HEALTHLABCLINIC.com

HEALTHLABCLINIC.com บริการ ตรวจเลือด ปัสสาวะ ตรวจสุขภาพ กรุงเทพ มหาชัย หัวหิน

เปิดให้บริการตรวจสุขภาพโดยการ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจจาก สิ่งส่งตรวจที่เป็นสารคัดหลั่งต่างๆ ปัจจุบันเปิดให้บริการ 2 สาขา คือ
1. มหาชัย ทีแอลซี คลินิกเทคนิคการแพทย์ สาขามหาชัย สมุทรสาคร ตั้งอยู่ บน ถนนนิคมรถไฟ เยื้อง ร.พ.สมุทรสาคร ก่อนถึงแลนมาร์ค 100 เมตร
โทร 087 507 9829
Line https://lin.ee/tf996ZP
2. เฮลท์แลป คลินิกเทคนิคการแพทย์ สาขา หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งอยู่ บนถนนเพชรเกษม ติดกับปั๊มปตท. หัวหินทันสมัย (ระหว่างซอย 45 และ 45/1)
โทร 094 494 5649
Line https://lin.ee/hMcpdcM
3. นุชรัตน์เฮลท์แลบ สาขาหัวหิน (หัวนา – ซอย 112) ปากซอย หัวนา 6 ตรงข้ามมิติใหม่เภสัช
โทร 085 119 6463
4. เฮลท์แลป คลินิกเทคนิคการแพทย์ สาขา อ่อนนุช กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ บนถนนอ่อนนุช ซอย 67/3 (เปิดให้บริการแล้ววันนี้)
โทร 098 503 7515
Line https://lin.ee/RRyjO3B

วันหัวใจโลก 🫀🌏เรามาดูแลหัวใจตัวเองและคนที่เรารักไปพร้อมกันนะคะ💓 วันหัวใจโลก (World Heart Day) กำหนดขึ้นโดย สหพันธ์หัวใจโ...
29/09/2025

วันหัวใจโลก 🫀🌏
เรามาดูแลหัวใจตัวเองและคนที่เรารักไปพร้อมกันนะคะ

💓 วันหัวใจโลก (World Heart Day) กำหนดขึ้นโดย สหพันธ์หัวใจโลก (World Heart Federation) ตรงกับวันที่ 29 กันยายนของทุกปี เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยร้ายของโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก

วันสำคัญนี้ยังเป็นการรณรงค์ให้ทุกคนหันมา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลิกบุหรี่ ลดความเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของโรคหัวใจ

ที่สำคัญการตรวจสุขภาพหัวใจและคัดกรองความเสี่ยง เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะ “หัวใจแข็งแรง” คือกุญแจสำคัญของการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่
📍มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
📞 087 507 9829
📍 เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช (อ่อนนุช ซ.67/3)
📞 098 503 7515
📍 เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
📞 094 494 5649
#ตรวจสุขภาพประจำปี #ตรวจสุขภาพอ่อนนุช #ตรวจสุขภาพหัวหิน #คลินิกตรวจสุขภาพ #ตรวจโรคอ่อนนุช #สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่

ตรวจพบโรคหัวใจ แล้วทำอย่างไรต่อ ? หลายครั้ง เราตรวจพบโรคหัวใจ หรือความเสี่ยงโรคหัวใจโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปีจึง...
23/09/2025

ตรวจพบโรคหัวใจ แล้วทำอย่างไรต่อ ?

หลายครั้ง เราตรวจพบโรคหัวใจ หรือความเสี่ยงโรคหัวใจโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปีจึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า "ถ้าตรวจพบโรคหัวใจ หรือ ความเสี่ยงโรคหัวใจทำไงต่อ ?"

หากคุณตรวจพบโรคหัวใจเลยอาจจะไม่ยากต่อการบริหารจัดการมากนัก แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายที่รออยู่ แต่ค่อนข้างชัดเจน ว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วจริงๆ

หลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจและจัดการกับโรคนี้อย่างถูกวิธี

1. ทำความเข้าใจโรคหัวใจของตัวเอง เพื่อเข้าใจประเภทและวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง

2. ปฏิบัติตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด

3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิต เพื่อช่วยสนับสนุนผลการรักษาให้ดีตามความคาดหวัง

4. การสังเกตอาการ การรู้เท่าทันอาการของตัวเองจะช่วยให้ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที

แต่หากคุณตรวจสุขภาพประจำปี แล้วพบว่ามีความเสี่ยง อาจจะเป็นไปได้สูง ที่คุณจะยังนิ่งนอนใจ ไม่ปรับพฤติกรรม จนสุดท้ายได้รับโรคหัวใจมาครอบครอง

เพราะฉะนั้น อย่าลืมตรวจสุขภาพประจำปี และใช้ชีวิตให้ดี เพื่อหัวใจของคุณเองนะคะ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่
📍มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
📞 087 507 9829
📍 เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช (อ่อนนุช ซ.67/3)
📞 098 503 7515
📍 เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
📞 094 494 5649
#ตรวจสุขภาพประจำปี #ตรวจสุขภาพอ่อนนุช #ตรวจสุขภาพหัวหิน #คลินิกตรวจสุขภาพ #ตรวจโรคอ่อนนุช #สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่

