Ovi Gold นม Ovi Gold ช่วยให้ระบบกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อต่อแข็งแรง ป้องกันโรคข้อเสื่อม เพิ่มแคลเซียม และเสริมสร้างสุขภาพผู้สูงอายุ

"สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อ:1. การเปลี่ยนแปลงของความดันอากาศ2. เนื้อเยื่อขยายตัว ทำให้แรงดันในข้อต่อเพิ่มสูงขึ้น3. ...
05/06/2024

"สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อ:
1. การเปลี่ยนแปลงของความดันอากาศ
2. เนื้อเยื่อขยายตัว ทำให้แรงดันในข้อต่อเพิ่มสูงขึ้น
3. กรณีผู้ป่วยโรคเรื้อรัง กระดูกอ่อนถูกสึกหรอ เส้นประสาทจะไวต่อการเปลี่ยนแปลง
4. ข้อต่อที่เสื่อมสภาพ หัวกระดูกจะใกล้ชิดกันมากขึ้น ส่งผลให้ปวด ตึงและแข็ง
5. สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงฉับพลัน ส่งผลต่อ: ความหนืดของน้ำหล่อเลี้ยงข้อต่อ ความหนืดของเลือด การเปลี่ยนแปลงของสารตัวกลาง การตกตะกอนของเกลือ... ยังทำให้ข้อต่อบวม ตึง และปวดมากขึ้น โดยเฉพาะในสภาพอากาศเย็นและชื้น"

"ปวดคอบ่าไหล่, ปวดข้อ, ข้อเสื่อม, กระดูกสันหลังคด, ... ปล่อยไว้นานวันจะทำให้กระดูกผิดรูปโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ทำให้เกิดข้...
04/06/2024

"ปวดคอบ่าไหล่, ปวดข้อ, ข้อเสื่อม, กระดูกสันหลังคด, ... ปล่อยไว้นานวันจะทำให้กระดูกผิดรูป
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ทำให้เกิดข้อแข็ง, บวม, ร้อน, และปวดรุนแรง, โดยเฉพาะที่ข้อมือและเท้า
สัญญาณของโรคข้ออักเสบขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ข้อต่ออักเสบและชนิดของโรค
ข้ออักเสบ และสัญญาณเตือนที่คุณอาจมีโรคข้ออักเสบ ได้แก่:
ปวดหลัง, ปวดเข่า, ชาตามมือและเท้า,... ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต, หากไม่รีบรักษาให้ทันท่วงที, เสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อเสื่อม, ข้ออักเสบ
อาการปวดข้อ ซึ่งอาจเจ็บปวดเมื่อเคลื่อนไหวหรือแม้ไม่มีการเคลื่อนไหว
ข้อ จำกัด ของระยะการเคลื่อนไหวร่วม ในกรณีส่วนใหญ่พร้อมกับความเจ็บปวด สามารถจำกัดได้เพียงข้อจำกัดง่ายๆ
อาการบวมและตึง: พบได้บ่อยในโรคข้ออักเสบเฉียบพลัน
การอักเสบที่หรือรอบข้อต่อ
รอยแดงของผิวหนังบริเวณข้อ
ลั่นดังเอี๊ยดเมื่อขยับข้อต่อทั่วไปและตอนเช้า"

"ผู้ที่เป็น 'โรคข้อเข่าเสื่อม' หรือมีอาการปวดหัวเข่าจากสาเหตุอื่นๆ การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไปจะยิ่งทำให้อาการลุกลามหรือ...
03/06/2024

"ผู้ที่เป็น 'โรคข้อเข่าเสื่อม' หรือมีอาการปวดหัวเข่าจากสาเหตุอื่นๆ การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไปจะยิ่งทำให้อาการลุกลามหรือหายช้า จึงควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือการปรับการกินอาหาร แม้ว่าอาหารที่กินนั้นจะไม่ได้ช่วยในการรักษาโรคโดยตรง แต่หากผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เหมาะสมก็จะลดปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว และลดโอกาสการเกิดการอักเสบ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างข้อกระดูกรวมถึงกล้ามเนื้อให้แข็งแรงได้อีกทางหนึ่ง
อาหารที่ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมควรรับประทาน
อาหารมีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง โดยเฉพาะอาหารทะเล เช่น ปลาทะเล ปลาแซลมอน หรือแม้แต่ปลาน้ำจืดประเภทปลาเนื้อขาว จะช่วยบำรุงข้อต่อกระดูกให้แข็งแรง และลดอาการปวดหรืออักเสบในผู้ป่วยที่มีข้อเข่าอักเสบ และลดอาการติดแข็งบริเวณข้อต่างๆ
อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระหรือเบต้าแคโรทีนสูง โดยเฉพาะผักต่างๆ อย่างใบยอ ยอดแค ผักโขม ผักคะน้า บรอกโคลี ผักกระเฉด ถั่วงอก อีกทั้งยังควรกินผักให้หลากสี เช่น มะเขือเทศสีแดง แครอทสีส้ม กะหล่ำปลีสีม่วง ข้าวโพดและฟักทองสีเหลือง เพราะจะได้วิตามินที่หลากหลาย โดยเฉพาะผักใบเขียวต่างๆ จะมีวิตามินเคที่มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกค่อนข้างสูง
อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น อัลมอนด์อบ งาดำ นมและผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น น้ำเต้าหู้ เต้าหู้หลอด แม้แต่การกินปลาตัวเล็กตัวน้อยก็จะช่วยเพิ่มแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง ทั้งนี้ควรจะกินอาหารที่มีวิตามินดีสูง จำพวก นม ไข่ ปลาซาดีน ควบคู่กันไปได้ด้วย เพราะวิตามินดีจะช่วยเรื่องการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น
อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี โดยเฉพาะผลไม้ต่างๆ เช่น ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะละกอสุก เพราะวิตามินซีจะช่วยต้านการเกิดอนุมูลอิสระอีกทางหนึ่ง
อาหารที่มีสารกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ เช่น เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แอปเปิ้ล ชาเขียว หัวหอม และมะเขือเทศ จะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมวิตามินซี สร้างความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อ ทำให้ผนังหลอดเลือดและเส้นเลือดฝอยแข็งแรง ลดโอกาสเกิดการฟกช้ำ บวม
รับประทานอาหารประเภทอบ ต้ม ตุ๋น นึ่ง ย่าง แทนประเภทผัด ทอด หรือแกงกะทิ เพื่อควบคุมน้ำหนักตัว
อาหารที่ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมควรหลีกเลี่ยง
อาหารเสริมและวิตามินสำเร็จรูป หากต้องการกินควรปรึกษาแพทย์ก่อน แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าผู้ป่วยขาดวิตามินชนิดใดหรือไม่ และจะกำหนดให้กินในปริมาณที่เหมาะสม เพราะอาหารเสริมหรือวิตามินบางอย่างก็ไม่มีความจำเป็น มีราคาสูง และหากได้รับมากเกินไปกลับจะเป็นโทษมากกว่ามีประโยชน์
อาหารเค็มหรืออาหารที่มีโซเดียมสูง หลีกเลี่ยงการปรุงอาหารด้วยเกลือ ซีอิ้ว น้ำปลา ซอสปรุงรส และการกินอาหารเค็ม อาหารแปรรูป หมัก ดอง รวมถึงขนมถุงกรุงกรอบ เพราะอาหารที่มีโซเดียมสูงอาจส่งผลให้เซลล์เก็บน้ำไว้มากเกินไปจนร่างกายบวมน้ำ
อาหารหวานหรืออาหารที่มีน้ำตาลมาก เพราะอาจกระทบต่อการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้แผลหรือกล้ามเนื้อบริเวณหัวเข่าเกิดอักเสบได้ง่ายขึ้น
แป้งขัดขาว เช่น ขนมปังข้าว พาสต้า ซีเรียล ธัญพืชขัดขาว อาจกระตุ้นการอักเสบของข้อต่อกระดูก
อาหารทอด หรืออาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากนอกจากทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มแล้ว อาจเพิ่มการอักเสบได้ จึงควรหลีกเลี่ยง เช่น หมูทอด ไก่ทอด ทอดมัน ลูกชิ้นทอด กล้วยแขก เฟรนซ์ฟราย เค้ก ไอศกรีม
เนื้อสัตว์ที่ปรุงด้วยอุณหภูมิสูงนานๆ นอกจากเสียคุณค่าทางอาหารแล้ว จะทำให้เกิดสาร AGEs (Advanced Glycation End Products) ที่อาจทำให้เกิดการอักเสบของข้อต่อต่างๆ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจกระตุ้นอาการต่างๆ ให้รุนแรงขึ้น และอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่กินอยู่ ทำให้ยาออกฤทธิ์ไม่ได้ผลเท่าที่ควร และส่งผลกระทบอื่นๆ ตามมา
กาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนจะทําให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะ จนอาจทำให้แคลเซียมในร่างกายเสียสมดุล หากได้รับในปริมาณมากๆ เป็นประจำอาจทำให้มวลกระดูกบางลงด้วย"

"10 สุดยอดการออกกำลังกายเพื่อบรรเทาอาการปวดข้อ1.การออกกำลังกายในน้ำการออกกำลังโดยใช้น้ำเป็นกิจกรรมที่วิเศษสุดสำหรับผู้ที...
02/06/2024

"10 สุดยอดการออกกำลังกายเพื่อบรรเทาอาการปวดข้อ
1.การออกกำลังกายในน้ำ
การออกกำลังโดยใช้น้ำเป็นกิจกรรมที่วิเศษสุดสำหรับผู้ที่หาวิธีบรรเทาอาการปวดข้อ เนื่องจากน้ำจะช่วยรองรับน้ำหนักของคุณ มันจะช่วยกระตุ้นความแข็งแรงและเพิ่มสมรรถภาพ โดยเฉพาะในน้ำที่อุ่นอาจบรรเทาความเจ็บปวดอาการข้อต่อของคุณด้วย
2.การขี่จักรยาน
เนื่องจากคุณนั่งในขณะที่ขี่จักรยาน เพราะฉะนั้นแรงกดบนหัวเข่า ข้อเท้า และสะโพกจะลดลง ทำให้คุณได้หายใจเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายและเพิ่มความแข็งแรงของขาได้มากขึ้น ขณะที่ลดความฝืดของข้อต่อลง ไม่ว่าจะเป็นจักรยานที่อยู่กับที่หรือการขี่จักรยานกลางแจ้ง การปั่นจักรยานเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มความหลากหลายให้กับการออกกำลังกายของคุณ และยังช่วยเผาผลาญแคลอรีได้
3.ออกแรงเบาๆ
การออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน (Weight training) ให้ประโยชน์ที่มากมาย เพราะมันจะช่วยเพิ่มความแข็งแรง ช่วงของการเคลื่อนไหว และความหนาแน่นของกระดูกให้มากขึ้น การใช้แรงต้านเบาๆ ยังสามารถให้ประโยชน์และลดแรงกดบนข้อต่อของคุณ เพียงแน่ใจว่า ได้เล่นท่าหลากหลายเซ็ต และตั้งเป้าฝึกอย่างน้อยสองครั้งต่อสัปดาห์
4. ไทชิ
ไทชิ (Tai Chi) เป็นการเคลื่อนไหวในท่าบังคับต่างๆ อย่างช้าๆ สิ่งนี้ช่วยให้ข้อต่อมีเสถียรภาพ ในขณะที่กล้ามเนื้อทำงานโดยมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ประโยชน์ที่ได้อย่างเต็มที่ของไทชิ ได้แก่ การบรรเทาอาการปวดข้อและลดความฝืดของข้อ
5.การเดินแบบนอร์ดิก
เป็นการใช้อุปกรณ์ไม้ค้ำยันขณะเดิน หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า การเดินแบบนอร์ดิก (Nordic Walking) มันอาจเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการออกกำลังกายหากคุณกำลังมองหาวิธีการบรรเทาอาการปวดข้อในร่างกายช่วงล่าง ไม้ค้ำยันจะทำให้การเดินมีความท้าทายมากขึ้น เพิ่มความมั่นคงและความสมดุลและลดแรงกดของสะโพก หัวเข่า และข้อเท้า เนื่องจากแขนจะเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนร่างกายไปข้างหน้า
6. ว่ายน้ำ
การว่ายน้ำช่วยให้คุณคล่องแคล่วและกระตุ้นระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยไม่ส่งผลกระทบหรือสะเทือนข้อต่อ จงทดลองเทคนิคต่างๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เช่น ท่าฟรีสไตล์ ท่ากบ ท่ากรรเชียง หรือใช้อุปกรณ์สำหรับการลอยตัวเพื่อช่วยกำหนดเป้าหมายร่างกายส่วนบนหรือส่วนล่าง
7. พิลาทิส
พิลาทิส (Pilates) เป็นการเคลื่อนไหวที่มีผลกระทบน้อย ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความมั่นคงของแกนกลางร่างกาย สิ่งนี้อาจช่วยให้ข้อต่อคงที่ได้ด้วยการเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบๆ และปรับให้ท่าทางและความสมดุลดีขึ้น คุณสามารถพัฒนาได้จากการออกกำลังกายบพื้นไปจนถึงเครื่องต่างๆ ที่ใช้ปรับปรุงร่างกาย
8. เครื่องเดินแบบวงรี
เครื่องเดินแบบวงรี (Elliptical trainers) ซึ่งบางครั้งเรียกว่า Cross Trainers เป็นเครื่องออกกำลังกายที่จำลองการเคลื่อนไหวของการวิ่ง แต่ไม่มีผลกระทบหรือแรงกดกับข้อต่อของคุณ มีที่จับให้คุณเลือกที่จะโฟกัสไปที่ร่างกายส่วนบนหรือส่วนล่างเพื่อให้เหมาะกับสภาพของคุณ
9. โยคะ
โยคะผสมผสานการหายใจแบบลึก การทำท่าทางและการยืดเหยียดอย่างนุ่มนวล เพื่อช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่น ความสมดุลและการเคลื่อนไหวของข้อต่อต่างๆ โยคะมีหลายแบบ ดังนั้นลองหาสไตล์ที่เหมาะกับร่างกายของคุณที่สุด
10. การพายเรือ
เช่นเดียวกับการขี่จักรยาน การพายเรือจะเกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายจากตำแหน่งที่นั่ง เพื่อบรรเทาการถ่วงน้ำหนักของร่างกายส่วนล่างของคุณ เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมในการเสริมสร้างร่างกายส่วนบนและส่วนท้อง รูปแบบต่างๆ ได้แก่ เรือคายัค เรือแคนู เรือมังกร และเครื่องพายเรือ"

"อาการปวดหลัง ถือว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็มีโอกาสปวดหลังได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะปวดมากหรือน้อย ปวดหลังส...
01/06/2024

"อาการปวดหลัง ถือว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็มีโอกาสปวดหลังได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะปวดมากหรือน้อย ปวดหลังส่วนบน ปวดหลังส่วนล่าง หรือปวดหลังด้านข้าง บางรายปวดจนกลายเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตประจำวัน อาการปวดหลังมักไม่ได้มีสาเหตุรุนแรงและสามารถหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป และสามารถบรรเทาอาการปวดหลังเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง
เพื่อให้สามารถคลายความปวดได้อย่างตรงจุด คุณอาจจะต้องรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ปวดหลังว่าเกิดจากอะไร เช่น อาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง เนื่องจากการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน หรือการหักโหมออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา โดยมีเทคนิคการเยียวยาอาการปวดหลังเบื้องต้นที่สามารถทำเองได้ ดังนี้
1. ลดอาการปวดด้วยการประคบร้อนและเย็น
สำหรับบางคนที่มีอาการปวดหลังในระยะเริ่มต้น การประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง จะช่วยลดแผลอักเสบหรือการบวมได้ด้วยการลดการไหลของเลือด การวางถุงน้ำแข็งลงบนบริเวณที่เพิ่งเริ่มปวด แบบไม่เกิน 48 ชั่วโมง สามารถช่วยลดอาการปวดได้ โดยให้วางไว้ 20 นาที ทุกๆ 2 ชั่วโมง ส่วนการประคบด้วยความร้อน จะช่วยในการบรรเทาการปวดของกล้ามเนื้อ โดยหาจุดที่ปวดให้เจอแล้วประคบร้อนบริเวณนั้น เนื่องจากความร้อนจะช่วยให้หลอดเลือดขยาย เหมาะสำหรับอาการปวดเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ เมื่อหลอดเลือดขยาย จะส่งผลให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และอาการปวดจะบรรเทาลง โดยเฉพาะหลังการปวด 48 ชั่วโมงไปแล้ว และไม่ว่าจะเป็นความร้อนแบบแห้งหรือการแช่น้ำร้อนก็สามารถช่วยได้เหมือนกัน
2. นอนราบแผ่นหลังติดพื้นยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลัง
เมื่อมีอาการปวดหลังเกิดขึ้น มองหาที่นอนที่ไม่นุ่มและไม่แข็งจนเกินไป แต่มีพื้นแบนราบพอที่จะนอนลงไปได้ สบายๆ เช่น เสื่อโยคะ จากนั้นดันแผ่นหลังให้ติดพื้น แขนทั้งสองข้างอยู่แนบกับลำตัว พร้อมเกร็งหน้าท้องค้างไว้ ประมาณ 10 วินาที แล้วพัก จากนั้นทำซ้ำราว 2-3 ครั้ง ช่วยให้แผ่นหลังที่อ่อนล้า ปวดเมื่อย กลับเข้ามาอยู่ในสภาพปกติ จัดเรียงกระดูกและกล้ามเนื้อให้กลับมาเข้าที่เหมือนเดิม ซึ่งเป็นท่าง่ายๆ ที่ช่วยลดอาการปวดหลังส่วนล่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ
3. ท่าโยคะนั่งไขว้ขา บิดเอว
ท่านี้จะช่วยผ่อนคลายอาการปวดหลังส่วนล่าง เมื่อยล้า ช่วยยืดเยียดกระดูกสันหลัง เปิดหัวไหล่ คอ และสะโพก เพิ่มความยืดหยุ่นบริเวณสะโพกและกระดูกสันหลัง เริ่มจากนั่งขัดสมาธิบนพื้น ยกขาข้างขวาวางพาดทับขาซ้าย ให้ขาข้างซ้ายยังงอเข่านอนลงชิดพื้นอยู่ ขาข้างขวาตั้งเข่าขึ้น เอามือขวาแตะพื้นขวา มือซ้ายแตะท้ายทอย แล้วเอี่ยวตัวไปทางขวาให้สุด ค้างไว้ 3-5 วินาที จากนั้นกลับมาหน้าตรง วางมือซ้ายบนพื้นข้างลำตัวด้านซ้าย มือขวาแตะท้ายทอย บิดเอวไปทางขวา ค้างไว้ 3-5 วินาที จากนั้นจึงสลับขา และสลับมือ บิดเอวทั้ง 2 ข้างเหมือนเดิม เป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อส่วนหลัง เลือดไหลเวียนในบริเวณหลัง เอว ได้ดียิ่งขึ้น
4. คลายปวดหลังด้วยการนวด
อาการปวดหลัง เอว และขา สามารถคลายความปวดได้ด้วยการนวด ซึ่งสามารถบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง เพียงใช้สองมือกดและบีบเพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้ต่อมและอวัยวะต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้น วิธีโดย ท่าแรกนั่งขัดสมาธิ กำหมัดทั้งสองวางไว้บริเวณบั้นเอว หายใจเข้าพร้อมกดมือ แอ่นหน้าอก กลั้นหายใจนับ 1-5 หายใจออกพร้อมคลายแรงกด ท่าที่สองขยับกำปั้นมาบริเวณที่กลางบั้นเอว หายใจเข้าพร้อมกดมือ แอ่นหน้าอก กลั้นหายใจนับ 1-5 หายใจออกพร้อมคลายแรงกด จากนั้นให้ใช้กำปั้น ทุบหรือคลึงเบาๆ ไปที่หลังตรงที่มีอาการปวด ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
5. ควบคุมน้ำหนักตัว
น้ำหนักตัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปวดหลัง ดังนั้นให้พยายามควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอดี โดยเฉพาะที่หน้าท้อง เพราะทำให้แรงโน้มถ่วงโน้มไปข้างหน้ามากกว่า แต่คนที่ผอมก็มีโอกาสปวดหลังได้เหมือนกัน เพราะการที่ผอมมากๆ หรือมีมวลกระดูกต่ำ อาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน ซึ่งข้อแนะนำที่ดีที่สุดคือทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ และออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่พอดี
หากความปวดนั้นยังคงมีอาการมากขึ้นเรื่อยๆ หรือปวดหลังร่วมกับมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ คือ ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ ขาอ่อนแรง ชาที่ขา เท้า หรือรอบทวารหนัก เนื่องจากอาจเป็นภาวะฉุกเฉินของกระดูกสันหลัง เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือกระดูกสันหลังเคลื่อน ให้รีบเข้ามาปรึกษาแพทย์กระดูกสันหลัง ตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกวิธีต่อไป"

"ผู้สูงอายุ” โดยทั่วไปนอกจากมีปัญหาสุขภาพร่ายกายแล้วยังมีปัญหาด้านจิตใจสมทบด้วยภายในเวลาเดียวกัน เนื่องสภาพร่างกายที่เสื...
01/06/2024

