หลอดเลือด by tick

หลอดเลือด by tick บำบัดหลอดเลือด อุดตัน เหนือด ไขมันส?

07/01/2022
04/03/2021

เรามาดูมาฟังกันครับสาเหตุหลอดเลือดสมองตีบ

มาจ้ามาดูแลตัวเองและคนที่คุณรักกันครับ...? ด้วย พอลลิติน วันล่ะ 2 เม็ดเช้าเย็นแค่นี้ก็ช่วยบรรเท่าความเสี่ยงได้แล้วพอลลิต...
22/02/2021

มาจ้ามาดูแลตัวเองและคนที่คุณรักกันครับ...? ด้วย พอลลิติน วันล่ะ 2 เม็ดเช้าเย็นแค่นี้ก็ช่วยบรรเท่าความเสี่ยงได้แล้ว
พอลลิติน นำเข้าจากอเมริกา สกัดจากละอองเกสรดอกไม้ ไม่มีสารเคมีไม่มีสารตกค้าง เสริมสร้างเซลที่เสียไปให้กับมาเหมื่อนเดิม
สั่งซื้อ 065-9388352
LINE ID 0659388352
ใน 1 กระปุกบรรจุ 50 เม็ดในราคา 2000 บาท
อย. 1011065110011

ทำไมหลายคนคิดว่าป่วยก่อนแล้วค่อยดูแลบำบัดกัน...?ทำไมไม่ป้องกันกันก่อนที่อะไรจะสายเกินไป ทรัพย์สินที่มีค้าที่สุดของเราก็ค...
12/01/2021

ทำไมหลายคนคิดว่าป่วยก่อนแล้วค่อยดูแลบำบัดกัน...?ทำไมไม่ป้องกันกันก่อนที่อะไรจะสายเกินไป ทรัพย์สินที่มีค้าที่สุดของเราก็คืนสุขภาพที่ดีไม่เจ็บไม่ป่วย ถ้าป่วยคนหนึ่งก็จะต้องป่วยกันทั้งบ้านเพราะต้องสลับกันมาดูแลเสียทั้งเวลาเสียทั้งเงินไหนจะสุขภาพจิตอีก
มาวันนี้ให้เรา " พอลลิติน " ช่วยเป็นตัวแทนครอบครัวของท่านและคนที่คุณรักให้ห่างหายจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ให้เราไปดีท็อกระบบเลือดให้ไหลเวียนดี ไม่เหนือด ไม่มีไขมันในเลือด
พอลลิติน นำเข้าจากอเมริกา สกัดจากละอองเกสรดอกไม้ ไม่มีสารเคมี โรงงานได้รับการรับรองจาก องค์การอานามัยโลก
สั่งซื้อ 065-9388352
LINE ID 0659388352
ส่งฟรีทั่วไทย / มีบริการเก็บเงินปลายทาง
ใน 1 กระปุกบรรจุ 50 เม็ดราคา 2,000 บาท อย. 1011065110011
***หลอดเลือดสมองตีบ แตก ตัน ภัยใกล้ตัวที่ควรป้องกัน !!!

คุณมีอาการเหล่านี้หรือเปล่า...? หรือสังเกตุตัวเองและคนที่คุณรักว่า1) มีอาการปวดเค้นที่บริเวณหัวใจอาจร้าวไปที่แขนไหล่ซ้าย...
10/01/2021

คุณมีอาการเหล่านี้หรือเปล่า...? หรือสังเกตุตัวเองและคนที่คุณรักว่า
1) มีอาการปวดเค้นที่บริเวณหัวใจอาจร้าวไปที่แขนไหล่ซ้าย ข้อศอก ขากรรไกรหรือที่่่่่่่่่่่่่่่่่ด้านหลัง
2)แน่นหน้าอก
3)หายใจลำบาก ใจสั่น
4)ซีด คลื่นไส้ อาเจียน
5)หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
6)เหงื่อออกมาก หมดสติ
ถ้าคุณและคนที่คุณรักมีอาการเหล่านี้ก็ต้องมาช่วยกันดูแลและบรรเทาอาการเหล่านี้ เพียงคุณเปิดใจมาให้ " พอลลิติน " ดูแลระบบหลอดเลือดของคุณและคนที่คุณรัก
พอลลิติน นำเข้าจากอเมริกา สกัดจากละอองเกสรดอกไม้ ไม่มีสารเคมี
สั่งซื้อ 065-9388352
LINE ID 0659388352
ส่งฟรีทั่วไทย / มีบริการเก็บเงินปลายทาง
ใน 1 กระปุกบรรจุ 50 เม็ด (อย. 1011065110011)

สาเหตุ-อาการ-วิธีรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อุดตันหากพูดถึงการเสียชีวิตของคนไทยด้วยโรคภัยไข้เจ็บ โรคที่ทุกคนนึกถึงเป็นอัน...
19/12/2020

สาเหตุ-อาการ-วิธีรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อุดตัน

หากพูดถึงการเสียชีวิตของคนไทยด้วยโรคภัยไข้เจ็บ โรคที่ทุกคนนึกถึงเป็นอันดับแรกคงหนีไม่พ้น โรคมะเร็ง แต่ความจริงแล้ว โรคหัวใจนี่แหละที่เป็นตัวการอันดับ 1 ในการคร่าชีวิตคนไทย และเป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ของประเทศ หนึ่งในโรคหัวใจที่น่ากลัวที่สุด คือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน เป็นโรคที่เกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ (Coronary artery) มีไขมันไปเกาะผนังของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบเล็กลง หรือตีบตัน ปริมาณเลือดแดงผ่านได้น้อย ส่งผลกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ และมีผลให้อวัยวะในส่วนต่าง ๆ ขาดเลือด หากหลอดเลือดตีบแคบมากจนอุดตัน อาจส่งผลให้บางรายเสียชีวิตแบบกะทันหันได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน มี 2 ประเภท

1. ปัจจัยที่ควบคุมได้ :

เกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารที่ผิด : การกินอาหารที่มีรสชาติเค็มเกินไป การกินคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินพอดี
การสูบบุหรี่ : คนที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงมากกว่าคนไม่สูบบุหรี่ ถึง 2 – 4 เท่า เนื่องด้วยบุหรี่ทำให้เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดเสื่อม
โรคความดันโลหิตสูง : ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง หัวใจจะทำงานหนักขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย หัวใจเราจะโตขึ้น จนทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบแข็ง และเกิดการอุดตัน ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
ผู้ที่มีระดับไขมันแอลดีแอลโคเลสเตอรอลสูง : ไขมันแอลดีแอลโคเลสเตอรอล จะเข้าไปทำให้ผนังหลอดเลือดเกิดความหนา ส่งผลให้หลอดเลือดแคบลง จนทำให้หลอดเลือดหัวใจเกิดภาวการณ์อุดตัน และส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย
โรคเบาหวาน : ผู้ป่วยโรคเบาหวาน เกิดความเสื่อมที่หลอดเลือด สำหรับไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ความอ้วน : ผู้ที่มีดัชนีมวลกายตั้งแต่ 30 กก. / เมตร2 ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดและหัวใจ โดยสามารถคำนวณดัชนีมวลกายได้จากน้ำหนักตัว(หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง(หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลัง 2 อย่างไรก็ตามหากมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ร่วมด้วย แม้มีดัชนีมวลกายตั้งแต่ 25 กก. / เมตร2 ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้น

2. ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ :

อายุ : ยิ่งอายุเพิ่มขึ้นเท่าไร ความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน จะเพิ่มขึ้นตามด้วย
พันธุกรรม : สำหรับผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดหัวใจตีบตัน จะเพิ่มความเสี่ยงแก่ตัวเอง
เพศ : ผู้ชายจะมีความเสี่ยงมากกว่าผู้หญิงก่อนวัยหมดประจำเดือน

อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจแบ่งเป็น 2 ประเภท

1. ไม่แสดงอาการรุนแรง : อาการในแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเฉียบพลัน แต่จะเกิดขึ้นในลักษณะของการสะสมของคอเลสเตอรอล ไขมัน และของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการ โดยสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่อสะสมถึง 70 % อาการถึงจะแสดงออกชัด เช่น แน่นหน้าอก คล้ายมีบางอย่างมากดทับ และรู้สึกร้าวไปทั้งแขนด้านซ้าย นอกจากนี้ยังรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ มักเกิดขึ้นกับคนที่มีปัจจัยเสี่ยงอย่าง 1. คนที่เป็นโรคเบาหวาน 2. คนที่เป็นโรคความดัน 3. คนที่มีไขมันในเลือดสูง และคนที่สูบบุหรี่อยู่เป็นประจำ

2. อาการที่เกิดขึ้นโดยเฉียบพลัน เช่น วิ่งอยู่ในฟิตเนสแล้วเกิดหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย โดยไม่มีอาการใดนำมาก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการฉีกขาดของหลอดเลือดภายใน ส่งผลให้เกร็ดเลือดมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เพื่อมาอุดรอยแตกนั้น โดยใช้ระยะเวลาการเกิดไม่ถึงนาที ปัจจัยหลักที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการนี้ คือ การสูบบุหรี่ สำหรับคนที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงมากกว่าคนไม่สูบบุหรี่ ถึง 2 – 4 เท่า เนื่องด้วยบุหรี่ทำให้เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดเสื่อม

สำหรับการรักษาโรคหลอดหัวใจตีบตันแบ่งเป็น 2 ประเภท
1. การขยายหลอดเลือดด้วยการสวนหัวใจ และบอลลูนหัวใจ : เป็นวิธีการขยายหลอดเลือดหัวใจ ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด และมีความปลอดภัยสูง โดยแพทย์จะทำการสอดสายสวนหัวใจ เข้าไปทางหลอดเลือดที่ขา หรือแขน เมื่อถึงบริเวณหลอดเลือดตีบ จึงต่อสายบอลลูน เพื่อดันให้บอลลูนขยายตัวออก เบียดคราบไขมัน หินปูนที่เกาะอยู่ผนังหลอดเลือดให้ยุบแบนลง เพื่อให้เลือดสามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ปกติ ในบางรายอาจใช้ขดลวดที่เคลือบยามาใช้แทนขดลวดธรรมดา เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายหลอดเลือด ซึ่งการใช้ขดลวดดังกล่าว มีความปลอดภัย และช่วยลดปัญหาเรื่องการเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบซ้ำได้อีก

2. การผ่าตัดทำทางเบิ่ยงหลอดเลือดหัวใจ หรือ การทำบายพาสหัวใจ : ขั้นตอนการผ่าตัดบายพาสหัวใจ โดยทั่วไปจะใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม เพื่อหยุดการทำงานของหัวใจทั้งหมด แต่โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ทีมแพทย์ของเรามีความเชี่ยวชาญการผ่าตัดบายพาสแบบหัวใจยังเต้นอยู่ โดยไม่ใช้ เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Off-Pump CABG) ซึ่งข้อดีของการผ่าตัดแบบนี้คือ ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแทรกซ้อนจากเครื่องปอดหัวใจเทียม ทำให้ใช้ปริมาณเลือดในการผ่าตัดน้อยลง และช่วยลดระยะเวลาในการผ่าตัดให้สั้นลง ตลอดจนใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นในโรงพยาบาลสั้นกว่าแบบหยุดการทำงานของหัวใจ

การรักษาดังกล่าวทั้ง 2 วิธีใช้ในผู้ที่มีอาการร้ายแรง ทำโดยเแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งหากผู้อ่านตรวจสุขภาพเป็นประจำ และรู้ตัวว่าเริ่มมีอาการก็สามารถป้องกันได้โดยปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพสม่ำเสมอก็จะช่วยให้ความเสี่ยงลดลงได้ครับ

โรคหลอดเลือดแดงหัวใจตีบตัน ส่วนใหญ่มากกว่า 95% มาจากการอักเสบ การเสื่อมของหลอดเลือดซึ่งใช้เวลานานนับสิบๆ ปี       ความเส...
07/12/2020