ไขมันในเลือด อีกหนึ่งภัยร้าย ที่จ้องจะเล่นงาน "หัวใจ" คุณ คนที่มีไขมันในเลือดสูง มักจะไม่มีอาการในระยะแรก หากไม่ตรวจสุขภ...
20/09/2025

ไขมันในเลือด อีกหนึ่งภัยร้าย ที่จ้องจะเล่นงาน "หัวใจ" คุณ

คนที่มีไขมันในเลือดสูง มักจะไม่มีอาการในระยะแรก หากไม่ตรวจสุขภาพประจำปี แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ตัวว่าอยู่ในภาวะไขมันในเลือดสูง

จนกว่าไขมันจะไปสะสมที่ผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการแข็งตัว ตีบตัน ขึ้นอยู่ว่าเกิดที่บริเวณไหน ก็จะส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือดหรือหลอดเลือดสมองตีบได้

1. คอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol)

- ปกติ: < 200 มก./ดล. (mg/dL)

- เริ่มสูง: 200−239 มก./ดล.

- อันตราย: ≥ 240 มก./ดล.

2. ไขมันชนิดไม่ดี (LDL-C หรือ "ไขมันเลว")
ไขมันชนิดนี้มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมากที่สุด เพราะเป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดคราบไขมันในหลอดเลือด

- ปกติ: < 130 มก./ดล.

- เริ่มสูง: 130−159 มก./ดล.

- สูงมากและอันตราย: ≥ 190 มก./ดล.

ข้อควรระวัง: สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมีประวัติโรคหัวใจอยู่แล้ว แพทย์อาจแนะนำให้ควบคุม LDL ให้น้อยกว่า 100 หรือ 70 มก./ดล. เพื่อลดความเสี่ยง

3. ไขมันชนิดดี (HDL-C หรือ "ไขมันดี")
ไขมันชนิดนี้ช่วยป้องกันโรคหัวใจ โดยจะทำหน้าที่กำจัดคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกจากหลอดเลือด นำไปทำลายที่ตับ

- ผู้ชาย: ควรมีค่า ≥ 40 มก./ดล.

- ผู้หญิง: ควรมีค่า ≥ 50 มก./ดล.

- อันตราย: หากมีค่า HDL-C ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

4. ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride)
เป็นไขมันที่ร่างกายสร้างขึ้นเองจากอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล หากมีค่าสูงมากเกินไปก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้

- ปกติ: < 150 มก./ดล.

- เริ่มสูง: 150−199 มก./ดล.

- อันตราย: ≥ 200 มก./ดล.

สรุป:

ค่า LDL-C ที่สูง และค่า HDL-C ที่ต่ำ เป็นตัวชี้วัดที่อันตรายที่สุด

หากค่าใดค่าหนึ่งในตารางข้างต้นอยู่ในเกณฑ์ "สูง" หรือ "อันตราย" ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทันที

การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราทราบระดับไขมันในเลือดและจัดการได้อย่างทันท่วงทีครับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่
📍มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
📞 087 507 9829
📍 เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช (อ่อนนุช ซ.67/3)
📞 098 503 7515
📍 เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
📞 094 494 5649
#ตรวจสุขภาพประจำปี #ตรวจสุขภาพอ่อนนุช #ตรวจสุขภาพหัวหิน #คลินิกตรวจสุขภาพ #ตรวจโรคอ่อนนุช #สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่

อวสานโรคหัวใจ ถ้าดูแลสุขภาพได้ตามนี้ โรคหัวใจเป็นอีกหนึ่งโรคที่สร้างความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สิน(เงินที่ต้องหมดไปกับ...
19/09/2025

อวสานโรคหัวใจ ถ้าดูแลสุขภาพได้ตามนี้

โรคหัวใจเป็นอีกหนึ่งโรคที่สร้างความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สิน(เงินที่ต้องหมดไปกับการรักษา) จะดีกว่าไหม ถ้าโรคหัวใจ จะอวสานไปก่อนที่เราจะได้รับสิทธินั้น

ใช้ชีวิตยังไง ? ให้โรคหัวใจ อวสานไป ก่อนเกิดกับเรา
1. ดูแลเรื่องอาหารการกิน
- ลดอาหารรสจัด ลดอาหารที่มีไขมันสูง, คอเลสเตอรอลสูง, และมีปริมาณโซเดียม (เกลือ) และน้ำตาลสูง อาหารประเภทนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง ซึ่งส่งผลเสียต่อหัวใจโดยตรง

- เพิ่มผักและผลไม้ ทานผักและผลไม้หลากหลายสีให้มากขึ้น โดยเฉพาะผักใบเขียวและผลไม้ตระกูลเบอร์รี เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระและใยอาหารสูง

- เลือกไขมันดี เลือกทานปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน ทูน่า หรืออาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และไขมันดีชนิดไม่อิ่มตัว เช่น ถั่วเปลือกแข็ง อะโวคาโด และน้ำมันมะกอกแทนน้ำมันหมูหรือน้ำมันปาล์ม

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง การออกกำลังกายแบบนี้ช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้นและสูบฉีดเลือดได้ดีขึ้น

- อบอุ่นร่างกายและยืดเหยียด อย่าลืมวอร์มอัพก่อนและคูลดาวน์หลังการออกกำลังกายทุกครั้ง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

