ศูนย์สุขภาพแห่งมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ : HCU Health Center

30/07/2025

🕒 ตื่นตี 3 ตี 4 บ่อยๆ ร่างกายกำลังส่งสัญญาณอะไร? 🛌
คุณเคยไหม? นอนหลับดีทั้งคืน แต่พอตี 3 หรือตี 4 ก็ตื่นขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว แถมพอตื่นแล้วก็หลับต่อไม่ได้อีก! หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่จริงๆ แล้ว…ร่างกายอาจกำลังบอกอะไรบางอย่างกับเราอยู่ค่ะ

🌙 สาเหตุที่ทำให้คุณตื่นกลางดึกบ่อยๆ
1. ความเครียดสะสม 😟
ช่วงเวลาประมาณตี 1 - ตี 3 คือเวลาที่ “ตับ” ทำงานเพื่อขับสารพิษ หากเรามีความเครียดหรืออารมณ์แปรปรวนบ่อยๆ จะไปรบกวนการทำงานของตับ ส่งผลให้เราตื่นช่วงเวลานี้
2. ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สมดุล 🍬
หากทานอาหารเยอะเกินไปก่อนนอน หรืออดอาหารจนหิว ร่างกายจะตอบสนองโดยปล่อยฮอร์โมนบางตัวที่กระตุ้นให้เราตื่นขึ้น
3. ฮอร์โมน Cortisol ผันผวน 🧠
ฮอร์โมนตัวนี้เกี่ยวข้องกับการตื่นตัว ถ้ามีความเครียดมากหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะหลั่ง cortisol เร็วกว่าปกติ ทำให้ตื่นเช้ามากกว่าที่ควร
4. ปัญหาทางจิตใจหรืออารมณ์ 🧘‍♀️
เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือโรคนอนไม่หลับ (insomnia) ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตื่นกลางดึกได้

⸻
✅ แนวทางดูแลตัวเองให้หลับลึกขึ้น

🌿 1. สร้างกิจวัตรก่อนนอนให้ผ่อนคลาย
หลีกเลี่ยงมือถือ 📱 ดูซีรีส์หรือข่าวเครียดก่อนนอน และหันมาอ่านหนังสือเบาๆ ฟังเพลงผ่อนคลาย หรือทำสมาธิแทน

🥗 2. หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักก่อนนอน
พยายามเว้นอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน และควรงดชา กาแฟหลังบ่ายสาม

🧘‍♂️ 3. จัดการความเครียดระหว่างวัน
หากิจกรรมคลายเครียด เช่น วาดรูป ปลูกต้นไม้ หรือเดินเบาๆ หลังอาหารเย็น

🛏 4. สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการนอน
ห้องนอนควรมืด เงียบ เย็นพอดี ปราศจากเสียงรบกวน

🌞 5. รับแสงแดดยามเช้า
การรับแสงธรรมชาติในช่วงเช้าจะช่วยตั้งค่านาฬิกาชีวิต (biological clock) ให้ร่างกายตื่นนอนและหลับเป็นเวลา

⸻
🧠 สรุป
การตื่นตอนตี 3 ตี 4 ไม่ได้แปลว่าคุณ “ผิดปกติ” แต่เป็นสัญญาณที่ร่างกายส่งมาให้เราดูแลตัวเองมากขึ้น ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ หากเราปรับพฤติกรรมและใส่ใจตัวเองมากขึ้น การหลับลึกสบายทั้งคืนก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน 🌌

⸻
📍ติดตามสาระสุขภาพดีๆ ได้ที่
ศูนย์ HCU Wellness Center
📍 อาคารวิทยเวช ชั้น 5 ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
☎️ โทร: 08-960-10089
Line:

30/07/2025

⚠️ แจ้งเตือนสุขภาพ: เพิกถอนยาแก้อักเสบ Nimesulide (ไนมีซูไลด์) แล้ว ‼️

จากประกาศกระทรวงสาธารณสุขอย่างเป็นทางการ
📌 ยา Nimesulide เคยเป็นที่รู้จักในฐานะยาแก้อักเสบ ลดปวด ลดไข้ และใช้กันอย่างแพร่หลายในบางประเทศ แต่ล่าสุด…
กระทรวงสาธารณสุขมีคำสั่ง เพิกถอนทะเบียนตำรับยา ที่มีสาร Nimesulide แล้วอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

🔍 สาเหตุสำคัญของการเพิกถอน

จากรายงานทางการแพทย์พบว่า…
• ยานี้มี ความเสี่ยงสูงต่อการทำลายตับ
• อาจเกิดอาการแพ้เฉพาะราย (Idiosyncrasy) อย่างรุนแรง
• ในบางกรณีอาจส่งผลให้เกิดภาวะตับวายเฉียบพลันซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
• มีรายงานอัตราการเกิดพิษต่อตับสูงกว่า 6 เท่า เมื่อเทียบกับยากลุ่มอื่นในประเภทเดียวกัน

❌ ใครยังใช้ยานี้อยู่ ควรหยุดทันที

และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อหาทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่า เช่น
• Paracetamol (พาราเซตามอล)
• Ibuprofen (ไอบูโพรเฟน)
• หรือยาต้านการอักเสบชนิดอื่นที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยในไทย

⸻

✅ ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากศูนย์สุขภาพ

🔹 อย่าซื้อยารับประทานเองหากไม่แน่ใจส่วนผสม
🔹 เช็คชื่อ “สารออกฤทธิ์” (active ingredient) ในฉลากยา
🔹 ขอคำแนะนำจากเภสัชกรก่อนใช้ยาใด ๆ โดยเฉพาะกลุ่มยาแก้อักเสบและยาแก้ปวด

ห่วงใยสุขภาพของคุณเสมอ 💙

📍 ศูนย์ HCU Wellness Center
อาคารวิทยเวช ชั้น 5 ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
☎️ 08-960-10089
LINE:

📍 คลินิกแพทย์แผนจีน
☎️ 02-713-8100 ต่อ 1258

24/07/2025

ม.หัวเฉียวฯ ขอแสดงความห่วงใย พร้อมส่งกำลังใจให้ทุกคนปลอดภัย และผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปด้วยความสงบเรียบร้อย
#ไทยกัมพูชา #ความไม่สงบ #ชายแดน

22/07/2025

⏱️ “กฎ 90 วินาที” เปลี่ยนอารมณ์ลบให้เป็นพลังบวก 💥

แนวคิดเรียบง่ายจากอดีตผู้บริหาร Google ที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้ใน 1 นาทีครึ่ง

เคยไหม… แค่คำพูดเดียวจากใครบางคนก็ทำให้วันทั้งวันของเราพัง 💔
เคยไหม… รู้ตัวอีกทีความโมโหหรือเศร้าใจกลับอยู่กับเรานานเกินกว่าจะรับมือ 😣

อดีตผู้บริหาร Google ชื่อ โม กาวาดัต (Mo Gawdat) เสนอแนวคิดง่ายๆ ที่เรียกว่า “กฎ 90 วินาที” ซึ่งเขาใช้กับตัวเองในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต และต่อมาก็ใช้ช่วยผู้คนอีกมากมายให้ “กลับมาควบคุมชีวิตตัวเองได้อีกครั้ง” 🧠✨

⸻

❓ แล้วกฎ 90 วินาทีคืออะไร?

เมื่อเราเผชิญกับอารมณ์ลบ เช่น โกรธ เครียด ผิดหวัง หรือเสียใจ ร่างกายของเราจะหลั่งสารเคมีที่ส่งผลต่อความรู้สึก
โมบอกว่า… “สารเคมีเหล่านี้จะอยู่ในกระแสเลือดไม่เกิน 90 วินาที”
หากเราสามารถ “อยู่กับมัน” อย่างมีสติและไม่เติมเชื้อ (ไม่คิดซ้ำ ไม่โต้กลับ ไม่ตัดสินตัวเองหรือคนอื่นเพิ่ม)
เราจะสามารถ “ปล่อยมันไป” ได้ทันทีที่ 90 วินาทีผ่านไป ⏳🍃

