
22/07/2025
“Playlist ดนตรีบำบัดลวงโลก!!!”
Fake Music as therapy playlist
ดนตรีบำบัดไม่ใช่เพลงใดเพลงหนึ่งแต่เป็น “กระบวนการ”
เพลงที่บำบัดเรา คือเพลงที่เราชอบ หรือ เพลงที่เรามีประสบการณ์ร่วมกับมัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นประสบการณ์ที่ดี ใช่แล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงที่มาจากประสบการณ์ที่ดี แต่เป็นเพลงที่ “ #มีความหมายกับเรา”
เรามักจะเห็น Music Therapy Playlist, Music Healing Playlist, ดนตรีบำบัดการนอน, ดนตรีบำบัดนั่งทำงาน ดนตรีอะไร ๆ ก็บำบัดเต็มไปหมด ตาม app แดง app เขียว หรือตามบทความที่แนะนำ playlist ฟังแล้วมีกำลังใจ content สินค้าหรือบริการที่เคลมว่าฟังแล้วช่วยทำให้โน่นทำให้นี่ และคำแนะนำอีกมากมายตาม social network หรือแม้แต่การประชุมวิชาการ และในการบรรยายวิชาการ
⁉️ สรุปว่า playlist เหล่านั้น ใช่ “ดนตรีบำบัดไหมนะ?” มาค่ะจะคุยให้ฟัง
การจัด playlist ในดนตรีบำบัดนั้นจะต้องเกิดจาก “กระบวนการคัดสรรเพลงอย่างมีเป้าหมาย” โดย ไ ม่ ไ ด้ มีไว้เพื่อ relaxation เท่านั้น แต่เป็นไปได้ทั้ง
- เพื่อกระตุ้นความทรงจำ
- การทบทวนชีวิต
- การ motivation and empowerment และ
- ตามความต้องการส่วนบุคคลของคน ๆ นั้น
ซึ่งวิธีการสร้าง Playlist ในการบำบัดสำหรับเรา หรือ Personal Therapeutic Playlist จะต้องเป็นสิ่งที่เราเป็นผู้มีส่วนร่วม โดย “ตัวเรา” เป็นผู้ให้และสร้างความหมายของเพลงที่เราเลือกด้วยตัวเราเอง
โดยในกระบวนการดนตรีบำบัด นักดนตรีบำบัดจะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำในการสร้าง playlist นี้ขึ้นมา ซึ่งอาจเป็นการนั่งทำด้วยกัน หรือช่วยให้คำปรึกษา ซึ่งมีกระบวนวิธีการประมาณนี้
1️⃣ Indentification need: ช่วยกันกับผู้รับบริการในการค้นหาและระบุความต้องการก่อน การทำดนตรีบำบัดมีเป้าหมายการบำบัดที่เฉพาะเจาะจง (specific therapeutic goals) เช่น ลดเศร้า ลดเครียด ลดกังวล ปรับปรุงทักษะรู้คิด (cognitive function) playlist ที่สร้างขึ้นมานั้นมีวัตถุประสงค์ใด
2️⃣ Personal preference: Playlist ต้องสร้างจากเพลงที่ผู้รับบริการชอบ หรือ เพลงที่ตัวเขามีประสบการณ์ร่วม หรือเพลงที่เขาให้ความหมายกับมัน (personal meaning) ทั้งประสบการณ์ดีและประสบการณ์ที่ไม่ดี หรือแม้แต่เพลงเศร้า (อย่าหาจำกัดเพลงที่คนไข้เลือก นี่คือ psychological risk แบบหนึ่งจาก therapist bias)
3️⃣ Targeted Effects: ทบทวนดูภาพรวมของเพลงที่ถูกเลือกมาเหล่านั้นมีเป้าประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดอารมณ์แบบใด หรือเหนี่ยวนำให้ไปสู่ความคิดและความรู้สึกแบบใดตรงกับเป้าหมายการรักษาหรือไม่
4️⃣ Listening methods: แนะนำวิธีการฟังที่สอดคล้องกับเป้าหมาย การฟังเพลงจาก playlist เหล่านี้ มักเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดนตรีบำบัด ไม่ใช่ทั้งหมดของการบำบัด นักดนตรีบำบัดอาจสนับสนุน (ช่วยกันกับคนไข้) ให้จัดทำ personal playlist นี้ของตัวเอง เพื่อใช้เป็นส่วนในกระบวนการบำบัดที่คนไข้สามารถหยิบมาใช้ได้ด้วยตนเองหรือทำที่บ้านได้
🔸 จัด Playlist แบบไหนได้บ้าง
1. Mood-based ซึ่งเป็นไปได้ตั้งแต่ relaxation - motivation
2. Life Review and reminiscence เพื่อทบทวนชีวิตและความทรงจำ
3. Supportive and comforting เพื่อประกอบการทำกิจกรรม therapeutic ต่าง ๆ ไปจนถึงเพื่อความสบายใจ
🔸Using Playlists in Therapy การใช้ Playlist ในการบำบัด
1️⃣ Active listening การฟังอย่างตั้งใจหรือการฟังด้วยสติ (ครูเม เคยเขียนวิธีการฟังอย่างตั้งใจนี้ให้แล้วตามอ่านที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/100046868989543/posts/696257201946573/?)
