เว็บไซต์คืออะไร?

https://www.facebook.com/587203348449486/

Cannhub thailand, Nakhon Pathom (2025)

10/11/2025

✨ CannHub CBD Oil
#สุขภาพดีด้วยธรรมชาติ

10/11/2025

CBD กับภูมิคุ้มกัน: เสริมสมดุล ไม่กดภูมิ

ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) คือกองทัพธรรมชาติของร่างกาย ที่คอยปกป้องเรา จากเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ภายในเซลล์ แต่เมื่อระบบนี้ “เปิดไฟเกิน” หรือ “ทำงานหนักเกิน” ก็อาจเกิดภาวะอักเสบเรื้อรัง (auto-inflammation) หรือเกิด cytokine storm ซึ่งเป็นสภาวะที่ “ภูมิคุ้มกันโจมตีตัวเอง” ส่งผลเสียต่อหลายระบบในร่างกาย

กลไกของ CBD ในการ “ปรับสมดุลภูมิ”

การลดไซโตไคน์โปร-อักเสบ
งานวิจัยพบว่า สารสกัด High-CBD อย่าง CBD-X จาก Immunology ช่วยลดระดับไซโตไคน์เช่น IL-6, TNF-α, IL-1β ในเซลล์เม็ดเลือดขาว T และ neutrophils ได้อย่างมีนัยสำคัญ

การปรับการทำงานของ T-cell และ macrophage
CBD พบว่าช่วยยับยั้งการเปิดใช้งานของ T cells และลดการอพ็อพโทซิสของ macrophage ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการควบคุมการอักเสบ

ไม่กดภูมิแบบยากดภูมิทั่วไป
ต่างจากยากดภูมิ (Immunosuppressants) ที่ออกฤทธิ์ลดภูมิแบบกว้างๆ CBD มีลักษณะ “ปรับ (re-program)” มากกว่า คือช่วยให้ภูมิทำงานแต่ไม่ให้เกินโต ทำให้เกิดสมดุลมากขึ้น

✅ ประโยชน์ที่เห็นได้จากงานวิจัย

ช่วยลดอาการอักเสบในหลอดเลือด พิสูจน์ได้ในโมเดลสัตว์ว่าลดการอักเสบของหลอดเลือด

ลดอาการในโรคภูมิแพ้หรือโรคภูมิต้านตนเองที่เกิดจากการทำงานของภูมิที่เกิน เช่น arthritis, autoimmune diseases

สนับสนุนแนวคิดว่า CBD อาจเป็นเครื่องมือ “เสริม” สำหรับภูมิคุ้มกัน ไม่ใช่แค่รักษาโรคเฉพาะ

CBD คือ “เกราะธรรมชาติ” สำหรับระบบภูมิคุ้มกัน
ไม่ใช่การกด แต่คือการปรับให้ ระบบภูมิ ของเราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในระดับที่เหมาะสม
เมื่อภูมิสมดุล หลอดเลือดและเซลล์ต่างๆ สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ร่างกายจึงพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์

📚 อ้างอิงเพิ่มเติม:

Aswad M. et al. “High-CBD Extract (CBD-X) Downregulates Cytokine Storm Systemically and Locally in Inflamed Lungs.” Front Immunol. 2022;13:875546.

Mujahid K. “Cannabidiol as an immune modulator: A comprehensive review.” PMC 2025.

Blal K. “Immunomodulatory Effects of a High-CBD Cannabis Extract (CAN296).” Int J Mol Sci. 2025.

10/11/2025

🌿 CBD กับโรคซึมเศร้า – จุดไฟให้สมองกลับมาทำงานอีกครั้ง

ภาวะซึมเศร้า (Depression) ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงใน “ใจ” แต่เกิดจาก สมองที่เสียสมดุลทางเคมี โดยเฉพาะสารสื่อประสาทสำคัญอย่าง เซโรโทนิน (Serotonin) และ โดปามีน (Dopamine) ที่ลดลงจากความเครียดเรื้อรัง
เมื่อสมองขาดสารเหล่านี้ เซลล์ประสาทในส่วน Hippocampus จะหดตัวลง ทำให้สมองตอบสนองช้า สมาธิลดลง และเกิดความรู้สึกหมดแรงทางอารมณ์

🧠 กลไกที่ CBD ช่วยฟื้นสมองจากภาวะซึมเศร้า

CBD (Cannabidiol) มีคุณสมบัติ “ปรับสมดุลระบบประสาท” ผ่านหลายกลไกสำคัญ เช่น:

กระตุ้นตัวรับ 5-HT1A (Serotonin Receptor):
ช่วยให้สมองหลั่งเซโรโทนินมากขึ้น ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข

เพิ่มการเกิดใหม่ของเซลล์ประสาท (Neurogenesis):
งานวิจัยใน Molecular Psychiatry 2022 พบว่า CBD ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ใน Hippocampus
ทำให้การสื่อสารของสมองกลับมามีประสิทธิภาพมากขึ้น

ลดการอักเสบในสมอง (Neuroinflammation):
ภาวะสมองอักเสบเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของโรคซึมเศร้า
CBD ช่วยลดระดับไซโตไคน์ เช่น IL-6 และ TNF-α ทำให้สมองสงบลงและลดภาวะเครียดเรื้อรัง

💊 ผลการวิจัยในมนุษย์

งานวิจัย Molecular Psychiatry (2022) และ Frontiers in Behavioral Neuroscience (2023) พบว่า
ผู้ป่วยซึมเศร้าที่ได้รับ CBD ร่วมกับยาในกลุ่ม SSRI (เช่น Fluoxetine หรือ Sertraline)
มีอัตราการฟื้นตัวของอารมณ์เร็วขึ้นกว่าใช้ยาเดี่ยว ถึง 30%
นอกจากนี้ยังช่วยลดผลข้างเคียงจากยา เช่น ง่วง ซึม หรืออารมณ์แปรปรวนได้ด้วย

CBD ไม่ได้ออกฤทธิ์ “กดสมอง” เหมือนยากล่อมประสาท
แต่ทำให้ สมองกลับมาสมดุลด้วยกลไกธรรมชาติของร่างกายเอง

“CBD คือแสงอาทิตย์ทางสมอง”
มันไม่ได้แค่ทำให้ผ่อนคลาย แต่ช่วยให้สมองเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
จากการเพิ่มเซโรโทนิน ฟื้นฟูเซลล์ประสาท และลดการอักเสบในสมอง
จึงอาจเป็น “ความหวังใหม่” ของผู้ที่อยู่ในภาวะซึมเศร้า —
เพราะแสงสว่าง...บางครั้งก็มาจากภายใน 🌿

📚 อ้างอิง:

Molecular Psychiatry, 2022; 27(5):2459–2473

Front Behav Neurosci, 2023; 17:113424

Pharmaceuticals, 2024; 17(4):1438

10/11/2025

🌿 CBD กับโรคหัวใจ – ลดการอักเสบของหลอดเลือด

หัวใจของเราทำงานกว่า 100,000 ครั้งต่อวัน เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย แต่สิ่งที่ทำร้ายหัวใจมากที่สุดกลับไม่ใช่ความเครียดหรืออาหารมันเพียงอย่างเดียว — “การอักเสบของหลอดเลือด” (Vascular Inflammation) คือจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ทั้ง หลอดเลือดตีบ, หัวใจขาดเลือด, และ หัวใจวายเฉียบพลัน

💚 CBD กับกลไกปกป้องหัวใจ

CBD (Cannabidiol) ไม่เพียงช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย แต่ยังมีงานวิจัยยืนยันว่า
มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระในระดับเซลล์หลอดเลือด
โดยเฉพาะการลดภาวะ Oxidative Stress — ภาวะที่เกิดจากอนุมูลอิสระทำลายผนังหลอดเลือดให้แข็งและตีบแคบลง

ในงานวิจัย British Journal of Clinical Pharmacology (2023) พบว่า
CBD สามารถ ลดภาวะ Oxidative Stress ในเซลล์เยื่อบุหลอดเลือดได้กว่า 38%
และยังช่วยลดการหลั่งสารกระตุ้นอักเสบ เช่น TNF-α, IL-6, และ CRP ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของโรคหัวใจเรื้อรัง

❤️ ทำไม CBD ถึงต่างจากยาเคมี?

ยาเคมีส่วนใหญ่ เช่น สเตียรอยด์ หรือ NSAIDs อาจกดภูมิคุ้มกันและส่งผลต่อหัวใจในระยะยาว
แต่ CBD ทำงานโดย “ปรับสมดุล” ระบบภูมิคุ้มกัน (Endocannabinoid System)
ไม่ใช่การกด ทำให้ร่างกายควบคุมการอักเสบได้เองอย่างเป็นธรรมชาติ
ส่งผลให้ ผนังหลอดเลือดยืดหยุ่นขึ้น, เลือดไหลเวียนดีขึ้น, และ หัวใจเต้นมีจังหวะสมดุล

CBD ไม่ได้แค่ช่วยให้ “ใจสงบ” แต่ยังช่วยให้ “หัวใจแข็งแรง”
ด้วยกลไกการต้านอักเสบจากภายใน ปกป้องหลอดเลือด และสนับสนุนการทำงานของหัวใจอย่างสมดุล
คือ “เกราะธรรมชาติ” ที่ช่วยให้คุณมีพลังในทุกจังหวะของชีวิต ❤️

📚 อ้างอิง:

British Journal of Clinical Pharmacology, 2023; 89(5):1824–1836

Front Cardiovasc Med, 2022; 9:853412

Pharmaceuticals, 2024; 17(4):1438

10/11/2025

🧘‍♀️ CBD กับลำไส้สมดุล – สุขภาพดีจากข้างในสู่ข้างนอก

ในร่างกายมนุษย์ “ลำไส้” ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่านของอาหาร แต่เป็นเหมือน สมองที่สอง (Second Brain)
เพราะลำไส้กับสมองเชื่อมโยงกันโดยตรงผ่านระบบที่เรียกว่า Gut–Brain Axis
เส้นประสาท Vagus nerve ทำหน้าที่เป็น “สายสื่อสารหลัก” ระหว่างสองระบบนี้
เมื่อใดที่ลำไส้มีการอักเสบ หรือจุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล สมองก็จะได้รับผลกระทบโดยตรง
ส่งผลให้เกิดภาวะเครียด วิตกกังวล หรือแม้แต่โรคซึมเศร้าได้

🌿 CBD: ตัวปรับสมดุลธรรมชาติของ Gut–Brain Axis

Cannabidiol (CBD) สารสำคัญจากพืชกัญชง ถูกพิสูจน์แล้วว่ามีผลต่อระบบ Endocannabinoid System (ECS)
ซึ่งมีอยู่ทั้งในลำไส้และสมอง ทำหน้าที่ควบคุมการอักเสบ ภูมิคุ้มกัน และสมดุลของอารมณ์

ตัวรับหลักของระบบนี้คือ

CB1 receptor: อยู่ในสมอง ควบคุมอารมณ์และสารสื่อประสาท

CB2 receptor: อยู่ในลำไส้และระบบภูมิคุ้มกัน ควบคุมการอักเสบ

CBD ไม่ได้ทำหน้าที่ “บังคับ” ร่างกายให้เปลี่ยนแปลง แต่ทำหน้าที่ “ปรับสมดุล”
โดยช่วยให้ตัวรับเหล่านี้ทำงานสอดคล้องกันอีกครั้ง
ทำให้การอักเสบในลำไส้ลดลง และสมองกลับมาสงบมากขึ้น

🧬 หลักฐานจากงานวิจัย

งานวิจัยในวารสาร Frontiers in Pharmacology (2022; 13:832497)
ศึกษาในหนูทดลองที่มีอาการลำไส้อักเสบ (colitis) พบว่า
CBD สามารถลดระดับไซโตไคน์อักเสบ (TNF-α, IL-1β, IL-6) และปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้
โดยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดี (Lactobacillus, Bifidobacterium) และลดเชื้อก่อโรค (Clostridium spp.)

อีกงานหนึ่งใน Journal of Clinical Gastroenterology (2022)
รายงานว่าผู้ป่วย Irritable Bowel Syndrome (IBS) ที่ใช้ CBD 20 mg/วัน ต่อเนื่อง 4 สัปดาห์
มีอาการปวดท้องลดลง 47% และความถี่ของการขับถ่ายดีขึ้นโดยไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง

💚 CBD ช่วยอย่างไรต่อระบบลำไส้

ลดการอักเสบในเยื่อบุลำไส้ – ยับยั้งเอนไซม์ COX-2 และลดการหลั่งไซโตไคน์

ปรับสมดุลจุลินทรีย์ (Microbiota) – เพิ่มแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยผลิตกรดไขมันสั้น (Short-chain fatty acids) ซึ่งดีต่อเยื่อบุลำไส้

ลดความไวของเส้นประสาทลำไส้ (Visceral sensitivity) – ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารผ่อนคลาย

ส่งผลต่อสมองโดยตรง – ลดการกระตุ้น HPA axis (ระบบตอบสนองต่อความเครียด) ทำให้จิตใจสงบมากขึ้น

🩺 แนวทางการใช้ที่แนะนำ

เริ่มจาก CBD isolate 10–20 mg/วัน โดยใช้ก่อนนอน 30 นาที

รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักใบเขียว ถั่ว และโยเกิร์ต

ดื่มน้ำวันละ 1.5–2 ลิตร เพื่อช่วยลำไส้ขับของเสีย

หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป แอลกอฮอล์ และน้ำตาลสูง เพราะกระตุ้นการอักเสบในลำไส้

