ความรู้คู่สุขภาพ by หมอเจส

ความรู้คู่สุขภาพ by หมอเจส เพจ ความรู้คู่สุขภาพ By หมอ เจส

AGU Imperial Institute of Eastern Integrative Medicine

@ความรู้คู่สุขภาพ โดย สถาบันเสริมความรู้ แขนงแพทย์แผนตะวันออก
และเตรียมความพร้อมการสอบใบประกอบวิชาชีพ แพทย์แผนไทย
ดร.เจสสิกา สาริกานนท์ งามถิ่น

เอกสารประกอบการบรรยาย วิชาเวชกรรมไทย หัวข้อ : คัมภีร์ ตักศิลาเตรียมความพร้อม สอบใบประกอบฯ แพทย์แผนไทย รวมคลังข้อสอบกว่า ...
17/08/2025

เอกสารประกอบการบรรยาย วิชาเวชกรรมไทย หัวข้อ : คัมภีร์ ตักศิลา
เตรียมความพร้อม สอบใบประกอบฯ แพทย์แผนไทย รวมคลังข้อสอบกว่า หมื่นข้อ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
https://drive.google.com/file/d/1hw-PDeTLc-rzqZIqylgKiTCROJheFV6d/view?usp=sharing
ดาวน์โหลดฟรี ฟังบรรยายฟรี เน้นความเข้าใจและเทคนิคการจำ
ขอบคุณค่ะ

#แพทย์แผนไทย

16/08/2025
ทริปละ 2แสนกว่า หรูหรามาก
16/08/2025

ทริปละ 2แสนกว่า หรูหรามาก

ต้องการเป็นเจ้าของคลีนิก หรือ สนใจธุรกิจ กัญชา ทางการแพทย์ ใช่ไหม? https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=117504313...
13/08/2025

ต้องการเป็นเจ้าของคลีนิก หรือ สนใจธุรกิจ กัญชา ทางการแพทย์ ใช่ไหม?

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1175043131318617&id=100064388241861

💡 อยากเปิดคลินิก…แต่ไม่รู้เริ่มตรงไหน?
เราช่วยคุณได้! 🚀

📌 ไม่ว่าจะเป็น…
#คลีนิกการแพทย์แผนไทย | #คลีนิกกัญชาทางการแพทย์ | #เปลี่ยนร้านกัญชาเป็นคลินิก | #สหคลินิก | #คลินิกเวชกรรม

✨ ครบวงจรในที่เดียว ✨
✅ รับขึ้นทะเบียน & ขออนุญาตเปิดคลินิก — ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
✅ จัดหาแพทย์ประจำ, บุคลากร, วัตถุดิบ, และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ครบ!
✅ ประหยัดเวลา — แค่รอเซ็นเอกสาร ที่เหลือทีมเราจัดให้หมด
✅ สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่มีทีม ไม่มีประสบการณ์ หรืออยากขยายบริการเพิ่ม , ผู้สนใจในธุรกิจกัญชาทางการแพทย์
✅ ระยะเวลาดำเนินการเพียง 30–45 วัน พร้อมเปิดให้บริการ

🔥 จากประสบการณ์ตรงในวงการ เรารู้ทุกขั้นตอน และทำให้คุณเปิดคลินิกได้อย่างมั่นใจ รวดเร็ว คืนทุนไว

📲 ติดต่อทันที
Line: Stanleyintl
โทร: 094-780-3311

📍 บริการทั่วไทย พร้อมดูแลตั้งแต่ต้นจนเปิดให้บริการจริง

วันที่ 12 สิงหาคม 2568เนื่องในอภิลักขิตมหามงคลสมัย แห่งวันเฉลิมพระชนมพรรษาของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่เวียนมาบรรจบอีกคำร...
12/08/2025

วันที่ 12 สิงหาคม 2568

เนื่องในอภิลักขิตมหามงคลสมัย แห่งวันเฉลิมพระชนมพรรษาของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง ในวันที่ 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2568 ข้าพระพุทธเจ้า ดร. เจสสิกา สาริกานนท์ งามถิ่น ผู้บริหาร สแตนลีย์ อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ และบรรณาธิการเพจ

