวิธีแก้ให้ปากกลับมาน่าจุ๊บ ไม่ต้องทนปากแห้ง ปากแตก ปากลอกเป็นขุย อีกต่อไปปป!
สาเหตุริมฝีปากแห้ง
สภาพอากาศ
อย่างที่บอกไปว่าหน้าหนาวอากาศจะแห้งกว่าปกติ ความชุ่มชื้นก็จะลดลงไปด้วย น้ำในร่างกายจะถูกระเหยออกไป และด้วยสาเหตุนี้ทำให้ผิวเราแห้ง และริมฝีปากก็แห้ง แล้วถ้าปล่อยให้แห้งจนมากไปอาจทำให้ลอกจนแตกได้
การเลียริมฝีปากมากเกินไป
พฤติกรรมนี้หลายคนอาจคิดว่าจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ขอบอกเลยว่าเป็นความคิดที่ผิด! ปัญหาหลักเลยคือเจ้าเอนไซม์ในน้ำลาย หน้าที่ของมันคือย่อยอาหาร เมื่อเราเลียริมฝีปากเอนไซม์นั้นจะมารบกวนเซลล์ผิวบริเวณริมฝีปากทำให้ริมฝีปากแห้งและแตกนั่นเอง
ดื่มน้ำน้อย
การหมุนเวียนของเซลล์ผิวหนังบนริมฝีปากมีความรวดเร็ว ถ้าร่างกายไม่ได้รับน้ำอย่างเหมาะสมจึงมีแนวโน้มที่ริมฝีปากจะแห้งแตกมากขึ้น ปัญหานี้สามารถพบได้ทุกช่วงของปี แต่จะพบบ่อยในฤดูหนาวที่อากาศแห้ง ๆ จะดูดซับความชื้นจากผิวของเรา
ยาบางชนิด
ยาบางชนิดอาจทำให้ริมฝีปากแห้งและลอกได้ มีหลายคนที่ใช้ยารักษาสิวแล้วพบว่าปากแห้ง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้มากเลยทีเดียว นอกเหนือจากนี้ยาแก้ซึมเศร้า ยาแก้แพ้ ยาปฏิชีวนะ หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไปที่มีส่วนผสมของ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เรตินอล หรือกรดซาลิไซลิก ก็มีผลข้างเคียงทำให้ริมฝีปากแห้งได้เช่นกัน
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
ภาวะนี้เกิดจากผิวหนังได้รับความเสียหายจากแสดงแดดที่มากเกินไปจนเรื้อรังและไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ซึ่งจะพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุและบริเวณริมฝีปากล่าง และอาจเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งได้ด้วยเช่นกัน
ขาดวิตามินบี 12
ปากแห้งแตกเกิดจากการขาดวิตามินบีได้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะวิตามินบี 12 เพราะวิตามินบี 12 จะช่วยเรื่องการเติบโต การรักษา และการหมุนเวียนของเซลล์ เมื่อขาดวิตามินบี 12 เซลล์จะทำงานบกพร่อง ทำให้ผิวแห้งแตกและฟื้นฟูยาก
ลิปสติก
ลิปสติกก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เราปากแห้งแตกได้เช่นกัน เพราะลิปสติกมีส่วนผสมของสารเคมี เช่น สี กลิ่น น้ำหอม ลาโนลิน หรือพวกโลหะหนัก เช่น สารตะกั่ว สารปรอท ซึ่งสารเหล่านี้ก็อาจมีผลข้างเคียงที่จะดูดซับความชุ่มชื้นของริมฝีปากเราไป ทำให้ริมฝีปากเราแห้งแตกและระคายเคือง
วิธีป้องกัน+กู้ริมฝีปากให้กลับมาชุ่มชื้น!
ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยปริมาณที่แนะนำตามมาตรฐาน คือ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร/วัน หรือหากอยากรู้ปริมาณที่แม่นยำกับร่างกายเราก็ต้องคำนึงถึงกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน อาหารที่รับประทาน และภาวะสุขภาพอื่น ๆ ร่วมด้วย
ใช้ลิปบาล์มเพื่อเติมความชุ่มชื้นระหว่างวัน ลิปบาล์มที่ดีควรเป็นลิปบาล์มจากธรรมชาติ 100% ที่ไม่มีส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดความระคายเคือง เช่น พาราเบนส์ พาทาเลตส์ หรือปิโตรเลียมเจล ถ้าใครเจอปัญหาริมฝีปากแห้งแตกมาก ๆ การใช้ลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี
หลีกเลี่ยงการแกะ แคะ เลียริมฝีปาก
ใช้เครื่องทำความชื้นที่บ้าน เพื่อทำให้อากาศภายในบ้านไม่แห้งเย็นเกินไป
เมื่อเผชิญกับอากาศเย็นให้ปิดปากด้วยผ้าปิดปากหรือผ้าพันคอ เพื่อลดการสัมผัสความเย็นโดยตรง
ทาลิปบาล์มที่มีค่า SPF เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันแสงแดดที่ส่งผลกระทบให้ริมฝีปากแห้ง
ริมฝีปากอักเสบ (Cheilitis) อาการแทรกซ้อนของภาวะปากแห้งแตก
เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากมีการแห้งแตกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณมุมริมฝีปาก นี่อาจเป็นสัญญาณของริมฝีปากอักเสบอยู่ก็ได้ ซึ่งสาเหตุของภาวะนี้มีหลายกรณี เช่น ขาดวิตามินบี แพ้สารเคมี การแกะริมฝีปาก ภูมิแพ้ผิวหนัง ลักษณะของภาวะนี้สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ คือ
มีผื่นผิวอักเสบบริเวณริมฝีปากหรือมุมปากเปื่อย
ริมฝีปากมีสีแดงหรือชมพูเข้ม
ริมฝีปากแตกเป็นก้อน
ริมฝีปากลอกเป็นแผ่นขาว
วิธีการรับมือเมื่อรู้ตัวว่ากำลังเจอภาวะนี้คือ หลีกเลี่ยงการแกะ แคะ ริมฝีปาก หมั่นทาลิปบาล์มเพิ่มความชุ่มชื้น และหาต้นตอของผื่น ถ้าพบว่าเป็นอะไรก็ควรเลิกใช้ เพื่อสุขภาพปากที่ดี!
กันไว้ดีกว่าแก้ แก้แล้วจะแก้ไม่ทัน ประโยคนี้ยังคงใช้ได้เสมอกับทุกสถานการณ์ ก่อนจะเข้าสู่หน้าหนาว เช็กร่างกายตัวเองให้พร้อมปรับตัวให้ทัน เพื่อที่จะต้อนรับลมหนาวได้อย่างแฮปปี้และสุขภาพดี จะได้โชว์ยิ้มหวานที่ริมฝีปากน่าจุ๊บด้วย