13/05/2023
น้ำมันหอมระเหยทำงานอย่างไร ? How Essential Oil Work ?
มาดุการทำงานของน้ำมันหอมระเหยต่อร่างกายและความรู้สึกของคนเรากันค่ะ
วิธีรับน้ำมันหอมระเหยเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วที่สุดคือการสูดดมกลิ่นหอมของน้ำมันที่มีผลโดยตรงต่อสมอง น้ำมันยังสามารถซึมซับเข้าสู่ผิวผ่านการนวด การแช่น้ำ และผสมในครีมได้อีกด้วย สองวิธีนี้ทำให้น้ำมันสามารถเข้าสู่กระแสเลือดที่ซึ่งมีผลต่อคุณสมบัติของการบำบัดรักษาได้
การสูดดมน้ำมันหอมระเหย
มีความเชื่อที่ว่ามนุษย์มีความสามารถในการแยกแยะกลิ่นหอมต่างๆได้มากกว่า 10,000 กลิ่น จากประสาทสัมผัสทั้งหมด การได้กลิ่นมีความสัมพันธ์โดยตรงกับจิตใจและอารมณ์ของมนุษย์มากที่สุด ความจริงแล้วความสามารถในการรับรู้กลิ่นมีผลต่อความรู้สึกดีของมนุษย์เป็นอย่างมาก บุคคลที่สูญเสียการรับรู้กลิ่นมักจะมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาอย่างภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล แนวคิดทั้งหมดของสุคนธบำบัด (Aromatherapy) มีรากฐานมาจากวิธีที่กลิ่นหอมมีปฏิกิริยาโดยตรงต่อเคมีในสมองและร่างกายของมนุษย์นั่นเอง
การทำงานของกลิ่นหอมเกี่ยวข้องกับวิถีอันซับซ้อนของสมอง เมื่อเราสูดดมกลิ่นเข้าไป เราได้รับโมเลกุลความหอมที่จะไปรวมกับเซลล์รับความรู้สึกในรูจมูก จากตรงนี้เซลล์เหล่านั้นจะส่งสารไปยังออลแฟกทอรีบัลบ์ (olfactory bulb) ในสมองส่วนหน้าและถูกแปลออกมาเป็นกลิ่น โมเลกุลก็ถูกสูดดมเข้าไปยังปอด และเข้าสู่กระแสเลือดเช่นกัน
ผลลัพธ์ต่อร่างกาย จากการศึกษาพบว่าการหายใจเอากลิ่นเข้าไปทำให้เกิดผลทันทีกับการทำงานของสมอง กลิ่นทำให้ทำนบระหว่างเลือดและสมอง (เยื่อหุ้มสมอง) สื่อสารเข้าไปถึงใจกลางของสมองที่เชื่อมโยงกับจิตใต้สำนึกได้ และเข้าถึงระบบลิมบิกหรือแผงสวิตช์ อารมณ์ของสมอง ( Limbic system) ซึ่งเป็นที่กักเก็บความทรงจำและอารมณ์ รวมถึงแรงกระตุ้นต่างๆ เช่น 'สู้หรือหนี' ลักษณะนิสัย ความหิว และการตื่นตัวถูกควบคุม ระบบลิมบิกยังเชื่อมโยงไปถึงฮอร์โมนอีกด้วย
วิธีที่ร่างกายสูดกลิ่นอโรมา
เมื่อคุณสูดเอากลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยเข้าไป สมองจะประมวลผลของกลิ่นในทันที เพื่อที่จะให้คุณได้รับประโยชน์ด้านการรักษาของน้ำมันได้อย่างรวดเร็ว
1. โมเลกุลความหอมเดินทางเข้าสู่รูจมูก ซึ่งเป็นที่ที่มันแตกตัวไปสู่เซลล์รับความรู้สึกในจมูก จากนั้นเซลล์ก็ส่งแรงกระตุ้นไปยังออลแฟกทอรีบัลบ์ที่ฐานของสมองส่วนหน้า
2. สมองส่วนหน้าแปลงแรงกระตุ้นไฟฟ้าเป็นกลิ่น ประมวลผลอย่างรวดเร็วแล้วตอบสนองต่อกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์และสรรพคุณของน้ำมันหอมระเหย
3. โมเลกุลถูกสูดดมเข้าไปจากรูจมูกสู่ปอดโดยตรง จากนั้นก็เข้าสู่กระแสเลือดที่มีหน้าที่รับผิดชอบผลดีทางการรักษาของน้ำมันหอมระเหย
เมื่อน้ำมันหอมระเหยเข้าสู่ร่างกาย มันจะนำคุณประโยชน์ทางด้านจิตใจและกายภาพเข้ามาด้วย โดยการทำงานกับระบบประสาทและการเข้าสู่กระแสเลือด
สัมผัสในการรับรู้กลิ่นของคนเรานั้นตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ไวกว่าสัมผัสทางประสาทด้านอื่นๆ และนั่นคือเหตุผลที่กลิ่นช่วยให้เราหวนรำลึกถึงความหลัง กลิ่นที่ทำให้เราคิดถึงความสุข ความเศร้า สารเคมีในกลิ่น และส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ สามารถกระตุ้นการการตอบสนองทางกายภาพ ผลกระทบทั้งสองอย่างนี้ทำให้น้ำมันที่มีกลิ่นหอมมีประสิทธิภาพต่อจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ ช่วยเสริมสร้างความสมดุลทั้งกายและใจ