มีความปลื้มปีติเป็นล้นพ้นที่ได้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในวันนี้

ปวงข้าพระพุทธเจ้าล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่ได้ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเป็นอเนกประการ เพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์และความอุดมสมบูรณ์แก่แผ่นดินตลอดมา พระราชกรณียกิจทั้งปวง จากการทรงงานเมื่อโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และจากการเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระองค์เอง ได้นำไปสู่แนวพระราชดำริเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของราษฎร โครงการพระราชดำริน้อยใหญ่ อันเกิดจากพระปรีชาสามารถของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้ผลิดอกออกผลสร้างความผาสุกร่มเย็นแก่ปวงพสกนิกรจวบจนปัจจุบัน ครอบคลุมทั้งในด้านการสังคมสงเคราะห์อันเปี่ยมด้วยพระเมตตาเพื่อช่วยเหลือราษฎรผู้ยากไร้ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมให้คนอยู่ร่วมกับป่าในเขตพื้นที่อนุรักษ์ ตลอดจนการส่งเสริมศิลปาชีพในงานหัตถศิลป์หลากหลายแขนง ก่อให้เกิดการทำนุบำรุง สืบทอดงานศิลปะอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง จนศิลปะไทยอันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของไทย สร้างชื่อเสียงเลื่องลือไกลไปยังนานาประเทศทั่วโลก พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้และน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาที่ทรงมีต่อปวงประชาประดุจดั่ง “แม่ของแผ่นดิน” ซึ่งจักจารึกแนบแน่นอยู่ในใจของปวงข้าพระพุทธเจ้าและเหล่าพสกนิกรสืบไป

ในศุภวาระอันเป็นมิ่งมหามงคลนี้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากล อานุภาพแห่งพระสยามเทวาธิราช และพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ โปรดอภิบาลประทานพรให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย พระเกียรติยศเกริกไกรแผ่ไพศาล สถิตยิ่งยืนนาน เป็นฉัตรแก้วร่มเกล้าของปวงข้าพระพุทธเจ้าและผองพสกนิกรตราบกาลนิรันดร์ เทอญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

https://youtu.be/53QrzOiNIiI?si=xlBKx28yEgDC9IUX
07/08/2025

https://youtu.be/53QrzOiNIiI?si=xlBKx28yEgDC9IUX

แอน อังคณากินผิด ทำร่างกายพัง ต้องฟอกไตตลอดชีวิต !!! ไม่มีงาน ไม่มีเงิน แต่ใจสู้ !!!เชื่อเพราะเวรกรรม !!! #รายการ.....

07/08/2025
หมอก็ชอบมาก.. สบายสไตล์มยุรา
06/08/2025

หมอก็ชอบมาก.. สบายสไตล์มยุรา

ชอบพี่ตั๊กตอนอายุ 40 มาก 😍

รู้จักกันมากขึ้น
05/08/2025

รู้จักกันมากขึ้น

“กลิ่นศพ” เมื่อประสาทสัมผัสเข้าจู่โจมโดยไร้การกรอง: เมื่อศาสตร์ตะวันตกต้องหันหน้าหารากเหง้าตะวันออก(Please scroll down f...
04/08/2025

“กลิ่นศพ” เมื่อประสาทสัมผัสเข้าจู่โจมโดยไร้การกรอง: เมื่อศาสตร์ตะวันตกต้องหันหน้าหารากเหง้าตะวันออก

(Please scroll down for English)
The Odor of Death: When Olfactory Pathways Override Reason — A Neurobiological and Eastern Medical Perspective

บทนำ: กลิ่น คือ ประตูตรงสู่จิตใต้สำนึก

ในบรรดาทั้งห้าอายตนะ “กลิ่น” เป็นประสาทสัมผัสเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ผ่าน thalamus ก่อนเข้าสู่สมองส่วนรับรู้ กลับตรงดิ่งเข้าสู่ระบบลิมบิก (Limbic system) ซึ่งประกอบด้วย Amygdala (ศูนย์กลางความกลัว), Hippocampus (ศูนย์กลางความทรงจำระยะยาว) และ Hypothalamus (ตัวควบคุมระบบฮอร์โมน)