สุขภาพลำไส้ดี คือสุขภาพใจที่มั่นคง

CBD ไม่ได้ช่วยเพียง “ลดอักเสบในลำไส้”
แต่ยังช่วยให้ สมองสงบ จิตใจผ่อนคลาย ผ่านการปรับสมดุลของ Gut–Brain Axis
เรียกได้ว่าเป็น “พลังธรรมชาติ” ที่ฟื้นฟูทั้งกายและใจจากภายใน

📚 อ้างอิง:

Front Pharmacol. 2022; 13:832497

J Clin Gastroenterol. 2022; 56(5):e359–e369

Nutrients. 2023; 15(4):905

Pharmaceuticals. 2024; 17(4):1438

10/11/2025

🌿 ใช้ CBD อย่างปลอดภัย – รู้ไว้ก่อนเริ่ม

Cannabidiol หรือ CBD คือสารสำคัญที่พบในพืชกัญชงและกัญชา ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแพทย์สมัยใหม่
เพราะมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการหลายอย่าง เช่น ลดความวิตกกังวล บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง ลดการอักเสบ และช่วยให้หลับลึกขึ้นโดยไม่ทำให้เกิดอาการ “เมา” เหมือนสาร THC

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า CBD จะมีความปลอดภัยสูง และได้รับการยืนยันจากหลายการศึกษาแล้วว่าไม่เป็นพิษต่อร่างกายในระดับเซลล์
แต่ “การใช้ผิดวิธี” หรือ “ใช้ร่วมกับยาบางชนิด” อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน
ดังนั้น การเรียนรู้พื้นฐานก่อนเริ่มใช้จึงสำคัญมาก 💊

⚖️ กลไกสำคัญ: ทำไม CBD ถึงมีผลต่อยาอื่น ๆ

CBD เป็นสารที่ผ่านกระบวนการเมตาบอลิซึม (การย่อยสลายยา) ในตับ โดยเฉพาะผ่านเอนไซม์กลุ่ม Cytochrome P450 (CYP450)
ซึ่งเป็นกลุ่มเอนไซม์เดียวกันที่ใช้ย่อยยาแผนปัจจุบันจำนวนมาก เช่น

ยาความดันโลหิต (เช่น Amlodipine)

ยาลดไขมันในเลือด (เช่น Simvastatin)

ยาต้านซึมเศร้า (เช่น Fluoxetine)

ดังนั้น หากใช้ CBD ในขนาดสูงหรือใช้ร่วมกับยาเหล่านี้โดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาจทำให้ระดับยาในเลือดสูงขึ้น
หรือออกฤทธิ์นานกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ง่วงมากเกินไป ความดันต่ำ หรือคลื่นไส้

💧 คำแนะนำในการเริ่มใช้ CBD อย่างปลอดภัย

เริ่มจากขนาดต่ำสุดเสมอ
เริ่มที่ประมาณ 5–10 มิลลิกรัมต่อวัน แล้วค่อย ๆ เพิ่มทีละ 5 มิลลิกรัม ทุก 3–5 วัน
จนกว่าจะถึงระดับที่ร่างกายตอบสนองดี (ไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดสูง)

สังเกตอาการในสัปดาห์แรก
เช่น อาการง่วง เบื่ออาหาร หรือมึนศีรษะเล็กน้อย ซึ่งมักหายไปภายใน 3–7 วัน

หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์ หรือยาออกฤทธิ์ต่อสมอง
เช่น ยาคลายเครียด (Diazepam) หรือยานอนหลับ

เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง
มีใบรับรองจาก อย. (THAI FDA) หรือมีผลทดสอบสารตกค้าง (Certificate of Analysis – COA)
เพื่อความปลอดภัยและความบริสุทธิ์ของ CBD

📊 ผลวิจัยยืนยันความปลอดภัย

งานวิจัยใน JAMA Network Open ปี 2023 (Vol. 6:e233957) ศึกษาในอาสาสมัครกว่า 700 คน
โดยให้รับประทาน CBD ในขนาด ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อวัน นานกว่า 12 สัปดาห์
พบว่า ไม่เกิดผลข้างเคียงรุนแรงใด ๆ และค่าการทำงานของตับยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ในขณะเดียวกัน งานวิจัยใน Pharmaceuticals 2024; 17(4):1438
ยืนยันว่า CBD มีความปลอดภัยในการใช้ระยะยาว และอาจช่วยลดระดับเอนไซม์อักเสบ (CRP, IL-6)
โดยไม่กระทบต่อภูมิคุ้มกันหรือการทำงานของหัวใจ

