สมุนไพรผักเชียงดา - ตราวังทอง สมุนไพรผู้ฆ่าน้ำตาล ออแกนิก 100%

สมุนไพรผักเชียงดา - ตราวังทอง สมุนไพรผู้ฆ่าน้ำตาล ออแกนิก 100% อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ผักเชียงดาชนิดแคปซูล ลดน้ำตาล ความดัน

มารู้จักผักเชียงดา และประโยชน์ผักเชียงดากันครับ
26/02/2020

มารู้จักผักเชียงดา และประโยชน์ผักเชียงดากันครับ

รายการ ตามอำเภอจาน ดำเนินรายการโดย คุณอโนชา ศิริจร สัปดาห์นี้ชวนมาชิมเมนูจากผักเชียงดา ผักมากคุณค่าและสา...

👉 คณะนักวิจัยจากศูนย์โรคเบาหวานมหาวิทยาลัยลุนด์ของสวีเดน และสถาบันเพื่อการแพทย์ระดับโมเลกุลของฟินแลนด์ ได้วิเคราะห์ตัวอย...
25/02/2020

👉 คณะนักวิจัยจากศูนย์โรคเบาหวานมหาวิทยาลัยลุนด์ของสวีเดน และสถาบันเพื่อการแพทย์ระดับโมเลกุลของฟินแลนด์ ได้วิเคราะห์ตัวอย่างเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน 14,775 คนในแถบสแกนดิเนเวีย และพบว่าสามารถแบ่งกลุ่มผู้ป่วยตามอาการที่เป็นอยู่รวมทั้งลักษณะทางเคมีในเลือดได้อย่างน้อย 5 กลุ่ม ซึ่งมีความซับซ้อนกว่าการแบ่งผู้ป่วยโรคเบาหวานออกเป็นชนิดที่ 1 ซึ่งแพ้ภูมิคุ้มกันตนเอง และชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นเบาหวานเพราะความอ้วน แบบที่ทำกันมาแต่เดิมอย่างมาก
ลดความอ้วน คุมน้ำหนัก แนวไหนกำลังมาแรง
ผลวิจัยชี้ "อ้วนแต่แข็งแรง" ไม่มีอยู่จริง
อาหารผ่านการแปรรูปมากเป็นพิเศษ 'อาจเชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็ง'
มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาดังกล่าวในวารสารการแพทย์ Lancet Diabetes and Endocrinology โดยระบุถึงโรคเบาหวาน 5 ชนิดไว้ดังนี้
🌡ชนิดที่ 1 เป็นโรคเบาหวานที่เกิดจากการแพ้ภูมิคุ้มกันในร่างกายตนเองอย่างรุนแรง ผู้ป่วยมักเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุยังน้อย แต่การที่ภูมิคุ้มกันโจมตีตนเองทำให้เบตาเซลล์ในตับอ่อนถูกทำลายและไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วโรคเบาหวานชนิดนี้คล้ายกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ตามแบบดั้งเดิม
🌡ชนิดที่ 2 เป็นโรคเบาหวานที่เกิดจากร่างกายขาดอินซูลินอย่างรุนแรง ผู้ป่วยมักเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุยังน้อยคล้ายกับผู้ป่วยกลุ่มแรก แม้จะมีน้ำหนักตัวปกติและไม่เป็นโรคแพ้ภูมิคุ้มกันในร่างกายตนเองก็ตาม
🌡ชนิดที่ 3 ผู้ป่วยจะมีความต้านทานอินซูลินสูงเนื่องจากมีน้ำหนักเกิน แม้ร่างกายจะยังผลิตอินซูลินอยู่แต่ไม่ตอบสนองต่ออินซูลินที่หลั่งออกมาอีกต่อไป
🌡ชนิดที่ 4 เป็นโรคเบาหวานแบบไม่รุนแรงซึ่งเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับโรคอ้วน ผู้ป่วยมักจะมีน้ำหนักตัวเกินอย่างมาก แต่การทำงานของระบบเผาผลาญนั้นใกล้เคียงกับคนปกติมากกว่าผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 3
🌡ชนิดที่ 5 เป็นโรคเบาหวานแบบไม่รุนแรงซึ่งเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับความชรา ผู้ป่วยมักเริ่มมีอาการเมื่อมีอายุมากแล้ว แต่ไม่สู้ร้ายแรงนักเมื่อเทียบกับผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ

👉 4 วิธีรักษาระดับน้ำตาลในเลือดอย่างได้ผล✅🌡 แม้โรคเบาหวานจะถือว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่หายขาด แต่ผู้ป่วยก็สามารถอยู่ร่วมก...
14/02/2020

👉 4 วิธีรักษาระดับน้ำตาลในเลือดอย่างได้ผล✅
🌡 แม้โรคเบาหวานจะถือว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่หายขาด แต่ผู้ป่วยก็สามารถอยู่ร่วมกับเบาหวานอย่างเป็นปกติสุขได้ เพียงแค่เข้าใจ รับมืออย่างถูกต้อง และดูแลตัวเองไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
🩸1. จัดตารางอาหารให้สมดุล สำหรับผู้ป่วยเบาหวานการกินแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตมีผลอย่างมากต่อค่าระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานจึงต้องจัดตารางอาหารให้สมดุล และควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยมีความยืดหยุ่นในการเลือกกินอาหารได้ในแต่ละวัน
🩸2. กระฉับกระเฉงเข้าไว้ พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้มาก ทำตัวกระฉับกระเฉง ออกกำลังกายที่ไม่หักโหมเกินไปอยู่เสมอ ก็สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้ สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับยาฉีดอินซูลินควรปรึกษาแพทย์ถึงการออกกำลังกายที่เหมาะสมด้วย
🩸3. ป้องกันภาวะน้ำตาลต่ำฉับพลัน ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลนานๆ อาจเกิดภาวะน้ำตาลต่ำฉับพลันได้ ซึ่งจะมีอาการหน้ามืดตาลายหรือหมดสติได้ ผู้ป่วยจะต้องกินน้ำหวานเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลให้อาการหน้ามืดทุเลาลงจนกลับมาเป็นปกติ ซึ่งแนะนำให้ซื้อน้ำหวานหรือมีลูกอมติดตัวไว้เพื่อภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้
🩸4. ตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ การตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือดมีทั้งจากแพทย์และตรวจด้วยตนเอง เพื่อประเมินการกินอาหารที่สอดคล้องกับระดับน้ำตาลในเลือด และเพื่อให้แพทย์ประเมินการให้ยาและการรักษาที่เหมาะสมในครั้งต่อไปด้วย
👉 นอกจากนี้ผู้ป่วยเบาหวานควรตรวจสายตาเป็นประจำทุกปี เพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูงๆ อาจส่งผลมาถึงสายตาและการมองเห็นหรือเป็นต้อได้