การประมวลผลนี้เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ก่อนที่สมองส่วนเหตุผล (neocortex) จะมีโอกาสตัดสินใจ ส่งผลให้กลิ่นสามารถกระตุ้นความรู้สึก “กลัว เศร้า คิดถึง หรือคลื่นไส้” โดยไม่ต้องใช้เหตุผลแม้แต่น้อย

กลิ่นคือกุญแจลับของสมองที่ไขเข้าไปยังจิตใจส่วนลึกที่สุด โดยไม่มีเกราะใดต้านได้

1. กลไกประสาทวิทยา: เมื่อกลิ่นไม่ผ่านตรรกะ
• กลิ่นถูกจับโดย Olfactory Receptor Neurons (ORNs) ซึ่งอยู่ในเยื่อบุโพรงจมูก
• สารระเหย (odorants) กระตุ้น G-protein coupled receptors (GPCRs) และวงจร cAMP
• สัญญาณถูกส่งต่อผ่าน Olfactory Bulb โดยไม่ผ่าน thalamus
• เข้าสู่ Amygdala → Hippocampus → Hypothalamus โดยตรง

จึงไม่น่าแปลกใจที่กลิ่นศพเพียงวูบเดียว สามารถทำให้ทหารกล้าผงะ สะอึก และหลั่งน้ำตาได้ ทั้งที่เคยผ่านสนามรบมานับครั้งไม่ถ้วน

2. เคมีของการเน่าเปื่อย: กลิ่นที่มนุษย์ไม่อาจทน

เมื่อร่างกายมนุษย์เสียชีวิต เอนไซม์ย่อยตัวเอง (autolysis) และจุลชีพในร่างกายเริ่มสลายเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดการปล่อยสาร VOCs (volatile organic compounds) ดังนี้:

สาร | กลิ่น | อาการทางกาย
Putrescine & Cadaverine | เหม็นเน่ารุนแรง | คลื่นไส้, อาเจียน, สั่นสะท้าน
Hydrogen sulfide (H₂S) | ไข่เน่า | หายใจติดขัด, วิงเวียน
Ammonia (NH₃) | แสบจมูก | ระคายเคืองตา, ปวดศีรษะ
Methanethiol / DMDS | กำมะถันไหม้ | ปวดหัว, สับสนทางความรู้สึก

กลิ่นเหล่านี้สามารถกระตุ้น Nociceptors (ปลายประสาทรับความเจ็บปวด) และ Hypothalamic–Pituitary–Adrenal Axis (HPA Axis) ทำให้ร่างกายหลั่ง คอร์ติซอล (Cortisol), อะดรีนาลีน (Adrenaline) และกระตุ้นภาวะ “Fight or Flight”

3. ผลต่อจิตประสาท: ความทรงจำที่ติดจมูกยิ่งกว่าภาพ

กลิ่นศพ ฝังแน่นในระบบ limbic ทำให้เกิดผลระยะยาวที่เรียกว่า:
• Post-Traumatic Olfactory Memory (PTOM) — กลิ่นอื่นใดที่คล้ายกันจะปลุกความทรงจำฝังลึกขึ้นมาอีกครั้ง
• Olfactory-triggered PTSD — โดยเฉพาะในทหารหรือเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
• นอนไม่หลับ ความเครียดเรื้อรัง ซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว — เพราะสมองจดจำกลิ่นแทนภาพ

ความทรงจำที่ฝังอยู่ในกลิ่น…ไม่สามารถ “ลบ” ได้ด้วยเหตุผล หรือการพูดคุยบำบัดธรรมดา

4. ยาไทยโบราณสู้กลิ่นตาย: เมื่อสมุนไพรคือภูมิคุ้มกันจิตวิญญาณ

ศาสตร์การแพทย์แผนไทยได้บันทึกตำรับยาหอมที่ใช้ใน “พระโอสถ” ไว้เพื่อฟื้นคืนลมปราณที่สะเทือนจากเหตุสะเทือนใจ เช่น ศพ, กลิ่นตาย, ภัยสงคราม