"ผู้สูงอายุ” โดยทั่วไปนอกจากมีปัญหาสุขภาพร่ายกายแล้วยังมีปัญหาด้านจิตใจสมทบด้วยภายในเวลาเดียวกัน เนื่องสภาพร่างกายที่เสื่อมสมรรถภาพตามอายุ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ใครมีผู้สูงอายุที่ต้องดูแล ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย ยิ่งต้องให้ความสำคัญ ทั้งในด้านปัญหาสุขภาพและสภาพแวดล้อมรอบตัวผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งสิ่งนี้ผู้ที่มีบทบาทสำคัญคือ บุคคลในครอบครัว ที่ต้องเข้าใจปัญหาต่างๆ ของผู้สูงอายุ เพื่อที่จะได้ดูแลได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยเรามี 10 วิธีหลักการจำง่ายๆ ต้องรู้เมื่อต้องดูแลผู้สูงอายุ
1. เลือกอาหารให้เหมาะสม และพอดี
ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ร่างกายมีความต้องการต่อการใช้พลังงานลดน้อยลง เนื่องจากมีกิจกรรมที่ทำได้ไม่มากส่งผลให้แต่ละวันใช้พลังงานลดน้อยลง ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องควรลดการบริโภคในกลุ่มของแป้ง น้ำตาล และไขมันลง รวมถึงอาหารประเภทของผัด ของทอดที่ใช้น้ำมัน เพื่อลดการสะสมเนื่องจากไม่ถูกดึงนำไปใช้ ให้เน้นอาหารจำพวกโปรตีนจากเนื้อปลามากขึ้น และเปลี่ยนมาใช้อาหารประเภทต้ม นึ่ง ย่าง อบ เป็นหลัก
นอกจากนี้ในกลุ่มผู้สูงอายุยังมีแนวโน้มขาดสารอาหารโดยเฉพาะแคลเซียม สังกะสี และเหล็ก ซึ่งมีอยู่มากในอาหารประเภทนม ถั่วเหลือง รวมถึงในกลุ่มของผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆ ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้ดูแลปรับเปลี่ยนโดยการนำอาหารเหล่านี้มาทำเป็นอาหารมื้อหลักของผู้สูงอายุ และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด หรือเค็มจัด เพราะเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน และควรพยายามให้ผู้สูงอายุดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน เพื่อลดภาวะท้องผูก และช่วยให้ระบบทางเดินอาหารและลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
2. พยายามควบคุมน้ำหนักตัวผู้สูงอายุไม่ให้อ้วน
เป็นที่ทราบกันดีว่าความอ้วน ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายในทุกเพศทุกวัย และยิ่งผู้สูงอายุด้วยแล้ว ยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษในการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัว ลดปัญหาการพลัดตกหกล้ม อีกทั้งยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อผลกระทบต่อกระดูกและข้อที่ต้องแบบรับน้ำหนักตัวที่มากจนเกินไป นอกจากยังลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ความดัน ได้อีกด้วย
3. พาผู้สูงออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ
ผู้สูงอายุจำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ แต่ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่เคยออกกำลังกาย ผู้ดูแลจำเป็นต้องศึกษาหลักการ ให้ถูกต้องและค่อยๆ ทำ และไม่ควรให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายแบบหักโหมจนเกินไป และถ้าหากมีโรคประจำตัว ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ แต่ในกรณีที่ผู้สูงอายุที่ไม่ได้มีโรคประจำตัว แนะนำให้เริ่มต้นออกกำลังกายแบบแอโรบิคสัก 30 นาทีต่อครั้ง โดยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
การออกกำลังกายแบบแอโรบิคมีประโยชน์อย่างมากในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ แนะนำก่อนเริ่มออกกำลังกายควรให้ผู้สูงอายุยืดกล้ามเนื้อ แล้วค่อยๆ เพิ่มความหนักความแรงในการออกกำลังกาย และควรจะทำอย่างต่อเนื่อง แบบค่อยๆไป ช้าๆ หากเหนื่อย หรือรู้สึกไม่ดีอย่าให้ฝืนออกกำลังกายเด็ดขาด และควรสังเกตอาการผิดปกติ หากพบความผิดปกติแนะนำให้ปรึกษาแพทย์
4. มีสภาพแวดล้อมที่ดีและสัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์บ้าง
ผู้สูงอายุควรอยู่ในสภาพที่เอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัย อากาศต้องถ่ายเท มีอากาศที่สดชื่นเพื่อช่วยปัญหาสุขภาพจิตใจ เนื่องจากผู้สูงอายุโดยส่วนใหญ่ไม่ได้ออกไปไหน เวลาส่วนใหญ่จึงอายุที่บ้าน เพราะฉะนั้นบ้านที่พักอาศัยจึงไม่ควรกลิ่นเหม็นๆ อับหรือสิ่งของล่วงหล่นตามพื้นบ้าน ควรมีการปลูกต้นไม้ ปรับภูมิทัศน์ภายในบ้านให้ปลอดโปร่ง สะอาด
นอกจากนี้ลูกหลานควรพาผู้สูงอายุออกไปสัมผัสอากาศที่บริสุทธ์บ้าง เช่นพาไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัด ที่มีธรรมชาติงดงาม เพื่อดูแลสุขภาพระบบทางเดินหายใจ จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรค หรือหากไม่สะดวกไปต่างหวัด อาจเลือกเป็นสวนสาธารณะใกล้ๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุเปิดหูเปิดตา และสัมผัสกับอากาศที่บริสุทธิ์
5. หากิจกรรมสร้างสรรค์ให้ผู้สูงอายุทำ
ผู้สูงอายุควรมีกิจกรรมทำ หรือช่วยให้ผู้สูงอายุได้มีโอกาสพบปะเพื่อน หรือพูดคุยกับญาติสนิท เพื่อนวัยเดียวกัน โดยอาจจัดกิจกรรมนัดพบ เชิญเพื่อนฝูงญาติมิตร มาสังสรรค์ที่บ้าน หรือพาผู้สูงอายุออกไปเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้าง พาไปวัด หรือเข้าชมรมทำกิจกรรมต่างๆ การที่ผู้สูงอายุมีกิจกรรมหรืองานอดิเรกทำจะช่วยชะลอความเสื่อมถอยของระบบประสาทและสมอง อีกทั้งยังลดโอกาสเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
6. ดูแลผู้สูงอายุ อย่าให้เกิดอุบัติเหตุ
อุบัติเหตุ การพลัด ตก หกล้ม ในผู้สูงอายุดูเหมือนจะมาคู่กัน เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่ไม่สะดวก ประกอบกับสายตาที่มองได้ไม่ชัดเหมือนเช่นแต่ก่อน ดังนั้นการเลือกกิจกรรม หรือการเตรียมที่อยู่อาศัย ควรมีความเหมาะสม ไม่เสี่ยงต่อการสะดุด หรือลื่นล้ม หมั่นตรวจดูความเรียบร้อยบริเวณบันได จัดบ้านให้เป็นระเบียบ เนื่องจากการเกิดอุบัติเหตุในผู้สูงอายุ ถือเป็นเรื่องใหญ่ อาจเกิดการบาดเจ็บ กระดูกหัก ซึ่งแน่นอนผลที่ตามมาจากอุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องดี
7. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม
ผู้ดูแลควบคุมการรับประทานยาของผู้สูงอายุ เนื่องจากผู้สูงอายุบางท่านอาจมีความรู้ความเข้าใจที่ผิด บางรายอาจซื้อยารับประทานเอง รวมถึงรับประทานยาเกินขนาด จากภาวะหลงลืม การรับประทานยาเก่าที่ขาดประสิทธิภาพ หรืออาจก่อผลข้างเคียงรุนแรง รวมถึงอันตรายถึงชีวิตได้ ในกรณีที่ผู้สูงอายุมียารับประทานประจำ อย่าละเลยหรือขาดยา
8. หมั่นสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย
ผู้สูงอายุเป็นวัยที่สามารถเกิดภาวะเจ็บป่วยได้ง่าย เนื่องจากสภาพร่างกายที่เสื่อมถอยจากการใช้งานมานาน ดังนั้นอวัยวะต่างๆในร่างกาย จึงทำงานได้ไม่ดีดังเดิมจึงสามารถเกิดสารพัดโรคได้ ดังนั้นควรหมั่นเช็คความผิดปกติในร่างกายเพื่อป้องกันตั้งแต่เนินๆ เช่น คลำได้ก้อน มีแผลแล้วหายยากเรื้อรัง กลืนอาหารลำบาก ท้องอืดเรื้อรัง ท้องผูกบ่อยๆ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก ฯ หากมีอาการดังที่กล่าวมาควรพามาพบแพทย์"

