ดนตรีบำบัดอย่างง่าย by Mayrin

ดนตรีบำบัดอย่างง่าย by Mayrin A medical music therapist with a master's degree and certification in NMT no. 5344 A Trained Music Therapist, Thailand

“Playlist ดนตรีบำบัดลวงโลก!!!”Fake Music as therapy playlistดนตรีบำบัดไม่ใช่เพลงใดเพลงหนึ่งแต่เป็น “กระบวนการ”เพลงที่บำบ...
22/07/2025

“Playlist ดนตรีบำบัดลวงโลก!!!”
Fake Music as therapy playlist

ดนตรีบำบัดไม่ใช่เพลงใดเพลงหนึ่งแต่เป็น “กระบวนการ”
เพลงที่บำบัดเรา คือเพลงที่เราชอบ หรือ เพลงที่เรามีประสบการณ์ร่วมกับมัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นประสบการณ์ที่ดี ใช่แล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงที่มาจากประสบการณ์ที่ดี แต่เป็นเพลงที่ “ #มีความหมายกับเรา”

เรามักจะเห็น Music Therapy Playlist, Music Healing Playlist, ดนตรีบำบัดการนอน, ดนตรีบำบัดนั่งทำงาน ดนตรีอะไร ๆ ก็บำบัดเต็มไปหมด ตาม app แดง app เขียว หรือตามบทความที่แนะนำ playlist ฟังแล้วมีกำลังใจ content สินค้าหรือบริการที่เคลมว่าฟังแล้วช่วยทำให้โน่นทำให้นี่ และคำแนะนำอีกมากมายตาม social network หรือแม้แต่การประชุมวิชาการ และในการบรรยายวิชาการ

⁉️ สรุปว่า playlist เหล่านั้น ใช่ “ดนตรีบำบัดไหมนะ?” มาค่ะจะคุยให้ฟัง

การจัด playlist ในดนตรีบำบัดนั้นจะต้องเกิดจาก “กระบวนการคัดสรรเพลงอย่างมีเป้าหมาย” โดย ไ ม่ ไ ด้ มีไว้เพื่อ relaxation เท่านั้น แต่เป็นไปได้ทั้ง
- เพื่อกระตุ้นความทรงจำ
- การทบทวนชีวิต
- การ motivation and empowerment และ
- ตามความต้องการส่วนบุคคลของคน ๆ นั้น

ซึ่งวิธีการสร้าง Playlist ในการบำบัดสำหรับเรา หรือ Personal Therapeutic Playlist จะต้องเป็นสิ่งที่เราเป็นผู้มีส่วนร่วม โดย “ตัวเรา” เป็นผู้ให้และสร้างความหมายของเพลงที่เราเลือกด้วยตัวเราเอง

โดยในกระบวนการดนตรีบำบัด นักดนตรีบำบัดจะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำในการสร้าง playlist นี้ขึ้นมา ซึ่งอาจเป็นการนั่งทำด้วยกัน หรือช่วยให้คำปรึกษา ซึ่งมีกระบวนวิธีการประมาณนี้

1️⃣ Indentification need: ช่วยกันกับผู้รับบริการในการค้นหาและระบุความต้องการก่อน การทำดนตรีบำบัดมีเป้าหมายการบำบัดที่เฉพาะเจาะจง (specific therapeutic goals) เช่น ลดเศร้า ลดเครียด ลดกังวล ปรับปรุงทักษะรู้คิด (cognitive function) playlist ที่สร้างขึ้นมานั้นมีวัตถุประสงค์ใด

2️⃣ Personal preference: Playlist ต้องสร้างจากเพลงที่ผู้รับบริการชอบ หรือ เพลงที่ตัวเขามีประสบการณ์ร่วม หรือเพลงที่เขาให้ความหมายกับมัน (personal meaning) ทั้งประสบการณ์ดีและประสบการณ์ที่ไม่ดี หรือแม้แต่เพลงเศร้า (อย่าหาจำกัดเพลงที่คนไข้เลือก นี่คือ psychological risk แบบหนึ่งจาก therapist bias)

3️⃣ Targeted Effects: ทบทวนดูภาพรวมของเพลงที่ถูกเลือกมาเหล่านั้นมีเป้าประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดอารมณ์แบบใด หรือเหนี่ยวนำให้ไปสู่ความคิดและความรู้สึกแบบใดตรงกับเป้าหมายการรักษาหรือไม่

4️⃣ Listening methods: แนะนำวิธีการฟังที่สอดคล้องกับเป้าหมาย การฟังเพลงจาก playlist เหล่านี้ มักเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดนตรีบำบัด ไม่ใช่ทั้งหมดของการบำบัด นักดนตรีบำบัดอาจสนับสนุน (ช่วยกันกับคนไข้) ให้จัดทำ personal playlist นี้ของตัวเอง เพื่อใช้เป็นส่วนในกระบวนการบำบัดที่คนไข้สามารถหยิบมาใช้ได้ด้วยตนเองหรือทำที่บ้านได้

🔸 จัด Playlist แบบไหนได้บ้าง

1. Mood-based ซึ่งเป็นไปได้ตั้งแต่ relaxation - motivation
2. Life Review and reminiscence เพื่อทบทวนชีวิตและความทรงจำ
3. Supportive and comforting เพื่อประกอบการทำกิจกรรม therapeutic ต่าง ๆ ไปจนถึงเพื่อความสบายใจ

🔸Using Playlists in Therapy การใช้ Playlist ในการบำบัด

1️⃣ Active listening การฟังอย่างตั้งใจหรือการฟังด้วยสติ (ครูเม เคยเขียนวิธีการฟังอย่างตั้งใจนี้ให้แล้วตามอ่านที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/100046868989543/posts/696257201946573/?)

2️⃣ GIM (Guided Imagery) การใช้เพลงเหนี่ยวนำในการทำจินตนภาพ ส่วนบุคคล คล้ายกับเพลงประกอบ journey ที่เกิดขึ้นในหัวของเรา จริง ๆ GIM เป็นกระบวนการทำดนตรีบำบัดแบบหนึ่ง ซึ่งคนไข้อาจได้รับประสบการณ์ที่ดีในกระบวนการทำและทำให้ reminiscence ถึงช่วงขณะนั้นได้เมื่อกลับไปฟังเพลงที่ถูกใช้

3️⃣ Movement and expression กระตุ้นให้เคลื่อนไหว คึกคักหรือประกอบการเต้น ไปจนถึง physical motivation และการปลดปล่อยทางอารมณ์

4️⃣ Ongoing development การฟังเพื่อพัฒนาทักษะเฉพาะด้าน เช่น การฟังเพื่อพัฒนาความจำ หรือเบี่ยงเบนความสนใจจากสภาพแวดล้อมอื่นที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมเชิงลบ

🔸 Music Feature คุณสมบัติพื้นฐานของเพลงที่ส่งผลต่อ Physiopsychology

ตามหลักประสาทวิทยาและดนตรี มันจะแบ่งออกเป็นองค์ประกอบทางดนตรีที่ทำให้ร่างกายและจิตใจตอบสนองไปในแบบเดียวกันได้ เช่น Tempo, Rhythm, Sound intensity, Pitch range, Pitch Level กับองค์ประกอบทางดนตรีที่ไม่สามารถควบคุมให้เกิดการตอบสนองในแบบเดียวกัน (ความชอบและประสบการณ์ส่วนบุคคล) เช่น Mode, Accentuation, Rhythmic Articulation, Melodic Direction, Harmonic Complexity, Consonance

👉🏻 ครูเม ให้ idea ในการช่วยให้ผู้รับบริการเลือกเพลงแบบนี้ค่ะ

1️⃣ เลือก tempo = เลือก mood ในขั้นต้น เพราะแค่ความเร็ว-ช้า ของจังหวะก็เข้าไปควบคุม emotional arousal ได้แล้ว แต่ไม่ได้แปลว่า tempo จะเข้าไปควบคุมอารมณ์โดยรวมทั้งหมด เพียงแต่มันไปมีผลกับ physiological response มากกว่าคือ HR, BP, RR และเข้าควบคุมกับ ANS โดยตรง

🐌 ช้า 60 - 76 bpm. (64 bpm. ช้าแบบหายใจสะดวกสำหรับคน RR มาตรฐานคือ RR16)
🐈 กลาง 76 - 120 bpm. (95 bpm. จะชัดสุดว่าปานกลาง)
💨 เร็ว >120 bpm. (130 bpm. คือโจ๊ะแบบรถแห่)

2️⃣ เพลงจะมีเนื้อเพลงหรือไม่มีก็ได้ โดยเพลงที่มีเนื้อเพลงมักเข้าไปทำงานกับความหมายเชิงภาษาที่คนฟังกำลังให้ความหมาย หรือ คำที่ประสบในชีวิตจริง และคนฟังมัก focus ที่เรื่องราวหรือเนื้อเพลงมากกว่าองค์ประกอบดนตรีอื่น ในขณะที่เพลงที่ไม่มีเนื้อเพลงจะทำให้เกิดการตีความส่วนบุคคลได้มากกว่าและเหมาะสมกับการฟังเพื่อจินตนภาพ หรือประกอบกิจกรรมที่ไม่มีการใช้ภาษาเข้าไปเกี่ยวข้อง

3️⃣ จะเป็นเพลงประเภทใด แนวใด ภาษาใด ก็ได้ที่คนฟังพอใจ

4️⃣ ลำดับเพลงมีผลกับ dynamic ของอารมณ์ ความคิด และความรู้สึก

5️⃣ เพลงช้าทำให้เศร้าก็ได้ สงบก็ได้ อย่าวางใจต้องซักคนไข้ดี ๆ ด้วยจะได้เรียงลำดับเพลงถูก

6️⃣ เพลงจังหวะปานกลางจะทำให้ chill แต่หลุด focus ได้ง่ายจากเพลงจึงเหมาะจะได้ประกอบกิจกรรมที่ active แบบเบา ๆ มากกว่า เช่น ประกอบกับการระบายสีเมนดาล่า (แถม เวลาอ่านหนังสือฟังแล้วเพลงบรรเลงจังหวะปานกลางจะช่วยให้ตื่นตัวได้นาน)

7️⃣ เพลงสำหรับ relaxation ให้ใช้ slow tempo, simple melodic, เครื่องดนตรีแบบ solo หรือ small ensemble, ไม่มี line bass, ไม่มี percussion, ไม่เอาเครื่อง brass

🔵

หลังจากได้ประเมินพูดคุย หรือทำกิจกรรมดนตรีบำบัดบางอย่างแล้ว พบว่าเพลงที่นำมาใช้บำบัดนั้น ได้สร้างประสบการณ์ใหม่ที่จะเป็นประโยชน์ในการรักษาให้กับผู้รับบริการ เช่น เพลงนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงกำลังใจที่เขามีให้กับตัวเอง ซึ่งความรู้สึกนี้เกิดขึ้นในระหว่างใช้เพลงนี้ในกระบวนการบำบัด เพลงนี้จึงจัดว่าเป็นเพลงที่ทำให้เขามีกำลังใจขึ้นทุกครั้งที่ได้ฟัง กลายเป็น “เพลงกำลังใจส่วนบุคคล” ที่มีความหมายกับเฉพาะเขา ซึ่งมันอาจเป็นเพลงที่มีความหมายของ ”เนื้อเพลง” คนละฝาคนละเบอร์กับเรื่องราวในชีวิต แต่ทว่ามันมีองค์ประกอบของเพลง + เหตุการณ์ในระหว่างการบำบัด ที่พอดีกับความหมายของกำลังใจในใจเขา เช่น เพลง “ขาหมู” อาจทำให้เขาฟังแล้วมีกำลังใจขึ้นจากการที่เห็นว่า ชีวิตคนสับสนวุ่นวายกันแค่ไหน ซึ่งไปสะท้อนเรื่องราวของเขาว่าสิ่งที่เขาเจอมันเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความสับสนวุ่นวายบนโลกนี้ ดังนั้น ขาหมู จึงเป็นเพลงกำลังใจของเขา

🔸 เพลงให้ความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่เราเป็นผู้ให้ เพลงรักของเรา เพลงกำลังใจ เพลงพลังงาน เพลงแห่งความทรงจำ จะให้เพลงนั้นเป็นเพลงอะไร มันเป็นแค่ตัวเราเท่านั้นที่ให้ความหมายแก่มัน

⁉️ #อย่าหลงเชื่อ Playlist ที่คนอื่นสร้างขึ้นแล้วบอกว่านั่นคือดนตรีบำบัด หรือแม้แต่ playlist ที่นักดนตรีบำบัด generate ออกมาให้เขาไปอ่าน indication การใช้ด้วยว่าเจตนาแบ่งปันหรือเผยแพร่นั้นคืออะไร มันใช้ยังไง ดูข้อบ่งใช้ก่อน

🔸 AMTA เขียน Music Listening Guidelines สำหรับการฟังเพลงในดนตรีบำบัดไว้หลายประเภท ไปตามอ่านกันได้โดยได้พูดถึง Personalized Music Listening (PML) นี้ด้วย ทั้งเรื่องความเสี่ยง ข้อบ่งใช้ ข้อจำกัดและความเสี่ยง
https://www.musictherapy.org/research/guidance_for_music_listening_programs/

🔸 ดังนั้น ถ้าเรา เลือก playlist สำเร็จรูปตาม social ไหนมาฟังแล้วชอบ นั่นแปลว่ามันคือ Playlist สำหรับเรา ไม่ใช่สำหรับคนอื่น เพราะเพลงที่ชอบของเราอาจไม่ใช่เพลงที่ใช่ของใคร ดนตรี เพลง เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่ยัดเยียดให้กันไม่ได้ แต่แบ่งปันประสบการณ์นั้นร่วมกันได้

#ดนตรีบำบัดสายด๊าก #ดนตรีบำบัด

Innocenti, L., Nicolò, A., Massaroni, C., Minganti, C., Schena, E., & Sacchetti, M. (2022). How to Investigate the Effect of Music on Breathing during Exercise: Methodology and Tools. Sensors (Basel, Switzerland), 22(6), 2351.

Liu, Y., Liu, G., Wei, D., Li, Q., Yuan, G., Wu, S., Wang, G., & Zhao, X. (2018). Effects of musical tempo on musicians’ and non-musicians’ emotional experience when listening to music. Frontiers in Psychology, 9, Article 2118.

⚠️Warning!!!⚠️“สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเรียนดนตรีบำบัด”The things you should know before become a music therapistใครอยา...
21/07/2025

⚠️Warning!!!⚠️
“สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเรียนดนตรีบำบัด”
The things you should know before become a music therapist

ใครอยากเป็น #นักดนตรีบำบัด
ฉันน่ะสิ ฉันน่ะสิ!!!

ฟังทางนี้ค่ะหากกำลังจะตัดสินใจเรียนดนตรีบำบัด หรือเรียนไปแล้วครึ่งทางก็ตาม นี่คือหมวดสมรรถนะวิชาชีพดนตรีบำบัดอ้างอิงจาก American Music Therapy Association (AMTA) ที่จัดว่าเป็นสายแข็งอันดับต้น ๆ ของโลกและเป็นต้นแบบให้หลักสูตรดนตรีบำบัดอีกในหลายประเทศ มาดูกันว่านักดนตรีบำบัดหนึ่งคนต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

#แบบสั้น นักดนตรีบำบัด (ในระดับ #ปริญญาตรี) จะได้เรียน 4 หมวดนี้
(STANDARDS FOR BACHELOR’S DEGREES)

🎹 Music Foundation (45%) พื้นฐานทางดนตรี ประวัติศาสตร์ ทฤษฎี และปฏิบัติ 4 ทักษะ ​ร้องเพลง กีตาร์ เปียโน กลองและเครื่องเคาะจังหวะ และการคุมวง

🩺 Clinical Foundation (15%) จิตวิทยา พัฒนาการมนุษย์ หลักการบำบัด การสร้างสัมพันธภาพเชิงการรักษา

🎵 Music Therapy (15%) หลักการและทฤษฎีดนตรีบำบัดทั้งหมด และทักษะการบำบัด การประเมิน วางแผนการรักษา และงาน clinic ดนตรีบำบัด internship อีกไม่ต่ำกว่า 1,200 ชั่วโมง

📚 General Education (20-25%) วิชาพื้นฐานอ่ะแหละ เลข วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ สังคม

📖 Elective (5%) วิชาเลือกปฏิบัติ

สำหรับ #ปริญญาโท มีหลักสูตรที่หมายหลายมากกว่า แต่ถ้าเอามาตรฐาน USA ก็ต้อง meet กับ criteria “Advanced Competency” ข้างล่าง

✴️ Professional Competencies
หรือสมรรถนะวิชาชีพตามมาตรฐานแบบเรียบจบ สอบใบประกอบวิชาชีพ และทำงานได้ภายใต้กฏหมายประเทศเขา

1️⃣ หมวดที่ 1 Music Foundation ที่ประกอบไปด้วยภาคทฤษฎีและปฏิบัติ

- Music Western Theory and history ทฤษฎีและประวัติดนตรีสากล
- Composition and arranging skill การแต่งเพลงและการแปลงเพลง
- Sight-sing การอ่านและขับร้องตัวโน้ต
- Transpose เปลี่ยนคีย์
- Conduct ควบคุมวง
- ทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายที่สอดประสานกับดนตรี
- ทักษะปฏิบัติดนตรี 4 เครื่องเป็นอย่างต่ำ คือ ขับร้อง กีต้าร์ เปียโน และเครื่องเคาะ (กลองหรือ percussion เป็น core ของการปฏิบัติจังหวะ) ทักษะพวกนี้สำหรับปริญญาตรี เอาระดับ กลางหรือ Medium และมักมีเครื่อง major ของตัวเองอีกที

2️⃣ หมวดที่ 2 Clinical Foundation ส่วนนี้เป็นวิทยาศาสตร์สุขภาพเป็นส่วนใหญ่ ประกอบด้วย

- Therapeutic application พัฒนาการมนุษย์, anatomy, neurological system, โรค และการรักษา
- Therapeutic Principle การทำกระบวนการกลุ่ม
- Therapeutic Relationship การสร้างสัมพันธภาพในการบำบัด ความสามารถทางจิตวิทยาในการประเมินการรับรู้ทางอารมณ์ความรู้สึก บุคลิคภาพ และสัมพันธภาพ ไปจนถึงความสามารถในการสื่อสาร

3️⃣ หมวดที่ 3 Music Therapy

- Foundation and principle กลุ่มทฤษฎีและหลักการดนตรีบำบัดทั้งหมด
- Clinical Assessment วิธีประเมินในดนตรีบำบัด
- Treatment Planning การวางแผนการบำบัด
- Therapy Implementation การทำการบำบัด
- Therapy Evaluation การวิเคราะห์ผลการบำบัด
- Documentation การบันทึกเอกสารหรือเวชระเบียน
- Termination and discharge planning การจำหน่ายออก
- Professional role and ethics ความเป็นมืออาชีพและจริยธรรมวิชาชีพ
- Interpersonal collaboration ความสามารถในการบริหารจัดการ (ตัวเอง) อย่างมืออาชีพ
- Supervision and administration การรับการนิเทศก์ (คล้าย ๆ การ feedback การทำงานแต่มีระบบและวัตถุประสงค์ชัดเจนคือการพัฒนาทักษะวิชาชีพ และควบคุมสมรรถนะ และความเป็นนักบำบัด) ต้องทั้งรับเป็นและทำได้ในขั้นพื้นฐานสำหรับคนเรียนระดับปริญญาตรี คือต้อง ” #ติเพื่อก่อ และชมเพื่อเสริม” กับเพื่อนในระดับเดียวกันหรือรุ่นน้องได้
- Research methods ทำวิจัยเป็น อ่านวิจัยและเอาออกมาบูรณาการในงานได้

✴️ Advanced Competency คือเพิ่มจากระดับมาตรฐาน ซึ่ง qualify ในการเรียนระดับปริญญาโท ว่าพึงมีความสามารถประมาณนี้นะ ถือว่าเชี่ยวชาญมากแล้ว

1️⃣ Professional Practice

A. Therory ความรู้และความเข้าใจทฤษฎีที่สูงขึ้น อาจเป็นทฤษฎีเฉพาะ (แล้วแต่ school เช่นสาย Behavioral หรือ สาย psychodynamic)โดยความรู้ที่มีนั้นจะต้องสามารถ apply และ Synthesize ได้

B. Clinical practice การปฏิบัติปฏิบัติการคลินิกขั้นสูง เช่น คนไข้ที่ซับซ้อนมาก คนไข้เฉพาะโรค ซึ่งส่วนนี้จะประกอบไปด้วย

- Supervision ที่พึงไปเรียนเพิ่มเติม ในดนตรีบำบัดเราจะมีการเทรนให้เป็น clinical supervisor มืออาชีพอยู่ (ไม่ใช่ใครก็ได้จะมาเป็นก็ได้) supervisor สามารถเลือก supervisee ได้ ในขณะเดียวกัน supervisee ก็เลือก supervisor ของตนเองได้เช่นเดียวกัน และจะต้องมีข้อตกลงหรือ consent ชัดเจนในการให้ supervise นี้ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องฝีมือและการเติบโตในอาชีพ และการศึกษา

- Clinical administration ขั้นสูง เริ่มเกี่ยวข้องกับกฎหมายและกฎระเบียบ การออกแแบการบริการและการบริหารเชิงระบบในสถานพยาบาลและการให้บริการสุขภาพ

C. Advanced Clinical Skill ตรงตัวค่ะ คือทักษะทางคลินิกขั้นสูง สูงที่ว่า คือ เร็ว ถูก ตรงประเด็น เห็นผล ในทุกมิติของการให้บริการดนตรีบำบัด

- Academic Teaching and Administration ออกแบบการถ่ายทอดความรู้ สอนออกแบบการสอน พัฒนา intervention และ technique ต่าง ๆ จากองค์ความรู้และประสบการณ์ของตัวเองได้

D. Research การทำการวิจัยที่ซับซ้อนและเข้มข้นชึ้น methods ยาก ๆ

2️⃣ Professional development

A. Music and Artistic Development ทักษะทางดนตรีที่สูงขึ้นไปจนถึงความสามารถ apply ลงไปในศาสตร์อื่น หรือเอาศิลปะแขนงอื่นเข้ามาบูรณาการร่วมด้วย

B. Professional Development and professional role ความเป็นมืออาชีพขั้นสูงที่เกิดจากการพัฒนาตัวเองและศึกษาต่อยอดอยู่เสมอ ความสามารถในการ self-care และการรักษาความสามารถที่ทำให้ผ่านการรับรองตามมาตรฐานวิชาชีพ ที่ต้องสอบใหม่ทุก 5 ปี

#ดนตรีบำบัดประเทศไทย

🔸 หลักสูตรในประเทศไทย

ปัจจุบันประเทศไทยเปิดสอนในระดับปริญญาโท เท่านั้น มีทั้งหมด 3 แห่ง
เป็นหลักสูตร 2 ปีทั้งหมด (แต่จบได้ภายใน 2 ปีไหม อีกเรื่องนะจ๊ะ)

💙 2556 College of Music Mahidol University เป็น Master of Arts program in Music Therapy
❤️ 2563 หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีบําบัด Master of Arts Program in Music Therapy มหาวิทยาลัยขอนแก่น
💖 2564 คณะศิลปศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Master of Art in Music Therapy (International)

🔸 คุณครูพี่เมเป็นรุ่น 1 ของโปรแกรม College of Music Mahidol University เป็น Master of Arts program in Music Therapy ซึ่งเป็นหลักสูตรแรกของประเทศไทย ทว่าปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากในทางที่ไม่ค่อยแนะนำสำหรับคนอยากจริงจังในสายอาชีพดนตรีบำบัดไปเรียนในตอนนี้ พูดแบบนี้ทุกคนอาจงงว่าก็จบจากที่นี่ทำไมถึงไม่แนะนำ (ใครอยากรู้สาเหตุถามได้หลังไมค์ค่ะ)

🔸 จากอัตราการเปิดหลักสูตรที่มากขึ้น แน่นอนว่านักศึกษาก็ต้องมากขึ้น นักดนตรีบำบัดก็ต้องมากขึ้นตาม แล้วนี่ 10 ปีผ่านมาแล้ว นักดนตรีบำบัดไปไหนกันหมด? (ยังไม่นับรวมนักดนตรีบำบัดไทยที่จบจากต่างประเทศที่กลับเข้ามาทำงานในประเทศไทย รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการศึกษาในต่างประเทศ)

🔸 ไม่ได้ไปไหนกันหรอกค่ะ วนเวียนอยู่แถวนี้ผุด ๆ โผล่ ๆ เพราะว่าการเป็นวิชาชีพเฉพาะ ที่ไม่ได้มีกฎหมายหรือกฎระเบียบรับรองเฉพาะให้เป็นวิชาชีพเฉพาะ ทำให้การหางานมีอุปสรรคเหมือนกัน บวกกับสมรรถนะวิชาชีพที่อาจไม่เพียงพอที่จะ stand alone หรือทำการ pitching แล้วประสบความสำเร็จ สำหรับน้อง ๆ ที่จบใหม่ ทำให้นักดนตรีบำบัดในประเทศไทยกระจายไปหลายส่วน หลัก ๆ

1️⃣ สายวิชาการ เป็นอาจารย์ในหลักสูตรดดนตรีบำบัด และหลักสูตรดนตรี ในมหาวิทยาลัย หรือ โรงเรียนเป็น หรือเป็นนักวิจัย และบางคนก็ไปต่อเอกในสาขาต่าง ๆ ทั้ง MT โดยตรงและไม่เกี่ยวกันเลยก็มี

2️⃣ เป็นนักดนตรีบำบัดในโรงพยาบาลแบบ full time (หายากมาก) และแบบ part-time (เอกชนทั้งหมด)

3️⃣ Private setting คือ การให้บริการด้วยตนเองนี่แหละ แบบไม่ได้มีหน่วยงานสังกัด

4️⃣ กลับไปทำงานเดิมขอตัวเอง เช่น ครูสอนดนตรี แต่มี สมรรถนะที่มากขึ้นในการ conduct การสอน หรือเป็นนักดนตรี

5️⃣ ไม่ได้ทำงานสายดนตรีบำบัดเลย ออกจากสายงานไปเลย

🔸 ประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดสมรรถนะวิชาชีพดนตรีบำบัดอย่างเป็นทางการ แม้จะมีการจัดตั้ง “สมาคมดนตรีบำบัดประเทศไทย” อย่างเป็นทางการและได้รับการรับรองทางกฎหมายตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว

🔸 ดังนั้นถามว่าทิศทางและโอกาสของนักดนตรีบำบัดไทยจะไปในทิศทางไหนต่อจากนี้ แม้จะดูขาขึ้นแต่บอกตรง ๆ ว่า “ #เบลอ” เหมือนกันค่ะในภาพรวม แม้จะมีการร่วมมือด้านการศึกษาของ 3 สถาบัน แต่ยังขาดภาคของการกลับมาดูแลภาคปฏิบัติจริงของนักศึกษาที่จบออกมาแล้ว และต้องพึ่งพาตัวเองสูง…กล่าวเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อกล่าวโทษแต่อย่างใด เพราะการศึกษาระดับปริญญาต่อยอดแบบนี้คือสิ่งที่ผู้เรียนพึงรับผิดชอบต่อตนเอง แต่เป็นการแสดงข้อคิดเห็นจากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นและมาชวนกันคิดดีกว่าว่าจะเอาไงต่อ



1️⃣ #ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในการเรียน

สำหรับใครที่ตัดสินใจจะมาเรียน หลักสูตรทั้ง 3 มีราคาค่อนข้างสูงทั้งค่าเทอมตรง ๆ (300,000 Up) และค่าใช้จ่ายอ้อม ๆ เช่น การไปดูงานต่างประเทศ (บางหลักสูตรบังคับไป)

2️⃣ #ต้นทุนแรงกายแรงใจและเวลา

คนมาเรียนดนตรีบำบัดส่วนใหญ่มักคือคนที่จบสาย ดนตรี และสังคมศาสตร์ จิตวิทยา (ครูเมจบวารสารศาสตร์ค่ะ) แต่การมาเรียนดนตรีบำบัดจะต้องเรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิชาแพทย์ ศัพท์ทภาษาอังกฤษเฉพาะทาง งานเอกสาร งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การทำงานในสภาพแวดล้อมที่กดดัน การพัฒนาตัวเอง (ในแบบที่อาจไม่ชอบ) จริยธรรม ทัศนคติใหม่ ในขณะที่คนที่ไม่ได้จบสายดนตรีมาก็เจออุปสรรค์เป็นเรื่องทักษะดนตรีขั้นสูงด้วยเหมือนกัน

ศาสตร์ดนตรีบำบัดมันคือ combination ของ music and science ดังนั้นแปลว่ามันจะพร่องอันใดอันหนึ่งไปไม่ได้เลย

3️⃣ #ไม่สามารถจบได้ตามดิว

หลักสูตรทั้ง 3 หลักสูตรบังคับทำ “วิจัย” ทั้งหมด ซึ่งเป็นของขมใช่ไหมล่ะ และเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายของการจบการศึกษา แม้จะฝึกงานได้ครบ เรียบจบครบผ่านเกณฑ์ทุกตัว แต่จากปัจจัยข้อ 2 ของ Fun fact ก็อาจทำให้เกิดข้อ 3 นี้และพ่วงไปข้อ 1 ทำให้ต้องจ่ายหนักขึ้น

4️⃣ #อนาคตที่ไม่มีอยู่จริง

หลายคนตั้งใจมาเรียนเพื่อจะสร้างอนาคตใหม่ให้ตัวเองอาจฝันสลาย (เศร้าหน่อยแต่เรื่องจริง) การลงทุน แรงกายแรงใจและเวลา นั้นได้ผลตอบแทนที่อาจไม่คุ้มค่า และไม่สามารถเปลี่ยนสายงานไปเป็นนักดนตรีบำบัดเต็มตัวในระดับที่เป็นอาชีพที่หาเลี้ยงตัวได้ ทั้งที่พยายามอย่างสุดตัวตั้งแต่การมาเรียบจนถึงเรียบจบ

5️⃣ #ความหวังมีอยู่จริง

อาชีพดนตรีบำบัดมีเส้นทางที่งดงามค่ะ แม้มันกระท่อนกระแท่นอยู่แต่มันก็ไปข้างหน้า ในฐานะรุ่นพี่และคนจบหลักสูตรแรกในประเทศเป็นรุ่นแรก (มีคนไทยจบจากต่างประเทศมาก่อนแล้ว หนึ่งในนั้นคือ supervisor ของเมเอง และอาจารย์ประจำหลักสูตร ม. ขอนแก่น) เมยังมองเห็นว่าดนตรีบำบัดเป็นอาชีพที่มีคุณค่าแก่ประชาชนไทยได้อีกมาก

ยังสนับสนุนให้คนที่สนใจมาเรียนอยู่ ถ้าต้นทุนชีวิตมีมาก การไปเรียนต่างประเทศมีทางเลือกที่หลากหลายกว่า ได้องค์ความรู้ประสบการณ์จากอาจารย์ที่มีความสามารถสูง และสำหรับคนที่สนใจจะศึกษาต่อใน 3 หลักสูตรประเทศไทยที่ว่ามา แนะนำให้ศึกษาหลักสูตรให้ดี ประเมินตัวเองให้ขาด เพราะทั้ง 3 school นั้นมีแนวทางการสอนที่แตกต่างกัน สมรรถนะผู้สอนก็ต่างกัน โอกาสในชีวิตก็ต่างกัน อย่ามองเพียงมิติเดียว

การเป็นนักดนตรีบำบัดนั้นรับผิดชอบต่อชีวิตคน โดยเริ่มจากการรับผิดชอบต่อตัวเองก่อน สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่สมรรถนะวิชาชีพแต่คือ “ #คุณธรรม” ตั้งต้นของเรา การเข้ามาเรียนในสายสุขภาพ ทำให้หลงได้ง่ายว่าเรากำลังทำเพื่อคนอื่น แต่หลายครั้งหากทบทวนดูอาจเป็นการพยายามสร้างคุณค่าให้ตัวเองจากบาดแผลของคนอื่นก็ได้ อย่างที่เคยพูดไปแล้ว และการเลือกที่เรียน เลือกอาจารย์ที่เป็นแบบอย่างให้เราได้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี การสอนในสาขานี้ความรู้อย่างเดียวไม่เพียงพอแต่ “ #การเป็น” คือคุณสมบัติหลัก

ขอให้ทุกคนรักษาระดับของแรงบันดาลใจและความพยายามไว้ แล้วมาพบกับในวงโคจรของดนตรีบำบัดนะคะ

#ดนตรีบำบัด #ดนตรีบำบัดสายด๊าก

ปล. สำหรับใครที่อยากเข้าใจการเป็นนักดนตรีบำบัดมากขึ้น คุณครูพี่เมเคยถ่ายทอดบางส่วนของการเป็นนักดนตรีบำบัดไว้ในรายการ “I Am” ตามไปเรียนรู้กันได้นะ
https://youtu.be/azkNPk7M8Hs?si=TmBUMn4Yy92L2cAk

นวัตกรรมดนตรีบำบัด transform MusicTherapist into the digital tools
19/07/2025

นวัตกรรมดนตรีบำบัด transform MusicTherapist into the digital tools

“A Chaos of Sound Healing and Music therapy”ความโกลาหลของ เสียงเยียวยา และ ดนตรีบำบัด1️⃣ Sound healing หรือ sound therap...
18/07/2025