ยาหอมเทพจิตร (ยาหอมราชสำนัก)
• สรรพคุณ: บำรุงหัวใจ บรรเทาหน้ามืด วิงเวียน คลื่นไส้จากกลิ่นรุนแรง
• ส่วนผสม: กานพลู เทียนสัตตบุษย์ กฤษณา จันทน์เทศ พิมเสน
• ออกฤทธิ์ผ่าน “ลมอารมณ์” และ “ลมใจ” ตามคัมภีร์แพทย์โบราณ

ยาหอมอินทจักร์
• สรรพคุณ: ลดอาการสั่น สะเทือนอารมณ์ เหมาะกับผู้มีใจระส่ำ
• สมุนไพรเด่น: เมนทอล ลูกจันทน์ สะระแหน่ กระวาน

อ้างอิง: กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. (2561). ตำรายาหอมของไทย

5. Aromatherapy สมัยใหม่: เสริมจิต ป้องกันใจ

ในโลกปัจจุบัน การใช้น้ำมันหอมระเหยที่ได้รับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากกลิ่นศพได้

น้ำมันหอมระเหย กลไกออกฤทธิ์ งานวิจัยสนับสนุน
Peppermint กระตุ้น TRPM8 บรรเทาคลื่นไส้-วิงเวียน
Lavender เพิ่ม GABA ลดความวิตกกังวลในผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
Frankincense ลด cytokines ต้านการอักเสบ, ปรับสมดุลอารมณ์

อ้างอิง: Kim JT et al. (2011). Journal of Alternative and Complementary Medicine

6. หน้ากาก N95 + คาร์บอน: ปราการสุดท้ายของแพทย์สนาม

สำหรับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่มีการเสียชีวิตจำนวนมากหรือกลิ่นศพรุนแรง การใช้ หน้ากาก N95 พร้อมชั้นคาร์บอน สามารถช่วยกรอง:
• VOCs จากศพและสารระเหยอื่น ๆ
• ฝุ่นละเอียดซึ่งอาจปนเปื้อนเชื้อโรค
• สารที่กระตุ้นเยื่อบุโพรงจมูกและตา

ตามแนวทางของ OSHA / CDC ในสถานการณ์ Mass Casualty Incident

บทสรุป: กลิ่นที่รุนแรงยิ่งกว่าเสียงระเบิด

“กลิ่นศพ” คือการบาดเจ็บทางประสาทแบบที่มองไม่เห็น ไม่มีเลือด ไม่มีบาดแผล แต่มีผลเทียบเท่า shock wave ทางอารมณ์ กลิ่นนี้เดินทางสั้นที่สุดจากจมูกสู่ใจ และทำลายดุลยภาพจิตวิญญาณได้ในพริบตา

การแพทย์แผนปัจจุบันอธิบายด้วย functional MRI, hormonal cascade, และ limbic trauma

แต่การแพทย์แผนไทยรู้สิ่งนี้มานานแล้ว ผ่านคำว่า “ลมสะเทือนอก สะเทือนใจ” และรักษาด้วย กลิ่นหอมบูรณาการจิต

แหล่งอ้างอิง (References):
1. Doty RL. Handbook of Olfaction and Gustation. Wiley, 2015.
2. Wilson DA & Stevenson RJ. Learning to Smell. Johns Hopkins University Press, 2006.
3. Herz RS. The Scent of Desire. HarperCollins, 2007.
4. Kim JT et al. “The effects of lavender oil inhalation…” J Altern Complement Med. 2011.
5. กรมการแพทย์แผนไทยฯ. ตำรายาหอมของไทย. กระทรวงสาธารณสุข, 2561.
6. OSHA/CDC. Mass Fatality Management for Healthcare Workers. 2020.

English Versions

The Odor of Death: When Olfactory Pathways Override Reason — A Neurobiological and Eastern Medical Perspective

Introduction

Scent is not merely a sensory experience—it is a neurobiological command. Unlike visual, auditory, or tactile stimuli, olfactory input bypasses the thalamic relay and projects directly to the limbic system, specifically to structures such as the amygdala, hippocampus, and hypothalamus. This direct access enables scent to elicit autonomic and emotional responses without cortical mediation. In this light, the stench of decomposition, or “cadaverine complex,” becomes more than a noxious smell—it becomes a traumatic sensory assault with psychophysiological consequences.

1. Neurobiology of Olfaction: The Direct Limbic Highway

Unlike other sensory modalities, olfactory signals do not pass through the thalamus before reaching the cerebral cortex. Instead, odorants bind to olfactory receptor neurons (ORNs) in the nasal epithelium, triggering a cascade via G-protein coupled receptors (GPCRs) and cyclic AMP. These signals are transmitted through the olfactory bulb to the:
• Amygdala — center of fear and emotion
• Hippocampus — critical for long-term memory formation
• Hypothalamus — regulator of hormonal and autonomic function

“Because of this unique architecture, olfaction is the fastest sensory route to emotional and hormonal activation.”
(Wilson, D.A. & Stevenson, R.J., Olfaction: A Model System for Computational Neuroscience, MIT Press)

2. Putrefaction and Olfactory Assault: The Chemistry of Death

Upon death, the body undergoes autolysis and bacterial decomposition, leading to the release of volatile organic compounds (VOCs), including:
• Putrescine (1,4-diaminobutane) and Cadaverine (1,5-diaminopentane) — biogenic amines causing nausea, vomiting, and headaches
• Hydrogen sulfide (H₂S) — causes hypoxia, mucosal irritation, and a “rotten egg” odor
• Ammonia (NH₃) — leads to ocular and respiratory irritation
• Methanethiol and Dimethyl disulfide — contribute to olfactory fatigue and distress

These compounds activate nociceptors in the nasal mucosa and trigger subconscious aversion and panic responses, mediated through the hypothalamic-pituitary-adrenal axis (HPA axis).

“These molecules not only irritate the mucosa but modulate limbic output through non-cognitive emotional memory circuits.”
(Doty, R.L., Handbook of Olfaction and Gustation, 3rd Edition, Wiley-Blackwell)

3. Psychological and Long-Term Psychiatric Sequelae

Continuous exposure to malodorous decomposition—as seen in military personnel, forensic pathologists, or first responders—can result in:
• Post-Traumatic Olfactory Memory (PTOM) — intrusive flashbacks triggered by similar smells
• Olfactory-Triggered PTSD — seen in disaster zones
• Anxiety, Depression, and Sleep Disturbance — through chronic amygdalar hyperactivation

Smell becomes a mnemonic scar, recorded deep within the hippocampus, unerasable and often untraceable to the original trauma.

“The limbic imprint of traumatic olfaction forms a neural signature that is exceptionally durable and resistant to extinction.”
(Herz, R.S., The Scent of Desire, HarperCollins)

4. The Eastern Medical Response: Herbalism and Classical Aromatic Formulations

Historically, Thai and Chinese traditional medicine responded to cadaveric odor through the use of aromatic botanicals—not merely as perfumes, but as neuroregulatory agents.

A. Thai Traditional Formulations
• Yah-Hom Thepajit (ยาหอมเทพจิตร)
• Contains: Atractylodes lancea, Aquilaria crassna, Borneol, Cinnamomum verum, Terminalia chebula
• Actions: Stabilizes prana (ลมปราณ), relieves vertigo, reduces cardiac distress (ตามตำรับพระโอสถ)
• Yah-Hom Inthajak (ยาหอมอินทจักร์)
• Contains: Mentha arvensis, Myristica fragrans, Angelica sinensis
• Actions: Sedative, harmonizes จิตใจ, and clears olfactory stress

Referenced in: กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. “ตำรับยาหอมแห่งราชสำนัก.” (2561)

B. Modern Integrative Aromatherapy

Essential oils with demonstrated CNS effects:
• Peppermint (Mentha × piperita) — acts via TRPM8 receptor, provides rapid relief from nausea
• Lavender (Lavandula angustifolia) — increases GABAergic tone, reduces cortisol
• Frankincense (Boswellia serrata) — shown to modulate inflammatory cytokines and stress-induced behavior

“Lavender oil inhalation significantly reduced preoperative anxiety and serum cortisol levels.”
(Kim, J.T. et al., Journal of Alternative and Complementary Medicine, 2011)

5. Physical Barrier and Olfactory Defense

In extreme exposure cases, N95 respirators with activated carbon filters are recommended to reduce inhalation of VOCs and noxious gases. These masks can trap:
• Particulate-bound VOCs
• Microdroplets containing decay-associated pathogens
• Amine-based odorants

NIOSH and OSHA guidelines recommend respiratory protection for forensic recovery teams and medical personnel in mass fatality incidents.

Conclusion: When Smell Becomes Memory, and Trauma Has No Words

The scent of death is not merely repugnant—it is neuro-invasive, capable of reprogramming emotional, endocrine, and cognitive circuits. Western neuroscience explains the olfactory-limbic trauma loop. Thai traditional medicine, in its millennia-old wisdom, responds with aromatics as emotional restoratives—from yā-hom formulations to fragrant ritual.

When Harvard meets Wat Phra Chetuphon, and when fMRI confirms what the royal court physicians once knew: the nose remembers, and the soul suffers.

References
1. Doty, R.L. (2015). Handbook of Olfaction and Gustation. Wiley-Blackwell.
2. Wilson, D.A. & Stevenson, R.J. (2006). Learning to Smell: Olfactory Perception from Neurobiology to Behavior. Johns Hopkins University Press.
3. Herz, R.S. (2007). The Scent of Desire. HarperCollins.
4. Kim, J.T. et al. (2011). “Effect of Lavender Oil on Anxiety and Cortisol.” J Alt Comp Med.
5. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. (2561). ตำรายาหอมของไทย. สำนักยาแผนไทย, กระทรวงสาธารณสุข.
6. OSHA/NIOSH (2020). Mass Fatality Management Guide.

#แพทย์แผนไทย #กลิ่นศพ #สงครามเขมร #ภัยสุขภาพจิต #กัมพูชา2568 #จิตวิทยากลิ่น #หมอเจสเล่าเรื่อง #กลิ่นฝังใจ #กัมพูชาวิกฤต #สมรภูมิกลิ่น #แพทย์ฮาร์วาร์ดกับเขมร #กลิ่นที่ไม่ลืม #กัมพูชาวันนี้

02/08/2025

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+66947803311

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ความรู้คู่สุขภาพ by หมอเจสผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ดิฉันลดน้ำหนักจาก 87 เหลือ 57 ผ่านมาแล้ว 10 ปี ไม่โยโย่ น้ำหนักคงที่ โดยไม่ขึ้นแม้แต่กิโลเดียวค่ะ รีวิวแบบละเอียด