โรคหลอดเลือดแดงหัวใจตีบตัน ส่วนใหญ่มากกว่า 95% มาจากการอักเสบ การเสื่อมของหลอดเลือดซึ่งใช้เวลานานนับสิบๆ ปี
ความเสื่อมจะมากหรือน้อยนั้นต่างกันตามสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้น กรรมพันธุ์ ความดันโลหิต สูงเบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ การสูบบุหรี่ ความอ้วน การไม่ออกกำลังกาย ถ้าหลอดเลือดในหัวใจเริ่มตีบแคบเกิน 50% จะเริ่มมีอาการเหนื่อยเมื่อออกแรงมากขึ้น พอพักก็หาย และถ้าตีบเกิน 75% อาจมีอาการแม้อยู่เฉยๆ นอกจากนี้ บางสถานการณ์อาจมีการปริแตกของตระกรัน (Plaque) ในหลอดเลือดแดง เกล็ดเลือด และปัจจัยแข็งตัวของเลือดจะเข้ามาอุดทำให้หลอดเลือดหัวใจเส้นนั้นเกิดตีบตันฉับพลัน มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หรือเป็นมากขึ้นก็หอบเหนื่อย (เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว) หรือหัวใจหยุดเต้น เรียกกลุ่มอาการอันตรายนี้ว่า ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลัน (ACS: Acute Coronary Syndrome) ซึ่งเป็นภาวะเร่งด่วนทางหัวใจที่ต้องรักษาฉับพลัน คนทั่วไปอาจเรียกว่า Heart Attack (อาการโรคหัวใจอันตรายฉับพลัน)
ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
ในอดีตโรคนี้มักเจอในผู้ชายวัยกลางคน และหญิงวัยทอง แต่ปัจจุบันพบภาวะนี้ในอายุน้อยลงๆ อาจเป็นเพราะสถานการณ์ทุกวันนี้มีความเครียดสูง การแข่งขันกันมาก การเร่งรีบ พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งผลเร่งให้เกิดความเสื่อมของหลอดเลือดแดงเร็วขึ้น จึงไม่แปลกเลยที่พบเห็นผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลันในอายุ 30 ปีกว่าๆ มากขึ้น บางคนมี Heart Attack เสียชีวิตระหว่างขับรถในขณะที่อายุ 48-49 ปีเท่านั้น ปัจจัยเสี่ยงของอาการหลอดเลือดหัวใจตีบ
ปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้: อายุ เพศชาย มีประวัติบิดาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจก่อน 55 ปี หรือมารดาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจก่อนอายุ 65 ปี
ปัจจัยที่แก้ไขได้: ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันสูง สูบบุหรี่ อ้วนลงพุง (ผู้ชายวัดเส้นรอบสะดือ>36 นิ้ว ผู้หญิงวัดได้>32 นิ้ว) การไม่ออกกำลังกายบุคลิกเคร่งเครียดตลอดเวลา
การควบคุมปัจจัยเสี่ยง
หยุดสูบบุหรี่เด็ดขาด (ยังช่วยรักษาโรคอื่นด้วย)
ควบคุมความดันโลหิตให้น้อยกว่า หรือเท่ากับ 130/85 สำหรับคนที่ไม่เป็นเบาหวาน สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานควรมีความดันน้อยกว่า หรือเท่ากับ 130/80 และสำหรับผู้ที่เป็นไตเสื่อมควรมีความดันน้อยกว่า หรือเท่ากับ 125/75 (มีไข่ขาวในปัสสาวะมากกว่าวันละ 1 กรัม)
ควบคุมเบาหวาน< 130 mg% เมื่ออดอาหาร 6 ชม. และให้เบาหวานเฉลี่ย 3 เดือน (HbA1c) < 7%
ควบคุมไขมัน คอเลสเตอรอล< 200 mg%, ไตรกลีเซอร์ไรด์< 150 mg%, แอลดีแอล (ไขมันร้าย)< 100 mg%, เฮชดีแอล (ไขมันดี)> 40 mg% (ชาย) และ> 45 mg% (หญิง)
ควบคุมน้ำหนัก ดัชนีมวลกาย (BMI) < 25 หรือให้เส้นรอบสะดือ< 36 นิ้ว (ชาย) < 32 นิ้ว (หญิง)
ออกกำลังกายแบบแอโรบิค> 30 นาที มากกว่า 5 ครั้ง/สัปดาห์
รู้จักพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เคร่งเครียดตลอดเวลา
อาการเส้นเลือดหัวใจตีบ
เจ็บแน่นหน้าอกตรงกลาง ร้าวไปไหล่ซ้ายและแขนซ้ายบางรายมีปวดร้าวขึ้นไปตามคออาการเป็นมากขึ้นเวลาออกแรง นั่งพักจะดีขึ้นในรายที่มีเส้นเลือดหัวใจตีบมากจนตัน จะทำให้มีการขาดเลือดอย่างรุนแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ จนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายในที่สุด ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกรุนแรง กระสับกระส่าย เหงื่อออกตัวเย็น ถ้านำส่งโรงพยาบาลไม่ทันก็อาจเสียชีวิตได้ จากอาการที่กล่าวมาข้างต้น หากเกิดความสงสัยว่ามีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บหน้าอกอาจเป็นได้จาก 2 กรณี คือ เกิดจากการขาดเลือดเนื่องจากเส้นเลือดหัวใจตีบ หรือเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการอุดตันของเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอย่างกะทันหัน หากเป็นการขาดเลือดจากหลอดเลือดตีบ คือมีอาการขณะออกแรง หรือออกกำลังกาย ให้หยุดการออกแรง หรือออกกำลังกายที่มากจนทำให้เกิดอาการ และพบแพทย์โดยเร็ว แต่ไม่ถึงกับฉุกเฉิน แต่หากเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการอุดตันของเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอย่างกะทันหัน คือมีอาการในขณะพัก หรืออยู่เฉยๆ โดยมีอาการค่อนข้างมาก ให้พบแพทย์โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยด่วนทั้งนี้ กล้ามเนื้อหัวใจจะตายเกือบทั้งหมดภายใน 4-6 ชั่วโมง แต่ถ้าเราแก้ไขได้ก่อน 4-6 ชั่วโมง จะสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจกลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยเฉพาะในปัจจุบันมียาฉีดที่สามารถละลายก้อนเลือดที่ไปอุดตันหลอดเลือดได้ผลดีมาก ฉะนั้น ถ้ามีอาการของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบนี้ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ไม่ควรปล่อยไว้นานเกิน 4-6 ชั่วโมงนอกจากนี้ ภาวะไขมันในเลือดสูง คอเลสเตอรอลสูง ยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตีบเพิ่มขึ้น
การรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบหลายวิธี เช่น การทำบายพาส โดยการนำเส้นเลือดจากบริเวณอื่นมาต่อเชื่อมจากเส้นเลือดแดงใหญ่ไปยังหลอดเลือดหัวใจใต้จุดที่มีการอุดตัน การใช้บอลลูนเข้าไปขยายหลอดเลือด และการใช้ขดลวดตาข่ายค้ำยันหลอดเลือดที่มีการอุดตัน อย่างไรก็ตาม ในรายที่พบหลอดเลือดอุดตันแล้ว การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นเพียงการประคับประคองอาการเท่านั้น ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือการป้องกัน ในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง มีน้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง หรือสูบบุหรี่ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการเลิกสูบบุหรี่ ควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หมั่นออกกำลังกาย และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยรับประทานอาหารให้มีไขมัน แป้ง น้ำตาล ให้น้อยลง เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงมากขึ้น
การทำผ่าตัดบายพาสโรคเส้นเลือดหัวใจตีบปัจจุบัน มี2วิธี คือ
การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ โดยไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Off-Pump CABG) หรือ แบบ “ไม่ต้องหยุดหัวใจ” มีข้อดี คือใช้ปริมาณเลือดในการผ่าตัดน้อยลง และลดระยะเวลาในการผ่าตัด รวมถึงการดมยาสลบ ตลอดจนระยะเวลาการพักฟื้นในโรงพยาบาลสั้นกว่าแบบผ่าตัดบายพาสหยุดหัวใจ
การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ แบบต้องใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (On Pump CABG) เพื่อ “หยุด” การทำงานของหัวใจทั้งหมด
อาหารที่เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
เป็นอาหารอ่อน ย่อยง่าย รสชาติไม่จัดจนเกินไป ควรเลือกคาร์โบไฮเดรตที่มีกากใยสูง มีส่วนประกอบของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวต่ำ (low glycemic index) และเลือกบริโภคอาหารที่มีไขมันต่ำ โดยไขมันที่รับประทานควรมีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว นอกจากนี้ ควรเพิ่มการบริโภคอาหารที่มีผัก ผลไม้ อาหารกลุ่มธัญพืช และกากใยอาหารชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งเป็นแหล่งวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันภาวะท้องผูก และลดการเกิดมะเร็งลำไส้ อีกทั้ง ไม่ควรรับประทานผลไม้ และอาหารที่มีรสจัด