"6 สารอาหารช่วยป้องกัน “ กระดูกพรุน ”1. แคลเซียมทำให้กระดูก และฟันแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน แหล่งอาหารที่ให้แคลเซียม ...
31/05/2024

"6 สารอาหารช่วยป้องกัน “ กระดูกพรุน ”
1. แคลเซียม
ทำให้กระดูก และฟันแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน แหล่งอาหารที่ให้แคลเซียม : นม โยเกิร์ต ถั่ว ธัญพืช เป็นต้น
ปลาแซลมอน : หนึ่งในแหล่งแคลเซียมชั้นยอด ด้วยความกระดูกของปลาแซลมอน ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง และยังช่วยรักษามวลกระดูกอีกด้วย
โยเกิร์ต : ช่วยป้องกันกระดูกเสื่อม เพราะอุดมไปด้วย วิตามินบี 2 วิตามินดี แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม
นม : อุดมไปด้วยธาตุสำคัญที่ประโยชน์ต่อกระดูก ทั้งแคลเซียม วิตามินดี ฟอสฟอรัส และยังช่วยป้องกันการเกิดกระดูกพรุนอีกด้วย
งาดำ : งาอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญ ทั้งแคลเซียมช่วยเสริมกระดูกแข็งแรง และยังมีแร่ธาตุทองแดงที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น มีแร่สังกะสีที่ช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้อีกด้วย
2. วิตามินดี
ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นแหล่งอาหารของวิตามินดี : น้ำมันตับปลา ปลาแซลมอน ปลาทูน่า
3. วิตามินเค
สร้างความแข็งแรงให้กระดูก โดยวิตามินเค จะไปช่วยการสร้างออสทิโอแคลซิน (Osteocalcin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูก แหล่งอาหารของวิตามินเค : ผักคะน้า บรอกโคลี ตับวัว ถั่วเหลือง น้ำมันตับปลา
4. แมกนีเซียม
ช่วยในการผลิตพลังงานสร้างโปรตีน ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยดูดซึมแคลเซียมทำให้กระดูก และฟันแข็งแรง พบมากในธัญพืช กล้วย อะโวคาโด ผักใบเขียว และอาหารทะเล
5. ทองแดง / แมงกานีส / สังกะสี
ช่วยในการทำงานของเอนไซม์ในกลไกการสร้างกระดูก ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก จำเป็นต่อพัฒนาการของเนื้อเยื่อกระดูกและข้อต่อแหล่งอาหารที่สำคัญ ได้แก่ ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วลันเตา ธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบเขียวบรอกโคลี สาหร่ายทะเล เต้าหู้ และน้ำนม
6. มะเขือเทศ
มะเขือเทศคือแหล่งของคอลลาเจน นอกจากช่วยบำรุงผิวแล้ว คอลลาเจนยังช่วยซ่อมแซมข้อต่อกระดูกอ่อนต่างๆ ได้อีกด้วย"

"หมอนรองกระดูกคืออวัยวะนิ่มๆ ที่คั่นอยู่ระหว่างปล้องกระดูกสันหลัง ทำให้หลังของเราสามารถก้มหน้าหลัง หรือแอ่นไปมาได้ เปลือ...
31/05/2024

"หมอนรองกระดูกคืออวัยวะนิ่มๆ ที่คั่นอยู่ระหว่างปล้องกระดูกสันหลัง ทำให้หลังของเราสามารถก้มหน้าหลัง หรือแอ่นไปมาได้ เปลือกภายนอกมีลักษณะหยุ่นๆ คล้ายยางลบ ส่วนไส้ข้างในจะมีลักษณะนิ่มๆ เหมือนเยลลี่
ร่างกายของเราไม่รู้จักหมอนรองกระดูก
ในขณะที่ยังเป็นตัวอ่อน จะมีช่วงหนึ่งที่ระบบภูมิคุ้มกันจะต้องเรียนรู้เพื่อที่จะแยกแยะว่าเซลล์ไหนเป็นเซลล์ของร่างกายเราเอง และอันไหนเป็นเซลล์แปลกปลอม (อย่างเช่นเชื้อโรค) เจอที่ไหนจะได้กำจัดทิ้งซะ พูดง่ายๆ ว่าเหมือนไปโรงเรียนเลยล่ะครับ
ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมร่างกายของเราไม่รู้จักหมอนรองกระดูก ก็เพราะว่าเจ้าหมอนรองกระดูกนี้กลับถูกเปลือกข้างนอกห่อหุ้มจนมิดชิดซะก่อนที่ระบบภูมิคุ้มกันจะได้รู้จักมัน ดังนั้นสำหรับร่างกายเราแล้ว หมอนรองกระดูกนี้คือสิ่งแปลกปลอมที่ต้องกำจัดนะครับ"

"WORKOUT AT HOME! แนะวิธีออกกำลังกายที่บ้านแบบเวิร์คๆ1. ท่าออกกำลังกายเน้นส่วนขาและสะโพกSquat ถือเป็นท่าออกกำลังกายยอดนิ...
30/05/2024

"WORKOUT AT HOME! แนะวิธีออกกำลังกายที่บ้านแบบเวิร์คๆ
1. ท่าออกกำลังกายเน้นส่วนขาและสะโพก
Squat ถือเป็นท่าออกกำลังกายยอดนิยม เพราะสามารถทำได้ง่าย เพียงแค่กางขาให้ได้ระยะห่างเท่าช่วงไหล่ ย่อเข่าโดยไม่ให้หัวเข่าเลยปลายเท้า ขณะที่ย่อให้เกร็งช่วงหน้าท้อง เพื่อจะได้เบิร์นทั้งช่วงขา สะโพก และหน้าท้องไปด้วยทีเดียว
Glute bridge ท่าที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้อบริเวณบั้นท้ายและต้นขาให้กระชับได้รูปสวยงาม ทำได้โดยนอนหงายให้หลังแนบชิดกับเสื่อออกกำลังกาย จากนั้นงอเข่าตั้งขึ้น ยกสะโพก เก็บหลังตรง และเกร็งหน้าท้อง หากอยากเพิ่มความยากให้ลองยกแขนชูขึ้นขณะทำท่านี้ด้วยก็ได้นะ
Wall sits ถือเป็นท่าออกกำลังกายที่เรียบง่ายที่สุด ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์อะไรแค่มีกำแพงเท่านั้น โดยท่านี้เริ่มจากให้เอาหลังชนกำลังและย่อเข่าเหมือนเรากำลังนั่งเก้าอี้ เพียงแต่เป็นเก้าอี้อากาศ นั่งค้างให้หลังตรงชิดกำแพงอยู่อย่างนั้นประมาณ 1 นาที และพัก ท่านี้จะช่วยเสริมกำลังขาและกระชับสัดส่วนช่วงล่างให้เฟิร์มยิ่งขึ้น
2. ท่าออกกำลังกายเน้นช่วงแขนและหน้าท้อง
Push-Up ท่าวิดพื้นถือเป็นท่าออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนบนและช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นด้วยการนอนคว่ำ เท้าทั้งสองชิดกัน และใช้มือยกตัวขึ้นให้อยู่ในท่าวิดพื้น ให้ศอกกับไหล่อยู่ในแนวเดียวกัน พยายามทำหลังและก้นให้ตรงขณะยกตัวขึ้น แขนไม่ง้อ ท่านี้จะช่วยเพิ่มความเฟิร์มให้กับกล้ามเนื้อบริเวณแขน ไหล่ หลัง และอกได้อย่างดี
Shoulder Taps ท่าที่พัฒนามาจากท่า Plank ที่เพิ่มความตื่นเต้นอีกนิดด้วยการใช้มือซ้ายแตะไหล่ขวา สลับกับการใช้มือขวาแตะไหล่ซ้าย ทำครบทั้งสองข้างนับเป็น 1 ครั้ง เมื่อทำครบ 15 ครั้งถึงพัก ขณะทำท่านี้พยายามทรงตัวให้นิ่งที่สุด ท่านี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงช่วงแขน ไหล่ และหน้าท้องให้กระชับสวย
Twists เป็นท่าที่ช่วยทำให้ส่วนของหน้าท้องแบบราบ ทำได้ง่ายๆ โดยการนั่งแล้วงอเข่า ยกขาทั้งสองข้างให้ลอยขึ้นเล็กน้อย และให้ประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน หรือถือบัมเบลด้วยมือทั้งสอง จากนั้นให้บิดตัวไปทางซ้ายและขวาสลับกัน
3. ท่าออกกำลังกายบริหารทุกส่วนของร่างกาย
Superman hold เป็นท่าที่ทำได้ง่ายมากๆ เพียงแค่โพสท่าเหมือนซูเปอร์แมนกำลังบินเหมือนชื่อท่า เริ่มด้วยการนอนคว่ำให้หน้าท้องแนบกับเสื่อออกกำลังกาย ยกแขนและขาทั้งสองข้างลอยเหนือพื้น หน้ามองตรง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีส่วนไหนของร่างกายสัมผัสพื้นนอกจากหน้าท้อง ให้ค้างท่านี้ไว้ประมาณ 1 นาที ท่านี้จะช่วยเสริมความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อทุกส่วน แถมยังช่วยลดอาการปวดหลัง ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นอีกด้วย
Mountain Climber ถือเป็นท่าเรียกเหงื่อที่ทำได้ไม่ยากเลย เริ่มต้นจากท่าวิดพื้น ลงน้ำหนักที่มือ ยืดเข่าและสโพกให้ตรง และให้ก้าวเท้าไปข้างหน้าสลับซ้ายขวาคล้ายกับการปีนเขาอยู่กับที่ ทำให้ครบ 1 นาทีค่อยพักเล็กน้อย ท่านี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อได้ทุกส่วน และเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจได้ดีเช่นกัน"

"การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่1. การออกกำลังกายเฉพาะส่วน เช่น การบริหารข้อไหล่ในผู้ป่วยโรคไหล่ต...
30/05/2024

"การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. การออกกำลังกายเฉพาะส่วน เช่น การบริหารข้อไหล่ในผู้ป่วยโรคไหล่ติด การบริหารกล้ามเนื้อหลังในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลัง และการบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าในกรณีข้อเข่าเสื่อม
2. การออกกำลังกายโดยทั่วไป ซึ่งจะมีผลทำให้จิตใจแจ่มใส ร่างกายแข็งแรง และมีผลดีโดยอ้อมคือ ทำให้ผู้สูงอายุมีการทรงตัวที่ดีขึ้น ลดอุบัติการณ์การลื่นล้ม ซึ่งเป็นสาเหตุของกระดูกหักรวมทั้งการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงอื่น ๆ เช่นภาวะปอดบวม ภาวะติดเชื้อ เป็นต้น
การออกกำลังกายในผู้สูงอายุควรเป็นการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ เช่นการวิ่งเหยาะๆ ในกรณีที่ไม่มีอาการข้อเข่าเสื่อม การเดิน การเต้นแอโรบิก การรำมวยจีน การรำไม้พลอง เป็นต้น ภาวะที่ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย
1. อาการเจ็บแน่นหน้าอก ที่ยังควบคุมไม่ได้
2. มีความดันโลหิตสูงขณะออกกำลังกาย
3. การเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ
4. อาการเวียนศีรษะ
5. สภาพแวดล้อม และภูมิอากาศไม่เหมาะสม
6. หลังรับประทานอาหารมื้อหลัก"

"สาเหตุทางสรีรวิทยาของอาการปวดกระดูกและข้อนิสัยที่ไม่ดีในชีวิตประจำวันนำไปสู่เงื่อนไขที่เจ็บปวดเช่น:ความเครียดเป็นเวลานา...
29/05/2024

"สาเหตุทางสรีรวิทยาของอาการปวดกระดูกและข้อ
นิสัยที่ไม่ดีในชีวิตประจำวันนำไปสู่เงื่อนไขที่เจ็บปวดเช่น:
ความเครียดเป็นเวลานาน: เมื่อความเครียดเป็นเวลานานทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง ฯลฯ ก็จะทำให้เกิดการอักเสบ ปวดเมื่อยตามร่างกาย
ทำงานหนัก ผิดท่า : คนไข้ที่ทำงานหนัก นั่งเยอะ นั่งนานๆ ในท่าที่ทำให้กระดูกและข้อเสียหาย และทำให้ปวดได้ นอกจากนี้ การทำงานหนักของผู้ป่วยยังทำให้เกิดอาการปวดข้อและปวดข้อได้
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศกะทันหัน: การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างกะทันหันทำให้การไหลเวียนโลหิตไม่ดี ข้อแห้ง และนำไปสู่ความเหนื่อยล้า อาการชา และความเจ็บปวดในร่างกาย
ภาวะขาดน้ำ, โรคโลหิตจาง: ร่างกายขาดน้ำ โลหิตจางทำให้อวัยวะต่างๆ ทำงานไม่ถูกต้อง และร่างกายจะปวดเมื่อยและเมื่อยล้า
โรคอ้วน: ผู้ป่วยโรคอ้วนจะทำให้กระดูกสันหลังและข้อต่อถูกกดทับเช่นเดียวกับเวลาที่ต้องยกหรือถือของหนัก ดังนั้นผู้ที่มีน้ำหนักเกินจึงเป็นหนึ่งในผู้ที่มีโรคกระดูกและข้อสูง
ผู้สูงอายุ: กระดูกและข้อของผู้สูงอายุมีอายุมากขึ้น กระดูกและข้ออ่อนแอและนำไปสู่ความเจ็บปวดได้ง่าย"

"กินอาหารเหล่านี้ ช่วยบำรุงกระดูกและข้อกุ้งแห้ง : จะเสริมกระดูกให้แข็งแรง ก็แน่นอนว่าเราต้องกินแคลเซียมนี่ล่ะ แล้วแทนที่...
29/05/2024

"กินอาหารเหล่านี้ ช่วยบำรุงกระดูกและข้อ
กุ้งแห้ง : จะเสริมกระดูกให้แข็งแรง ก็แน่นอนว่าเราต้องกินแคลเซียมนี่ล่ะ แล้วแทนที่จะต้องกินแคลเซียมเสริมแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทำไมถึงไม่เลือกกินแคลเซียมจากธรรมชาติอย่างกุ้งแห้งแทน ในกุ้งแห้ง 1 ขีด มีแคลเซียมสูงถึง 2,300 มิลลิกรัมเลยทีเดียว
ฝรั่ง : วิตามินคือสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงข้อต่อต่างๆ ได้โดยตรง และยังมีฤทธิ์แก้อักเสบได้ด้วย ในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบ แพทย์แนะนำให้บริโภควิตามินซีอย่างน้อยวันละ 90 มิลลิกรัม ฝรั่งคือผลไม้ที่วิตามินซีสูงและหาทานง่าย
ปลาทะเล : ในปลาทะเลที่เราหาทานกันง่ายๆ อย่างปลาแซลมอน หรือปลาทูธรรมดานี่ล่ะ จะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่นอกจากเป็นกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย ยังเป็นแหล่งสร้างคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างข้อต่อกระดูกอ่อนต่างๆ ในร่างกายที่ถูกทำลายลงให้มีการซ่อมสร้างที่ดีขึ้น
งาดำ : เชื่อไหมว่าในงาดำนั้น มีทั้งแคลเซียมช่วยเสริมกระดูกแข็งแรง และยังมีแร่ธาตุทองแดงที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น มีแร่สังกะสีที่ช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้อีกด้วย
ขิง : ขิงถูกยกให้เป็นสมุนไพรที่ช่วยลดอาการปวดเข่าได้ เพราะนอกจากจะมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบตามข้อแล้ว ความร้อนจากขิงยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด แถมในขิงมีสารแอนติออกซิแดนท์
มะเขือเทศ : ผักที่ใครๆ ว่ากินแล้วผิวสวยสุดๆ นี่ล่ะ นั่นเป็นเพราะมะเขือเทศคือแหล่งของคอลลาเจน นอกจากช่วยบำรุงผิวแล้ว คอลลาเจนยังช่วยซ่อมแซมข้อต่อกระดูกอ่อนต่างๆ ได้
น้ำเต้าหู้ : ในถั่วเหลืองก็เป็นอีกแหล่งคอลลาเจนเช่นกัน วิธีง่ายๆ ที่จะได้สารอาหารก็แค่ ลองดื่มน้ำเต้าหู้เป็นประจำ แล้วลองสังเกตสิว่า ถ้าวางทิ้งไว้นานๆ ผิวหน้าจะเกาะตัวกันเป็นแผ่นเจล ดื่มประจำในปริมาณที่พอเหมาะ ก็ช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้ร่างกายได้"

"อายุมากขึ้นเท่าไหร่ ความเสื่อมถอยของร่างกายย่อมตามมา ปัญหาโรคกระดูกและข้อในผู้สูงอายุก็มักจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ผู้สูงอายุต...
28/05/2024

