21/11/2022
ร่วมรณรงค์หยุดเชื้อดื้อยา
ใช้ยาปฏิชีวนะ เมื่อมีหลักฐานการติดเชื้อแบคทีเรีย
❌มีไข้เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่หลักฐาน
❌คอแดง/เจ็บคอมาก ไม่ใช่หลักฐาน
❌น้ำมูก เสมหะ สีเขียวเหลือง ไม่ใช่หลักฐาน
ต้องพิจารณาจากเกณฑ์หลายๆอย่างประกอบกัน
มีไข้ ไอ เจ็บคอ ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส
(โรคหวัด/ไข้หวัดใหญ่/โควิด) จึงไม่จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นค่ะ
# สัปดาห์รู้รักษ์ ตระหนักใช้ยาปฏิชีวนะ #
#เชื้อดื้อยาคร่าชีวิต
#ใช้ยาปฏิชีวนะเมื่อมีหลักฐานการติดแบคทีเรีย
ในแต่ละปี
*มีผู้ติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาในประเทศไทย มากกว่า 1 แสนคน
*ผู้ป่วยต้องนอนรพ.นานขึ้น 3.24 ล้านวัน
*เสียชีวิต 38,481 คน *สูญเสียทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมมากกว่า 4 หมื่นล้านบาท
จำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาในแต่ละปีมากเกือบ 2 เท่าของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน
หากยังใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อกันทั่วโลกอย่างที่เป็นอยู่ จากเดิม (ปี 2014) ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยา 7 แสนคนต่อปี จะเพิ่มเป็น 10 ล้านคนในปี 2050 เท่ากับ 1 คนทุก 3 วินาที
คนทั่วไปหายใจ 12-20 ครั้งต่อนาที หรือ 1 ครั้งทุก 3-5 วินาที ดังนั้นในปี 2050 ทุกลมหายใจเข้าออกจะมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาอย่างน้อย 1 คน
วิธีแก้ไข/บรรเทาปัญหา
**ค้นหาหลักฐานการติดเชื้อแบคทีเรียให้ครบองค์ประกอบก่อนจึงสั่งยาปฏิชีวนะ**
>การมีไข้เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่หลักฐาน
>การมีคอแดง ไม่ใช่หลักฐาน
>การเจ็บคอมากหรือน้อย ไม่ใช่หลักฐาน
>การมีน้ำมูกเหลืองเขียวเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่หลักฐาน
>การมีเสมหะเหลืองเขียวเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่หลักฐาน
/ผู้ปวยร้องขอ ไม่ใช่เหตุผลในการสั่งยาปฏิชีวนะ
/ผู้ป่วยเป็นเด็ก เกรงจะเป็นมาก ไม่ใช่เหตุผล
/ให้ยาปฏิชีวนะกันไว้ก่อน ไม่ใช่เหตุผล
/ติดไวรัส เดี๋ยวก็คงติดแบคทีเรีย ไม่ใช่เหตุผล
/ใคร ๆ เขาก็ทำกัน ไม่ใช่เหตุผล
#เชื้อดื้อยาคร่าชีวิต
#ใช้ยาปฏิชีวนะเมื่อมีหลักฐานการติดแบคทีเรีย
สยส. สร้างเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
20 พย. 2565
ร่วมรณรงค์ในวาระ สัปดาห์รู้รักษ์ ตระหนักใช้ยาปฏิชีวนะ
อ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=slDKh6APZO8
http://narst.dmsc.moph.go.th/news001.html
https://www.bbc.com/news/health-30416844
https://www.amr.gov.au/