🩸ความดันโลหิต🌡“ความดันโลหิต” เป็นแรงดันที่ผลักต้านภายในหลอดเลือดในระบบไหลเวียนโลหิต  มีค่าตัวเลข 2 ค่า ได้แก่ความดันโลหิ...
13/02/2020

🩸ความดันโลหิต🌡

“ความดันโลหิต” เป็นแรงดันที่ผลักต้านภายในหลอดเลือดในระบบไหลเวียนโลหิต มีค่าตัวเลข 2 ค่า ได้แก่

ความดันโลหิตซีสโตลิก เป็นค่าความดันขณะที่หัวใจบีบตัวเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ความดันโลหิตไดแอสโตลิก เป็นค่าความดันขณะหัวใจคลายตัว
ดังนั้นการรายงานผลความดันโลหิตจึงประกอบด้วยตัวเลข 2 ตัวเสมอ เช่น วัดความดันโลหิตได้ 120/80 มิลลิเมตรปรอท

🧪ความหมายของค่าความดันโลหิตแต่ละระดับ

🧪ความดันโลหิตซีสโตลิก (มิลลิเมตรปรอท)

น้อยกว่า 120 ความดันโลหิตปกติ
120-139 ระดับก่อนการเป็นความดันโลหิตสูง
140 ขึ้นไป ความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตไดแอสโตลิก (มิลลิเมตรปรอท)

น้อยกว่า 80 ความดันโลหิตปกติ
80-89 ระดับก่อนการเป็นความดันโลหิตสูง
90 ขึ้นไป ความดันโลหิตสูง
อย่างไรก็ตามจากการแนวปฏิบัติสำหรับการป้องกัน การค้นหา การประเมินและการจัดการของระดับความดัน

โลหิตสูงในผู้ใหญ่ ปี ค.ศ.2017 ได้มีการปรับเปลี่ยนจุดตัดของการวินิจฉัยภาวะความดันโลหิตสูง โดยใช้จุดตัด 130/80 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากแนวปฏิบัติดังกล่าว

➡️ สาเหตุของภาวะความดันโลหิตสูง

ภาวะความดันโลหิตสูง ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีปัจจัยร่วมบางอย่างที่ทำให้ความดันโลหิตสูง โดยมากกว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจะไม่ทราบสาเหตุ แต่อาจเกิดจาก 2 ปัจจัยคือ พันธุกรรมและพฤติกรรม และน้อยกว่าร้อยละ 10 ของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเป็นความดันโลหิตสูงชนิดที่ทราบสาเหตุ เช่น ความดันโลหิตสูงจากการใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิด หรือการเกิดเนื้องอกของต่อมหมวกไต เป็นต้น

➡️ การดูแลผู้ป่วยความดันโลหิตสูง

อาหาร

หากรับประทานเนื้อสัตว์ ควรเป็นเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และควรรับประทานผักผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป เพราะผลไม้หลายชนิดมีรสหวาน หากเลือกรับประทานนมควรเป็นนมไขมันต่ำ

การออกกำลังกาย

ควรเลือกออกกำลังกายแบบแอโรบิค(Aerobic exercise) หรือการออกกำลังกายแบบต่อเนื่อง ระดับการออกกำลังกายที่สามารถออกได้ คือเบาถึงปานกลาง หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักหรือหักโหม

บุหรี่และสุรา

ควรงดสูบบุหรี่และงดดื่มสุรา เนื่องจากทั้งบุหรี่และสุราส่งผลกระทบทางลบต่อสุขภาพและระดับความดันโลหิต

➡️ การใช้ยา

รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปรับยาเอง การรับประทานยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้รักษา

ควบคุมน้ำหนัก

✅ พยายามควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึงการออกกำลังกายที่เหมาะสม

📣ปัญหาของผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือโรคอ้วนส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ตามมามากมาย หนึ่งในนั้นคือ โรคเบาหว...
12/02/2020

📣ปัญหาของผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือโรคอ้วนส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ตามมามากมาย หนึ่งในนั้นคือ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้ถึงร้อยละ 95 ของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานทั้งหมด และ 4 ใน 5 ของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดนี้มีน้ำหนักตัวเกินหรือเป็น "โรคอ้วน"🧑‍🦼
โดยอาการของโรคที่ปรากฏมักไม่ค่อยรุนแรง แต่จะค่อยเป็นค่อยไปและต้องเข้ารับการรักษาในระยะยาว ดังนั้นการตระหนักถึงโรคที่จะเกิดขึ้นตามมาเมื่อมีภาวะอ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจและดูแลตัวเองก่อนสายเกินแก้
>>ทำไมอ้วนแล้วเสี่ยงเบาหวาน❓