หลอดเลือดหัวใจตีบ ดูแลตัวเองดี ต่อชีวิตได้อีกไกลโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีความรุนแรง และสามารถทำให้เสียชี...
06/12/2020

หลอดเลือดหัวใจตีบ ดูแลตัวเองดี ต่อชีวิตได้อีกไกล
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีความรุนแรง และสามารถทำให้เสียชีวิตได้ โดยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเป็นโรคที่ทำให้เสียชีวิตมากเป็นอันดับสองรองลงมาจากโรคมะเร็ง หากรู้ตัวว่าเป็นแล้วต้องมีการดูแลตนเองเป็นอย่างดี เพื่อยืดอายุของคนไข้ให้ยาวนานขึ้น ด้วยการปรับพฤติกรรมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากกระทำได้อย่างเหมาะสมก็จะสามารถต่อเวลาชีวิตออกไปได้

อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

เจ็บแน่นหน้าอก
เหนื่อยง่ายขณะออกแรง
หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันและเรื้อรัง
ความดันโลหิตต่ำเฉียบพลัน
หมดสติหรือหัวใจหยุดเต้น
ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้

อายุที่มากขึ้นมีโอกาสเป็นเพิ่มขึ้น
เพศชายเป็นได้มากกว่าเพศหญิง หากในวัยหมดประจำเดือนเพศหญิงมีโอกาสเป็นเท่ากับเพศชาย
ประวัติครอบครัว
ปัจจัยที่ควบคุมได้

สูบบุหรี่
ไขมันในเลือดสูง
ความดันโลหิตสูง
ไม่ออกกำลังกาย
น้ำหนักมากหรืออ้วน
โรคเบาหวาน
กินอาหารไม่มีประโยชน์
ความเครียด
ผลกระทบหลอดเลือดหัวใจตีบ

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเป็นโรคที่มีอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้หรือรู้ตัวช้า ทำให้ไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมตามเวลา เมื่ออายุมากขึ้นหรือมีปัจจัยเสี่ยง ไขมันจะเริ่มเกาะที่ผนังหลอดเลือดด้านใน ทำให้หลอดเลือดตีบหรือแคบลง ส่งผลต่อเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ หากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดการปริแตกของหลอดเลือด เกล็ดเลือดหลุดเข้าไปอุดตันทางเดินของหลอดเลือด และเมื่อมีการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจเกินร้อยละ 50 คนไข้จะเริ่มมีอาการแสดง

การวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจ

หากคนไข้พบแพทย์ด้วยอาการแน่นหน้าอก หรืออาการอื่นที่กล่าวมาข้างต้น คนไข้จะได้รับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจภายใน 10 นาที และเจาะเลือดเพื่อดูเอนไซม์ของหัวใจ หากสูงขึ้นแสดงว่ามีการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหัวใจ ร่วมกับซักประวัติคนไข้ สอบถามระยะเวลาที่เจ็บแน่นหน้าอก หากมากกว่า 20 นาที อาจเกี่ยวข้องกับอาการหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

