17/08/2016
น้ำผึ้งเป็นของวิเศษแสนหวานจากธรรมชาติ ผึ้งตัวน้อยบินตระเวนหาน้ำหวานด้วยความเร็ว 24 กม. ต่อชั่วโมง เป็นระยะทางไกลถึง 9 กม. มันอาจแวะเวียนดอกไม้ถึง 100 ดอกใน 1 เที่ยว นํ้าผึ้งนั้นหวานกว่าน้ำตาล มีเนื้อเหนียวข้นจึงเหมาะเป็นยาแกไอ แก้เจ็บคอ ความข้นหวานของน้ำผึ้งยังทำให้มีคุณสมบัติเป็นยาปฏิชีวนะด้วย
น้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง…ใช้รักษา
กล่องเสียงอักเสบ, งูสวัด, ท้องผูก, ผิวมีสุขภาพดี, ผื่นผิวหนังอักเสบ, แผลในกระเพาะอาหาร, แผลบาดและแผลถลอก, ภูมิแพ้, เมาค้าง, เยื่อบุตาอักเสบ, ริมฝีปากแตก, วิตกกังวล, สะเก็ดเงิน, สะอึก, สิว, แสบแน่นอก, หวัดและไข้หวัดใหญ่, อาหารไม่ย่อย, ไอ
น้ำผึ้ง…ในประวัติศาสตร์
น้ำผึ้งอาจเป็นยาประจำบ้านเก่าแก่ที่สุดในโลก พวกผึ้งผลิตนํ้าหวานมาไม่ตํ่ากว่า 100 ล้านปีแล้ว น้ำผึ้งมีเอ่ยถึงในบันทึกที่ย้อนกลับไป 7,500 ปีก่อน ในสมัยสุเมเรียและอียิปต์โบราณ ในจำนวนตำรับยา 900 ตำรับของชาวอียิปต์โบราณ มีอยู่ 500 ตำรับที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง ในช่วงศตวรรษที่ 1 นักธรรมชาติวิทยานาม พลินีผู้อาวุโส บันทึกการรักษานิ่วในกระเพาะปัสสาวะและอาการบวมน้ำด้วยอาหารที่ผสมน้ำผึ้งและผึ้งบดผงชาวโอลิมเปียโบราณบันทึกว่านักกีฬากินน้ำผึ้งกับลูกฟิกเพื่อเพิ่มกำลังวังชา
ในยุคกลาง การใช้นํ้าผึ้งทางยาใช้เพื่อลดความขมของยา และรักษาบาดแผล หลายร้อยปีต่อมานํ้าผึ้งจึงปรากฏในสูตรยาทั่วโลก
นักวิทยาศาสตร์ว่าอย่างใร
นักวิทยาศาสตร์สนใจประสิทธิภาพการรักษาบาดแผลของน้ำผึ้งมาระยะหนึ่งแล้ว การศึกษาเล็กๆ ชิ้นหนึ่งในประเทศอังกฤษบ่งชี้ว่าน้ำผึ้งมานูกา (Manuka) ของนิวซีแลนด์ สามารถรักษาแผลจากการฉายรังสีบำบัดที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาตามปกติ การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ในอังกฤษให้คนไข้ 105 คนแบ่งเป็นกลุ่มที่รักษาบาดแผลด้วยนํ้าผึ้ง และกลุ่มที่รักษาด้วยวิธีปกติ หลายสัปดาห์ต่อมาพบว่าการรักษาด้วยน้ำผึ้งช่วยให้แผลหายเร็วกว่าวิธีปกติร้อยละ 12 น้ำผึ้งจึงมีอะไรมากกว่าเป็นน้ำเชื่อมใส่ยาแก้ไอ ในงานศึกษาชิ้นหนึ่ง นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสรุปว่า น้ำผึ้งแก้ไอได้ดีกว่าเดกซ์โตรมีทอร์แฟน (dextromethorphan หรือ DM) ซึ่งเป็นส่วนผสมปกติในยาแก้ไอแบบกดอาการหลายขนาน
มีอะไรอยู่บ้าง
ไม่น่าแปลกใจที่นํ้าผึ้งประกอบด้วยนํ้าตาลเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ ฟรุกโตสร้อยละ 38.2 กลูโคสร้อยละ 31 นอกนั้นเป็นไดแซกคาไรด์ เช่น ซูโครสกับมอลโตส และโอลิโกแซกคาไรด์ แน่นอนว่าน้ำผึ้งมีสารที่เป็นประโยชน์ มีการวิจัยใหม่พบว่า ไฟโตนิวเทรียนบางชนิดในน้ำผึ้งดิบช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ในสัตว์ทดลองได้
นํ้าผึ้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งไพโนเคมบริน (pino-cembrin) งานวิจัยของจีนที่ทดลองในหลอดทดลองและทดลองกับสัตว์ พบว่า ไพโนเคมบรินอาจช่วยปกป้องเซลล์สมอง แต่จะให้ผลคล้ายกันนี้ในคนหรือไม่ยังไม่ประจักษ์ สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ที่พบ ได้แก่ เคอร์ซิติน (quercetin) เคมป์ฟีรอล (kaempferol) และเอพิเจนิน (apigenin)
รักษาบาดแผลอย่างอ่อนโยน
น้ำผึ้งมีนํ้าตาลอยู่มาก และยังมีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และยางผึ้งหรือโพรโพลิส (propolis) ที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงช่วยดูดความชื้นจากแผล ทำให้แบคทีเรียไม่ได้รับความชื้นที่จำเป็นต่อการดำรงชีพและยังกันไม่ให้สิ่งสกปรกข้างนอกเข้าแผล แผลจึงหายเร็ว
สมัยที่ยังไม่มียาปฏิชีวนะ การติดเชื้ออันตรายมาก แค่แผลเล็กๆ ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ หมอทั้งหลายจึงมักพกนํ้าผึ้งไว้ในกระเป๋ายา แม้ทุกวันนี้มียาปฏิชีวนะทาแผลวางขายทั่วไป แต่หมอบางคนยังเชื่อว่าในบางกรณีน้ำผึ้งจะช่วยรักษาแผลได้ดีกว่า ปัจจุบันมีบริษัทยาทำผ้าพันแผลชุบนํ้าผึ้งออกมาขายสำหรับใช้กับแผลหายยากด้วย
เคล็ดลับนักซื้อ
โดยทั่วไป น้ำผึ้งสีเข้มจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าสีใส นํ้าผึ้งจากดอกบักวีต เสจ และ ต้นทูพีโลมีสารอนุมูลอิสระมาก น้ำผึ้งดิบที่ไม่ผ่านกระบวนการจะดีต่อสุขภาพที่สุด น้ำผึ้งสีเข้มยังมีกลิ่นรสเข้มข้นกว่า ควรเก็บน้ำผึ้งในภาชนะปิดแน่นหนา วางในมุมมืดและแห้งของตู้ครัว
รู้ไว้ใช่ว่า
จากการสุ่มตรวจโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา พบสปอร์ของคลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ในนํ้าผึ้งร้อยละ 10 ดังนั้นจึงไม่ควรให้ทารกอายุไม่ถึง 1 ขวบกินน้ำผึ้ง เพราะเชื้อนี้ ทำให้เด็กป่วยหนักในช่วงขวบปีแรก