โรคอ้วนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ เนื่องจากไขมันส่วนเกินภายในร่างกายจะถูกย่อยสลายเป็นกรดไขมันอิสระ (Free Fatty Acid) กับกลูโคส และถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดส่งไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อกลูโคสและกรดไขมันอยู่ในกระแสเลือดมากจนเกินไปจะส่งผลให้ตับอ่อนที่มีหน้าที่ผลิตอินซูลินเพื่อช่วยดูดซึมน้ำตาลในเลือดที่เข้าสู่ร่างกายต้องผลิตอินซูลินมากขึ้น ทำให้ตับอ่อนทำงานหนักมากขึ้นและถูกทำลายลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งตับอ่อนทำงานไม่ไหวส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ในที่สุด
❌ระวังอย่าให้อ้วนลงพุง

ภาวะอ้วนลงพุงหรือภาวะเมทาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) เป็นกลุ่มอาการผิดปกติเกี่ยวกับเมทาบอลิซึมในร่างกาย โดยเซลล์ไขมันบริเวณช่วงเอวหรือช่วงท้องมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีลักษณะอ้วนตรงกลางลำตัวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดร่วมกับการมีระดับไขมันดี HDL-C (High-Density Lipoprotein Cholesterol) ลดลงและระดับไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) เพิ่มขึ้น ทำให้กลไกการเผาผลาญน้ำตาลผิดปกติ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่าปกติ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานมากขึ้น

✅โดยผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุงจะมีองค์ประกอบสำคัญที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

➡️ รอบเอว ผู้ชายมากกว่าหรือเท่ากับ 90 เซนติเมตร ผู้หญิงมากกว่าหรือเท่ากับ 80 เซนติเมตร
➡️ ระดับไขมันดี HDL-C ในเลือด ผู้ชายต่ำกว่า 40 มิลลิกรัม / เดซิลิตร ผู้หญิงต่ำกว่า 50 มิลลิกรัม / เดซิลิตร
➡️ ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ มากกว่า 150 มิลลิกรัม / เดซิลิตร
➡️ ระดับความดันโลหิต มากกว่าหรือเท่ากับ 130 / 85 มิลลิเมตรปรอท
➡️ ระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ต่ำกว่า 100 มิลลิกรัม / เดซิลิตร

ดังนั้นการควบคุมระดับน้ำตาล ระดับไขมัน ระดับความดันโลหิต และรอบเอวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติคือสิ่งสำคัญ รวมทั้งควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากเกิดความปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที

3 หลัก อ. ทำได้ไกลอ้วน🧀

การป้องกันและรักษาโรคอ้วนและโรคเบาหวาน มีหลักการที่คล้ายกันและทำได้ไม่ยาก ดังนี้

✅ อาหาร ลด ละ เลี่ยงอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง
✅ ออกกำลังกาย เป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที
✅ อารมณ์ บริหารความเครียด ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้คงที่

ผ่าตัดลดน้ำหนักแก้เบาหวาน🔪
ในกรณีที่ผู้ป่วยโรคอ้วนและมีโรคเบาหวานแทรกซ้อน หากไม่สามารถลดน้ำหนักเองได้ การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก คืออีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้โรคเบาหวานทุเลาลงและหายขาดได้ เนื่องจากช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมน้ำหนักและปริมาณอาหารที่ได้รับในแต่ละวัน ส่งผลให้สามารถลดน้ำตาลสะสมได้ บางรายสามารถลดและหยุดยาเบาหวานได้หรือถึงขั้นหายขาดได้ ถ้าผู้ป่วยคุมน้ำตาลสะสมได้น้อยกว่า 6.0-6.5% ติดต่อกันเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปีโดยไม่ต้องใช้ยาเบาหวานเลยถือว่าเบาหวานหายขาด และจากข้อมูลในการติดตามผู้ป่วยเบาหวานที่เข้ารับการผ่าตัดลดน้ำหนักไป 1 - 5 ปีพบว่า โรคเบาหวานจะหายขาดได้ถึง 30-63% หลังผ่าตัดลดน้ำหนัก นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานให้มีอัตราการเสียชีวิตลดลง 💡

📣ขออนุญาตเเชร์ประสบการณ์เจ้าของเพจเอง 🌿พ่อเป็น เบาหวาน ปู่เป็นเบาหวาน ตาเป็นเบาหวาน จึงค้นหาทุกวิถีทางที่จะทำให้คนที่ผมร...
11/02/2020

📣ขออนุญาตเเชร์ประสบการณ์เจ้าของเพจเอง 🌿พ่อเป็น เบาหวาน ปู่เป็นเบาหวาน ตาเป็นเบาหวาน จึงค้นหาทุกวิถีทางที่จะทำให้คนที่ผมรักเหล่านั้น ให้กลับมาแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็น ยาหมอ สมุนไพร ต่างๆ ผมไม่อยากรับโรคกรรมพันธ์นี้ #จนมาเจอกับราชินีแห่งผักพื้นบ้านผักเชียงดา บอกเลยตอบโจทย์ทุกอย่าง ผมน่าจะรู้จักเร็วกว่านี้ คนที่ผมรักจะไม่ได้ป่วยเป็นเบาหวาน ใครมีเรื่องราวดีๆ เเชร์กันได้นะครับ #เราเลือกคัดสรรค์มารตรฐานและความปลอดภัยจนกล้าส่งต่อให้ทุกคนด้วยความสุขที่เห็นทุกคนแข็งเเรงยิ้มได้ครับ💊