ผลต่อจิตใจ
· ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น น้ำมันหอมระเหยมีส่วนประกอบหลายส่วนที่ส่งผลต่อระบบประสาทช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นและเพิ่มความสุข เช่นงานวิจัยเผยว่าส่วนประกอบ Linalool ใน Lavender และ Clary sage ช่วยลดความวิตกกังวล ในขณะที่ Limonene สารที่พบในน้ำมันที่ได้จากพืชกลุ่มซิตรัสช่วยลดความกังวลและความเศร้า ส่วน Chamomile และ Bergamot ที่มีส่วนผสมของ Alpha และ Beta-pinene ที่มีส่วนช่วยต่อต้านอาการซึมเศร้า ยกระดับจิตใจและอารมณ์ให้ดีขึ้น
เมื่อเรารู้สึกกังวลหรือซึมเศร้า ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจเท่านั้น แต่ร่างกายของเราก็ได้รับผลกระทบไปด้วย เช่นเมื่อเกิดความเครียด กล้ามเนื้อของเราจะอยู่ในสภาวะตึงเครียด น้ำมันหลายๆตัวมีคุณสมบัติทั้งช่วยยกระดับจิตใจ ดังนั้นมันจึงช่วยรักษาอาการเครียดทั้งจิตใจและร่างกาย
การนวดบำบัดด้วยกลิ่นให้สัมผัสผ่อนคลายทางธรรมชาติส่งผลไปถึงประสิทธิภาพในการรักษาโรค ซึ่งเป็นที่รับรู้ในการช่วยให้รู้สึกสงบและยกระดับจิตใจ ถึงแม้จะปราศจากการสัมผัสแต่ประโยชน์จากการสูดดมกลิ่นอโรมา เช่น Geranium,Tangerine หรือ Vanilla bean ก็ช่วยลดความเครียดและความตึงของกล้ามเนื้อ
· ช่วยในการผ่อนคลาย ประสิทธิภาพในการช่วยให้ผ่อนคลายของน้ำมันหอมระเหยนั้นถูกบันทึกไว้ในตำรามากมาย วิธีที่น้ำมันหอมระเหยช่วยให้เราผ่อนคลายนั้นเป็นกระบวนการทางความคิดที่ซับซ้อนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วนต่างๆ ของสมอง
ทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า Linalool ที่พบได้ใน Lavender นั้นควบคุม Neurohormone GABA (gamma-aminobutyric acid) สารนี้ควบคุมระดับของอะดรีนาลีน (Adrenaline) โนราดรีนาลีน (Noradrenaline) และโดพามีน (Dopamine) ในสมองทีมีผล ต่อการตื่นตัวของอารมณ์ กระฉับกระเฉง มีสมาธิมากขึ้น ไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆรอบตัว เป็นสารที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ มีอารมณ์พึงพอ ใจ ปีติยินดี รักใคร่ชอบพอ เรียบเรียงความนึกคิด และการทำหน้าที่ของสมอง ในการควบคุมการเคลื่อนไหว
· เพิ่มสมาธิ ความจำ ตัวอย่างเช่นการสูดดมน้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่ ช่วยให้ความจำดีขึ้น 75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งน้ำมันนี้มีส่วนประกอบของ Eucalyptol ที่มีคุณสมบัติคล้ายกับยาที่ใช้กับโรคความจำเสื่อมโดยการเพิ่มจำนวนสาร Neurotransmitterที่เรียกว่า Acetylcholine ที่มีส่วนช่วยในการควบคุมกิจกรรมของสมอง
· สร้างความสมดุลทางพลังงาน น้ำมันหลายชนิดช่วยให้ผ่อนคลายหรือกระตุ้นตามที่ต้องการและถูกเรียกว่า Adaptogens ระบบความสมดุลของร่างกายในกระบวนการนี้ทำให้เกิดความสมดุล ความสงบหรือ ช่วยให้ร่างกายจัดการกับความเครียดด้วยการเติมพลังให้ต่อมหมวกไตที่อาจทำงานหนักเกินไปหรือเหนื่อยล้าจากความเครียด Adaptogens นั้นพบได้ในลาเวนเดอร์ กุหลาบและเจอเรเนี่ยม
ผลต่อร่างกาย
น้ำมันหอมระเหยเป็นนักบำบัดโดยธรรมชาติ การใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติทางยาโดยวิธีดั้งเดิมนั้นเกี่ยวข้องกับพืชต่างๆ ตัวอย่างเช่น น้ำมันหอมระเหยสามารถช่วยป้องกันการอักเสบ ยับยั้งเชื้อโรคและเชื้อรา น้ำมันหอมระเหยหลายชนิดมีสรรพคุณเป็นสารต้านจุลชีพ ช่วยกำจัดจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายชนิดต่างๆ เพื่อป้องกันร่างกายจากโรคร้าย
· สรรพคุณในการกำจัดเชื้อโรค น้ำมันหอมระเหยหลายชนิดมีสรรพคุณในการกำจัดแบคทีเรีย ไวรัสและเชื้อราที่เป็นต้นเหตุของการติดเชื้อ น้ำมันหอมระเหยที่เป็นที่รู้จักในเรื่องการกำจัดเชื้อโรคก็คือTea treeที่ถูกพิจารณาว่ามีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับวิธีดั้งเดิมในการดูแลเท้าของนักกีฬา และจากการวิจัยล่าสุด ได้มีการแนะนำว่าบาดแผลที่ติดเชื้อจาก Staphylococcus aureus bacterium เมื่อใช้น้ำมันจาก Tea tree ในการรักษาจะหายเร็วกว่าการใช้วิธีแบบดั้งเดิม
ส่วนประกอบทางเคมีเช่น Thymol ที่พบในน้ำมันหอมระเหยจาก Thyme เมนทอลที่อยู่ในเปปเปอร์มินท์ และยูจีนอลในน้ำมันหอมระเหยจาก Clove น้ำมันเหล่านี้มีสรรพคุณในการกำจัดเชื้อโรคที่แข็งแกร่งที่สุด งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการสูดดมน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้ให้ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการทาลงไปบนผิวโดยตรง และการสูดดมน้ำมันหอมระเหยถูกใช้รักษาอาการโรคหลอดลมอักเสบและโพรงจมูกอักเสบเฉียบพลันมาช้านาน ในโลกที่แบคทีเรียสายพันธุ์ต่างๆเริ่มมีฤทธิ์ในการต่อต้านยาปฏิชีวนะ ทำให้น้ำมันหอมระเหยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เป็นไปได้
· บรรเทาอาการเจ็บปวดและลดอาการอักเสบ น้ำมันหอมระเหยส่วนมากจะนำมาใช้สำหรับการระงับความรู้สึกเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด น้ำมันเช่น Thyme Rose Eucalyptus Clove Bergamot Fennel ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพต่อร่างกายที่คล้ายกันกับ Nonsteroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) หรือยาลดการอักเสบ เช่น Ibuprofen ด้วยการยับยั้งเอนไซม์ในร่างกายที่เป็นสาเหตุของการอักเสบ บวมและความเจ็บปวด คุณสมบัติในการบรรเทาอาการปวดทำให้น้ำมันหอมระเหยเหล่านี้มีความพิเศษที่นำมาเพื่อการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และการเคล็ดขัดยอกอาการปวดตามข้ออย่างเช่น อาการปวดหัวอย่างรุนแรง อาการปวดมักจะพ่วงด้วยการอักเสบ น้ำมันหอมระเหยหลายชนิดมีคุณสมบัติยับยั้งอาการอักเสบ หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Frankincense ซึ่งช่วยยับยั้งกระบวนการอักเสบของโปรตีนที่เรียกว่า Cytokines และปกป้องเซลล์เม็ดเลือดขาว หรือที่รู้จักกันว่า Leukocytes จากการรั่วไหลเข้าสู่เนื้อเยื่อ ซึ่งทั้งสองเป็นเหตุของการอักเสบ
· สรรพคุณในการทำความสะอาด เมื่อถูกใช้อย่างถูกต้องจะช่วยกำจัดของเสียและสารพิษออกจาก ปอด ตับ ระบบย่อยอาหาร ไต และผิวของเรา ปัจจัยทางลบเช่นความเครียด ความกังวล เบื่ออาหาร และนอนไม่หลับ จะสามารถรบกวนขบวนการนี้ได้ ตัวอย่างเช่น สารเคมีชื่อ D-limonene ที่พบในผลไม้จำพวก Citrus เช่น ส้ม เลมอน แทนเจอรีน มะนาวและส้มโอ ช่วยเสริมสร้างการทำงานที่ดีเป็นปัจจัยบวกต่อสุขภาพ
ประโยชน์มากมายจากที่กล่าวมา นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์อีกมากมายให้เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง น้ำหอม และในธุรกิจสปาและการรักษาเชิงทางเลือกอีกมากมาย