หากหลอดเลือดตีบตันเพียงบางส่วน รักษาด้วยยา
หากหลอดเลือดตันมาก รักษาด้วยการทำบอลลูนหัวใจ
หากไม่สามารถทำบอลลูนหัวใจได้ รักษาด้วยการผ่าตัดทำบายพาสหัวใจ
การดูแลตนเองในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง (ควบคุมอาหาร ลดหวาน มัน เค็ม ลดน้ำหนักตัว)
กินยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด พบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
กินผัก ผลไม้ และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร
กินอาหารแต่พออิ่ม หลังกินเสร็จพัก 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพราะหลังกินอาหารเลือดจะไปเลี้ยงที่ท้อง หากไม่พักจะทำให้เจ็บหน้าอก
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลังการรักษาแพทย์จะให้คนไข้ฝึกเดิน จากนั้นควรเพิ่มระยะเวลาทีละน้อย
ทำจิตใจให้สงบ หาโอกาสพักผ่อน ลดความเครียด
ไม่สูบบุหรี่
การดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

หลีกเลี่ยงอาหารหวาน อาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว และอาหารเค็มจัด
กินอาหารที่มีไขมันน้อย
ออกกำลังกายเป็นประจำ
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด
ควบคุมน้ำหนัก
ตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

สุขภาพดี...?ไม่มีขาย อยู่ที่ตัวเราเองที่จะต้องสร้างมันขึ้นมา...? หันมาดูแลตัวเองและคนที่เรารักก่อนที่อะไรมันจะเสียไปสั่ง...
04/12/2020

สุขภาพดี...?ไม่มีขาย อยู่ที่ตัวเราเองที่จะต้องสร้างมันขึ้นมา...? หันมาดูแลตัวเองและคนที่เรารักก่อนที่อะไรมันจะเสียไป
สั่งซื้อ 065-9388352
LINE ID 0659388352
ส่งฟรีทั่วไทย / มีบริการเก็บเงินปลายทาง
ใน 1 กระปุกบรรจุ 50 เม็ดราคา 2,000 บาท

มาจ้าเราหันมาดูแลตัวเองก่อนที่อะไรจะสายเกินไปด้วย " พอลลิติน " ให้ช่วยฟื้นฟูร่างกายเราและคนที่คุณรักพอลลิติน สกัดจากละออ...
03/12/2020

มาจ้าเราหันมาดูแลตัวเองก่อนที่อะไรจะสายเกินไปด้วย " พอลลิติน " ให้ช่วยฟื้นฟูร่างกายเราและคนที่คุณรัก
พอลลิติน สกัดจากละอองเกสรดอกไม้ นำเขาจากอเมริกา ไม่มีสารเคมีช่วยดีท็อกหลอดเลือดให้ไหลเวียนดีไม่หนืด
สั่งซื้อ 065-9388352
LINE ID 0659388352
ส่งฟรีทั่วไทย / มีบริการเก็บเงินปลายทาง
ใน 1 กระปุกบรรจุ 50 เม็ดราคา 2,000 บาท(เพื่อสุขภาพไม่แพงกว่าที่คิด)

120 นาทีมีค่า "โรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน" รักษาเร็ว-ลดการเสียชีวิต กรมการแพทย์ระบุ "โรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน" พบได้บ่อยในผู...
01/12/2020

120 นาทีมีค่า "โรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน" รักษาเร็ว-ลดการเสียชีวิต

กรมการแพทย์ระบุ "โรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน" พบได้บ่อยในผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป และเกิดขึ้นได้ทุกเวลา หากได้รับการรักษาล่าช้าอาจทำให้เสียชีวิตได้

วันนี้ (29 พ.ย.2563) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงโรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน (Heart attack) ว่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตในผู้ใหญ่ พบได้บ่อยตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป

สาเหตุอาจเกิดได้จากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่มีสาเหตุจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันชนิดเฉียบพลัน ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอกบริเวณซีกซ้าย อาจจะร้าวไปที่แขนซ้ายหรือร้าวไปที่กราม ร่วมกับมีอาการเหงื่อออก มือเท้าเย็น วิงเวียน จะเป็นลม หมดแรง คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่อิ่ม ซึ่งผู้ป่วยที่เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล สาเหตุส่วนใหญ่เป็นผลมาจากหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน คือ การสูบบุหรี่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะอ้วนลงพุง การบริโภคอาหารที่มีไขมันทรานส์ แต่อย่างไรก็ตามอาการหัวใจกำเริบเฉียบพลัน อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมา

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์
ขณะที่ นพ.เอนก กนกศิลป์ ผอ.สถาบันโรคทรวงอก กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคหัวใจกำเริบเฉียบพลันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกสถานที่และทุกเวลา เช่น ขณะออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งนอนหลับพักผ่อน ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการ แต่ยังรู้สึกตัวดี ต้องรีบมาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ส่วนในกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งหน้าจะต้องมีความรู้เรื่องการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) และรู้จักการใช้เครื่องกระตุกหัวใจ (AED) ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล หรืออาจติดต่อหมายเลข 1669 เพื่อนำตัวผู้ป่วยส่งเข้ารับการรักษาเบื้องต้นและส่งต่อไปยังโรงพยาบาล

“ผู้ป่วยที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันจากหลอดเลือดหัวใจอุดตัน จะต้องได้รับการรักษาทันที ด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือดหรือการสวนหัวใจ เพื่อทำบอลลูน มีระยะเวลาที่เป็นนาทีทอง 120 นาทีในการเปิดหลอดเลือดหัวใจ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต”
ภายหลังการรักษา ผู้ป่วยต้องรับประทานยาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดและควบคุมปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว มาพบแพทย์ตามนัด หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ หากพบว่าอาการผิดปกติ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย หอบเหนื่อยนอนราบไม่ได้ ขาบวมกดบุ๋ม ให้รีบพบแพทย์ทันที

เตือน “หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน” เสี่ยงตายใน 1 ชั่วโมงผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หัวใจขาดเลือดแพทย์ชี้ “กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือ...
30/11/2020

เตือน “หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน” เสี่ยงตายใน 1 ชั่วโมง
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หัวใจขาดเลือด

แพทย์ชี้ “กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน” ทำให้ตายภายใน 1 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ เตือนหากจุกแน่นหน้าอก เหงื่อออก ใจสั่น ปวดร้าวไปกราม จุกใต้ลิ้นปี่ ให้รีบพบแพทย์ทันที แนะเลี่ยงอาหารไขมันสูง ความเครียด บุหรี่และแอลกอฮอล์ ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ตรวจสุขภาพประจำปี ลดเสี่ยงโรคหัวใจ

นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เป็นภาวะที่มีลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดหัวใจ ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ หัวใจจะขาดเลือดและออกซิเจน ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย ในประเทศไทย พบว่าร้อยละ 45 ของการเสียชีวิตเฉียบพลัน เกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งโรคนี้มักเกิดขึ้นทันทีแบบเฉียบพลัน เช่น ขณะปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ทำงาน เล่นกีฬา เกิดจากภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและก่อตัวเป็นตะกรัน โดยหลอดเลือดเมื่อเกิดการร่อนหลุดของตะกรัน ทำให้มีการอุดตันของหลอดเลือด อาจทำให้เสียชีวิตเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง และที่สำคัญ มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตเฉียบพลันจากโรคหัวใจ ไม่เคยแสดงอาการมาก่อน สะท้อนให้เห็นว่าโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นการดูแลสุขภาพตนเองเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐาน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า หลักการง่ายๆ ที่สามารถปฏิบัติตนเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค คือ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันประเภทอิ่มตัว เช่น ไขมันจากเนื้อสัตว์ อาหารฟาสต์ฟูด เนยและผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่พร่องไขมัน เพราะอาหารที่มีไขมันสูง จะทำให้เกิดการสะสมไขมันในผนังหลอดเลือด ควรรับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้นในแต่ละมื้อ หลีกเลี่ยงความอ้วน ซึ่งหากมีน้ำหนักตัวมาก หัวใจจะทำงานหนักขึ้นเพื่อส่งโลหิต ออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย ซึ่งหากเปรียบเทียบการทำกิจกรรมประเภทเดียวกัน หัวใจของคนที่มีน้ำหนักตัวมากจะทำงานหนักกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวปกติ ดังนั้น ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 5 ครั้ง จะช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ควรหลีกเลี่ยงอารมณ์เครียด เพราะความเครียดจะมีผลต่อสุขภาพร่างกายในหลายๆ ด้าน เช่น ปวดศีรษะไปจนถึงขั้นหัวใจวาย จึงควรทำจิตใจให้แจ่มใส ควบคุมอารมณ์ หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดความเครียด โดยหากิจกรรมนันทนาการ เช่น ปลูกต้นไม้ ฟังเพลง เล่นกีฬา เพื่อให้ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นเวลานานจะทำให้ปริมาณไขมันในเลือดมีระดับสูง ลดสมรรถภาพของหัวใจในการสูบฉีดเลือดไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ หากพบว่าตนเองมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องควบคุมระดับความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่าบุคคลทั่วไป

“อาการและสัญญาณเตือนของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน คือ จุกแน่นหน้าอก มีเหงื่อออก ใจสั่น ปวดร้าวไปกราม สะบักหลัง แขนซ้าย จุกคอหอย จุกใต้ลิ้นปี่ คล้ายโรคกระเพาะ หรือกรดไหลย้อน ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์โดยเร็วซึ่งจะต้องได้รับยาละลายลิ่มเลือดภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังมีอาการ หรือขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูนและใส่ขดลวดค้ำยันภายในเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง หลังจากมีอาการ จะให้ผลการรักษาที่ดีมาก นอกจากนี้ ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีและควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น อาหารไขมันสูง ความเครียด ออกกำลังกาย เพื่อป้องกันโรคหัวใจที่อาจเป็นภัยเงียบทำให้เสียชีวิตได้” รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว

ที่มา: MGR Online

หลอดเลือดหัวใจตีบ” แก้ไขได้...ด้วยการผ่าตัด หลอดเลือดหัวใจตีบวันนี้เราจะพามารู้จักกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคที่ไม่ได้มี...
29/11/2020

หลอดเลือดหัวใจตีบ” แก้ไขได้...ด้วยการผ่าตัด

หลอดเลือดหัวใจตีบ

วันนี้เราจะพามารู้จักกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคที่ไม่ได้มีแต่ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงเท่านั้น แต่ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่กำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้โดยไม่รู้ตัว โรคนี้มีอาการ วิธีการรักษา และเทคนิคในการป้องกันตัวเองได้ยังไงบ้าง เรามาดูกันเลย

“หลอดเลือดหัวใจตีบ” เกิดขึ้นได้อย่างไร
คุณหมออธิบายง่ายๆ ให้เราฟังว่า “หลอดเลือดหัวใจตีบเกิดจากการที่มีไขมันมาเกาะที่ผนังเลือด ทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบแคบลง เกิดการไหลเวียนของเลือดลดลง จนส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายได้ในที่สุด”

ลักษณะ “อาการ” ที่ต้องระวัง
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้น จะมีอาการที่สังเกตได้คือ แน่นหน้าอก เวลาที่ออกกำลังกายหรือทำงานหนัก และเมื่อพักอาการจะดีขึ้น มีการหายใจที่เหนื่อยหอบ จากภาวะหัวใจวาย บางคนอาจมีการเจ็บหน้าอกเฉียบพลัน เหงื่อออกจนเป็นลมได้

อะไร คือ “ปัจจัยเสี่ยง”
หลายคนเข้าใจผิดว่าอายุที่เพิ่มขึ้นเป็นเพียงปัจจัยเดียวที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่รู้ว่าความจริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ทั้งโรคและพฤติกรรม เช่น โรคความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ โรคเบาหวาน ความอ้วน การทานอาหารที่มีไขมันสูงๆ หรือแม้แต่พันธุกรรม

รักษาด้วยการ “ผ่าตัด Bypass”
การผ่าตัดทำทางเบี่ยงของหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting) คือ การผ่าตัดหัวใจเพื่อรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบโดยทำทางเบี่ยงของทางเดินเลือดใหม่ เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจด้วยเส้นทางใหม่ ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถทำกิจวัตรประจำวันที่เป็นปกติหรือใกล้เคียงปกติได้มากที่สุด และยังสามารถลดการเสียชีวิตกระทันหันได้