10/02/2020

🍂เราคัดสรรค์อย่างมั่นใจ การันตีความปลอดภัย เห็นผลทันตา ผักเชียงดาราชินีผักพื้นบ้าน ผู้ฆ่าน้ำตาล ที่หลายๆคนยังไม่รู้ ท้าให้ลอง💊 #เห็นผลตั้งแต่กระปุกแรก #ลดน้ำตาลในเลือด #ไขมัน #ความดัน #ไม่ทำลายตับ #สมุนไพรผักเชียงดาตาวังทอง กระปุกละ 390 บาท โปรพิเศษสุด 2 แถม 1 ราคา 780 บาท ปลายทาง + 50 บาท บรรจุ 60 แคปซูล ทานได้ 1 เดือน ทานเช้า ก่อนอาหารด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำเปล่า #สนใจทักข้อความได้เลยคะ

10/02/2020

📣มาดูกันครับ 🌿สวนผักเชียงดาและการดูแลผักเชียงดาเบื้องต้น “ ราชินีแห่งผักพื้นบ้าน “ 💊 #แคปซูลเชียงดา #สมุนไพรผักเชียงดาตราวังทอง #สมุนไพรผู้ฆ่าน้ำตาล

10/02/2020
🍚 น้ำตาลแบบไหนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ? น้ำตาลเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของคาร์โบไฮเดรต โดยปกติจะพบน้ำตาลได้ในอาหารที่มีคาร์โบไ...
08/02/2020

🍚 น้ำตาลแบบไหนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ?

น้ำตาลเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของคาร์โบไฮเดรต โดยปกติจะพบน้ำตาลได้ในอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม เป็นต้น ซึ่งอาหารดังกล่าวล้วนประกอบไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ ที่สำคัญต่อร่างกายด้วย ไม่ว่าจะเป็นแร่ธาตุ วิตามิน โปรตีน เส้นใยอาหาร หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้น การบริโภคน้ำตาลตามธรรมชาติที่มีอยู่ในอาหารแบบไม่ผ่านกรรมวิธีการผลิตจึงมักไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตหลายรายในปัจจุบันมักเติมน้ำตาลลงในอาหาร เครื่องดื่ม หรือขนม เพื่อปรุงแต่งรสชาติให้หวานถูกปากผู้บริโภค โดยน้ำตาลที่ใช้ในการประกอบอาหารโดยทั่วไป คือ น้ำตาลซูโครสหรือน้ำตาลทราย ในประเทศไทยสามารถผลิตน้ำตาลชนิดนี้ได้จากการแปรรูปอ้อย ซึ่งหากกินเข้าไปในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

ปริมาณน้ำตาลที่ควรบริโภคต่อวัน

น้ำตาลที่มากเกินไปเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) จึงแนะนำให้ผู้ใหญ่และเด็กบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม/วัน

อย่างไรก็ตาม บางคนกลับบริโภคน้ำตาลเกินมาตรฐานของกรมอนามัยโลกไปมาก โดยอาจบริโภคสูงสุดถึง 20 ช้อนชา/วัน คนวัยทำงานเป็นคนกลุ่มหลักที่บริโภคน้ำตาลในปริมาณมาก เพราะมีศักยภาพในการใช้จ่ายด้วยตนเอง และลักษณะการทำงานในปัจจุบันยังเอื้อต่อการกินอาหารและเครื่องดื่มที่เติมน้ำตาลเข้าไป ซึ่งเครื่องดื่มและน้ำผลไม้เติมน้ำตาลอย่างน้ำอัดลม น้ำหวาน กาแฟ หรือชานมไข่มุก ถือเป็นแหล่งที่มาของน้ำตาลในอันดับต้น ๆ โดยปริมาณน้ำตาลที่ใช้กับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มนั้น นับว่าสูงที่สุดในบรรดาน้ำตาลที่ถูกบริโภคทางอ้อม

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำตาลโดยประมาณในเครื่องดื่มที่คนทั่วไปนิยมบริโภค มีดังนี้

🧃ชาเขียว 500 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 14.5 ช้อนชา
☕️กาแฟสด 475 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 10.5 ช้อนชา
🥫น้ำอัดลม 450 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 10.75 ช้อนชา
🥛นมเปรี้ยว 400 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 19 ช้อนชา
🍶ชานมไข่มุก 350 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 11.25 ช้อนชา
🍹น้ำผลไม้ 200 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 6.25 ช้อนชา

🍧" ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง " 🍧(Hyperglycemia) เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่าปกติ โดยทั่วไปการตรวจจะใช้...
07/02/2020

🍧" ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง " 🍧(Hyperglycemia) เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่าปกติ โดยทั่วไปการตรวจจะใช้เกณฑ์วัดระดับน้ำตาลก่อนรับประทานอาหารในตอนเช้า ผู้ที่เข้ารับการตรวจต้องอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมงในคืนก่อนตรวจ ซึ่งระดับน้ำตาลที่ปกติคือประมาณ 70-100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร แต่หากค่าที่ได้สูงกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไปจะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน ส่วนผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและไม่ได้รับการรักษานั้นอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน โดยส่งให้เส้นประสาท หลอดเลือด หรืออวัยวะต่าง ๆ ถูกทำลายจนมีปัญหาสุขภาพร้ายแรงตามมาได้อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

น้ำตาลในเลือดสูงมักไม่มีอาการบ่งบอกในช่วงแรก แต่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติได้เมื่อระดับน้ำตาลสูงเกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป อาจใช้เวลาหลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์ จึงจะแสดงอาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป บางรายที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นเวลานานอาจไม่มีอาการผิดปกติ แม้จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูงที่พบได้บ่อย มีดังนี้ อาการในช่วงเริ่มต้นสังเกตได้จาก

🧪ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน
🧪มองเห็นไม่ชัด
🧪กระหายน้ำมาก
💊ปวดศีรษะ
🌡เหนื่อยง่าย
🍧ผู้ที่ระดับน้ำตาลสูงขึ้นและไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจเกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการสะสมของสารคีโตน (Ketones) ซึ่งเป็นของเสียในเลือดและปัสสาวะ ทำให้มีอาการอื่นตามมา เช่น