"อายุมากขึ้นเท่าไหร่ ความเสื่อมถอยของร่างกายย่อมตามมา ปัญหาโรคกระดูกและข้อในผู้สูงอายุก็มักจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ผู้สูงอายุต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง โอกาสนี้ ศ.เกียรติคุณ นพ.เจริญ โชติกวณิชย์ (ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลังและข้อ และอดีตประธานสมาคมโรคกระดูกและข้อของประเทศในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก) ได้ให้ข้อมูลรวมถึงคำแนะนำทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุในบ้านท่านสูงวัยอย่างมีคุณภาพและมีความสุข
โรคกระดูกและข้อที่ควรระวังในคนสูงอายุ
โรคกระดูกสันหลังเสื่อม
กระดูกสันหลังมักเสื่อมเป็นอันดับ 1 ของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นกระดูกสันหลังยุบตัว หมอนรองกระดูกเสื่อม กระดูกหลวม มีการจับตัวของเอ็นที่หนาจนไปทับเส้นประสาทสันหลังหรือข้อต่อเล็กๆ การที่กระดูกสันหลังเสื่อมและทำให้ช่องไขสันหลังตีบ เบียดหรือกดทับเส้นประสาทที่จะควบคุมลงมาที่ขาเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้มีอาการปวดหลัง ปวดร้าวลงขา และมีอาการชาร่วมด้วย บางรายเดินได้ไม่ไกลประมาณ 10-20 เมตรก็ต้องนั่งพักแล้ว ทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมานและมีอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน
โรคข้อเข่าเสื่อม
เป็นโรคที่พบมากรองลงมา เกิดจากกระดูกอ่อนของข้อมีการเสื่อมสภาพทำให้ไม่สามารถเป็นเบาะรองรับนํ้าหนัก และมีการสูญเสียคุณสมบัติของนํ้าหล่อเลี้ยงเข่า เมื่อมีการเคลื่อนไหวของเข่าจึงเกิดการเสียดสีและสึกหรอ ส่งผลให้เกิดเสียงดังในข้อ เกิดอาการปวดข้อ เข่าโก่ง ยิ่งอายุมากขึ้นจะยิ่งปวดมากขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งที่ทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น คือ นํ้าหนักตัวที่มากเกินไป
โรคข้อสะโพกเสื่อม
มีอัตราการเกิดน้อยก็จริง แต่หากเป็นแล้วเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสไม่แพ้โรคอื่นเลย เกิดจากการที่เส้นเลือดที่มาเลี้ยงหัวกระดูกสะโพกมีการอุดตัน ทำให้หัวกระดูกสะโพกค่อยๆ ตาย ผิวข้อสะโพกจะเสียไป จนในที่สุดหัวกระดูกสะโพกจะยุบตัว ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติและมีอาการเจ็บปวดอย่างมาก สิ่งที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เกิดข้อสะโพกเสื่อม ได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการรับประทานยาในกลุ่มสเตียรอยด์เป็นประจำ หรือภายหลังจากการได้รับอุบัติเหตุที่ทำให้มีการเคลื่อนหลุดของหัวสะโพกจากเบ้า เป็นต้น
โรคกระดูกพรุน
คือโรคที่กระดูกมีภาวะความหนาแน่นลดลง โครงสร้างของเนื้อกระดูกเสื่อม เมื่ออายุเข้าสู่เลข 3 นำหน้าร่างกายมีกระบวนการสร้างเนื้อกระดูกใหม่ช้ากว่ากระบวนการสลายเนื้อกระดูก โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนจะมีการเสื่อมถอยของกระดูกอย่างรวดเร็วและมากกว่าผู้ชายถึง 2-3 เท่า เนื่องจากขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งจะช่วยยับยั้งการสลายเนื้อกระดูก จึงทำให้กระดูกเปราะบาง หักหรือยุบตัวได้ง่ายกระดูกส่วนที่หักบ่อย ได้แก่ กระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก กระดูกข้อมือและต้นแขน กระดูกเชิงกราน
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่แสดงอาการแบบทันทีทันใด ค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ และมีแนวโน้มเพิ่มความรุนแรงส่งผลต่อคุณภาพชีวิต จึงควรส่งเสริมให้เนื้อกระดูกมีความหนาแน่นในระดับสูงสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน รวมทั้งลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนตั้งแต่เนิ่นๆ โดยการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม ทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง ในบางรายคุณหมออาจแนะนำให้ทานแคลเซียมเสริม
โรคในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปวดคอหรือปวดหลัง
จากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ชอบนอนบนเก้าอี้เอนนอนหรือโวฟาเบด นอนหนุนหมอนสูงดูทีวี หรือนั่งทำงานในท่าเดิมนานๆ โดยไม่ปรับเปลี่ยนอริยบถ จะส่งผลให้มีอาการเริ่มต้นด้วยการปวดคอและคอแข็ง หรือที่เรียกกันว่า “ตกหมอน” บางครั้งมีอาการปวดที่สะบัก ที่มักเรียกว่า “สะบัมจม” อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่าหมอนรองกระดูกคอเริ่มมีอาการเสื่อมแล้วหากปล่อยไว้ให้เป็นมากจะมีอาการปวดร้าวลงแขน หรืออาจมีอาการชาร่วมด้วย เป็นโรคที่บั่นทอนและสร้างความรำคาญในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก หากไม่อยากมีปัญหาเรื่องปวดคอหรือปวดหลังควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันด่วน
แนวทางการรักษาโรคกระดูกและข้อในคนสูงอายุ
การรักษาโรคกระดูกและข้อต่างๆ ในผู้สูงอายุ เป็นการรักษาเพื่อลดอาการเจ็บปวดเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นปกติสุข โดยเริ่มตั้งแต่การทานยา ฉีดยา การทำกายภาพบำบัด แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการปวดเรื้องรังนานเกินกว่า 3-6 เดือน แพทย์อาจพิจารณาให้รักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีที่ให้ในการผ่าตัดมีอยู่หลายวิธีตามข้อบ่งชี้ของผู้ป่วยแต่ละราย อาทิเช่น การผ่าตัดรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังเรื้องรังสามารถผ่าตัดเข้าไปขยายช่องไขสันหลังที่เกิดจากเอ็นของไขกระดูกสันหลังที่หนาตัวขึ้น และหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม และยื่นเข้าไปในช่องไขสันหลังออก ทำให้ช่องไขสันหลัง ช่องเส้นประสาทสันหลังขยายขึ้น แล้วแทนด้วยสารคล้ายๆ กระดูกหรือใช้กระดูกตัวเองเข้าไปเสริมรองในช่วงหมอนรองกระดูกเพื่อให้กว้างขึ้น และทำให้ช่องไขสันหลังใหญ่ขึ้น เส้นประสาทสันหลังไม่ถูกกด ไม่ถูกบีบ ส่วนใหญ่ต้องเสริมด้วยโลหะยึดกับตัวกระดูกสันหลังแล้วก็ใช้แกนโลหะช่วยยึดเสริม เพื่อช่วยพยุงให้ส่วนนั้นมีความแข็งแรงมากขึ้น ทำให้อาการปวดหลังนั้นหายไป ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุดีขึ้นและไม่เป็นภาระกับลูกหลาน
ทำอย่างไรจึงสูงวัยอย่างมีคุณภาพและมีความสุข?
การรักษาเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากยังไม่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันใหม่ก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำเดิมได้อีก หรือผลการรักษาในอนาคตอาจไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น เพื่อการป้องกันให้ร่างกายเจ็บป่วยน้อยที่สุดและมีคุณภาพชีวิตที่ดี คุณหมอมีคำแนะนำดังนี้
รับประทานอาหารให้ครบทั้งโปรตีนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ รวมทั้งนํ้า ซึ่งต้องรับประทานให้ถูกส่วน
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด เค็มจัด
เลือกทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง ดื่มนมเพื่อเพิ่มแคลเซียม หากใครที่แพ้หรือไม่ชอบนมวัวสามารถดื่มนมถั่วเหลืองหรือนํ้าเต้าหู้แทนได้
ทานอาหารย่อยง่าย กากใยสูง และอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น อาหารจำพวกปลา ข้าวซ้อมมือ ถั่วต่างๆ ผักและผลไม้
ลด ละ เลิก สุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงงดการสูบบุหรี่ด้วย
ออกกำลังกายอย่างพอควรและสมํ่าเสมอ วิธีออกกำลังกายที่เหมาะกับผู้สูงวัยคือการเดินบริหารร่างกาย ประมาณวันละ 1-2 ชั่วโมง"

"หลักการออกกำลังกายเข่าควรเริ่มจากท่าง่ายๆ ไปหาท่าที่ยากขึ้นตามลำดับโดยทำท่าที่ 1 ก่อน เมื่อทำติดต่อกันหลายวันไม่มีปัญหา...
28/05/2024

"หลักการออกกำลังกายเข่า
ควรเริ่มจากท่าง่ายๆ ไปหาท่าที่ยากขึ้นตามลำดับโดยทำท่าที่ 1 ก่อน เมื่อทำติดต่อกันหลายวันไม่มีปัญหาจึงเปลี่ยนท่าที่ 2,3,4 อย่าหักโหมหรือใจร้อนเพราะอาจทำให้ปวดเข่ามากขึ้น
ควรทำภายหลังจากอาการปวดทุเลาลงบ้างแล้วซึ่งอาจทุเลาจากการหยุดใช้เข่าชั่วคราว หรือใช้ยาระงับการอักเสบ
ขณะออกกำลังบางท่า ถ้าท่านมีอาการปวดเข่ามากขึ้นให้ลดจำนวนครั้งลง หรือหยุดพักการออกกำลังกายท่านั้นๆ จนกว่าอาการปวดจะทุเลาจึงค่อยทำท่านั้นใหม่
ควรทำสม่ำเสมอทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2-3 เวลา เช่น ตอนตื่นนอน ก่อนนอน และตอนกลางวันหรือเย็นเมื่อกล้ามเนื้อดีขึ้นแล้ว จึงเพิ่มความถี่ขึ้นเป็นวันละ 4-5 เวลา ก่อนที่จะหัดท่าต่อไป
ในโรคข้อเสื่อมการออกกำลังกายเข่า ควรทำสลับข้างกันเสมอเพื่อฝึกเข่าข้างดีให้แข็งแรง เป็นการป้องกันไม่ให้เสื่อมลง เนื่องจากถูกใช้งานมากเกินไป
ในผู้ที่ไม่เคยปวดเข่าการฝึกออกกำลังกล้ามเนื้อข้อเข่าไว้ก่อน จะช่วยให้ข้อเข่าแข็งแรงและไม่ปวดเข่าง่าย สามารถทำได้ทุกท่าตามต้องการ"

ที่อยู่

CHAI BUILDING, 320/9, Bang Bo, Samutprakan, (986, 64 Km) Bangkoc
Bangkok
10100

เบอร์โทรศัพท์

+66661244288

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Ovi Goldผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Ovi Gold:

แชร์