03/09/2024
#วีแกนโปรตีน เอาใจคนรักสุขภาพ 'โปรตีนพืช' By CHANULA แชนนูล่า
👨🌾🌿ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โปรตีนพืช กลิ่น โกโก้ผสมมอลต์ ตราแชนนูล่า โปรตีนสำหรับฟื้นฟูสภาพร่างกาย ทดแทนมื้ออาหาร
Dietary Supplement Product Plant protein Cocoa Malt flavor Chanula brand
👉 เครื่องดื่มโปรตีนพืช #รสโกโก้และมอลต์สกัด #ฟื้นฟูกล้ามเนื้อและกระดูกอ่อน สามารถทาน #ทดแทนมื้ออาหารระหว่างวัน ที่สำคัญ ไม่มีน้ำตาลและส่วนผสมจากสัตว์
ทำไม “โปรตีน” จึงจำเป็นต่อร่างกายของคนทุกวัย หลายคนอาจลืมไปแล้วว่า ในร่างกายของคนเรานั้นมี โปรตีน ( Protein ) เป็นส่วนประกอบมากถึง 75% ของน้ำหนักตัว โดยโปรตีนเป็นสารอาหารหลักที่มีโครงสร้างโมเลกุลขนาดใหญ่ ทั้งยังเป็นโครงสร้างหลักของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ในวัยเด็กโปรตีนจะถูกนำมาใช้ในการเจริญเติบโต เสริมสร้างเนื้อเยื้อและฮอร์โมน เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่หรือวัยทำงาน ร่างกายจะต้องการโปรตีนปริมาณมากเพื่อนำไปสร้างพลังงาน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อและการเติบโตตามวัย นอกจากนี้โปรตีนยังมีบทบาทในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และเพิ่มความสดชื่นระหว่างวันได้ สำหรับวัยผู้สูงอายุ จำเป็นต้องได้รับโปรตีนที่ย่อยง่าย ดูดซึมได้ดี เพื่อให้ร่างกายได้โปรตีนในปริมาณที่เพียงพอ ในวัยนี้โปรตีนมีบทบาทสำคัญในการช่วยเสริมสร้างและคงสภาพของมวลกล้ามเนื้อ โดยจะถูกนำไปใช้เพื่อชดเชยการสลายตัวของกล้ามเนื้อตามวัย นอกจากนี้โปรตีนยังมีส่วนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการป่วยและความเหนื่อยล้าต่างๆได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้นได้ และด้วยเหตุนี้เองโปรตีนจึงเป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญที่ร่างกายของคนทุกวัยขาดไม่ได้
📢เช็คลิสต์อาการแบบไหนคือสัญญาณว่า “ร่างกายขาดโปรตีน” ?ผิวหนังมีลักษณะแห้ง ผิวหยาบกร้าน ดูแก่กว่าวัยแผลหายช้ากว่าปกติ ผิวหนังไม่แข็งแรงรู้สึกหิวบ่อยระหว่างวันสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ รู้สึกว่ากล้ามเนื้อลีบฝ่อในบางรายอาจมีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรงมีปัญหาเกี่ยวกับการนอน นอนหลับยากกว่าปกติรู้สึกห่อเหี่ยว เซื่องซึม ไม่กระฉับกระเฉง ร่างกายอ่อนเพลียภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้ป่วยบ่อย และใช้เวลานานกว่าจะหายจากอาการเจ็บป่วยนั้นหากคุณมีอาการตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น นั่นอาจแปลว่าร่างกายของคุณกำลังขาดโปรตีน
👍โปรตีนสำคัญไม่ใช่แค่กับผู้ที่ต้องออกกำลังกาย แต่สำคัญกับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือผู้ที่มีภาวะต้องการโปรตีนมากกว่าปกติ เช่น ผู้ป่วยที่ฟื้นฟูร่างกาย ผู้ป่วยติดเตียง ที่ต้องการโปรตีน 2กรัม/น้ำหนักตัว/วัน
โปรตีนจากพืช 100 % 14 กรัม
Isolated Soy Protein 9,000 มิลลิกรัม
โปรตีนไอโซเลต หรือ Soy Protein Isolate มีความเข้มข้นของโปรตีนที่สูงมากถึง 90% โปรตีนถั่วเหลือประเภทนี้ไม่มีการตัดต่อพันธุ์กรรมใดๆ เลยทั้งสิ้น มีการสกัดเอากากใย พร้อมทั้งไขมันออกไป ร่างกายสามมารถนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพสูงมากกว่าโปรตีนในรูปแบบปกติทั่วไป