❌ลมหายใจมีกลิ่นคล้ายผลไม้
❌หายใจสั้น
❌ปากแห้ง
❌คลื่นไส้ อาเจียน
❌ปวดท้อง
❌อ่อนเพลีย
❌น้ำหนักลด
❌รู้สึกสับสน
❌แผลหายช้ากว่าปกติ
❌ติดเชื้อบริเวณช่องคลอดหรือผิวหนัง
🍧ในรายที่อาการรุนแรงอาจเป็นลม หมดสติ
เส้นประสาทเสียหาย ส่งผลให้มีอาการเท้าเย็นจนปวดหรือไม่มีความรู้สึก ขนขาล่วง หรือหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น ท้องผูกหรือท้องเสียเรื้อรัง
มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา หลอดเลือด หรือไต

“อาหารอะไรบ้างที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น”  โดยปกติอาหารที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ข้าว-แป้ง ผัก ...
07/02/2020

“อาหารอะไรบ้างที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น” โดยปกติอาหารที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ข้าว-แป้ง ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ นม ไข่ ล้วนมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่ในปริมาณมากน้อยที่แตกต่างกัน และเราพบว่าอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบจะมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารประเภท โปรตีน หรือไขมัน ดังนั้นเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ผู้ที่เป็นเบาหวานจึงควรมีการควบคุมปริมาณอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม แล้วอาหารอะไรบ้างที่มีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบ คำตอบคือคาร์โบไฮเดรตเราพบในอาหารประเภทต่างๆดังต่อไปนี้ คือ ข้าว-แป้ง น้ำตาล ผัก ผลไม้ นมและผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น ซึ่งเราไม่พบคาร์โบไฮเดรตในอาหารประเภท เนื้อสัตว์ และไขมัน
🍝🍚อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต🌽🍠
1. น้ำตาล : น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว โดยน้ำตาลจะเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดได้ 100% ในระยะเวลาเพียง 15-30 นาทีเท่านั้น ซึ่งนั่นคือทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างอาหารที่มีน้ำตาลมาก ได้แก่ น้ำตาลทราย น้ำหวาน น้ำอัดลมทุกประเภท และเยลลี่ เป็นต้น แม้ปัจจุบันมีหลักฐานงานวิจัยอนุญาตให้บริโภคน้ำตาลได้ 10% ของพลังงานที่ควรได้รับใน 1วัน แต่เรายังคงแนะนำให้ผู้ที่เป็นเบาหวานควรหลีกเลี่ยงหรือบริโภคน้ำตาลในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากน้ำตาลให้เพียงพลังงาน ไม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างเช่น วิตามิน แร่ธาตุ หรือใยอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้แล้วการรับประทานอาหารประเภทน้ำตาลทำให้ไม่อิ่ม จึงทำให้เราต้องรับประทานอาหารในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดยิ่งเพิ่มสูงขึ้น นอกเสียจากในกรณีที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ การดื่มน้ำอัดลม สัก 150 ml หรือ กินน้ำตาลก้อนสัก 2 ก้อน สามารถช่วยแก้ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้

3. 🍔🌭อาหารประเภทข้าว-แป้ง : อาหารประเภทข้าว-แป้ง เช่น ข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว และขนมจีน เป็นต้น ข้าว-แป้งจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในเลือดได้ 90-100% โดยใช้เวลา 30-90 นาที อาหารประเภทข้าว-แป้ง นอกจากมีคาร์โบไฮเดรตแล้ว ยังมีโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายโดยเฉพาะข้าว-แป้งที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง หรือ ขนมปังโฮลวีท เป็นต้น ทั้งนี้ผู้ที่เป็นเบาหวานไม่ควรงดหรือจำกัดอาหารประเภทข้าว-แป้งมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ ควรรับประทานในปริมาณสัดส่วนที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีอาหารบางชนิดที่จัดอยู่อาหารประเภทข้าว-แป้ง เช่น มันฝรั่ง ข้าวโอ๊ต เม็ดแปะก๊วย เกาลัด แห้ว ฟักทอง และ วุ้นเส้น เป็นต้น มาถึงจุดนี้เมื่อพูดถึงวุ้นเส้น หลายท่านเกิดประเด็นคำถามว่า วุ้นเส้นคือโปรตีน ไม่ใช่หรือ คำตอบคือ วุ้นเส้นคืออาหารประเภทข้าว-แป้ง รับประทานแล้วมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดเช่นเดียวกับการรับประทานข้าวสวย ดังนั้นถ้ารับประทานวุ้นเส้นและอาหารดังกล่าว ควรมีการวางแผนลดปริมาณข้าวในมื้ออาหารนั้นๆ เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดียิ่งขึ้น