- ปรับความหนัก ควรออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสม ไม่หักโหมจนเกินไป สังเกตจากอัตราการเต้นของหัวใจ หรือหากพูดคุยได้เป็นประโยคถือว่าอยู่ในระดับความหนักปานกลาง

3. เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
- งดสูบบุหรี่ สารพิษในบุหรี่ทำลายหลอดเลือดและทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบตันได้ง่าย การเลิกบุหรี่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้อย่างชัดเจน

- จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจและเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

4. จัดการความเครียด
- หาเวลาผ่อนคลาย ความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อหัวใจโดยตรง ควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การทำสมาธิ โยคะ ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมที่ชอบ

- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับที่มีคุณภาพช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและลดความเครียดสะสมได้

5. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
- การตรวจสุขภาพประจำปีช่วยให้ทราบถึงความเสี่ยงต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และภาวะไขมันในเลือดสูง หากพบความผิดปกติ จะได้ทำการรักษาและดูแลตัวเองได้อย่างทันท่วงที

หัวใจมีดวงเดียว ใช้ชีวิตให้ดี อยากให้หัวใจอยู่ยาว ไม่อวสานเร็ว อย่าลืมดูแลนะคะ

สูงวัย ต้องใส่ใจอย่างจริงจัง เมื่ออายุมาขึ้น ความเสื่อมของร่างกายไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ตรวจก่อน ปรับเปลี่ยน รักษา ก่อนถึงเว...
17/09/2025

สูงวัย ต้องใส่ใจอย่างจริงจัง

เมื่ออายุมาขึ้น ความเสื่อมของร่างกายไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ตรวจก่อน ปรับเปลี่ยน รักษา ก่อนถึงเวลาที่ย้อนกลับไม่ได้

ตรวจสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุได้แล้ววันนี้ที่ HEALTHLAB Clinic
ครบครันสำหรับทุกช่วงวัย และดูแลคุณด้วยนักเทคนิคการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่
📍มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
📞 087 507 9829
📍 เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช (อ่อนนุช ซ.67/3)
📞 098 503 7515
📍 เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
📞 094 494 5649
#ตรวจสุขภาพประจำปี #ตรวจสุขภาพอ่อนนุช #ตรวจสุขภาพหัวหิน #คลินิกตรวจสุขภาพ #ตรวจโรคอ่อนนุช #สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่

ค่าเลือดที่ชี้ความเสี่ยงโรคหัวใจ มีอะไรบ้าง ? หลายคนตรวจสุขภาพประจำปี หรือตรวจสุขภาพเป็นประจำ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าควรติดต...
15/09/2025

ค่าเลือดที่ชี้ความเสี่ยงโรคหัวใจ มีอะไรบ้าง ?

หลายคนตรวจสุขภาพประจำปี หรือตรวจสุขภาพเป็นประจำ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าควรติดตามค่าไหน เพื่อให้ตนเองห่างไกลจากโรคหัวใจ วันนี้ HEALTHLAB มีมาฝากกันค่ะ
ค่าไขมันในเลือด (Lipid Profile)
- LDL (ไขมันเลว) : ควรมีระดับต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งต่ำยิ่งดี โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
- HDL (ไขมันดี) : ยิ่งมีค่าสูงยิ่งดี เพราะมีส่วนช่วยพาคอเลสเตอรอลส่วนเกินกลับไปทำลายที่ตับ
- ไตรกลีเซอไรด์ : ระดับสูงเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ ควรมีค่าน้อยกว่า 150 มก./ดล.
- Cholesterol : อาจทำให้เกิด คราบพลัคสะสมในผนังหลอดเลือดแดง เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
ค่าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- Lipoprotein(a) (Lp(a)) : ระดับสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด แม้จะควบคุมไขมัน LDL ได้ดีก็ตาม
- hs-CRP (High-Sensitivity C-reactive protein) : การอักเสบในหลอดเลือดเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง การมีระดับ hs-CRP สูงบ่งชี้ถึงการอักเสบและเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ
- โฮโมซีสเตอีน : เป็นกรดอะมิโนที่หากมีระดับสูงเกินไป จะเป็นอันตรายต่อหลอดเลือด ทำให้เกิดการสะสมไขมันและเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและโรคหลอดเลือดสมอง
- Apo B (Apolipoprotein B) : ประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
และหลอดเลือดได้แม่นยำ

แต่นอกเหนือจากค่าเลือดเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องนำมาประเมินร่วมด้วย ไม่ว่าจะอายุ พันธุกรรม หรือ Lifestyle แต่หากมีค่าเหล่านี้สูงนาน ๆ โดยไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รับรองเลยค่ะว่าวันนึงคุณจะจุ่มได้ตัวซีเคร็ทเป็นโรคหัวใจแน่ ๆ

เพราะฉะนั้น ดูแลรักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย ทานอาหารให้ดี และหมั่นตรวจสุขภาพเพื่อติดตามค่าเลือดเป็นประจำนะคะ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่
📍มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
📞 087 507 9829
📍 เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช (อ่อนนุช ซ.67/3)
📞 098 503 7515
📍 เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
📞 094 494 5649
#ตรวจสุขภาพประจำปี #ตรวจสุขภาพอ่อนนุช #ตรวจสุขภาพหัวหิน #คลินิกตรวจสุขภาพ #ตรวจโรคอ่อนนุช #สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่

ดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลการอักเสบต่อจากก่อนหน้า แอดมินได้เขียนเรื่องการอักเสบคืออะไรไปแล้ว วันนี้มาต่อกันว่า จะทำยังไ...
15/09/2025

ดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลการอักเสบ

ต่อจากก่อนหน้า แอดมินได้เขียนเรื่องการอักเสบคืออะไรไปแล้ว วันนี้มาต่อกันว่า จะทำยังไงให้การอักเสบไม่เกิด(แต่)กับเรานะคะ ^^
การอักเสบเรื้อรัง คือการอักเสบที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนาน อาจเป็นเดือนหรือปี ซึ่งอาจนำไปสู่การทำลายเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆในร่างกาย และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้ การทำความเข้าใจวิธีป้องกัน และลดการอักเสบจึงเป็นสิ่งสำคัญ
จากการศึกษาวิจัยพบว่าวิธีป้องกันและลดการอักเสบที่ช่วยลดการอักเสบได้ ดังนี้
1. เลือกรับประทานอาหารต้านการอักเสบ
- เน้นผักและผลไม้หลากสี ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ สารอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ
- บริโภคปลาที่มีไขมันดี เช่น ปลาแซลมอนสุก ปลาทูน่า มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบได้
- ใช้เครื่องเทศ และสมุนไพร เช่น ขมิ้น ขิง กระเทียม ซึ่งมีสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติ
- การดื่มชาเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดการอักเสบ

2. หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการอักเสบ
- อาหารแปรรูป เพราะมีไขมันทรานส์ และสารปรุงแต่งที่อาจกระตุ้นการอักเสบ
- อาหารมัน ๆ ทอด ๆ ของหวาน อาหารที่มีน้ำตาลสูง มีสารประกอบที่อาจเพิ่มการอักเสบในร่างกาย
- ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะหากดื่มมากเกินไปอาจกระตุ้นการอักเสบได้

3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

4. จัดการความเครียด เนื่องจากความเครียดเรื้อรังเพิ่มการอักเสบในร่างกาย การฝึกสมาธิ การหายใจลึก ๆ หรือหากิจกรรมที่ผ่อนคลายอาจช่วยลดความเครียดได้

5. นอนหลับให้เพียงพอ 7-8 ชม. ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมตัวเองและช่วยลดการอักเสบได้ กลับกัน หากนอนไม่เพียงพอจะไปกระตุ้นการอักเสบในร่างกายและลดการหลั่งฮอร์โมนหลายชนิดที่อาจส่งผลต่อเนื่องระยะยาวได้

6. การรักษาระดับน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

7. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

ดูเหมือนไม่ยาก แต่สำหรับบางคนอด้วยภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ การงาน การเงิน ไม่ได้สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการทำ เพื่อลดการเกิดการอักเสบ เพราะฉะนั้นเอาเป็นว่าทำเท่าที่ทำได้นะคะ ดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากนี้ การมีระดับไขมันและน้ำตาลสูง อาจเพิ่มการอักเสบในร่างกายและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การรักษาระดับน้ำตาลและไขมันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดกระบวนการอักเสบได้ดีทีเดียวค่ะ การเลือกทานอาหารและตรวจสุขภาพสม่ำเสมอช่วยให้เฝ้าระวังและลดการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ อย่าลืมตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งนะคะ

#ตรวจสุขภาพประจำปี #ตรวจสุขภาพอ่อนนุช #ตรวจสุขภาพหัวหิน #คลินิกตรวจสุขภาพ #ตรวจโรคอ่อนนุช #สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่ #ตรวจเลือดมหาชัย #มหาชัยทีแอลซี #คลินิกตรวจเลือด #ตรวจเลือด #การอักเสบ

อาการแบบไหน เสี่ยงโรคหัวใจ แม้วัยไม่ถึงเกณฑ์ หลายคน แม้แต่แอดมินเอง ล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าโรคหัวใจ นั้นเป็นโรคของผู้สูงอาย...
13/09/2025

อาการแบบไหน เสี่ยงโรคหัวใจ แม้วัยไม่ถึงเกณฑ์
หลายคน แม้แต่แอดมินเอง ล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าโรคหัวใจ นั้นเป็นโรคของผู้สูงอายุ
แต่รู้หรือไม่ ? ว่าการอุบัติโรคของโรคหัวใจในปัจจุบัน ขยับเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่อายุลดน้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญ นั่นหมายความว่าวันดีคืนดี วัยรุ่นอย่างเรา ๆ อาจได้รับโรคหัวใจแพ็คเก็จพิเศษก่อนวัยอันควรกันได้