“A Chaos of Sound Healing and Music therapy”
ความโกลาหลของ เสียงเยียวยา และ ดนตรีบำบัด

1️⃣ Sound healing

หรือ sound therapy หรือ sound bath ของเรียกรวม ๆ ว่า therapeutic sound energy (TSE) คือ การไปนอนอาบเสียงขันทิเบต (singing bolws) ขันแก้ว (crystal bolws) หรือขัน ฉาบหม้อ ใด ๆ นั้น “ไ ม่ ใ ช่ ” Music Therapy (MT) หรือดนตรีบำบัด

2️⃣ “ดนตรี คือ ดนตรี ขัน คือ ขัน”

นิยามของเครื่องมือทั้งสองอย่างนั้นมีความชัดเจน “เสียง คือ เสียง ดนตรี คือดนตรี” เสียงเป็นผลผลิตของดนตรี และเสียงเกิดจากแหล่งกำเนิดใดก็ได้ที่ทำให้หูเราได้ยิน

3️⃣ ไม่ปฏิเสธ outcomes ในเชิงบวกที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ กลุ่ม therapeutic sound energy เพราะหลายคนใช้แล้วก็ได้ผลที่ดีกับตัวเองมีการศึกษารองรับอยู่บ้าง แต่ในขณะที่บางคนก็ไม่ ดนตรีก็เหมือนกันอ่ะแหละ

4️⃣ ความต่างหลัก ๆ ของ TSE และ MT เช่น

🎵 มีองค์ประกอบต่างกัน ในขณะที่ TSE มีองค์ประกอบของเสียงที่จำกัดคือ rhythm and pitch และ timbre แต่ดนตรี มากกว่านั้น ทั้ง melody, harmoney, meter, mode, และ rhythmic ที่มีความเป็น pattern, dynamic, structure, form and binary, tonality, texture และอื่น ๆ

🎻 เครื่องดนตรีคือเครื่องดนตรี ขันคือขัน วัสดุและรูปทรงมีผลต่อการผลติเสียงออกมาและแหล่งกำเนิด ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณสมบัติและข้อจำกัดในการสร้างเสียง (sound) และแรงสั่นพ้อง (resonance) ออกมาจากแหล่งต้นกำเนิด

💞 TSE ไม่ต้องการ therapeutic relationship แต่ MT ต้องมี!!

🩺 MT มีกระบวนการทางคลินิกชัดเจนว่าต้องผ่านการตรวจโรค ตรวจสุขภาพก่อนวางแผนรักษาแต่ TSE ไม่มีข้อกำหนดนี้

📚 MT ต้องจบการศึกษาระดับปริญญาและผ่านการรับรองตามข้อกำหนดวิชาชีพแต่ TSE ไม่ได้มีข้อกำหนดนี้

5️⃣ ความเกี่ยวข้องสัมพพันธ์ที่มีเหมือน ๆ กัน

🔸 หลักการกำเนิดเสียงที่เกิดจาก Viration and ressnance แรงสั่นสะเทือนและแรงสั่นพ้องจากแหล่งต้นกำเนิดเสียง

🔸 เอกลักษ์เฉพาะตัวของ pitch และ timbre ของแต่ละเครื่องมือ

6️⃣ ต้นกำเนิเสียง Live vs Digital (recording)

🔸 เสียงที่ออกมาจากแหล่งกำเนิดต่างกันให้ Viration and ressnance ที่ต่างกัน

🔸 mechanism หลักของ TSE เป็นการใช้ sensory perceptual ในการับ Viration (แรงสั่นสะเทือน) and ressnance (การสั่นพ้อง) จากแหล่งกำเนิดเสียง ร่วมกับการได้ยิน (auditory perception)

ดังนั้นการไปเปิดฟัง เสียงกลุ่ม TSE จากช่องทาง digital จึงทำให้องค์ประกอบของการ healing ตามหลักการขาดหายไป (เว้นแต่ท่านจะมีลำโพงขนาดใหญ่แล้วสามารถเอาร่างกายตัวเองไปอังอยู่หน้าลำโพงได้ ก็น่าจะอีกเรื่องหนึ่ง แต่ก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี)

การฟังเพลงแบบบันทึก หรือ recoding music ก็ต่างจากการฟังดนตรีสด เช่นกัน อย่างที่ได้เคยอธิบายไปแล้ว ไปตามอ่านกันได้ค่ะ

🔸 ความสามารถในการแยกแยะรูปแบบของเสียงส่วนบุคคล สำหรับการฟังแบบ digital ตามแอฟต่าง ๆ สามารถแยกแยะไหมว่าเป็นเสียงที่ได้ยินนั้นเป็น acoustic (เสียงที่เกิดจากเครื่องดนตรี หรือขัน ที่มนุษย์เล่นออกมาจริง ๆ) หรือ MIDI (Musical Instrument Digital Interface) จาก program computer

การแยกแยะได้ไม่ได้นี้ส่งผลต่อการตอบสนองทางระบบประสาทด้วยเช่นเดียวกัน เพราะองค์ประกอบของเสียงบางประการที่หายไปจาก MIDI

7️⃣ นิยามตามเขาว่า

🔊 Sound Therapy ถูกนิยามว่าเป็นการบำบัดด้วยเสียงก็คือการใช้หลักการของ "Resonance" หรือการสั่นพ้อง ไม่ว่าจะเป็นจากเครื่องดนตรี เสียงร้อง หรือเสียงธรรมชาติ ไปยังบริเวณตำแหน่งในร่างกายที่ต้องการแก้ไขปัญหาเพื่อปรับความถี่ของความไม่สมดุลในร่างกายนั้น ให้กลับมาอยู่ในจังหวะปกติและมีสุขภาพดีอีกครั้ง (Huang X, Yang X, Sun C, Huang S, Cheng M, Han Y. , 2020)

จะบอกว่าในดนตรีบำบัดก็มีหลักการนี้เช่นเดียวกันภายใต้ทฤษฎี “Entrainment” โดยมีอาจารย์ Cheryl Dileo เป็นผู้ตั้งต้น หลัก ๆ ใช้เพื่อจัดการอาการปวด

🎹 Music Therapy นั้นมีความหมายและหลักการชัดเจนว่าเป็นการใช้ดนตรีและองค์ประกอบทางดนตรีอย่างเป็นระบบเพื่อส่งเสริม ฟื้นฟู รักษาโดยมีเป้าหมายเพื่อสุขภาพ โดย นักดนตรีบำบัดที่เทรนมาและจำเป็นต้องใช้ตัวตนของนักบำบัด เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่มีผลต่อการรักษา และการปฏิบัติทางคลินิกที่มีหลักฐานการศึกษาเชิงประจักษ์รับรอง

นอกจาก Sound healing และ music therapy แล้ว การนำดนตรีไปใช้ยังมีอีกหลาย modalities ซึ่ง AMTA ได้ทำการสรุปให้เห็นอย่างคร่าว ๆ ไม่ว่าจะเป็น MUSIC USES IN MEDICAL TREATMENT, MUSIC THANATOLOGY และอื่น ๆ สามารถไปตามอ่านได้ที่นี่
👉🏻https://www.musictherapy.org/assets/1/7/Music_Modalities_Comparison_Chart.pdf

8️⃣ แล้วไง?

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อ physiological และ psychological response ในขณะที่ MT มีการประเมินและควบคุมผลลัพธ์ทางคลินิก เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดได้เช่นเดียวกันจากดนตรี และจากตัวนักบำบัดเอง แต่ TSE ไม่พบว่ามีข้อกำหนดเหล่านี้อย่างชัดเจนเท่าไหร่ว่ามีแนวทางในการรับมือกับผลกระทบในเชิงลบอย่างไร คนทำต้องมีคุณสมบัติใดในทางจิตวิทยาหรือวิทยาศาสตร์สุขภาพใดบ้าง มีการพิจารณาข้อบ่งใช้ไหมว่าคนแบบไหนใช้ได้ใช้ไม่ได้

จริง ๆ มีนักดนตรีบำบัดหลายคนนะที่ไปศึกษาเพิ่มเรื่อง sound healing นี้และเอามาใช้จริงในงานตัวเอง เหมือนที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่าไม่ปฏิเสธ outcomes ในเชิงบวก แต่ทว่าปัจจัยของเรื่องนี้น่าจะอยู่ที่ competency มากกว่า เสียง

9️⃣ ฝากไว้เป็นข้อคิด

“นักดนตรีบำบัด ไ ม่ ใ ช่ เจ้าของเสียงหรือเข้าของดนตรีเพื่อการเยียวยานี้”
“Music therapists don’t own sound and music for healing.”
Barbara J. Crowe, MMT, MT-BC เป็น Director of Music Therapy at Arizona State University กลาวไว้ในงาน AMTA. Pro Symposium เมื่อปี 2010 ผ่านการบรรยายในหัวข้อ Sound Healing and Its Relation to Music Therapy

(อ่านเต็ม ๆ กันได้ที่นี่นะคะ 👉🏻 https://amtapro.musictherapy.org/sound-healing-and-its-relation-to-music-therapy/)

พี่ Crowe ยังกล่าวไว้อีกว่า ดนตรีเป็นพฤติกรรมของมนุษย์และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์มานานกว่า 250,000 ปี ดนตรีมันเป็นของทุกคนอยู่แล้ว แต่แนวคิดที่กล่าวว่า “เสียง และ ดนตรี คือ พลังแห่งการเยียวยา” (healing force) นั้นเก่ามาก ๆๆๆๆๆๆๆ (....is a very, very old idea)

ซึ่งหลายงานชอบเอาคำว่า “healing” มาขยายความให้มันยิ่งใหญ่เกินจริง และโดยเฉพาะกับ “ดนตรี” ที่ด้วยตัวมันเองจริง ๆ มีคุณสมบัติ healing นี้อยู่แล้วโดยไม่ต้องตะโกน

🔟 #ปลุกต่อมเอ๊ะในตัวคุณ

ในฐานะ user ผู้รับ หรือผู้รับบริการ เขาอาจไม่ต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้ก็ได้ แต่ถ้าเราจะเป็น provider หรือคิดว่าสนใจการนำเรื่องพวกนี้ไปบูรณาการกับงานตัวเอง การเข้าใจและรับผิดชอบต่อองค์ความรู้ในฐานะผู้ให้บริการด้านสุขภาพ กาย ใจ จิตสังคม อาจจะต้องขยายต่อมเอ๊ะ กันสักหน่อย

สำหรับการทำงานสายสุขภาพ จิต กาย ใจ วิญญาณ เรื่องใหญ่ที่สุดคือ “ #จริยธรรมและคุณธรรมในใจเรา” หาใช่ความเก่งกาจสามารถในทางปฏิบัติเท่านั้น การรู้ว่า “ควร ไม่ ควร” ใช้ self-aweness และ จริยธรรม ที่แข็งแรงมาก

จะอย่างไรก็ตามแต่ขอให้ทุกคนมีความสุขสำราญกับ เสียง และ ดนตรีของเรา เหนือสิ่งอื่นใด ความสุขตามธรรมชาติมักล้นออกไปเองโดยไม่ต้องพยายาม แต่ทว่านิยามความสุขของแต่ละคนนั้นต่างกันออกไป ทุกคนมี “จริต” ของตนเอง ถ้าเขาจะสำราญกับอะไร นั่นเป็นทางเลือกของเขา อย่าไปยัดเยียดความสุขของเราให้ใคร และ #อย่าใช้บาดแผลของใครมาเยียวยาตัวเรา

#คุณครูพี่เม #ดนตรีบำบัด


Huang X, Yang X, Sun C, Huang S, Cheng M, Han Y. Biophysical signal transduction in cancer cells: Understanding its role in cancer pathogenesis and treatment. Biochim Biophys Acta Rev Cancer. 2020 Dec;1874(2):188402. doi: 10.1016/j.bbcan.2020.188402. Epub 2020 Aug 7. PMID: 32771535.

ดนตรีเพื่อความผาสุขในชุมชนCommunity music therapy (CoMT)ไม่รู้ทุกคนทราบไหมว่านักดนตรีบำบัดไม่ได้ทำงานแค่ในโรงพยบาลหรือสา...
16/07/2025

ดนตรีเพื่อความผาสุขในชุมชน
Community music therapy (CoMT)

ไม่รู้ทุกคนทราบไหมว่านักดนตรีบำบัดไม่ได้ทำงานแค่ในโรงพยบาลหรือสายการแพทย์เท่านั้น แต่นักดนตรีบำบัดเท่านั้นแต่ยังทำทำงานอยู่ใน
- ภาคการศึกษาภาคปรกติ
- การศึกษาพิเศษ
- ในเรือนจำ
- ในสถานสงเคราะห์หรือ shelter
- ในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพทางกาย
- การเปิดคลินิกส่วนตัว
- ให้บริการตามบ้าน

และที่จะมาพูดถึงวันนี้คือ ในชุมชน ซึ่งในวงการดนตรีบำบัดมักใช้คำว่า community music therapy (CoMT) เพื่อสื่อสารว่าเป็นการที่นักดนตรีบำบัดเข้าไปทำงานกับชุมชน เพื่อพัฒนาศักยภาพ และให้การดูและส่งสริมคุณภาพชีวิตคนในชุมชน (อารมณ์เหมือนทำงานร่วมกับ Commed อ่ะ) จริง ๆ ก็มีแนวทางปฏิบัติมากมายสำหรับ MT สายนี้อยู่พอสมควรนะ แต่บ้านเราไม่ค่อยมีใครเล่นเรื่องนี้

เนื่องจากเมรินเคยได้รับเชิญให้ไปร่วมเสวนาในหัวข้อ “นิยามความสุขกับความปลอดภัยในชุมชน” (ที่เคยโพสต์ชวนไปฟังไว้) หลังคุยจบเลยได้เป็นข้อแนะนำว่าดนตรีจะไปสร้างความผาสุขให้กับชุมชนได้อย่างไรบ้าง เลยเอามาแชร์ให้แบบเบา ๆ สำหรับวันนี้

#แนวทางการปรับใช้ดนตรีเพื่อเสริมสร้างคุณภาชีวิตในชุมชน

1️⃣ จัดกิจกรรมดนตรีชุมชน

ที่ว่านี้ ไม่ใช่การจ้างวงดนตรีมาจัดแสดงในพื้นที่เหมือนจัด party ในชุมชนแต่อย่างใด แต่หมายถึงการจัดให้มี “โครงการดนตรี” ในพื้นที่ชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือให้คนในชุมชนมีพื้นที่ในการแสดงความสามารถทางดนตรีของตนเองในหลายรูปแบบ ทั้ง ร้องเพลง เล่นดนตรี แต่เพลง เต้นหรือทำการแสดงโดยมีดนตรีเป็นพื้นฐาน

2️⃣ ใช้ดนตรีเพื่อส่งเสริมสุขภาพ

คือการสนับสนุนให้มีตัวแทนชุมชน ฝึกฝนและเรียนรู้การทำกิจกรรมดนตรีเพื่อสุขภาพจากนักดนตรีบำบัด หรือการส่งเสริมให้มีการนำดนตรีบำบัดโดยผู้เชี่ยวชาญมาใช้ในชุมชน ตลอดจนการทำงานประสานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในชุมชนและศูนย์สุขภาพอื่น ๆ อย่างเป็นระบบ (รามาธิบดีก็ทำอยู่)

3️⃣ ให้ดนตรีสร้างปฎิสัมพันธ์ในชุมชน

โดยการใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางในการสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีในกลุ่มคน เช่น จัดทำเพลงของชุมชนโดยให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการผลิต เช่น แต่งเนื้อเพลง ขับร้อง เล่นดนตรี และสนับสนุนตามกำลัง

4️⃣ ส่งเสริมการวิจัยและนโยบายด้านดนตรีเพื่อสุขภาพ

ตั้งแต่ข้อ 1-3 นั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีข้อ 4 นี้ช่วยดัน คือภาควิชาการ การสนับสนุนเชิงนโยบาย ไปจนถึงการสนับสนุนงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของดนตรีต่อสุขภาพ ควบคู่กับการพัฒนานโยบายในระดับภาครัฐสู่ชุมชน

ตอนเสวนาก็แนะนำให้ท่านอดีตผู้อำนวยการกองสาธาฯ เมืองหัวหิน (ที่ได้รางวัลชุมชนคุณภาพระดับโลกซึ่งเมรินก็เพิ่งรู้เหมือนกัน) ว่าให้เฉือนงบมาทำห้อง #คาราโอเกะชุมชน เริ่มจากอะไรพื้น ๆ ง่าย ๆ ดูก่อน แค่นี้คนในชุมชนก็น่าจะมีความสุขกับดนตรีอย่างง่าย style Mayrin ได้แล้วมั้งนะ หรือทุกคนว่าไง?