3. 🥬🍇ผลไม้ : ผลไม้ทุกชนิดมีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นไม่ว่าจะรับประทาน ส้ม มะม่วง ฝรั่ง แอปเปิ้ล กล้วย หรือทุเรียน ก็ล้วนมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดทั้งสิ้น ซึ่งผลไม้แต่ละชนิดจะมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ผลไม้ยังคงอุดมไปด้วย วิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ดังนั้นผู้ที่เป็นเบาหวานไม่จำเป็นต้องงดรับประทานผลไม้ ขอเพียงแค่จำกัดปริมาณผลไม้ที่รับประทานแต่ละมื้อให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ก็สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยปริมาณที่เหมาะสมต่อมื้อ เช่น แอปเปิ้ล 1 ผลกลาง, ส้ม 1 ผลกลาง, ฝรั่ง 1 ผลเล็ก, กล้วยหอม 1/2 ผล, กล้วยไข่/กล้วยน้ำว้า 1 ลูก, เงาะ/มังคุด 4-5 ผล, แตงโม 10 ชิ้นคำ หรือ ส้มโอ 2 กลีบ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ผู้ที่เป็นเบาหวานควรหลีกเลี่ยงหรืองดน้ำผลไม้ทุกชนิด ทั้งน้ำผลไม้สำเร็จรูป หรือน้ำผลไม้สดที่คั้นเองกับมือแม้ไม่ได้เติมน้ำตาลทรายหรือน้ำผึ้งก็ตามที เพราะอย่าลืมว่าผลไม้ทุกชนิดมีคาร์โบไฮเดรต ในการทำน้ำผลไม้ 1 แก้ว จะต้องใช้ผลไม้สดปริมาณค่อนข้างเยอะ ให้ลองนึกภาพว่าถ้ารับประทานปริมาณผลไม้เหล่านั้นแบบสด จะอิ่มนานแค่ไหน ในขณะที่ถ้ารับประทานในรูปของน้ำผลไม้ใช้เวลาดื่มเร็วมาก ไม่รู้สึกอิ่ม ให้พลังงานที่สูง และในขณะเดียวกันทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกเว้นในกรณีที่มีภาวะน้ำตาในเลือดต่ำ การดื่มน้ำผลไม้สัก 120 ml สามารถช่วยแก้ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้

4. 🥦🥕🥬🥒ผัก : ผักเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณน้อย จัดเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่ช่วยชะลอน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี ควรรับประทานผักทุกมื้อ จะรับประทานในรูปของผักสด หรือผักต้มก็ได้ แต่ไม่แนะนำในรูปของน้ำผักปั่น โดยเฉพาะน้ำผักปั่นแยกกาก ทำให้เราไม่ได้รับใยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเลย ทั้งนี้ควรควบคุมปริมาณการบริโภคผักที่มีแป้งสูง เช่น ฟักทอง แครอท มันแกว เมล็ดถั่วลันเตา เป็นต้น ดังนั้นน้ำผักสุขภาพอย่างน้ำแครอท ในผู้ที่เบาหวาน ควรมีการควบคุมปริมาณในการดื่ม

🍃ก่อนจะมาเป็น เชียงดา อัดแคปซูล ของไร่จะเมย์ ออแกนิคฟาร์มสวัสดีครับ  วันนี้ทางเพจสมุนไพรผักเชียงดา ตราวังทอง และทางไร่จะ...
06/02/2020

🍃ก่อนจะมาเป็น เชียงดา อัดแคปซูล ของไร่จะเมย์ ออแกนิคฟาร์ม
สวัสดีครับ วันนี้ทางเพจสมุนไพรผักเชียงดา ตราวังทอง และทางไร่จะเมย์ ออแกนิคฟาร์ม ขออนุญาต นำเสนอ ขั้นตอนการผลิต เชียงดาอัดแคปซูล ให้ทราบกันนะครับ
ขั้นตอนคือการ ที่เรา เก็บใบชาผักเชียงดา สด ต้องเก็บตอนเช้า ก่อน 10.00 น. จากนั้นนำมา ล้างน้ำเพื่อสลัดคราบฝุ่น หรือสิ่งสกปรกออกก่อน แล้วนำไปผึ่งแดด เพื่อ สะเด็ดน้ำ ประมาณ 4 ชั่วโมง
เมื่อสะเด็ดน้ำเสร็จแล้ว ต้องนำใบผักเชียงดา ที่ได้มาผึ่งไว้ในร่ม ทิ้งไว้ให้แห้ง ประมาณ 3-5 วันขึ้นอยู่กับความชื้นของอากาศตามฤดูกาล
จากนั้นนำใบผักเชียงดาที่แห้งพอประมาณ มาอบฆ่าเชื้อ ที่ อุณหภูมิ 90- 120 องศา ประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วนำออกจากเตาอบแล้วนำไปบดละเอียด เป็นผง แล้วนำไปบรรจุ ในแคปซูล เจลลาตินเหนียว 1 แคปซูล บรรจุ 500 มิลลิกรัม โดยประมาณ แล้วนำไปบรรจุในซอง เพื่อจำหน่าย 1 กระปุก บรรจุ 60 แคปซูล เพื่อจำหน่าย อายุของ ชาผักเชียงดา อยู่ได้ 2 ปีโดยประมาณ นับจาก วันที่ผลิต ราคากระปุกละ 390฿ โปรแรง 2 แถม 1 ฟรี ติดต่อสอบถาม ID Line: tarm1992

"สมุนไพร ผักเชียงดา ผลิตและจัดจำหน่ายโดย ไร่จะเมย์ ตราวังทอง"คือผักพื้นบ้านปลอดสาร 100% ไม่ผสม ไม่มีสเตียรอยด์ไม่ใช่ยา แ...
05/02/2020

"สมุนไพร ผักเชียงดา ผลิตและจัดจำหน่ายโดย ไร่จะเมย์ ตราวังทอง"
คือผักพื้นบ้านปลอดสาร 100% ไม่ผสม ไม่มีสเตียรอยด์
ไม่ใช่ยา แต่เป็นผักที่ช่วยในเรื่อง เบาหวาน ความดัน ไขมันในเส้นเลือด ไขมันพอกตับ ช่วยลด คลอเรสเตอรอล.ไตรกีเซอไรด์ ช่วยในเรื่อง ระบบขับถ่าย และควบคุมน้ำหนัก จึงไม่มีผลข้างเคียงต่อตับและไต หรือส่วนใดๆในร่างกาย เชียงดาอัดแคปซูล 1 กระปุก บรรจุ 60 แคปซูล ราคา 390-บาท #โปรโมชั่น2แถม1ส่งฟรีค่าจัดส่ง #โปรโมชั่นมีจำนวนจำกัด