วันนี้แอดมินเลยแวะมาบอกเล่าอาการที่น่าห่วงว่าจะเป็นโรคหัวใจ แม้วัยไม่ถึงเกณฑ์กันมาฝาก
- เจ็บแน่นหน้าอก : รู้สึกเจ็บ อึดอัด หรือเหมือนมีของหนักมาทับกลางหน้าอก อาจปวดร้าวไปที่แขนซ้าย คอ กราม หรือหลัง โดยเฉพาะเมื่อออกแรงหรือออกกำลังกาย
- เหนื่อยง่ายผิดปกติ : จากที่เคยทำกิจกรรมได้ตามปกติ กลับรู้สึกเหนื่อย หายใจหอบ หรือต้องหยุดพักบ่อยกว่าเดิม แม้แต่การทำกิจวัตรประจำวันเบาๆ ก็รู้สึกเหนื่อย
- ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ : รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วเกินไป เต้นช้าเกินไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ อาจรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงหรือกระตุก
- หน้ามืด เป็นลม หรือวูบหมดสติ : เกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ อาจเกิดขึ้นทันทีโดยไม่มีอาการเตือน
- อาการบวมตามร่างกาย : โดยเฉพาะที่เท้า ข้อเท้า และขา เนื่องจากหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้ตามปกติ ทำให้มีของเหลวคั่งในร่างกาย
- อาการอื่นๆ ที่ไม่ชัดเจน : เช่น อาการคล้ายอาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ ปวดท้อง หรือมีเหงื่อออกมากผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โดยเฉพาะในผู้หญิงและผู้สูงอายุ

ปัจจัยที่ทำให้คนอายุน้อยมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น :
- พฤติกรรมการกิน : รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง, ไขมันทรานส์ และโซเดียมสูง
- ความเครียด : มีความเครียดสะสมจากการทำงานหรือการใช้ชีวิต
- ไม่ออกกำลังกาย : ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้หัวใจไม่แข็งแรง
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ : การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำลายหลอดเลือดและหัวใจ ส่วนการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อการทำงานของหัวใจ
- โรคประจำตัว : ผู้ที่มีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือภาวะไขมันในเลือดสูง แม้จะอายุน้อย ก็มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูง
- ประวัติครอบครัว : หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจตั้งแต่อายุน้อย ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

แน่นอนว่าแม้จะยังไม่ถึงวัย แต่หลาย ๆ ปัจจัยก็เป็นตัวเร่งให้เราสามารถเป็นโรคหัวใจก่อนวัยอันควรได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าลืมหมั่นสังเกตร่างกาย และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอนะคะ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่
📍มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
📞 087 507 9829
📍 เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช (อ่อนนุช ซ.67/3)
📞 098 503 7515
📍 เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
📞 094 494 5649
#ตรวจสุขภาพประจำปี #ตรวจสุขภาพอ่อนนุช #ตรวจสุขภาพหัวหิน #คลินิกตรวจสุขภาพ #ตรวจโรคอ่อนนุช #สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่

“ผีอำ” (Sleep paralysis) เป็นความเชื่อของผู้คนหลายเชื้อชาติที่เชื่อกันมาแต่โบราณว่า “ตื่นขึ้นมาแล้ว เห็นภาพในห้องแล้ว กล...
13/09/2025

“ผีอำ” (Sleep paralysis) เป็นความเชื่อของผู้คนหลายเชื้อชาติที่เชื่อกันมาแต่โบราณว่า “ตื่นขึ้นมาแล้ว เห็นภาพในห้องแล้ว กลอกตาได้แล้ว แต่ขยับตัวไม่ได้เลย บางครั้งเห็นภาพแปลกๆ บางครั้งใจเต้นรัว เหมือนกำลังฝันร้าย แต่มั่นใจแน่นอนว่าตื่นแล้ว” อาการดังกล่าวคือภาวะ Sleep Paralysis

เกิดจากการตื่นในช่วง REM Sleep หรือ Rapid Eye Movement Sleep คือช่วงการหลับที่กล้ามเนื้อต่างๆ หยุดพักทำงานหมดยกเว้นหัวใจที่จะเต้นเร็วขึ้น สมองมีความตื่นตัว และกล้ามเนื้อตาขยับตัวถึงแม้เรานอนอยู่ หรือเรียกกันว่าช่วงระยะหลับฝัน วงจรนี้จะเกิดขึ้น 90 นาทีหลังเราหลับลึกแล้วและวนไปอย่างน้อย 4-5 รอบในหนึ่งคืน มักเกิดในคนที่นอนน้อยหรือนอนคุณภาพไม่ดี โดยเฉพาะนอนกรน

เกิดจากอะไร? วิทยาศาสตร์มีอธิบายไว้รึเปล่า? มีอธิบายไว้ดังนี้ค่ะ ผู้ที่ประสบภาวะผีอำจะไม่สามารถขยับตัวได้ โดยภาวะนี้มักเกิดขึ้น 2 ช่วงเวลา ได้แก่ ช่วงใกล้หลับ และช่วงใกล้ตื่น ซึ่งอาการของผีอำทั้ง 2 ช่วงเวลามีลักษณะที่ต่างกัน ดังนี้
ช่วงใกล้หลับ (Hypnagogic Sleep Paralysis / Predormital Sleep Paralysis) โดยทั่วไปแล้ว ร่างกายจะเกิดการผ่อนคลายก่อนหลับ ซึ่งจะค่อย ๆ ไม่รู้สึกตัวไปเอง ส่งผลให้ไม่สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ยังรู้สึกตัวอยู่ หรือเริ่มรู้สึกตัวเมื่อร่างกายกำลังจะหลับ จะรับรู้ได้ว่าไม่สามารถขยับตัวหรือเปล่งเสียงออกมาได้
ช่วงใกล้ตื่น (Hypnopompic Sleep Paralysis / Postdomital Sleep Paralysis) ร่างกายจะเปลี่ยนช่วงการนอนหลับจากช่วงหลับลึก (Non-Rapid Eye Movement: NREM) เข้าสู่ช่วงหลับตื้น (Rapid Eye Movement: REM) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 90 นาที ร่างกายจะเริ่มเข้าช่วงหลับธรรมดาก่อน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 75 ของช่วงเวลานอนหลับทั้งหมด ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและกลับเป็นปกติ จากนั้นจะเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงหลับฝัน โดยดวงตาจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและฝันถึงสิ่งต่าง ๆ ในขณะที่ร่างกายยังคงผ่อนคลาย ช่วงหลับฝันเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อในร่างกายหยุดทำงาน ผู้ที่รู้สึกตัวในขณะที่ช่วงหลับฝันยังไม่สิ้นสุดลง จะรับรู้ได้ว่าไม่สามารถขยับร่างกายหรือเปล่งเสียงพูดออกมาได้