เชค “ข้อบ่งชี้” ก่อนทำการผ่าตัด แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกายทั่วไป และอาจมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติมต่างๆ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG), การวิ่งสายพาน (Exercise stress test) ขณะวิ่งสายพาน ถ้ามีอาการเจ็บหน้าอก เส้นเลือดหัวใจตีบ ผลจะส่งไปปรากฏที่คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG), การตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography) การตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Coronary Computerized tomography angiography) และตรวจฉีดสี ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น แพทย์จะพิจารณาข้อบ่งชี้ร่วมด้วย เช่นมีการตีบตันของหลอดเลือดโคโรนารีซ้ายอย่างรุนแรงหรือไม่ มีการตีบของหลอดเลือดหัวใจรุนแรงหลายเส้นหรือเปล่า หรือผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอก หอบเหนื่อยบ้างมั๊ย

“ขั้นตอน” การผ่าตัด Bypass
เริ่มจากวิสัญญีแพทย์วางยาสลบ (General anesthesia) ศัลยแพทย์ผ่าเปิดกระดูกหน้าอกและเอาเส้นเลือดแดงใต้กระดูกหน้าอก เส้นเลือดดำที่ขา และ/หรือ เส้นเลือดแดงที่แขน มาต่อข้ามเส้นเลือดเดิมที่ตีบตัน ปลายข้างหนึ่งของหลอดเลือดใหม่จะต่อใต้เส้นเลือดเดิมที่ตีบตัน ปลายอีกข้างหนึ่งต่อเหนือเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจที่ตีบตัน จะได้เส้นทางเดินของเลือดใหม่ เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น

เมื่อก่อนการผ่าตัดอาจจะต้องใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม (On-Pump Coronary Artery Bypass Grafting, รูปที่ 3) มาช่วยในขณะที่หัวใจหยุดเต้น เพื่อให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดได้ง่ายขึ้น แต่ในปัจจุบันการผ่าตัดโรคหัวใจหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน สามารถทำได้โดยโดยไม่ต้องใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม (Off-Pump Coronary Artery Bypass Grafting) หรือหัวใจไม่หยุดเต้น โดยใช้เครื่องมือช่วยให้บริเวณผ่าตัดหยุดนิ่งพอที่ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดได้ (รูปที่ 4) ซึ่งศัลยแพทย์จะเป็นผู้ที่เลือกชนิดของการผ่าตัดให้เหมาะสมแก่ผู้ป่วยแต่ละราย

“เครื่องปอดหัวใจเทียม” ตัวช่วย หรือ ตัวฉุด
การใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเมื่อหัวใจหยุดเต้น ศัลยแพทย์สามารถทำการต่อหลอดเลือดใหม่ได้ง่าย แต่การใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมก็มีข้อเสียคือ ทำให้เกิดการอักเสบขึ้นทั่วร่างกาย เนื่องจากเลือดทั้งหมดในร่างกายต้องออกมาผ่านเครื่องปอดหัวใจเทียมเพื่อเติมออกซิเจนแล้วให้กลับไปในตัวผู้ป่วยใหม่ นอกจากนี้ร่างกายยังกระตุ้นสารเคมี ทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น การใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมยังมีผลต่อเกล็ดเลือดและการแข็งตัวตัวของเลือด ซึ่งอาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหลังผ่าตัด การใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมมีผลต่อระบบการทำงานของปอด ไตและสมองนอกจากนี้การทำให้หัวใจหยุดโดยใช้สารเคมีซึ่งจำเป็น ยังอาจมีผลกระทบในระดับเซลล์ของหัวใจและทำให้การฟื้นตัวและการทำงานของหัวใจลดลงหลังผ่าตัดหัวใจ

ในบางกรณีที่เป็นผู้สูงอายุซึ่งมีเศษไขมันหรือคราบไขมันติดอยู่ตรงหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า (aorta) อยู่ เมื่อใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมอาจทำให้เศษไขมันที่เกาะอยู่หลุดเข้าไปในระบบการทำงานของส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ หรือฟองอากาศเล็กๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมอาจหลุดเข้าไปในระบบการทำงานของส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เหมือนกัน ซึ่งถ้าหลุดเข้าไปในระบบการทำงานของสมองอาจทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตได้ ถ้าหากศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดหลอดเลือดบายพาสได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม ภาวะแทรกซ้อนทั้งหมดของเครื่องปอดหัวใจเทียมจะถูกตัดออกไป 100 %

การผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจบายพาสโดยไม่ใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม (Off-pump Coronary Artery Bypass Grafting) เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งเข้ามาช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการทางเลือกใหม่ อย่างไรก็ตามการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจบายพาสโดยหัวใจไม่หยุดเต้นก็มีผลข้างเคียงถ้าศัลยแพทย์ไม่มีความชำนาญและประสบการณ์เพียงพอ ก็อาจจะทำให้เส้นเลือดตีบตันกว่าเดิมได้ หรือศัลยแพทย์บางท่านที่มีการประสานงานกับวิสัญญีแพทย์ได้ไม่ดีพอ ก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยได้ด้วยเช่นกัน

 # # # อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นแล้วไม่ต้องตกใจเ้พียงเปิดใจก็บำบัดได้...? คนในครอบครัว ป่วยหนึ่งคนทำให้ป่วยกันทั้งบ้าน ถ้าเป็...
25/11/2020

# # # อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นแล้วไม่ต้องตกใจเ้พียงเปิดใจก็บำบัดได้...? คนในครอบครัว ป่วยหนึ่งคนทำให้ป่วยกันทั้งบ้าน ถ้าเป็นได้เรามาป้องกันกันไว้ก่อนจะดีกว่าจะสายเกินไป ขอโอกาสให้" พอลลิติน" ได้แบ่งเบาภาระท่านในการบำบัดและป้องกันเสริมสร้างเซลล์ที่เสียไปกลับมาทั้งเดิม
# # # พอลลิติน สกัดจากละอองเกสรตัวผู้ ไม่มีสารเคมี นำเข้าจากอเมริกาผลิตโรงงานที่ได้รับมาตราฐานสากลและองค์การอานามัยโลกรับรอง
สั่งซื้ / ปรึกษา 065-9388352
LINE ID 0659388352
ส่งฟรีทั่วไทย / มีบริการเก็บเงินปลายทาง
ใน 1 กระปุกบรรจุ 50 เม็ดราคา 2,000 บาท
รับสมัครตัวแทนจำหน่าย...

เตือนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอพยพสพฉ. เตือน ผู้ป่วยฉุกเฉินโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน ควรอพยพไปในพื้นที่ปลอดภัย ย้ำ...
24/11/2020

เตือนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอพยพ

สพฉ. เตือน ผู้ป่วยฉุกเฉินโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน ควรอพยพไปในพื้นที่ปลอดภัย ย้ำมีโอกาสรอดแต่ต้องรับการรักษาภายใน 3 ชั่วโมง
สพฉ. เตือน ผู้ป่วยฉุกเฉินโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน ควรอพยพไปในพื้นที่ปลอดภัย ย้ำมีโอกาสรอดแต่ต้องรับการรักษาภายใน 3 ชั่วโมง

ในภาวะน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ นอกจากการเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุแล้ว สิ่งสำคัญที่ผู้ประสบภัยจะลืมไม่ได้ ก็คือโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่จำเป็นจะต้องเตรียมพร้อมอย่างรอบคอบ อาทิ ผู้ป่วยโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตเฉียบพลัน หรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน (STROKE) โดยโรคนี้ถือว่าเป็นโรคที่อันตราย และเป็นโรคที่คนไทยเสียชีวิตในลำดับต้นๆ คือ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งในผู้หญิง และเป็นอันดับสามในผู้ชาย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องหรือทันกาล แม้จะไม่เสียชีวิต แต่ส่วนใหญ่ก็มักเกิดความพิการ

เมื่อย้อนดูสถิติมีไม่น้อยที่ผู้ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตเฉียบพลัน ต้องกลายเป็นผู้ประสบภัย โดยในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม – 5พฤศจิกายน นับตั้งแต่เปิดศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินตอบโต้ภัยพิบัติแห่งชาติ ข้อมูลใน 28 จังหวัด ที่ประสบพิบัติภัยน้ำท่วมที่ผ่านมา มีการแจ้งเหตุเพื่อขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับโรคนี้ถึง 165 ครั้ง และด้วยสภาวะการณ์เช่นนี้ ทำให้การช่วยเหลือของทีมแพทย์ หรือทีมกู้ชีพมักเข้าถึงลำบาก ต้องใช้เวลา หรือต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหลายต่อ เช่น ทางเรือส่งต่อ ทางรถยีเอ็มซี สุดท้ายส่งต่อทางรถพยาบาล ก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล ซึ่งบางครั้งอาจจะสายเกินไป

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) แนะนำว่า สำหรับผู้ป่วยโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เฉียบพลัน หรือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน ทางที่ดีควรอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง เพราะไม่คุ้มหากเกิดภาวะฉุกเฉิน แต่หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงญาติควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด โดยเริ่มแรกผู้ป่วยจะมีอาการจะมีอาการปากเบี้ยว กล้ามเนื้อ แขน หรือขา ไม่มีแรงฉับพลัน พูดไม่ชัด ควรรีบแจ้งสายด่วน 1669 โดยด่วน เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์

เพราะผู้ป่วยโรคนี้หากได้รับการรักษาที่ทันเวลา คือภายใน 3 ชั่วโมงหลังจากเกิดอาการ จะมีโอกาสรอดชีวิตสูง โดยแพทย์จะรักษาด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือดชนิดฉีดผ่านทางหลอดเลือดดำ (Intravenous recombinant tissue-type plasminogen activator) โดยเหตุที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากภายใน 3 ชั่วโมงแรกเซลล์สมองยังไม่ถูกทำลายอย่างถาวร ซึ่งตัวยานี้จะกระจายเข้าไปละลายลิ่มเลือดที่อุดตันในสมองทันที ช่วยให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองดังเดิม ส่งผลให้สมองฟื้นตัวจากอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต เช่น แขนขาอ่อนแรง หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว พูดไม่ชัดที่เกิดขึ้น โดยอาการจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วเห็นผลได้ในราว 1 ชั่วโมงหลังให้ยา และตัวยานี้ช่วยลดอัตราเสียชีวิตและลดความพิการลงได้ถึงร้อยละ 30

7 สัญญาณเตือนโรคหัวใจ  หัวใจวาย หัวใจขาดเลือด
23/11/2020

7 สัญญาณเตือนโรคหัวใจ หัวใจวาย หัวใจขาดเลือด

7 สัญญาณเตือนโรคหัวใจ หัวใจวาย หัวใจขาดเลือด หัวใจ เป็นอวัยวะสำคัญที่สุดในร่างกายของมนุษย์ ถ้าหัวใจหยุดเ.....

เรามีวิธี 8 เคล็ดลับลดน้ำตาลในเลือด
23/11/2020

เรามีวิธี 8 เคล็ดลับลดน้ำตาลในเลือด

8 เคล็ดลับ ลดน้ำตาลในเลือด สำหรับคนเป็นเบาหวาน โรคเบาหวาน เกิดจากตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินออกมาน้อยลง ห.....

หลอดเลือดหัวใจตีบ...? ภัยเงียบใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม ป่วย 1 คนเหมือนป่วยกันทั่งบ้าน ป้องกันไว้ก่อนสายเกินแก้ ด้วย " พอล...
22/11/2020

หลอดเลือดหัวใจตีบ...? ภัยเงียบใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม ป่วย 1 คนเหมือนป่วยกันทั่งบ้าน ป้องกันไว้ก่อนสายเกินแก้ ด้วย " พอลลิติน " เป็นตัวช่วยให้หลอดเลือดสะอาดไม่มีไขมันในเลือดและเสริมสร้างเซลล์ให้แข็งแรง
พอลลิติน สกัดจากละอองเกสรดอกไม้ ไม่มีสารเคมี นำเข้าจากอเมริกา
สั่งซื้อ 065-9388352
LINE ID 0659388352
สังฟรีทั่วไทย / มีบริการเก็บเงินปลายทาง
ใน 1 กระปุกบรรจุ 50 เม็ดราคา 2,000 บาท
***รับสมัครตัวแทนจำหน่าย***

ที่อยู่

จ. ปทุมธานี

เบอร์โทรศัพท์

+66952405134

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หลอดเลือด by tickผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง หลอดเลือด by tick:

แชร์