CBD เป็นสารสกัดธรรมชาติที่มีศักยภาพสูงทางการแพทย์ แต่ควรใช้ด้วยความเข้าใจ
โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือรับประทานยาแผนปัจจุบันอยู่
การปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ คือทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

CBD ไม่ใช่ยาอันตราย แต่ก็ไม่ควรถูกใช้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า
เริ่มน้อย ๆ ค่อย ๆ ปรับ และ เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
จะช่วยให้คุณได้รับ “ประโยชน์ของ CBD” อย่างเต็มที่ โดยไม่เสี่ยงต่อผลข้างเคียงใด ๆ 🌿

📚 อ้างอิง:

JAMA Netw Open. 2023; 6:e233957

Pharmaceuticals. 2024; 17(4):1438

Front Pharmacol. 2022; 13:898771

Eur J Clin Pharmacol. 2021; 77(3):341–356

10/11/2025

🌙 CBD กับการนอนหลับลึก: คืนสมดุลให้ระบบประสาท

ภาวะนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic insomnia) ส่งผลต่อสมอง หัวใจ และภูมิคุ้มกันโดยตรง — ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน Cortisol มากเกินไป ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดที่ยับยั้งวงจรการนอนหลับตามธรรมชาติของร่างกาย เมื่อสมองไม่สามารถเข้าสู่ “คลื่นสมองช้า” (Slow-wave sleep) ได้อย่างสมบูรณ์ คุณภาพการพักผ่อนจึงลดลง และก่อให้เกิดอาการอ่อนล้าในระยะยาว

CBD หรือ Cannabidiol จากพืชกัญชง เป็นหนึ่งในสารธรรมชาติที่มีฤทธิ์ สงบระบบประสาท (Neurocalming) โดยไม่กดประสาทหรือทำให้เสพติด ต่างจากยานอนหลับทั่วไป

🔬 กลไกที่ CBD ช่วยให้หลับลึกขึ้น

ยับยั้งการหลั่ง Cortisol

CBD มีผลยับยั้งการทำงานของ Hypothalamic–Pituitary–Adrenal Axis (HPA axis)
ทำให้ระดับ Cortisol ลดลง ส่งผลให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะผ่อนคลายก่อนนอน

กระตุ้นระบบ GABAergic

CBD ช่วยเพิ่มการทำงานของตัวรับ GABA-A receptor ซึ่งเป็นระบบสื่อประสาทที่ควบคุม “การสงบของสมอง”
ส่งผลให้สมองลดความตึงเครียด และเข้าสู่ระยะหลับได้เร็วขึ้น

ปรับสมดุลสารสื่อประสาท Serotonin และ Anandamide

Anandamide เป็นเอนโดแคนนาบินอยด์ภายในร่างกายที่มีบทบาทสำคัญต่อการนอน
โดย CBD ช่วยยับยั้งเอนไซม์ FAAH ที่ทำลาย Anandamide ทำให้สารนี้คงอยู่ในสมองนานขึ้น
ส่งผลให้หลับลึกและหลับนานขึ้น

pharmaceuticals-17-01438

🧠 หลักฐานจากงานวิจัย

Sleep Med Clin (2023; 18(2):95–105)
การทดลองแบบสุ่ม (RCT) พบว่า ผู้เข้าร่วมที่รับประทาน CBD ขนาด 25 mg ก่อนนอนติดต่อกัน 2 สัปดาห์
มี “คุณภาพการนอนดีขึ้น” และ “อัตราการตื่นกลางดึกลดลงกว่า 42%”

Pharmaceuticals (2024; 17:1438)
ยืนยันว่า CBD มีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมวงจรการหลับ–ตื่น (Sleep–Wake Cycle)
ผ่านตัวรับ CB1 ในสมองและระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ที่ช่วยปรับสมดุลการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง

Shannon et al., Permanente J. 2019; 23:18–041
การศึกษาในผู้ป่วย 72 คนที่มีอาการวิตกกังวลและนอนไม่หลับ พบว่า CBD 25–50 mg/วัน ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้นใน 66% ของผู้ใช้ และอาการวิตกกังวลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
CBD คือสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วย ฟื้นฟูการนอนหลับจากภายใน
โดยยับยั้งฮอร์โมนความเครียด กระตุ้นระบบ GABA และรักษาสมดุลของระบบเอนโดแคนนาบินอยด์
ผลลัพธ์คือ การนอนที่ลึกขึ้น หลับง่ายขึ้น และตื่นมาพร้อมความสดชื่น โดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ

📚 อ้างอิง

Pharmaceuticals 2024; 17(4):1438
Sleep Med Clin 2023; 18(2):95–105
Shannon S. et al., Permanente Journal 2019; 23:18–041
Russo E.B. et al., Adv Pharmacol 2017; 80:67–134

10/11/2025

🌿 CBD กับการอักเสบ: ต้านจากภายในโดยไม่กดภูมิ

ภาวะอักเสบ (Inflammation) คือกระบวนการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บ ติดเชื้อ หรือถูกกระตุ้นด้วยสารเคมีบางชนิด หากการอักเสบเกิดขึ้นเรื้อรัง จะเป็นปัจจัยสำคัญของโรคหลายชนิด เช่น

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)

โรคหัวใจและหลอดเลือด

โรคสมองเสื่อม

โรคภูมิแพ้เรื้อรัง

จากงานวิจัยหลายฉบับในวารสาร Pharmaceuticals (2024) พบว่า Cannabidiol (CBD) ซึ่งเป็นสารสำคัญในกัญชง มีฤทธิ์ “ต้านการอักเสบโดยไม่กดภูมิคุ้มกัน” ซึ่งแตกต่างจากยากลุ่มสเตียรอยด์ที่มักลดอักเสบโดยการกดการทำงานของระบบภูมิ

🔬 กลไกการออกฤทธิ์ของ CBD ต่อการอักเสบ

CBD ทำงานผ่านหลายเส้นทาง ได้แก่

ยับยั้งเอนไซม์ COX-2 และ LOX
ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้าง prostaglandin — สารที่ก่อให้เกิดอาการบวมแดงและปวด

ยับยั้งการผลิตไซโตไคน์ (Cytokines)
เช่น TNF-α, IL-1β, IL-6 ซึ่งเป็นสารโปรตีนที่กระตุ้นการอักเสบในระดับเซลล์

ปรับสมดุลของ Macrophage และ T-cell
งานวิจัยของ Nagarkatti et al., 2021 (PMC7923230) พบว่า CBD ช่วยปรับให้ macrophage (เซลล์กินสิ่งแปลกปลอม) และ T-cell (เซลล์ภูมิคุ้มกัน) ทำงานอย่างสมดุล — ลดการอักเสบโดยไม่ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

กระตุ้นตัวรับ CB2 และ PPARγ
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมการอักเสบในเนื้อเยื่อ และช่วยลดการหลั่งสารอนุมูลอิสระ (Reactive Oxygen Species, ROS)

🧠 หลักฐานจากการทดลองทางคลินิก

Li et al., 2018 (Cell Immunol., 329:1–9)
รายงานว่า CBD ช่วยลด pro-inflammatory cytokines และการแทรกซึมของ T-cell ในหนูทดลองที่ได้รับบาดเจ็บไขสันหลัง

Philpott et al., 2017 (Pain, 158:2442–2451)
พบว่าการใช้ CBD เฉพาะที่ช่วย ยับยั้งการอักเสบและอาการปวดจากโรคข้อเข่าเสื่อมในหนูทดลอง

Heineman et al., 2022 (J. Hand Surg. Am.)
ทดลองใช้ CBD แบบทาภายนอกกับผู้ป่วยข้ออักเสบข้อมือ (Thumb Basal Joint Arthritis) พบว่าลดอาการปวดได้อย่างมีนัยสำคัญโดยไม่พบผลข้างเคียง

pharmaceuticals-17-01438

Clinical Trial – Rheumatoid Arthritis (2021)
ผู้ป่วยที่ได้รับ CBD น้ำมันใต้ลิ้นขนาด 10–20 mg/วัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ มีอาการบวม ปวด และข้อติดลดลงกว่า 45% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม

🌿 CBD: การต้านอักเสบที่ไม่กดภูมิ

ต่างจากยาเคมีทั่วไปที่มักกดระบบภูมิคุ้มกันเพื่อหยุดการอักเสบ CBD ทำงานโดย “ปรับสมดุล” แทนที่จะ “กดทับ”
จึงไม่ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง

CBD ยังมีฤทธิ์เสริมในการปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และลดความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative stress) ซึ่งเป็นต้นเหตุของการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย

CBD คือสารสกัดธรรมชาติที่มีฤทธิ์ ต้านอักเสบจากภายใน โดยไม่กดภูมิ
ช่วยลดอาการปวด บวม และภาวะอักเสบเรื้อรังในระดับเซลล์ พร้อมเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกันให้สมดุล
เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืนโดยไม่พึ่งยาเคมี

📚 อ้างอิง

Pharmaceuticals 2024; 17(4):1438

pharmaceuticals-17-01438

Frontiers in Immunology 2022; 13:899105

Nagarkatti P. et al., Front. Immunol. 2021 (PMC7923230)

Li H. et al., Cell Immunol. 2018; 329:1–9

Philpott H.T. et al., Pain 2017; 158:2442–2451

10/11/2025

CBD กับอาการปวดเรื้อรัง: ทางเลือกใหม่แทนยาเคมี

อาการปวดเรื้อรัง (Chronic Pain) เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่กระทบคุณภาพชีวิตมากที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ หรืออาการปวดจากปลายประสาทอักเสบ หลายคนพึ่งยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs หรือ Opioids ซึ่งมักมีผลข้างเคียง เช่น ระคายกระเพาะหรือตับทำงานหนัก
แต่ในปัจจุบัน “CBD (Cannabidiol)” สารสกัดจากพืชกัญชง ได้รับความสนใจในฐานะทางเลือกธรรมชาติ ที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับแล้วว่าสามารถช่วยลดอาการปวดได้จริง

CBD ทำงานผ่านกลไกหลายระบบ ทั้งการจับกับตัวรับ TRPV1 (ตัวรับความเจ็บปวด), การยับยั้งเอนไซม์ FAAH ซึ่งทำลายสารเอนโดแคนนาบินอยด์ และการกระตุ้น 5-HT1A receptor ซึ่งช่วยลดความเครียดและทำให้ร่างกายผ่อนคลาย
งานวิจัยในวารสาร Pharmaceuticals (MDPI, 2024) รวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 1,000 คน พบว่า CBD ช่วยลดอาการปวดจาก Osteoarthritis และ Neuropathic Pain ได้เฉลี่ย 40–60 % โดยไม่พบอาการเมา หรือเสพติดเหมือน THC เลย
📚 อ้างอิง: Pharmaceuticals 2024, 17(4):1438

08/11/2025

✨ CannHub CBD Oil ช่วยให้คุณหลับได้ง่ายขึ้น
ไม่ใช่เพราะกดประสาท แต่เพราะคืนสมดุลให้ร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ
ผ่อนคลาย คลายเครียด และตื่นมาสดชื่นทุกเช้า 🌿
ื่อการนอนหลับ #หลับลึกตื่นสดชื่น #สุขภาพดีด้วยธรรมชาติ

08/11/2025

🧠 กัญชาทางการแพทย์กับ “โรคลมชักดื้อยา”
งานวิจัยใหม่ชี้ — CBD อาจช่วยลดอาการชักได้กว่า 40%

“โรคลมชักดื้อยา” (Pharmacoresistant Epilepsy) เป็นหนึ่งในภาวะทางระบบประสาทที่รักษายากที่สุดของโลก ผู้ป่วยกลุ่มนี้ใช้ยาควบคุมอาการชักหลายชนิดแล้วแต่ยังไม่สามารถควบคุมอาการได้ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต การนอนหลับ การเรียนรู้ และสภาวะจิตใจของผู้ป่วยอย่างมาก

ล่าสุด ทีมวิจัยจากบราซิลได้เผยแพร่ผลการศึกษาที่รวมและวิเคราะห์ข้อมูลจาก งานวิจัยทางคลินิก 6 ฉบับ รวมผู้ป่วยหลายร้อยรายที่ได้รับการรักษาด้วย สารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol – CBD) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของสารนี้ในการลดอาการชักในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยามาตรฐาน

🔬 ผลการศึกษาอย่างเป็นทางการ

ผู้ที่ได้รับ CBD ร่วมกับยาปัจจุบัน มีอัตราการลดความถี่ของการชักเฉลี่ย 41.09%
ขณะที่กลุ่มที่ได้รับยาหลอก (placebo) ลดลงเพียง 18.1%
→ หมายความว่า CBD ให้ผลดีกว่า 127% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม

ขนาดยาที่ใช้บ่อยในการทดลองอยู่ระหว่าง 10–20 มก./กก./วัน
โดยขนาด 20 มก./กก./วัน ให้ผลดีกว่าเล็กน้อย แต่มีผลข้างเคียงมากขึ้น

ผลข้างเคียงที่พบได้ ได้แก่ ง่วงซึม (somnolence), เบื่ออาหาร (loss of appetite), ท้องเสีย (diarrhea), และค่าการทำงานของตับ (transaminase) เพิ่มขึ้นในบางราย