แต่ด้วยการตื่นที่ผิดปกติ ทำให้ประสาทรับรู้สติที่ก้านสมอง รับรู้เหมือนตอนตื่นแล้ว แต่ REM-on cells ยังทำงานต่อไป ทำให้ขยับร่างกายไม่ได้ค่ะ กลายเป็นภาวะผีอำ บางคนโดนยับยั้งมากๆ กล้ามเนื้ออกก็ทำงานได้ยากขึ้น จึงเหมือนหายใจลำบาก มีอะไรมากดทับตรงอก เรียกภาวะนี้ว่า ปีศาจทับอก (Incubus’s phenomenon)

บางครั้งในสภาพที่วิตกกังวลและกลัวมากๆ อาจเป็นภาพหลอน (Visual hallucination) เหมือนมีคนเข้าห้องนอนมาหา เรียกภาวะนี้ว่า ภาพหลอนคนบุกรุก (intruder hallucination)

ในคนปกติก็เกิดผีอำเกิดได้นะคะ และจะเกิดถี่ขึ้นหากนอนน้อย หรือนอนคุณภาพไม่ดีเช่น นอนกรน โดยเฉพาะนอนกรน นอกจากจะนอนหลับๆ ตื่นๆ แล้ว สมองยังสัมผัสกับการขาดออกซิเจนเป็นพักๆ ด้วย ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้มากขึ้น หรือประสบปัญหาสุขภาพจิตบางอย่าง เช่น เกิดความเครียด หรือป่วยเป็นโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder) หรือใช้ยารักษาโรคบางอย่าง เช่น ยาที่ใช้รักษาโรคสมาธิสั้น เป็นต้น

ที่มา :
1. GOODE GB. Sleep Paralysis. Arch Neurol. 1962;6(3):228–234. doi:10.1001/archneur.1962.00450210056006
2. Denis, D. (2018). Relationships between sleep paralysis and sleep quality: current insights. Nature and Science of Sleep, 10, 355–367. https://doi.org/10.2147/NSS.S158600

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบสวัสดีค่ะ วันนี้แอดมินจะขอกล่าวเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ให้ทุกท่านได้ทราบกันนะคะ เพราะเป็นโรคที...
11/09/2025

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
สวัสดีค่ะ วันนี้แอดมินจะขอกล่าวเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ให้ทุกท่านได้ทราบกันนะคะ เพราะเป็นโรคที่อันตราย เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน หากเราไม่เฝ้าระวัง

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความเสื่อมของผนังหลอดเลือดหัวใจที่มีคราบไขมันมาเกาะสะสมเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ที่เรียกเป็น ตะกอนตะกรันในหลอดเลือด (Cholesterol Plague) เป็นเหตุให้หลอดเลือดหัวใจตีบมากขึ้น หรือบางครั้งคราบไขมันนี้แตกทำให้ลิ่มเลือดมาอุดตันเฉียบพลัน ที่เรียก หัวใจวายหรือ Heart Attack ซึ่งจะพบบ่อยช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป สาเหตุที่แท้จริงของโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด ลองมาดูปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดโรคกันนะคะ
- อายุ แปรผันตรงตามอายุ อายุมากขึ้น-ความเสี่ยงมากขึ้น
- เพศชาย มีความเสี่ยงสูงกว่าเพศหญิง
- กรรมพันธุ์ พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีประวัติคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้
- มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน
- พฤติกรรมส่งเสริม เช่น สูบบุหรี่ ความเครียดสะสม พักผ่อนน้อย ขาดการออกกำลังกาย