#คุณครูพี่เม #ดนตรีบำบัด

ฟังที่หู ประมวลที่หัว ทะลุที่ใจ แล้วน้ำตาก็ไหลเป็นทาง“How your brain listening to music”สมองฉันฟังเพลงอย่างไร  ทำไมฟังที...
15/07/2025

ฟังที่หู ประมวลที่หัว ทะลุที่ใจ แล้วน้ำตาก็ไหลเป็นทาง
“How your brain listening to music”

สมองฉันฟังเพลงอย่างไร ทำไมฟังที่หู แล้วหัวมันคิด แถมเหมือนจะโดนสะกิดที่ใจ แล้วอยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา หรือไม่งั้นเต้นเป็นผีบ้าไปเลย

ก่อนไปเข้าใจตรงนั้นมาเข้าใจตรงนี้ก่อน เพราะเมื่อพูดถึงการฟังเพลงแล้วมันก็มีทั้งฟังจากวงดนตรีสด ๆ กับการเปิดเพลงบันทึกฟังเองเนอะ เราเลยต้องไปเข้าใจกลไกการทำงานของสมองระหว่างดนตรีสดและดนตรีแห้งนี้ก่อน

Live vs Recording Music #ดนตรีสดหรือแห้งดีกว่ากัน

การศึกษาวิจัยเผยออกมาแล้วว่า Live music ส่งผลต่อการรับรู้และการตอบสนองของมนุษย์ในทุกช่วงวัยได้มากกว่า Recording music โดย Live music หรือ ดนตรีสด เห็นการตอบสนองของสมองแบบ real-time brain feedback จาก fMRI ที่สูงกว่า โดยเฉพาะใน amygdala (รับหน้าที่หนักสุด ไม่ว่าเพลงที่ฟังจะเป็นเพลงที่ชอบหรือไม่) ที่พบว่ามี consistent activity หรือ สัญญาณประสาทในสมองเกิดขึ้นสม่ำเสมอกว่า ซึ่งกิจกรรมในสมองทรงนี้สัมพันธ์กับการแสดงออกของพฤติกรรมและอารมณ์ รวมทั้งยังเห็นว่า neural respons อื่น ๆ ในสมองก็เกิดขึ้นในวงกว้างมากกว่าเมื่อเทียบกับ recording music หรือดนตรีบันทึกในขณะฟังเพลงแบบ passive music listening หรือ การฟังเพลงเชิงรับ (การฟังเพลงมีหลายแบบไว้เล่าให้ฟังมีแบบ attentive listening ด้วย)

ด้วยคุณสมบัติที่กระตุ้นได้มากกว่า รวมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนองค์ประกอบทางดนตรีได้ทำให้การทำดนตรีบำบัดจะเลือกใช้ Live music เป็น first line ทั้งนี้การใช้ recording หรือ MIDI sound ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่การเลือกว่าจะใช้ดนตรีประเภทสด หรือ แห้งนั้น ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการใช้ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การรักษา และกระบวนการตามแผนการบำบัด

ในแง่การเอามาใช้ในกระบวนการบำบัดไม่ได้แปลว่าสด หรือ แห้ง “ดีกว่า” กันนะ แต่เป็นการเลือกใช้ให้ถูกต้องกับบริบทของคนไข้และการบำบัดมากกว่า คล้าย ๆ กับ Dosage Forms ยาอ่ะตัวอย่างเช่น Fentanyl งี้ มีทั้งแบบแปะ แบบกิน แบบฉีด

นอกจากนี้การทำกิจกรรมดนตรีอื่น ๆ ร่วมด้วยขณะฟังเพลงหรือกิจกรรมดนตรีประเภท active music activities ทั้ง การร้องเพลง การเล่นดนดนตรี ไปจนถึงการแต่งเพลงนั้นก็ทำให้กิจกรรมในสมองแตกต่างกันออกไป แต่บทความนี้เราจะเอาแค่การฟังเพลงก่อนละกันเนอะ

#สมองฟังเพลงยังไง

1️⃣ เข้าที่หูแยก (องค์ประกอบทางดนตรี) ที่หัว

หลังหูชั้นใน (Cochlea) ของเราได้รับคลื่นเสียงนางก็จะแยกความถีความถี่เสียง สูง/ต่ำ หรือ pitchในทางดนตรี แล้วเปลี่ยนเป็นสัญญาณประสาทก่อน (แปลงไฟล์อ่ะแหละ) วิ่งผ่านก้านสมอง (brainstem) เข้าสู่ thalamus ซึ่งเป็นศูนย์กลางรับส่งข้อการรับรู้ และส่งสัญญาณต่อที่จุดเชื่อมระหว่างก้านสมอง MGB (medial geniculate body) กับสมองส่วน auditory cortex บริเวณ superior temporal gyrus ซึ่งนางจะทำหน้าที่แยกรายละเอียดของเสียงหรือองค์ประกอบทางดนตรีนี้ต่อ โดย auditory cortex นางจะเป็นเหมือน conductor ในการแยกให้สมองแต่ละส่วนประมวลองค์ประกอบทางดนตรีต่าง ๆ ตามหน้าที่ของใครของมัน องค์ประกอบทางดนตรี เช่น chords, harmonies, intervals, rhythms, tempo ที่มันปน ๆ กันมาในเพลงออกจากกัน (เหตุนี้แหละที่ทำให้นักดนตรีแกะเพลงหรือเลือกฟังเฉพาะเสียงที่อยากได้ยินได้ เช่น ฟังแต่เครื่องดนตรีของตัวเอง ฟังแต่จังหวะ ฟังคีย์ว่าเพลงนี้คัย์อะไร) WOW!!

2️⃣ ติดตามไปดั่งเงา

สมองจะติดตามองค์ประกอบทางดนตรีเหล่านั้นไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่กำลังฟังเพลงอยู่ พร้อมกับการคาดเดาเสียงดนตรี (Predictive processing) เพื่อคาดการว่าโน้ตตัวต่อไปที่จะมาคืออะไร ซึ่งเป็นความสับปะดนตามธรรมชาติของสมองที่คาดเดาเก่งอยู่แล้ว (มโนอ่ะแหละ) ส่งผลโดยตรงกับการพัฒนาความจำ สมาธิ และเปิดการทำงานในวงกว้างของสมองส่วน prefrontal areas โดยเฉพาะส่วน dorsolateral prefrontal cortex ที่ใช้ควบคุม attention การวางแผน และ working memory ต่อด้วย cingulate cortex (ทั้ง ACC และ PCC) ที่ควบคุมอารมณ์ ความปวด แรงจูงใจ และ emotional salience และ inferior parietal areas ผู้บรูณาประสาทสัมผัสคคนเก่งของเราที่นำไปสู่การเคลื่อนไหว

3️⃣ ขยายความสามารถในการฟัง

ทันทีที่เพลงเข้าหูด้วยความเร็ว 10 มิลลิวินาทีแรก (ผ่านมา 2 step แล้วในเสี้ยววินาทีเท่านั้น) ต่อไปสมองเรานางก็จะทำการเพิ่มทักษะการได้ยินเสียงหรือการรับรู้ของเสียงที่ะเอียดขึ้น เพราะแขน axon ในหัวเราก็จะเริ่มกางเริ่มงอก เริ่มคุยกันเองมากขึ้นแล้ว (synapse อ่ะแหละ) ทำตัวเหมือนป้าข้างบ้าน ส่งต่อข้อมูลผ่านสารสื่อประสาทกันมันส์เลย ทำให้เราแยะแยะเสียงต่าง ๆ ออกจากกันได้ง่ายขึ้น เพราะเรารู้จักแล้วนี่ว่าข้างบ้านเราชื่ออะไร อารมณ์เหมือนค่อย ๆ สนิทกันก็เลยทำงานสอดประสานกันได้ และเริ่มใช้สมองส่วน hippocampus, medial temporal, parietal areas ซึ่งเกี่ยวกับการทำงานของความจำมากขึ้น ทั้งดึงความจำเดิมและเพิ่มความจำใหม่

อี่ช่วงนี้แหละที่เราเริ่ม อ๋อออออออออ เพลงนี้เพลงอะไร ใครร้อง เคยฟังที่ไหน บรรยากาศตอนนั้นเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการดึงความจำแบบ episodic memory หรือความจำที่มีความรู้สึกร่วม เช่น เคยฟังเพลงนี้กับเพื่อนตอนไปคอนเสริต์ริมหาดเมื่อปีที่แล้ว และแล้วความรู้สึกนั้นก็กลับมา หรือตอนที่เธอทิ้งฉันไป มุวแง้ววววววว