2️⃣ GIM (Guided Imagery) การใช้เพลงเหนี่ยวนำในการทำจินตนภาพ ส่วนบุคคล คล้ายกับเพลงประกอบ journey ที่เกิดขึ้นในหัวของเรา จริง ๆ GIM เป็นกระบวนการทำดนตรีบำบัดแบบหนึ่ง ซึ่งคนไข้อาจได้รับประสบการณ์ที่ดีในกระบวนการทำและทำให้ reminiscence ถึงช่วงขณะนั้นได้เมื่อกลับไปฟังเพลงที่ถูกใช้
3️⃣ Movement and expression กระตุ้นให้เคลื่อนไหว คึกคักหรือประกอบการเต้น ไปจนถึง physical motivation และการปลดปล่อยทางอารมณ์
4️⃣ Ongoing development การฟังเพื่อพัฒนาทักษะเฉพาะด้าน เช่น การฟังเพื่อพัฒนาความจำ หรือเบี่ยงเบนความสนใจจากสภาพแวดล้อมอื่นที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมเชิงลบ
🔸 Music Feature คุณสมบัติพื้นฐานของเพลงที่ส่งผลต่อ Physiopsychology
ตามหลักประสาทวิทยาและดนตรี มันจะแบ่งออกเป็นองค์ประกอบทางดนตรีที่ทำให้ร่างกายและจิตใจตอบสนองไปในแบบเดียวกันได้ เช่น Tempo, Rhythm, Sound intensity, Pitch range, Pitch Level กับองค์ประกอบทางดนตรีที่ไม่สามารถควบคุมให้เกิดการตอบสนองในแบบเดียวกัน (ความชอบและประสบการณ์ส่วนบุคคล) เช่น Mode, Accentuation, Rhythmic Articulation, Melodic Direction, Harmonic Complexity, Consonance
👉🏻 ครูเม ให้ idea ในการช่วยให้ผู้รับบริการเลือกเพลงแบบนี้ค่ะ
1️⃣ เลือก tempo = เลือก mood ในขั้นต้น เพราะแค่ความเร็ว-ช้า ของจังหวะก็เข้าไปควบคุม emotional arousal ได้แล้ว แต่ไม่ได้แปลว่า tempo จะเข้าไปควบคุมอารมณ์โดยรวมทั้งหมด เพียงแต่มันไปมีผลกับ physiological response มากกว่าคือ HR, BP, RR และเข้าควบคุมกับ ANS โดยตรง
🐌 ช้า 60 - 76 bpm. (64 bpm. ช้าแบบหายใจสะดวกสำหรับคน RR มาตรฐานคือ RR16)
🐈 กลาง 76 - 120 bpm. (95 bpm. จะชัดสุดว่าปานกลาง)
💨 เร็ว >120 bpm. (130 bpm. คือโจ๊ะแบบรถแห่)
2️⃣ เพลงจะมีเนื้อเพลงหรือไม่มีก็ได้ โดยเพลงที่มีเนื้อเพลงมักเข้าไปทำงานกับความหมายเชิงภาษาที่คนฟังกำลังให้ความหมาย หรือ คำที่ประสบในชีวิตจริง และคนฟังมัก focus ที่เรื่องราวหรือเนื้อเพลงมากกว่าองค์ประกอบดนตรีอื่น ในขณะที่เพลงที่ไม่มีเนื้อเพลงจะทำให้เกิดการตีความส่วนบุคคลได้มากกว่าและเหมาะสมกับการฟังเพื่อจินตนภาพ หรือประกอบกิจกรรมที่ไม่มีการใช้ภาษาเข้าไปเกี่ยวข้อง
3️⃣ จะเป็นเพลงประเภทใด แนวใด ภาษาใด ก็ได้ที่คนฟังพอใจ
4️⃣ ลำดับเพลงมีผลกับ dynamic ของอารมณ์ ความคิด และความรู้สึก
5️⃣ เพลงช้าทำให้เศร้าก็ได้ สงบก็ได้ อย่าวางใจต้องซักคนไข้ดี ๆ ด้วยจะได้เรียงลำดับเพลงถูก
6️⃣ เพลงจังหวะปานกลางจะทำให้ chill แต่หลุด focus ได้ง่ายจากเพลงจึงเหมาะจะได้ประกอบกิจกรรมที่ active แบบเบา ๆ มากกว่า เช่น ประกอบกับการระบายสีเมนดาล่า (แถม เวลาอ่านหนังสือฟังแล้วเพลงบรรเลงจังหวะปานกลางจะช่วยให้ตื่นตัวได้นาน)
7️⃣ เพลงสำหรับ relaxation ให้ใช้ slow tempo, simple melodic, เครื่องดนตรีแบบ solo หรือ small ensemble, ไม่มี line bass, ไม่มี percussion, ไม่เอาเครื่อง brass