สัญญาณอันตราย ที่กำลังเตือนถึงหลอดเลือดหัวใจตีบ
- เจ็บแน่นหน้าอก จะเป็นแบบ แน่น ๆ เหมือนมีอะไรมากดทับ-รัด บริเวณทรวงอกด้านหน้า อาจมีร้าวไป กราม คอ ไหล่ ต้นแขนซ้ายได้ เป็นได้ทั้งตอนอยู่เฉยๆ หรือออกกำลังกาย หรือมีภาวะตึงเครียด อาจมีเหงื่อแตกร่วมด้วย
- เหนื่อยง่ายกว่าปกติ เทียบกับคนปกติหรือสิ่งที่ตัวเองเคยทำเป็นประจำ ซึ่งไม่เคยเหนื่อย เช่น เคยเดินขึ้นสะพานลอยได้ กลายเป็นเดินไม่ไหว ต้องพักก่อน
- วูบ หมดสติ ไม่รู้ตัว เป็นอาการแสดงสำคัญที่ต้องลำดับต่อว่า เป็นโรคหัวใจหรือโรคทางสมอง หรืออื่นๆ
โรคหัวใจมีแนวทาง หรือวิธีการรักษา รวมไปถึงการดูแลอย่างไรบ้าง
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งเสริมความเสี่ยง
- ใช้ยา เพื่อควบคุมโรคหัวใจหรือปัจจัยเสี่ยง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของหัวใจ
- การรักษาด้วยหัตถการหลอดเลือดหรือการผ่าตัด ได้แก่ การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด / การขยายหลอดเลือดหัวใจที่ตีบด้วยบอลลูน / การผ่าตัดบายพาสเส้นเลือดหัวใจ

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จึงเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่ทำให้เสียชีวิตของผู้คนทั่วโลก รองจากโรคมะเร็ง แต่อยางไรก็ตามนะคะ เราสามารถดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้โดยการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมสุขภาพอย่างเหมาะสม ลดหวาน มัน เค็ม และอาหารที่มีไขมันสูง ความคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และควรตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ เพื่อคัดกรองความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงนะคะ

#ตรวจสุขภาพประจำปี #ตรวจสุขภาพอ่อนนุช #ตรวจสุขภาพหัวหิน #คลินิกตรวจสุขภาพ #ตรวจโรคอ่อนนุช #สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่ #ตรวจเลือดมหาชัย #มหาชัยทีแอลซี #คลินิกตรวจเลือด #ตรวจเลือด
#หลอดเลือดหัวใจ #โรคหัวใจและหลอดเลือด

เจอก่อน เจ็บน้อยกว่า ตรวจพบความเสี่ยงโรคหัวใจด้วย hs-CRP ตรวจได้เลยวันนี้ ! ไม่ต้องงดน้ำและอาหารที่ HEALTHLAB Clinic ทุก...
10/09/2025

เจอก่อน เจ็บน้อยกว่า ตรวจพบความเสี่ยงโรคหัวใจด้วย hs-CRP ตรวจได้เลยวันนี้ ! ไม่ต้องงดน้ำและอาหารที่ HEALTHLAB Clinic ทุกสาขา

การตรวจ hs-CRP (high-sensitivity C-reactive protein) เป็นการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับโปรตีน C-reactive protein (CRP) ที่ผลิตโดยตับ โปรตีนนี้จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อร่างกายมี การอักเสบ แม้จะเป็นการอักเสบในระดับต่ำ ๆ ซึ่งการตรวจ hs-CRP จะมีความไวสูงกว่าการตรวจ CRP แบบธรรมดา ทำให้สามารถตรวจจับการอักเสบในระดับต่ำได้

การตรวจ hs-CRP มักใช้เพื่อ ประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด การอักเสบเรื้อรังในระดับต่ำเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่อาจทำให้เกิดการสะสมของคราบพลัคในหลอดเลือดแดง (atherosclerosis) ซึ่งนำไปสู่ภาวะหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองได้

แม้ว่าระดับค่าจะสูงขึ้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นโรคหัวใจอย่างแน่นอน แต่เป็นการบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่จะดีแค่ไหน ถ้าเรารู้ตัว และปรับพฤติกรรมได้ทันท่วงที

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่
📍มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
📞 087 507 9829
📍 เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช (อ่อนนุช ซ.67/3)
📞 098 503 7515
📍 เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
📞 094 494 5649
#ตรวจสุขภาพประจำปี #ตรวจสุขภาพอ่อนนุช #ตรวจสุขภาพหัวหิน #คลินิกตรวจสุขภาพ #ตรวจโรคอ่อนนุช #สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่

จาก content โรคอัลไซเมอร์ก่อนหน้า ที่แอดมินพาทุก ๆ คนไปทำความรู้จักโรคอัลไซเมอร์แล้ว วันนี้จะมาทำความรู้จักการตรวจคัดกรอ...
10/09/2025

จาก content โรคอัลไซเมอร์ก่อนหน้า ที่แอดมินพาทุก ๆ คนไปทำความรู้จักโรคอัลไซเมอร์แล้ว วันนี้จะมาทำความรู้จักการตรวจคัดกรอง และประเมินความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์กันนะคะ ซึ่งก่อนหน้าได้มีการพูดถึงไปนิดหน่อย นั่นคือการตรวจ APOE gene นั่นเอง
การตรวจคัดกรองโรคอัลไซเมอร์ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และหนึ่งในตัวชี้วัดที่สามารถส่งผลให้เกิดโรคอัลไซเมอร์จากกรรมพันธุ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ แล้วมันมีความเกี่ยวข้องกับ APOE gene ยังไงบ้างไปดูกันค่ะ