⸻

🎯 วิธีใช้กฎ 90 วินาทีแบบง่ายๆ
1. รู้ตัวให้เร็ว – ทันทีที่รู้สึกไม่ดี ให้หยุดและหายใจเข้าออกลึกๆ สัก 3 รอบ
2. ปล่อยให้ตัวเองรู้สึกได้เต็มที่ – ไม่ต้องกดความรู้สึก แค่ “รับรู้” มันอย่างเป็นกลาง เช่น “ฉันโกรธอยู่”
3. สังเกตผ่านร่างกาย – อารมณ์จะปรากฏที่ร่างกาย เช่น หัวใจเต้นเร็ว มือสั่น ให้โฟกัสที่ร่างกาย ไม่ใช่ความคิด
4. อยู่กับปัจจุบัน – อย่าเติมเรื่องราวหรือดราม่า ให้ปล่อยเวลาไหลผ่าน 90 วินาทีแล้วลองถามตัวเองว่า…
“ยังจำเป็นต้องโกรธหรือเศร้าอยู่อีกไหม?”

⸻

🔍 ตัวอย่างการใช้จริง

🧑‍💼 พนักงานออฟฟิศ – เพิ่งโดนหัวหน้าวิจารณ์แรงๆ
→ เดินเข้าห้องน้ำ หายใจลึกๆ นับ 1-90 แล้วออกมาทำงานต่อแบบไม่พาอารมณ์กลับโต๊ะ

👩‍👧 คุณแม่ – ลูกทำของแตกตอนเช้า รีบจะไปทำงาน
→ แทนที่จะตะโกน ลองหยุดนิ่ง 90 วินาที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงปกติ

🧘‍♀️ ตัวคุณเอง – เผชิญความผิดหวัง เสียใจ
→ ปล่อยให้น้ำตาไหลได้ ไม่ต้องห้าม แล้วถามตัวเองว่า “ฉันอยากอยู่กับความเศร้านี้อีกนานแค่ไหน?”

⸻

🌈 ทำไมมันถึงเวิร์ก?

เพราะมันคือการ “ตั้งสติ” ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ความคิดจะลากเราไปไกล
มันไม่ใช่การห้ามความรู้สึก แต่เป็นการ อยู่กับความรู้สึกอย่างฉลาด
เมื่อสารเคมีในสมองจางลง เราจะสามารถ “เลือก” ได้ว่าจะตอบสนองยังไง — และนั่นคือ “พลังที่แท้จริงของมนุษย์” 💪🧠

⸻

💡 ลองใช้ดูสิ… กฎ 90 วินาทีอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขที่คุณกำลังตามหา

📍ศูนย์ HCU Wellness Center
อาคารวิทยเวช ชั้น 5 ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
โทร: 08-960-10089 | Line:

21/07/2025

🚨 หยุด 4 พฤติกรรมนี้ก่อนที่ “เซลล์มะเร็ง” จะโตเร็ว!

รู้ทันมะเร็งตั้งแต่วันนี้ ด้วยหลักฐานจากวิทยาศาสตร์ 🧬

ทุกๆ วันในร่างกายของเรามี “เซลล์ผิดปกติ” เกิดขึ้นตลอดเวลา
แต่โชคดีที่ระบบภูมิคุ้มกันของเราส่วนใหญ่จัดการได้ทันก่อนที่มันจะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง
ปัญหาคือ…ถ้าเราใช้ชีวิตบางอย่างซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ มันอาจเป็นการ “เร่งให้เซลล์มะเร็งโตเร็วขึ้น” แบบไม่รู้ตัว!

🧪 งานวิจัยจากหลายสถาบันด้านมะเร็ง เช่น American Institute for Cancer Research พบว่า
“พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน” มีผลต่อการกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ผิดปกติอย่างชัดเจน

มาดูกันว่า 4 พฤติกรรมเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงคืออะไรบ้าง:

⸻

🔥 1. กินของปิ้งย่าง ไหม้เกรียมเป็นประจำ

เพราะอาหารที่ผ่านความร้อนสูงจนไหม้เกรียม จะมีสาร HCA และ PAHs ที่จัดเป็นสารก่อมะเร็ง (carcinogens)
โดยเฉพาะมะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่

ทางออก: เปลี่ยนวิธีการปรุงอาหาร หลีกเลี่ยงเนื้อที่ไหม้เกรียม และเพิ่มผักที่มีใยอาหารช่วยลำเลียงสารพิษออก

⸻

🧂 2. ทานเค็มจัดหรืออาหารหมักดองบ่อย

อาหารดองเค็มและของแห้งหลายชนิดมี ไนไตรท์ และ ไนเตรต ที่เมื่อเข้าไปในร่างกายจะเปลี่ยนเป็น ไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง

ทางออก: อ่านฉลากโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปบ่อยๆ เพิ่มอาหารสดใหม่ในมื้ออาหาร

⸻

💤 3. นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ

การอดนอนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน คอร์ติซอล ที่เพิ่มการอักเสบในระดับเซลล์

ทางออก: พยายามนอนให้ได้ 7–8 ชั่วโมงต่อคืน และให้คุณภาพการนอนสำคัญกว่าปริมาณ

⸻

☹️ 4. ความเครียดเรื้อรัง ไม่จัดการอารมณ์

ความเครียดทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานแย่ลง และอาจกระตุ้นฮอร์โมนที่ช่วยให้เซลล์ผิดปกติหลบเลี่ยงการตรวจจับได้

ทางออก: หาวิธีจัดการความเครียด เช่น ฝึกหายใจลึก เดินในธรรมชาติ หรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง 🐾

⸻

💡 สรุป:

การป้องกันมะเร็งไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ต้องรอให้ป่วยก่อน
แค่เริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่าง ก็อาจช่วยให้ “เซลล์มะเร็งเติบโตช้าลง” หรือไม่โตเลยก็ได้
สุขภาพที่ดี เริ่มได้ที่บ้าน ✨

⸻

📍หากคุณมีข้อสงสัยด้านสุขภาพ หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม
ติดต่อเราได้ที่:
ศูนย์ HCU Wellness Center
📍 อาคารวิทยเวช ชั้น 5 ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
📞 โทร: 08-960-10089
คลินิกแพทย์แผนจีน
📞 โทร: 02-713-8100 ต่อ 1258
หน่วยฟื้นฟูและดูแล
📞 โทร: 085-489-3714
Line ID: | Line ID: hcu1818

18/07/2025

🥗 “กินอะไรไม่เท่ากิน ‘อะไรก่อน’”
เคล็ด(ไม่)ลับ จัดลำดับการกินให้น้ำตาลไม่พุ่ง สุขภาพดีได้แบบไม่ต้องอด!
เคยไหมคะ... กินมื้อเที่ยงหรือเย็นเสร็จแล้วรู้สึก "ง่วง หวิว อืดแน่น หรือแม้แต่ใจสั่น" ทั้งที่ก็ไม่ได้กินเยอะอะไรเลย 😩
บางคนถึงขั้นโดนหมอตรวจเจอว่า น้ำตาลหลังอาหารพุ่ง ทั้งที่ยังไม่เป็นเบาหวาน! ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?

📌 คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่ คุณกินอะไร แต่อยู่ที่ คุณกินอะไรก่อนต่างหาก!

✅ กฎเหล็ก "จัดลำดับการกิน" แบบสุขภาพดี
เคล็ดลับนี้ถูกนำเสนอโดยนักโภชนาการและแพทย์ทั่วโลก โดยเฉพาะงานวิจัยจากญี่ปุ่นและยุโรป ที่ชี้ว่า...
การเรียงลำดับอาหารในแต่ละมื้อ ส่งผลโดยตรง ต่อระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหาร

💡 เทคนิคนี้เรียกว่า Food Sequence หรือ การจัดลำดับการกิน ซึ่งทำได้ง่ายๆ ดังนี้:

1️⃣ กินผักก่อน 🥦
– ผักมีใยอาหารสูง ช่วยสร้างเยื่อเคลือบในลำไส้
– ชะลอการดูดซึมน้ำตาลและไขมัน
– ส่งผลให้ “พีค” ของน้ำตาลในเลือดหลังอาหารลดลง

2️⃣ ต่อด้วยโปรตีน 🍗
– เช่น ไก่ ต้ม ไข่ เนื้อปลา เต้าหู้
– ทำให้อิ่มเร็ว อิ่มนาน ลดความอยากของหวาน
– โปรตีนยังช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และสมดุลน้ำตาลในเลือดได้ดี

3️⃣ ตามด้วยไขมันดี 🥑
– เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ถั่วอัลมอนด์
– ไขมันช่วยลดความเร็วของการย่อยคาร์โบไฮเดรต
– ให้พลังงานที่คงที่ไม่ทำให้เลือดสวิง

4️⃣ สุดท้ายค่อยกินคาร์บ 🍚
– ข้าว เส้น ขนมปัง มันฝรั่ง ฯลฯ
– เมื่อกินคาร์บภายหลัง จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง
– ลดภาวะ “อินซูลินพุ่ง” ซึ่งเป็นสาเหตุของการสะสมไขมันและน้ำตาลส่วนเกิน

💥 แล้วจะเห็นผลเมื่อไหร่?
นักวิจัยพบว่า ภายใน 30-60 นาทีหลังอาหาร ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งช้ากว่าเดิม หากเราจัดลำดับการกินตามนี้
และถ้าทำต่อเนื่อง 2-4 สัปดาห์ จะเริ่มรู้สึกได้เลยว่า:

✨ ไม่ง่วงหลังมื้ออาหาร
✨ น้ำหนักเริ่มนิ่ง ไม่เหวี่ยง
✨ พลังงานคงที่ทั้งวัน
✨ ลดความเสี่ยงเบาหวาน และไขมันพอกตับ

🏥 สนใจดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ที่:
ศูนย์ HCU Wellness Center
📍 อาคารวิทยเวช ชั้น 5 มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
☎️ โทร: 08-960-10089
📱 Line:

คลินิกแพทย์แผนจีน
📞 โทร: 02-713-8100 ต่อ 1258
(ดูแลสมดุลหยินหยาง ระบบย่อย และภาวะน้ำตาลในเลือดด้วยศาสตร์จีน)

แชร์เก็บไว้แล้วลองเลย!
กินอย่างฉลาด ไม่ต้องอดก็สุขภาพดีได้ 💪
เริ่มเปลี่ยนลำดับในมื้อถัดไป แล้วคุณจะ “รู้สึก” ถึงความต่างด้วยตัวเอง 🍽️🌿

18/07/2025

15/07/2025

https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/stroke

เป็นที่ตระหนักกันว่า โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ทั่วโลก และเป็นสาเหตุที่สำคัญของ...

05/07/2025

01/07/2025

สมองเสื่อม คือการทำงานของสมองทั้งหมดเสื่อมลง ซึ่งจะมีผลทำให้ผู้ที่เป็นโรคนี้มีปัญหา

- ด้านความจำ และความสามารถด้านอื่นๆ ของสมองเสื่อมลงไปด้วย
- การรับรู้จะผิดปกติจากคนทั่วๆ ไป เช่น ไม่รู้วันและเวลา เห็นภาพหลอน ความคิดอ่านเสื่อมลง คิดคำณวนไม่ได้ ไม่รู้เรื่องการใช้เหตุผลว่าจะต้องทำอะไรอย่างไรถูกกาลเทศะหรือไม่ ตัดสินใจไม่ได้ เคยรู้ว่าต้องทำอย่างไรก็กลายเป็นทำไม่เป็นไปเสียแล้ว
- ความสามารถในการสื่อสารกับคนอื่นก็ถดถอย
- บุคลิกและพฤติกรรมของผู่ที่ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมก็ยังเปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย

30/06/2025