13/05/2025
อ่านให้จบ… ผู้เชี่ยวชาญจากอินเดียแนะนำ วิธีลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง เพราะในแต่ละปีคนทั่วโลกเป็นโรคหลอดเลือดในสมองนับล้านคน คนส่วนหนึ่งต้องพิการและอีกส่วนหนึ่งเสียชีวิต ถึงแม้โรคนี้จะเป็นโรคที่ถือเป็นภัยเงียบที่อันตรายต่อชีวิต แต่ก็สามารถป้องกันและลดโอกาสการเกิดขึ้นได้ ด้วยการจัดการปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่เกี่ยวกับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
𝐃𝐫. 𝐏𝐍 𝐑𝐞𝐧𝐣𝐞𝐧 ที่ปรึกษาอาวุโส ประสาทวิทยาจาก 𝐀𝐩𝐨𝐥𝐥𝐨 𝐇𝐨𝐬𝐩𝐢𝐭𝐚𝐥, 𝐈𝐧𝐝𝐫𝐚𝐩𝐫𝐚𝐬𝐭𝐡𝐚 โรงพยาบาลชื่อดังของประเทศอินเดีย กล่าวว่า "ถึงแม้ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองจะยิ่งมากตามอายุที่มากขึ้น แต่สิ่งที่ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคนี้ก็คือ #ความดันโลหิตสูง เพราะเมื่อความดันโลหิตสูงขึ้นจะไปเพิ่มโอกาสที่หลอดเลือดจะเกิดความเสียหายและการอุดตันท้ายที่สุดอาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองแตก ดังนั้นการตรวจความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอและรักษาระดับความดันให้เป็นปกติจึงสำคัญมาก ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน หรือใช้ยาร่วมหากจำเป็น หรือทั้งสองวิธีร่วมกัน เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกัน”
นอกจากนี้ 𝐃𝐫. 𝐏𝐍 𝐑𝐞𝐧𝐣𝐞𝐧 ยังกล่าวต่อว่า “นอกจากความดันโลหิตแล้ว ระดับคอเลสเตอรอลยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะ 𝐋𝐃𝐋-𝐂𝐡𝐨𝐥𝐞𝐬𝐭𝐞𝐫𝐨𝐥 หรือ #คอเลสเตอรอลชนิดร้าย เพราะสามารถไปสะสมที่ผนังหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนเลือดไม่สะดวก เพราะหลอดเลือดแคบลง ท้ายที่สุดเกิดการอุดตัน ดังนั้นการจะควบคุมระดับไขมัน 𝐋𝐃𝐋-𝐂𝐡𝐨𝐥𝐞𝐬𝐭𝐞𝐫𝐨𝐥 ทำได้ด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย รวมทั้งการใช้ยาหากจำเป็น ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
ส่วนพฤติกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวันที่สามารถช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้ก็คือ #การเลิกสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคนี้ถึง 𝟮 เท่าส่วนคนที่เลิกสูบบุหรี่ถึงแม้จะสูบมานานแล้วก็ตามสามารถลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมาก ยิ่ง #คุมอาหาร เลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผักผลไม้ ธัญพืช โปรตีน และไขมันที่ดี ร่วมกับ #อออกกำลังกายเป็นประจำ ก็ยิ่งช่วยป้องกันได้ ส่วนการ #ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ก็อาจทำให้ความดันโลหิตและระดับไตรกลีเซอไรด์เพิ่มขึ้น เท่ากับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะผู้ที่หัวใจเต้นผิดจังหวะไม่สม่ำเสมอ
ดังนั้น การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ เลิกสูบบุหรี่ ออกกำลังกายเป็นประจำ ยังคงเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับการลดความเสี่ยงของ โรคหลอดเลือดสมองได้
ที่มา : MEGAWecare