📢อย่ารอช้า พบกับ 10 สรรพคุณผักเชียงดา 🍃ขั้นเทพ กันเลยครับ1.น้ำตาลในเลือดสรรพคุณผักเชียงดา เรียกว่าคนทั่วโลกรู้จักผักเชีย...
05/02/2020

📢อย่ารอช้า พบกับ 10 สรรพคุณผักเชียงดา 🍃ขั้นเทพ กันเลยครับ

1.น้ำตาลในเลือด

สรรพคุณผักเชียงดา เรียกว่าคนทั่วโลกรู้จักผักเชียงดาด้วย สรรพคุณที่ช่วยเรื่องลดน้ำตาลในเลือดรวมถึงโรคเบาหวานด้วย (คลิกอ่านเลย!!!โรคเบาหวานมหันตภัยเงียบน่ากลัวกว่าที่คิด)

2.ไขมัน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า1ใน สรรพคุณของผักเชียงดา คือการช่วยลดไขมันตัวร้ายได้ด้วย ผักเชียงดาจัดการซะอยู่หมัด

3.คอเลสเตอรอล
ตัวที่มักมากันเป็นแพ็คเกจก็ไม่เหลือ สรรพคุณของผักเชียงดา ก็มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลได้โดยเฉพาะคนที่ผอมๆนะคะ ป้าคิดว่ามักจะชะล่าใจคิดว่าไม่มีหร๊อกคอเลสเตอรอล พอไปตรวจปรากฏว่าคนผอมๆนี่แหละค่ะที่เป็นกันเยอะเลยทีเดียว

4.ต้านมะเร็ง

สรรพคุณของผักเชียงดา นี่เฉพาะเจาะจงกันเลยที่มะเร็งตับและมะเร็งกระเพาะอาหารนี่ต้องยกให้เค้าเลยค่ะ (มะเร็งแต่ละส่วนก็มีการใช้ผักผลไม้ในการรักษาที่ต่างกันค่ะ กรณีนี้พูดถึงศาสตร์ของการรักษาหรือต้านมะเร็งด้วยพืชผักจากธรรมชาติ)

5.ต้านหวัด

สรรพคุณ ของ ผักเชียงดา ยังช่วยต้านทานโรคหวัดอีกด้วย จากที่โรคหวัดเคยเป็นแค่โรคสามัญธรรมดา สมัยนี้ไม่ใช่แล้วนะคะอย่าทำเป็นเล่นไป ไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ๆมีให้เล่าได้ยินเรื่อยๆกันเลยทีเดียวค่ะ

6.ปวดเมื่อย

สรรพคุณของผักเชียงดา ข้อนี้เป็นข้อที่ป้าชื่นชอบมากค่ะ มีใครบ้างคะที่อายุเกิน35 แล้วไม่ปวดไม่เมื่อยบ้างคะ ยกมือขึ้นหน่อยค่ะ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานประจำในออฟฟิศ ระวังนะคะ โรคออฟฟิศซินโดรมเนีย

7.ความดันโลหิตสูง

หลายๆคนไม่รู้ถึงความน่ากลัวของโรคนี้ เจ้าโรคนี้นี่แหละค่ะที่ทำให้เส้นเลือดในสมองแตก คนไทยเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตกับโรคนี้กันมานักต่อนักแล้ว ด้วย สรรพคุณ ของ ผักเชียงดา ก็ช่วยให้ความดันโลหิตลดลงได้ค่ะ

8.บำรุงไตและตับอ่อน

สรรพคุณ ที่เทพมากของ ผักเชียงดา คือ บำรุงไตและตับอ่อนค่ะ เรียกว่าฟื้นฟูระดับเซลของตับอ่อนเลยทีเดียว เดี๋ยวนี้คนไทยเป็นโรคไตกันมากขึ้นและเป็นกันตั้งแต่เล็กแต่น้อยกันเลยทีเดียว เพราะอาหารที่รับประทานกันอยู่ทุกวัน มีโซเดียมสูงๆกันทั้งนั้น ลองกลับไปที่บ้านแล้วพลิกอ่านฉลากขวดเครื่องปรุงรสทั้งหลายกันที่เราๆท่านๆใช้กันประจำดูนะคะ ว่ามีส่วนประกอบอะไรกันบ้าง และรวมถึงคนไทยในปัจจุบันก็มักนิยมทานอาหารเสริมวิตามิน แร่ธาตุต่างๆกันมากขึ้น (supplement) และให้ตายเถอะคนไทย(ส่วนใหญ่)จะติดกับดัก ขาว ผิวเนียน ผิวใส หน้าต้องเด้งดึ๋งๆและริ้วรอยต่างๆต้องไม่มีนะจร้า แต่รู้หรือไม่คะว่า เวลาที่ทานอาหารเสริมเข้าไปมากๆอย่างต่อเนื่องระวั๊งระวังตับ ไตให้ดีเถอะ พอถึง เวลาที่ไตป่วยขึ้นมา เราอาจจะคิดได้ว่าไม่ต้องผิวขาวโบ๊ะ เนียนเด้ง ออร่าเยอะก็ได้ เราคงแค่อยากจะขอให้ตับไตและสุขภาพที่แข็งแรงของช้านคืนมาได้ไหม….. กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉัน(แบบแข็งแรง)ได้ไหมคนดี