4️⃣ เข้าไปทำงานในระดับอารมณ์และ hormone

เอาล่ะ บทนางเอกพระเอกจะมาตอนนี้แหละ พอนางทำงานที่สมองแล้วนางก็ไปต่อที่หัวใจค่ะ เพลงที่คุ้นเคย ที่ชอบ หรือไม่ชอบก็ช่าง นอกจากทำให้สมองเราประมวลตามมันโดยอัตโนมัติแล้ว หัวใจเราก็อาจโดนขโมยไปด้วยจากการเหนี่ยวนำขององค์ประกอบทาดนตรีเอง และจากความทรงจำเดิมดั่งเพลง “แต่ทำไม ทำไมต้องจำถ้าเธอไม่คิดจริงใจ” และแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา มุแง้ออกมา 😭

หรือต่อให้ใครไม่ได้ไปมีเรื่องกับเพลงที่ฟังอยู่ สมองเราก็จะสร้างหนังขึ้นมาหนึ่งเรื่องอยู่ดี และนี่เองที่เรียกกันว่ามโนภาพ เกิดเป็นนางเอก พระเอก MV ในหัวตัวเองเฉยเลย (เคยไหมฟังเพลงที่นี่แต่หัวสมองไปอยู่ที่โน่น ที่ไหนไม่รู้ เห็นเป็นท้องฟ้า แสงจันทร์ สายลมและสองเราได้ไงไม่ทราบ)

การที่ดนตรีไปแตะต้องการรับรู้และการทำงานของอารมณ์ความรู้สึกในระดับลึกซึ้งนี้เป็นผลจากการทำงานของสมองอีกนั่นแหละ คือส่วน Limbic system และ paralimbic ซึ่งส่วนที่ทำงานมากคือ

🧠 amygdala สนามอารมณ์ (อีกแล้วนะมุง มีอารมณ์ทีไรจะบวกจะลบเอี่ยวกับเขาหมด)
🧠 hippocampus เจ้าแม่ครองความจำ
🧠 nucleus accumbens และ ventral tegmental area นักสุขนิยม (สุขมากไปก็บ้าได้)
🧠 hypothalamus และ pituitary นักรักและผู้คุมเบรก (ทางอารมณ์)

ซึ่งที่นั่นเองเป็นสมองส่วนกระตุ้นการหลั่กระตุ้นสารต่าง ๆ คือ

😀 striatal dopamine สารแห่งความสุขและแรงจูง
🤨 endorphins สารลดปวดตามธรรมชาติ ช่วงให้ผ่อยคลาย
😎 oxytocin ความรู้สึกเชื่อมโยงทางสัมคม ความรักความปราถนา
😇 serotonin สารแห่งความสงบสุข และช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ไม่ให้ ปสด. หรือรักเขามากไป

5️⃣ สั่งให้ร่างกายทำงานโดยสอดคล้องกับดนตรีและสารเคมีที่หลั่งออกมา

Rhythm pattern and tempo ส่งผลโดยตรงต่อสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ซึ่งควบคุมโดยสมองส่วน somatosensory และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จริง ๆ ประมวมาตั้งแต่ motor timing แล้วแหละมันคือกลไกสมองส่วนควบคุม “เวลา” หรือ ”time” ที่ทำให้เราสามารถควบคุมและสั่งการร่างกายให้ทำงานเป็นจังหวะ เช่น เดินเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เราถึงไม่ล้ม ไม่สะดุดซึ่ง

time ก็เป็นรากศัพย์ของคำว่า Tempo ในดนตรีนี่แหละค่ะ (ไอ้เรื่อง tempo and rhythm นี่ให้พูดแล้วมันจะยาวแต่มันสำคัญมาก เอาไว้ก่อนเนอะ)

ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เกิดปรากฎการเต้นของหัวใจสอดคล้องกับจังหวะของดนตรี “ทำไมในใจมันเต้นแบบนี้ ฉันว่าเธอคงมีอาการใช่ไหม” (ใครร้องได้เราคือเพื่อนกัน) การสูบฉีดของเลือด ความดันโลหิต ก็คล้อยตามกันไป เราจึงเริ่มเคาะนิ้ว ตบเท้า ผงกหัว และลุกขึ้นเป็นสาวรำวงในที่สุด อะไรก็ฉุดไม่อยู่

ถ้าไม่เชื่อว่าดนตรีมันสั่งงานสมอง ความคิดความรู้สึกและร่างกายของเราได้จริงขออนุญาตท้าชิง
🔵มุมน้ำเงินเป็นเรา
🔴มุมแดงเป็นดนตรี

โดยให้ทดลองแบบนี้

1. หาที่สงบ ๆ อยู่คนเดียว
2. ใส่หูฟัง
3. เลือกเพลงที่โจ๊ะ ๆ มีจังหวะ เพลงเร็ว หรือ ปานกลางก็ได้ แต่เพลงเร็วจะเห็นชัดกว่า (120 bpm. ขึ้นไป)
4. ใครมีนาฬากาที่วัดการเต้นของหัวใจและการหายใจได้ ใส่ไว้ แล้วกด capture ไปที่ function cardio ก็ได้ หรือจะ cap heart rate mode แบบ 2 นาที ใน Garmin รุ่นกลาง ๆ - สูงมี
5. สำคัญมาก เปิดเพลง หลับตาฟังอย่างตั้งใจ โดยให้พยายามฝืนหายใจช้า ๆ และควบคุมไม่ให้ร่ายกายขยับตามเพลงนะสังเกตุอาการณ์ตัวเองในระหว่างฟังเพลง จนกว่าจะจบ

6. ตื่น!!!!! ตอบตัวเองอย่างจริงใจว่า “อึดอัดไหม” ฝืนใจ ขืนร่างกายตัวเองหรือเปล่า แล้วลองทำในทางตรงกันข้ามดู เปิดเพลงช้าละลองพยายามเต้นหรือเคาะจังหวะเร็ว ๆ ดูนะ ดูสิว่าใครชนะ

🥊 ยกที่ 1 เริ่ม

#เราไม่ได้ฟังเพลงแค่ที่หูแต่ยังมีหลายรูที่ดนตรีเข้าถึงได้

รู้ไหมเเราสามารถรับรู้ดนตรีได้ 4 โสตในเวลาเดียวกันนะ คือ

👂 หู (Auditory) ที่ได้จากคลื่นเสียง
👀 ตา (​Visual) ที่ได้จากการมองเห็นภาพ และ ความสามารถในการจินตภาพแบบ อัตโนมัติของ occipital
✋ สัมผัส (Sensation) จากแรงสั่นสะเทือนของเครื่องดนตรี
💛 ใจ (Emotional) ที่รู้สึกได้ อันเกิดจากการดึงเอาประสบการณ์ทั้งในอดีตและปัจจุบันขณะที่บันจุอยู่ใน memory และการจินตภาพในปัจจุบันขณะเอง

ดังนั้นนอกจากได้ยินเสียงแล้วอย่ามองข้ามการรับรู้อื่นไป จึงไม่แปลกเลยที่ live music จะกระตุ้น sensation ได้มากกว่า recording music นอกจากความต่างของคุณลักษณะขององค์ประกอบทางดนตรีและปัจจัยร่วมแแล้ว ยังบวกกับสิ่งสำคัญที่สุดที่ digital หรือ ไม่มีทางจะให้ได้ นั่นคือการเชื่อมโยงกันของสายพันธ์เดียวกัน คือ มนุษย์-มนุษย์ และนี่คือความเป็น Humanity ซึ่งคือจิตวิญญาณของเรา

#ดนตรีบำบัด #คุณครูพี่เม

Hansen, N. C., Kragness, H., Vuust, P., Trainor, L., & Pearce, M. (2021) Predictive uncertainty underlies auditory boundary perception. Psychological Science. Advance online publication. https://doi.org/10.1177/0956797621997349

Salimpoor VN, Benovoy M, Larcher K, Dagher A, Zatorre RJ. Anatomically distinct dopamine release during anticipation and experience of peak emotion to music. Nat Neurosci. 2011 Feb;14(2):257-62. doi: 10.1038/nn.2726. Epub 2011 Jan 9. PMID: 21217764.

Särkämö T, Tervaniemi M, Huotilainen M. Music perception and cognition: development, neural basis, and rehabilitative use of music. Wiley Interdiscip Rev Cogn Sci. 2013 Jul;4(4):441-451. doi: 10.1002/wcs.1237. Epub 2013 Mar 20. PMID: 26304229.

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ดนตรีบำบัดอย่างง่าย by Mayrinผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

ประเภท