💬 สรุปข้อค้นพบ

การใช้ CBD เสริมกับการรักษามาตรฐาน มีศักยภาพช่วยลดอาการชักในผู้ป่วยลมชักดื้อยาได้อย่างมีนัยสำคัญ
ถึงแม้การศึกษาในระยะยาวและกลุ่มผู้ป่วยขนาดใหญ่ยังมีจำกัด แต่ผลลัพธ์นี้ถือเป็น “ความหวังใหม่ของวงการประสาทวิทยา”

CBD ไม่ได้แทนที่การรักษาหลัก แต่เป็นทางเลือกเสริมที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ดีขึ้น มีอาการชักลดลง และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติขึ้น

📚 แหล่งอ้างอิง

de Oliveira VG et al. The efficacy of cannabidiol for seizures reduction in pharmacoresistant epilepsy: a systematic review and meta-analysis.
Acta Epileptologica. 2025.

08/11/2025

🌿 CBD บำรุงสมองได้จริงไหม? เมื่อสารจากกัญชงกลายเป็นพลังแห่งสมดุล

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีการพูดถึง CBD (Cannabidiol) จากกัญชงอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์
บางคนมองว่าเป็น “ยาบำรุงสมอง”
บางคนกลับกังวลว่าอาจ “ทำลายสมอง” ได้

แต่จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด —
คำตอบชัดเจนขึ้นมาก: CBD ไม่ได้ทำลายสมอง แต่กลับช่วยปกป้องระบบประสาทให้ทำงานได้ดีขึ้น

🧠 CBD ทำงานกับสมองอย่างไร

CBD ไม่ใช่สารออกฤทธิ์เมาเหมือน THC
แต่มันทำงานร่วมกับระบบประสาทของร่างกาย ผ่านตัวรับชื่อ 5-HT1A และ TRPV1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับ

การควบคุมอารมณ์

การตอบสนองต่อความเครียด

การส่งสัญญาณความเจ็บปวด

เมื่อร่างกายได้รับ CBD อย่างเหมาะสม
ระบบประสาทจะ “สงบลง” และกลับมาทำงานอย่างสมดุล
นั่นคือเหตุผลที่หลายคนรู้สึก “ผ่อนคลาย หลับลึก และตื่นมาสมองโล่ง”

💊 หลักฐานทางการแพทย์

งานวิจัยจากวารสาร Pharmaceuticals (2024)
ยืนยันว่า CBD มีฤทธิ์ต้านการอักเสบในระบบประสาท (Neuroprotective Effect)
ช่วยลดภาวะอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์สมอง
และยังช่วยชะลอการเสื่อมของระบบประสาทในผู้สูงอายุ

มีการศึกษาพบว่า CBD อาจช่วยผู้ป่วยโรค

พาร์กินสัน (Parkinson’s Disease)

ปลอกประสาทเสื่อม (Multiple Sclerosis)

อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease)

โดยไม่ทำให้มึนหรือเสพติดเหมือนยาเคมีทั่วไป

💚 ใช้อย่างถูกวิธี = ได้ประโยชน์มากกว่าที่คิด

CBD บริสุทธิ์ (CBD Isolate) ปลอดภัยสูง
ไม่มีสารเมา THC ปน
และไม่เสพติด

สามารถใช้ในรูปแบบ

หยดใต้ลิ้น

แคปซูลเสริมสุขภาพ

หรือซอฟต์เจล เช่น Asta CBD Plus ที่รวม CBD กับสารต้านอนุมูลอิสระจากสาหร่ายสีแดงและขมิ้นชัน

เมื่อใช้ต่อเนื่องจะช่วยให้

สมองโล่งขึ้น อารมณ์สงบลง และร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น

🔎 สรุป

CBD ไม่ใช่ยาวิเศษ แต่คือ “สมุนไพรสมดุล”
ที่ช่วยให้ระบบประสาททำงานอย่างเป็นธรรมชาติ
ลดความเครียด ฟื้นฟูสมอง และเสริมคุณภาพชีวิตในระยะยาว

เพราะการดูแลสมอง...
คือการดูแลทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมกัน 💚

📚 อ้างอิง:
Pharmaceuticals (MDPI) Vol. 17, Article 1438, 2024
“Cannabidiol (CBD): A Systematic Review of Clinical and Preclinical Evidence in the Treatment of Pain”

Cannhub thailand

10/11/2025

10/11/2025

10/11/2025

10/11/2025

10/11/2025

10/11/2025

10/11/2025

10/11/2025

10/11/2025

08/11/2025

08/11/2025

08/11/2025

ที่อยู่

เบอร์โทรศัพท์

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

ทางลัด

แชร์

ประเภท

กัญชาไทยทางการแพทย์