9.ภูมิแพ้

ปัจจุบันนี้โรคยอดฮิตที่เป็นกันเยอะเลย ยิ่งตอนนี้มีเรื่องของฝุ่น PM2.5 แล้วด้วย จากคนที่ไม่เคยแพ้อากาศยังสามารถแพ้ได้เลยค่ะ ป้าเจอคนใกล้ตัวที่ดูแลอาหารการกินดูแลสุขภาพดี๊ดี(ในมุมมองของป้า) ก็เป็นภูมิแพ้ และเป็นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะสมดุลชีวิตเค้าไม่ได้แล้ว แต่1ใน10 สรรพคุณ ขั้นเทพของ ผักเชียงดาช่วยได้ค่ะ จะช่วยเข้าไปปรับสมดุลในร่างกายอย่าได้รอช้าจนภูมิบกพร่องมากไปจนกลายเป็นภูมิแพ้ตัวเอง (SLE) นะคะ หา ชาผักเชียงดา มาดื่มหรือถ้าไม่สะดวกแบบผงบรรจุ แคปซูลผักเชียงดา ก็มีค่ะ (คลิกอ่านเลย!!!เรื่องจริงจากคนเป็นภูมิแพ้ที่ใครไม่เป็นไม่รู้ว่าทรมานขนาดไหน)

10.นอนไม่หลับ

สรรพคุณของผักเชียงดา ข้อนี้เป็นข้อที่เห็นผลได้ดีของผู้ที่นอนไม่หลับและต้องพึ่งยานอนหลับนับแกะสิ สวดมนต์ก็ได้ ทำใจให้ว่างๆ ทำสมาธิเข้าไว้ เอาหล่ะสิ คนไม่เค๊ยไม่เคย นอนไม่หลับก็พูดได้ ไม่มีใครหรอกค่ะ ที่อยากจะเป็นโรคนอนไม่หลับ เพราะการนอนไม่หลับนี่ทรมานมากทำทุกอย่างข้างต้นที่ป้าบอกแล้วก็ยังไม่หลับ กว่าจะไปหลับก็โน่น ตีห้า ทำเอาขอบตาดำยังกับหมีแพนด้า บางคนถึงกับต้องพบแพทย์ และต้องทานยาคลายเครียด พึ่งยานอนหลับเลยก็มี บอกเลยหลายๆเคสที่ป้าเจอ บ่นว่านอนไม่หลับ นอนไม่หลับทำไงดี ผักเชียงดา ช่วยได้ค่ะและทำให้หลับลึกขึ้นด้วยสำหรับคนปกติทั่วไป คลิกอ่านเรื่องจริงอดีตข้าราชการนอนไม่หลับ20ปี

10 สรรพคุณ ขั้นเทพของ ผักเชียงดา เป็นยังไงกันบ้างครับ บอกแล้วว่า10 สรรพคุณ ขั้นเทพของ ผักเชียงดา ไม่ธรรมดาเลยค่ะ และ10โรคด้านบนนั้นก็ล้วนเป็นโรคที่ไม่มีใครอยากเป็นแม้ว่าบางโรคนั้นจะดูไม่น่ากลัวและออกจะดูธรรมดาด้วยซ้ำไป แต่ขึ้นชื่อว่า”โรค” แล้วผมคิดว่าอย่าเป็นเลยจะดีกว่าครับ อ่านจบแล้วรีบหาต้นผักเชียงดากันมาปลูกไว้ในบ้านเลยค่ะ เพียงเท่านี้บ้านเราก็จะมี10 สรรพคุณ ขั้นเทพของ ผักเชียงดา อยู่ติดบ้านไว้ให้อุ่นใจว่าเราจะแข็งแรงๆๆๆ หรือให้ง่ายกว่านั้น ก็ทานแคปซูลผักเชียงดา ตราวังทอง ได้ที่ 👉 line: tarm1992

🍂ผักเชียงดา เพื่อสุขภาพ ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง                                                      #แคปซูลผักเชียงดา ทานง...
05/02/2020

🍂ผักเชียงดา เพื่อสุขภาพ ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง #แคปซูลผักเชียงดา ทานง่าย สรรพคุณ เหมือนชาไม่ต้องแช่ ทานก่อนอาหาร เช้า-หรือก่อนนอน ครั้งละ 2 เม็ด
1 กป.60 แคปซูล ราคา 390 บาท (ค่าจัดส่ง50)

1 กป. 440 รวมส่ง
2 กป แถม 1 จัดส่งฟรี ***คุ้มสุดๆ ในราคา 780 บาท.

#ทุกออเดอร์มีจัดส่งลามารถโอนเงิน และยืนยันการสั่งซื้อ ทางเพจ หรือ line: tarm1992
ส่งจริง ของได้รับจริง

 #สาระน่ารู้ ควรเฝ้าระวัง!                                               📢โรคไขมันพอกตับ (fatty liver disease) เป็นกลุ่ม...
05/02/2020

#สาระน่ารู้ ควรเฝ้าระวัง! 📢โรคไขมันพอกตับ (fatty liver disease) เป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากการสะสมไขมันในตับ และเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดที่ทำให้ผลการตรวจการทำงานของตับผิดปกติเล็กน้อย โรคนี้มักไม่ทำให้เกิดการเจ็บปวด แต่บางครั้งจะบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ

สาเหตุของโรคไขมันพอกตับ
สาเหตุของโรคไขมันพอกตับสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
จากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (alcoholic fatty liver disease) ความรุนแรงของโรคจะขึ้นกับประเภท ปริมาณ และระยะเวลาที่ดื่มแอลกอฮอล์
ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (non-alcoholic fatty liver disease) โดยมีผลจากโรคที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานของร่างกาย เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไวรัสตับอักเสบซี

ที่อยู่

Nong Bua Lamphu

เบอร์โทรศัพท์

+66637399779

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สมุนไพรผักเชียงดา - ตราวังทอง สมุนไพรผู้ฆ่าน้ำตาล ออแกนิก 100%ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง สมุนไพรผักเชียงดา - ตราวังทอง สมุนไพรผู้ฆ่าน้ำตาล ออแกนิก 100%:

แชร์