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนนะคะ ว่าดิฉันไม่ได้จะมาขายของค่ะ ต้องการลงเรื่องราวของตัวเองเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านที่อยากผอม โดยการเอาเรื่องราวของดิฉันไว้ประกอบการลดน้ำหนัก ของท่านเพื่อสร้างแรงบันดาลใจค่ะ ดิฉันลดน้ำหนักลง 30 กิโลกรัม ต้องผ่านอะไรมาบ้างถึงลดได้ และที่สำคัญคือลดมาแล้ว 10 ปี โดยที่น้ำหนักยังคงที่ค่ะ รักษาน้ำหนักที่ลดไว้ได้ ไม่โยโย่เอฟเฟ็กซ์ ปัจจุบันดิฉัน ทำธุรกิจด้าน อสังหาริมทรัพย์ และเป็น รองประธานกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดแห่งหนึ่งค่ะ (ปี 2562) สิ่งที่จะเล่าคือเรื่องราวของตัวเองเมื่อ สิบกว่าปีที่แล้ว นะคะ ซึ่งในครั้งนั้น ดิฉันมีอาชีพเป็นนักโภชนากรด้วยค่ะ (จบการศึกษาด้าน Health Science จากสหรัฐฯ) เข้าเรื่องเลยนะคะคือการลดน้ำหนัก ใครๆ ก็ทำได้ค่ะ แต่การคงน้ำหนักให้ได้โดยไม่โยโย่ โดยไม่ขึ้นเลย สิคะ คาดว่าเป็นเรื่องยาก ดิฉันทำได้ค่ะ จะมารีวิวให้เผื่อเป็นประโยชน์ ต่อผู้อ่าน ไม่มากก็น้อยค่ะ เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่าค่ะ เมื่อช่วงปี 2008-2009 ก่อนอื่นต้อง บอกก่อน ว่า ดิฉัน เคยอ้วนมาก น้ำหนัก มากถึง 87 กก อีก 13 กิโลกรัมจะครบ 100 สมัยก่อนนั้น ไม่เคยคิดว่า ความอ้วนจะเป็นปัญหา อะไร ค่ะ คิดว่าคนเรามีความสุข ก็กิน เพราะเราทำงานมาเหนื่อย ใช่ไหมคะ พอถึงเวลาพักก็ต้องพักผ่อนค่ะ กินเต็มที่ นอนเต็มที่ ใช้ชีวิตเต็มที่ ดูหนังไปกินไป และก็ไม่เคนคิดจะออกกำลังกาย เพราะแรกเริ่มเดิมทีจริงๆ เมื่อย้อนไปในวัยแรกรุ่น อายุ 18-19 น้ำหนัก 48-49 เท่านั้น จึงไมเคยคิดว่า ตัวเอง ต้องลดความอ้วน หรือจะอ้วนก็ใช้ชีวิตเรื่อยมาแต่ละปี น้ำหนัก ก็ ค่อยๆ ขึ้นๆๆ ปีละ 1-2 กิโลกรัม บางปี 3-4 กิโลกรัม เราก็คิดว่า ไม่เป็นไร น่า ไม่เป็นไร แค่นี้ ไม่น่าจะทำให้อ้วน นิดๆหน่อยๆ พอเวลาผ่านไปหลายๆปี จนอายุ 28 มาดูรูปร่างตัวเองอีกที OH MY GOD จาก 48 พรวดมาเป็น 87!!!! แล้ว ประกอบ กับเป็นคนที่ รักการกิน คุณแม่ ก็ เจ้าเนื้อ คุณยาย ก็ อ้วน เราก็มาคิดว่า กรรมพันธุ์ เราก็คงต้อง อ้วน แบบนี้ แหละค่ะ เลยปล่อยเลย ตามเลย

และแล้ว ก็มาถึงจุดเปลี่ยน ที่ทำให้ คิดว่า ชีวิตนี้ ฉันคงไม่สามารถอ้วนต่อไปไม่ได้อีกแล้วค่ะ ก็คือ เดือน กันยายน 2008

ก่อนถึงวันเกิด 1 เดือน (ดิฉันเกิดเดือน ตุลาคม) เกิดไม่สบายค่ะ ประมาณ เป็นไข้คอเจ็บ แล้วก็ปวดเนื้อตัวตามร่างกาย ปวดตามข้อ ต่างๆ ซึ่งไม่รู้สาเหตุ ว่าเกิดจากอะไร ไปหาหมอ สัปดาห์ละครั้ง สี่สัปดาห์ จุดพีคคือ สัปดาห์ที่สอง ดิฉันไม่สามารถ ขยับตัวได้ ขยับขา มันปวดร้าวไปหมด ขยับแขนก็ไม่ได้ พลิกตัวก็ปวด ไปหมด ลุกจากเตียงไม่ขึ้นเลยก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร คุณหมอก็ตรวจร่างกายโดย ละเอียด ตรวจเลือด ตรวจอุจาระ ตรวจปัสสาวะ ดูกระดูกทุกอย่าง คือ มันปกติดี จึงสรุปว่า น่าจะเป็นเพราะน้ำหนักตัว !!!!

หลังจากนั้น คุณหมอก็ได้ให้ยาระงับอาการปวด ที่รุนแรงกว่าพารา มาทานเมื่อมีอาการปวด กล่าวคือ เมื่อ ไม่มีอาการปวด ก็ไม่ต้องทาน เราต้องใช้มันตลอด เมื่อหยุดใช้ก็ปวดอีก ก็เลย มาคิดว่า ถึงเวลาของการ ต้อง “ลดความอ้วน” อย่างเร่งด่วนเสียที…..