🔵
หลังจากได้ประเมินพูดคุย หรือทำกิจกรรมดนตรีบำบัดบางอย่างแล้ว พบว่าเพลงที่นำมาใช้บำบัดนั้น ได้สร้างประสบการณ์ใหม่ที่จะเป็นประโยชน์ในการรักษาให้กับผู้รับบริการ เช่น เพลงนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงกำลังใจที่เขามีให้กับตัวเอง ซึ่งความรู้สึกนี้เกิดขึ้นในระหว่างใช้เพลงนี้ในกระบวนการบำบัด เพลงนี้จึงจัดว่าเป็นเพลงที่ทำให้เขามีกำลังใจขึ้นทุกครั้งที่ได้ฟัง กลายเป็น “เพลงกำลังใจส่วนบุคคล” ที่มีความหมายกับเฉพาะเขา ซึ่งมันอาจเป็นเพลงที่มีความหมายของ ”เนื้อเพลง” คนละฝาคนละเบอร์กับเรื่องราวในชีวิต แต่ทว่ามันมีองค์ประกอบของเพลง + เหตุการณ์ในระหว่างการบำบัด ที่พอดีกับความหมายของกำลังใจในใจเขา เช่น เพลง “ขาหมู” อาจทำให้เขาฟังแล้วมีกำลังใจขึ้นจากการที่เห็นว่า ชีวิตคนสับสนวุ่นวายกันแค่ไหน ซึ่งไปสะท้อนเรื่องราวของเขาว่าสิ่งที่เขาเจอมันเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความสับสนวุ่นวายบนโลกนี้ ดังนั้น ขาหมู จึงเป็นเพลงกำลังใจของเขา
🔸 เพลงให้ความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่เราเป็นผู้ให้ เพลงรักของเรา เพลงกำลังใจ เพลงพลังงาน เพลงแห่งความทรงจำ จะให้เพลงนั้นเป็นเพลงอะไร มันเป็นแค่ตัวเราเท่านั้นที่ให้ความหมายแก่มัน
⁉️ #อย่าหลงเชื่อ Playlist ที่คนอื่นสร้างขึ้นแล้วบอกว่านั่นคือดนตรีบำบัด หรือแม้แต่ playlist ที่นักดนตรีบำบัด generate ออกมาให้เขาไปอ่าน indication การใช้ด้วยว่าเจตนาแบ่งปันหรือเผยแพร่นั้นคืออะไร มันใช้ยังไง ดูข้อบ่งใช้ก่อน
🔸 AMTA เขียน Music Listening Guidelines สำหรับการฟังเพลงในดนตรีบำบัดไว้หลายประเภท ไปตามอ่านกันได้โดยได้พูดถึง Personalized Music Listening (PML) นี้ด้วย ทั้งเรื่องความเสี่ยง ข้อบ่งใช้ ข้อจำกัดและความเสี่ยง
https://www.musictherapy.org/research/guidance_for_music_listening_programs/
🔸 ดังนั้น ถ้าเรา เลือก playlist สำเร็จรูปตาม social ไหนมาฟังแล้วชอบ นั่นแปลว่ามันคือ Playlist สำหรับเรา ไม่ใช่สำหรับคนอื่น เพราะเพลงที่ชอบของเราอาจไม่ใช่เพลงที่ใช่ของใคร ดนตรี เพลง เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่ยัดเยียดให้กันไม่ได้ แต่แบ่งปันประสบการณ์นั้นร่วมกันได้
#ดนตรีบำบัดสายด๊าก #ดนตรีบำบัด
Innocenti, L., Nicolò, A., Massaroni, C., Minganti, C., Schena, E., & Sacchetti, M. (2022). How to Investigate the Effect of Music on Breathing during Exercise: Methodology and Tools. Sensors (Basel, Switzerland), 22(6), 2351.
Liu, Y., Liu, G., Wei, D., Li, Q., Yuan, G., Wu, S., Wang, G., & Zhao, X. (2018). Effects of musical tempo on musicians’ and non-musicians’ emotional experience when listening to music. Frontiers in Psychology, 9, Article 2118.