✳️ยีน APOE ชื่อเต็มคือ Apolipoprotein E เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งในร่างกาย มีบทบาทหลักที่สำคัญ ดังนี้
- ขนส่งไขมัน และคอเลสเตอรอลจากเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไปยังตับ รวมถึงขนส่งออกมาเพื่อกำจัดออกจากร่างกาย
- ควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญไขมัน และมีบทบาทในการรักษาสมดุลของไขมันในสมอง
นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญ คือ ช่วยขจัดโปรตีนเบตา – อะไมลอยด์ ออกจากเซลล์ประสาท ซึ่งยีน APOE แต่ละรูปแบบมีความสามารถในการขจัดโปรตีนเบตา – อะไมลอยด์ ที่แตกต่างกัน ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ
1. ยีน APOE E2 : มีความสามารถในการขนส่งไขมันที่ดี และมีจำนวนน้อยที่สุด ป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ (Protective gene)
2. ยีน APOE E3 : เป็นยีนที่พบมากที่สุดในคนส่วนใหญ่ มีความสามารถในการขนส่งไขมันปานกลาง
3. ยีน APOE E4 : มีความสามารถในการขนส่งไขมันต่ำ เป็นยีนที่มีความสัมพันธ์กับโรคอัลไซเมอร์ หากตรวจพบยีน

แล้วตัวไหนเป็นยีนตัวร้าย อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะ ☺️

มันคือยีน APOE E4 นั่นเอง เพราะมันทำให้มีความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์มากกว่าคนทั่วไป (Risk-factor gene) จากการที่มันมีความสามารถในการขนส่งไขมันต่ำ และกำจัดโปรตีนสำคัญคือ Beta-amyloid ได้ต่ำนั่นเอง ซึ่งมีกลไกที่ส่งผลต่อโรคอัลไซเมอร์นั่นเอง เพราะอะไร ?

1. การสะสมของโปรตีน Beta-amyloid : ยีน APOE E4 มีประสิทธิภาพในการขจัดโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ (Beta-amyloid) ออกจากสมองน้อยกว่า APOE E2 และ APOE E3 ทำให้เกิดการสะสมแผ่นโปรตีนอะ-ไมลอยด์ Amyloid plaques ในสมองมากขึ้น และส่งผลให้เซลล์ประสาทเสื่อมและตายได้ง่ายขึ้น
2. การทำงานของระบบประสาท : ยีน APOE E4 ส่งผลเสียต่อการรักษา และซ่อมแซมเยื่อหุ้มเซลล์ประสาท ทำให้กระบวนการส่งผ่านสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทบกพร่อง ส่งผลให้อะซีติลโคลีน (Acetylcholine) สารสื่อประสาทที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ลดลงตามไปด้วย จนทำให้เกิดอาการสมองฝ่อ ความจำเสื่อม และพัฒนามาเป็นโรคอัลไซเมอร์ในที่สุด...

รูปแบบของ APOE ที่สัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเกิคโรคอัลไซเมอร์สามารถสรุปได้ดังนี้
– E3/E3 มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์เทียบเท่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป
– E2/E2 หรือ E2/E3 มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 0.6 เท่า
– E2/E4, E3/E4 หรือ E4/E4 มีโอกาสเสียงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์สูงกว่าค่าเฉลี่ย 15 – 20 เท่า **

📌โดยกลุ่มคนที่ควรเข้ารับการตรวจความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ APOE gene ได้แก่
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคอัลไซเมอร์
- ผู้ที่โรคประจำตัวบางชนิด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่มีปัญหาด้านการนอนหลับ
- ผู้ที่มีภาวะความเครียดสะสม หรือ ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า
- ผู้ที่ต้องการวางแผนดูแลสุขภาพเชิงป้องกันอย่างจริงจัง

การมียีน APOE E4 ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะต้องเป็นโรคอัลไซเมอร์เสมอไปอย่างที่เขียนไปก่อนหน้า เป็นเพียงการประเมินความเสี่ยงของโอกาสการเกิดโรคอัลไซเมอร์เท่านั้น ไม่ได้เป็นการตรวจเพื่อวินิจฉัย เนื่องจากความเสี่ยงของการเกิดไรคอัลไซเมอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบหลายประการ เช่น วิถีชีวิต อาหาร การได้รับสารเคมี และพันธุกรรม การตรวจยีน APOE เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันและวางแผนดูแลสุขภาพให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงยีนที่ได้รับมาได้ แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และวิถีชีวิตเพื่อลดความเสี่ยง และชะลอการเกิดของโรคได้ค่ะ

#ตรวจสุขภาพประจำปี #ตรวจสุขภาพอ่อนนุช #ตรวจสุขภาพหัวหิน #คลินิกตรวจสุขภาพ #ตรวจโรคอ่อนนุช #สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่ #ตรวจเลือดมหาชัย #มหาชัยทีแอลซี #คลินิกตรวจเลือด #ตรวจเลือด #อัลไซเมอร์ #สมองเสื่อม #ความจำเสื่อม

ที่อยู่

639/3-4 ถนนอ่อนนุช เขตประเวศ
Bangkok
10250

เวลาทำการ

จันทร์ 07:00 - 20:00
อังคาร 07:00 - 20:00
พุธ 07:00 - 20:00
พฤหัสบดี 07:00 - 20:00
ศุกร์ 07:00 - 20:00
เสาร์ 07:00 - 20:00
อาทิตย์ 07:00 - 12:00

เบอร์โทรศัพท์

+66985037515

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ HEALTHLABCLINIC.comผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง HEALTHLABCLINIC.com:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram