18/06/2025
🦠โรคฟิฟธ์
จากข่าวในญี่ปุ่นมีการแพร่ระบาดของโรคฟิฟธ์ (Fifth disease) โดยเฉพาะในเด็กและหญิงตั้งครรภ์ให้ระวัง
โรคฟิฟธ์คืออะไร?
อาการแสดงทางผิวหนังที่สังเกตได้เป็นอย่างไร? น่ากลัวแค่ไหน?
คนไทยที่มีแผนเดินทางไปญี่ปุ่นต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงป้องกันโรคได้บ้าง?
บทความสั้นนี้มีคำตอบค่ะ 🥰
🔴 โรคฟิฟธ์คืออะไร?
โรคฟิฟธ์มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษอีกชื่อหนึ่งว่า “𝙀𝙧𝙮𝙩𝙝𝙚𝙢𝙖 𝙞𝙣𝙛𝙚𝙘𝙩𝙞𝙤𝙨𝙪𝙢” เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Parvovirus B19 มีรายงานการระบาดได้ทั่วโลก เกิดได้กับผู้ป่วยทุกอายุโดยเฉพาะเด็กเล็กอายุ 4-10 ปี แพร่กระจายเชื้อผ่าน สารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ทางเลือด และผ่านทางรกจากแม่สู่ลูกได้ ที่เรียกว่าโรคฟิฟธ์ ในสมัยก่อนที่โลกยังไม่ได้รู้จักเชื้อไวรัสที่หลากหลาย เมื่อเด็กมีไข้ออกผื่น มีโรคที่ต้องนึงถึง 5 อันดับแรก โรค 𝙀𝙧𝙮𝙩𝙝𝙚𝙢𝙖 𝙞𝙣𝙛𝙚𝙘𝙩𝙞𝙤𝙨𝙪𝙢 อยู่ในลำดับที่ 5 จึงมีชื่อเรียกว่า โรคฟิฟธ์ (Fifth disease)
🔴 อาการแสดงทางผิวหนังที่สังเกตได้เป็นอย่างไร?
หลังสัมผัสชื่อโดยทั่วไป 4-14 วัน จะอาจมีอาการไข้ต่ำ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว หลังจากนั้น 7-10 วันถึงมีผื่นเกิดขึ้น
✅ ผื่นแดงที่แก้ม 2 ข้าง (slapped cheeks)
✅ ผื่นแดงเว้นพื้นที่บริเวณจมูกและรอบปาก
✅ หลังจากนั้น 1-4 วัน จะมีผื่นที่แขนขาตามมากและลามไปที่ตัวได้ ผื่นจะมีลักษณะเป็นร่างแห (lacy and reticulate pattern) โดยผื่นนี้จะคงอยู่ให้เห็นนาน 1-3 สัปดาห์หรือมากกว่า โดยผื่นอาจเห็นเด่นชัดเวลาสัมผัสแสงอาทิตย์หรืออากาศร้อน
.
ในส่วนการติดเชื้อ parvovirus B19 ในผู้ใหญ่ ผื่นมักมีลักษณะต่างออกไปได้แก่
✅ ผื่นมีลักษณะเป็นจุดเลือดออกเล็กๆ ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ มือเท้า 🤲🏻 และบริเวณรอบข้อพับต่างๆ
✅ อาจมีอาการแสบหรือคัน
✅ อาจมีผื่นลักษณะเป็นจุดเลือดออกที่บริเวณอื่นๆได้แก่ ในเพดานปากและลิ้นได้
🔴 น่ากลัวแค่ไหน?
โดยทั่วไปผู้ที่ติดเชื้อไวรัส สามารถหายเองได้ใน 1-2 สัปดาห์ ร้อยละ 10 ของผู้ป่วยอาจมีอาการข้ออักเสบร่วมด้วยแต่โดยทั่วไปสามารถหายเองได้ใน 1-3 สัปดาห์เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามโรคนี้สามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกผ่านรกได้ เด็กทารกส่วนใหญ่ที่แม่มีการติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์เกิดมาสมบูรณ์ปกติ แต่เด็กในครรภ์บางรายหากติดเชื้ออาจมีภาวะซีด ทารกในครรภ์บวมน้ำ (Hydrops fetalis) ไปจนถึงแท้งบุตร หรือบุตรเสียชีวิตในครรภ์ได้ โดยเฉพาะการติดเชื้อในครรภ์อายุก่อน 20 สัปดาห์ 🤰🏻
🔴 คนไทยที่มีแผนเดินทางไปญี่ปุ่นต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงป้องกันโรคได้บ้าง?
เนื่องจากโรคนี้ถ่ายทอดผ่านสารคัดหลั่งจากการหายใจและละอองฝอยขนาดใหญ่ เช่นการไอจาม ดังนั้นหากจำเป็นต้องไปในที่ชุมชนแนะนำใส่หน้ากากอนามัยดีที่สุด ในส่วนผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ยิ่งต้องตระหนักถึงโรคนี้ให้มากๆนะคะ หากมีอาการไม่สบายและสงสัยว่าตนเองอาจเป็นโรคนี้ ให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติมและเฝ้าระวังทารกในครรภ์ต่อไปค่ะ
🧑⚕️สำหรับแพทย์👨🏻⚕️
🟡 การวินิจฉัยอาศัยอาการทางคลินิกที่จำเพาะดังกล่าวข้างต้นเป็นสำคัญ
🟡 ผลเลือดอื่นๆ อาจพบเม็ดเลือดขาวสูงขึ้นและพบ hemoglobin ต่ำลงจาก baseline ได้ในช่วง ที่มีผื่น (วันที่ 16-24 หลังสัมผัสเชื้อ)
🟡 สามารถตรวจ confirm diagnosis ได้โดยการตรวจ serum anti-B19 IgM antibody ซึ่งบ่งบอกถึงการติดเชื้อภายใน 2-4 เดือนที่ผ่านมา โดยค่า IgM นี้จะเริ่มตรวจพบในวันที่ 8-12 หลังสัมผัสเชื้อ
ที่มาภาพและข้อมูล:
- Bolognia, J. L., Schaffer, J. V., & Cerroni, L. (2025). Dermatology (5th ed.). Elsevier.
- https://www.msdmanuals.com/home/children-s-health-issues/common-viral-infections-in-infants-and-children/erythema-infectiosum-parvovirus-b19-infection
บทความโดย พญ.ภัทริยา จิรวัฒนาดล
ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
#โรคฟิฟธ์ #โรคผิวหนัง #หมอผิวหนัง #สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย