18/09/2025
24 กันยายน #วันมหิดล
ในโลกนี้คงหาคนที่จะเหมือนท่านไม่ได้อีกแล้ว
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
ในประวัติศาสตร์โลก คงหายากนักที่จะมีใครดำรงอยู่ท่ามกลางพระมหากษัตริย์มากมาย แต่กลับมิได้ขึ้นครองราชย์เอง กระนั้นพระองค์กลับทรงเป็น “ต้นธารแห่งคุณูปการ” ที่ยิ่งใหญ่เหนือยศฐาอำนาจใด ๆ
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงมีสายสัมพันธ์กับพระมหากษัตริย์ไทยถึง 9 พระองค์
ทรงเป็น ลื่อในสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1)
เป็น เหลนในสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2)
เป็น พระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4)
เป็น พระโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
เป็น พระอนุชา ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)
เป็น พระเชษฐา ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7)
เป็น พระราชบิดาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) และ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลที่ 9)
และยังเป็น พระอัยกาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10)
กล่าวได้ว่า พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมสายพระโลหิตแห่งพระมหากษัตริย์เกือบทั้งราชวงศ์จักรี
พระราชจริยวัตรและปณิธาน
พระองค์ได้รับการถวายพระสมญานามว่า “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” เพราะทรงอุทิศพระองค์แก่การเรียนรู้ วิจัย และพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุข เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย พระราชกรณียกิจสำคัญ เช่น
ทรงศึกษาแพทยศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา
ทรงวางรากฐานการแพทย์สมัยใหม่และการพยาบาลในประเทศไทย
ทรงพระราชทานทุนทรัพย์และส่งเสริมการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์และการพยาบาล
ทรงมุ่งมั่นให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม
มรดกที่พระองค์ทรงทิ้งไว้
แม้พระชนมายุจะสั้นเพียง 37 พรรษา แต่พระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจของพระองค์ได้กลายเป็น รากฐานการแพทย์ไทยสมัยใหม่ อันมั่นคง พระองค์จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระบรมราชชนก”
ความยิ่งใหญ่ของพระองค์จึงไม่ได้อยู่ที่บัลลังก์ หากแต่อยู่ในหัวใจของคนไทยตราบจนทุกวันนี้
เจาะเวลาหาอดีต