PEA PROTEIN ISOLATE 5,000 มิลลิกรัม
โปรตีนจากถั่วลันเตาสีเหลือง สามารถสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมถึงให้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ไม่ต่างกับเวย์โปรตีน แต่ข้อดีของ Pea Protein คือ เป็นโปรตีนที่ได้จากพืช ปราศจากไขมัน และคอเลสเตอรอล จนได้รับการขนานนามจากผู้บริโภคทางแถบตะวันตกว่าเป็น “Clean Lean Protein” คือ กินแล้วไม่บวมหรืออ้วน
ประโยชน์ของ Pea Protein
ประโยชน์ของ Pea Protein (พีโปรตีน) หรือโปรตีนจากถั่วลันเตาสีเหลือง มีคุณปะโยชน์หลากหลาย ดังนี้
ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนาน
จากการศึกษามากมายแสดงให้เห็นว่า pea protein มีคุณสมบัติในการทำให้อิ่ม ส่งผลให้คนลดการบริโภคอาหารโดยรวม จากการสึกษาหนึ่งนักวิจัยพบว่าการรับประทาน pea protein 20 กรัมต่อการรับประทานอาหารของผู้ชายที่มีสุขภาพดีอายุระหว่าง 20-30 ปี ส่งผลให้มีการรับประทานอาหารน้อยกว่ากลุ่มควบคุม และยังสามารถลดแคลอรี่ได้ถึง 12% อีกทั้งยังงสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดก่อนมื้ออาหารเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่พบว่า pea protein มีประสิทธิภาพมากกว่าเวย์โปรตีนหรือโปรตีนนมอื่นๆ ในการลดความหิว ซึ่งเป็นผลมาจากกลไลการทำงานของ pea protein ในการเพิ่มระดับของฮอร์โมนความอิ่ม CCK และ GLP-1
ช่วยในการเผาผลาญและควบคุมน้ำหนัก
การรับประทานอาหารเข้าไปจะทำให้ร่างกายผลิตความร้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาผลาญแคลอรี่ (thermogenesis) เพื่อสร้างพลังงานที่จำเป็นสำหรับการย่อยอาหาร การดูดซึม เมแทบอลิซึม และการจัดเก็บสารอาหารที่ได้จากอาหาร จากงานวิจัยของ Claessens et al.(2007) พบว่า การบริโภค pea protein และ soy protein ทำให้เกิด thermogenesis ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการบริโภค pea protein จะช่วยในการลดน้ำหนัก ด้วยการช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ส่งผลให้เป็นการลดการบริโภคอาหาร และกระตุ้นกระบวนการ thermogenesis เพื่อช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่
อีกทั้งการบริโภค pea protein จะไปลดระดับเกรลิน (ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความหิว ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้นและหลีกเลี่ยงความอยากอาหาร และไปกระตุ้นโกรทฮอร์โมน (human growth hormone) แทน ในการสลายเนื้อเยื่อไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ จึงช่วยให้ลดน้ำหนักส่วนเกินได้
ช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ
Pea Protein เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง ที่มีกรดอะมิโนครบถ้วนทั้ง 9 ชนิด ซึ่งช่วยซ่อมแซม เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อได้ดี อีกทั้ง pea protein ยังมีกรดอะมิโน เช่น แอล-อาร์จินีน (L-arginine) ที่มีช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ รวมทั้งช่วยกระตุ้น
โกรทฮอร์โมน (human growth hormone) อีกด้วย จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the International Society of Sports Nutrition เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2015 สรุปว่า โปรตีนถั่วลันเตาสามารถใช้แทนเวย์ได้ในการสร้างกล้ามเนื้อ biceps
ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
ดังงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Epidemiology พบว่า การทานโปรตีนจากพืชในระยะยาวช่วยลดโรคหัวใจได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ดังนั้นหากเรามีภาวะเสี่ยงด้านหัวใจอยู่แล้ว คุณควรทานอาหารที่ช่วยลดค่าการอักเสบ เช่น Pea protein และอาหารจากพืชอื่นๆ
ช่วยลดความดันโลหิต
มีการศึกษามากมายพบว่าการบริโภค pea protein เพียงไม่กี่กรัมต่อวันก็เพียงที่จะช่วยในการลัดความดันโลหิตได้ จากการศึกษาในปี 2016 ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์การอาหาร ได้มีการสำรวจว่าหนูที่มีความดันโลหิตสูงโดยธรรมชาติที่กิน pea protein hydrolysate ในระยะเวลาสั้นๆ และระยะยาว จะช่วยลดความดันโลหิตในหนูได้หลังจากผ่านไปเพียงสามสัปดาห์
ช่วยป้องกันและชะลอความเสียของไต
หากเราบริโภคโปรตีนมากเกินไปอาจเป็นอัตรายต่อไตได้ หรือการบริโภคโปรตีนบางชนิด เช่น เวย์ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นอันตรายต่อไต ทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ท้องอืด มีก๊าซ และปัญหาอื่นๆ ในระบบทางเดินอาหาร อย่างไรก็ตามมีการศึกษาจำนวนหนึ่งพบว่า pea protein เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องไต โดย University of Manitoba พบว่า pea protein ป้องกันหรือชะลอความเสียหายของไตในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงได้
ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
Pea Protein (พีโปรตีน) มีส่วนช่วยคงระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติได้ เพราะ ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงมีผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพในหลายด้าน และอาจทำให้เกิดอาการของเบาหวานได้ เช่น อ่อนเพลียเรื้อรัง กระหายน้ำ บาดแผลหายช้า เป็นต้น
กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายในการฟื้นฟูร่างกายทุกระบบ สมอง กล้ามเนื้อ ระบบหลอดเลือด ระบบประสาท ฮอร์โมน
L-GLUTAMINE
แอล-กลูตามีน (L-Glutamine)
เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างเองได้ในปริมาณเล็กน้อย แต่มีปริมาณมากที่สุดในร่างกายเมื่อเปรียบเทียบกับกรดอะมิโนชนิดอื่นๆ ส่วนใหญ่ร่างกายจะสะสมแอล-กลูตามีนไว้ที่กล้ามเนื้อ จึงถือว่าเป็นกรดอะมิโน ที่เป็นโครงสร้างสำคัญของกล้ามเนื้อ ทำหน้าที่กระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนและสร้างกล้ามเนื้อ
เพื่อชดเชยและซ่อมแซมกล้ามส่วนที่สึกหรอจากการออกกำลังกาย
ช่วยสลายกรดแลคติก (Lactic Acid) ที่เกิดจากการออกกำลังกายอย่างหนัก และช่วยลดอาการปวดเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ ลดการเสื่อมสลายของกล้ามเนื้อ
กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญเติบโต (Growth Hormone) จากต่อมใต้สมอง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
ลดการเป็นหวัดหรือการติดเชื้อ โดยเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาว
DL-Phenylalanine
เป็นยาแก้ปวดตามธรรมชาติ ลดการปวดจากสาเหตุต่างๆ เช่น อาการปวดหลังผ่าตัด ปวดตามเส้นประสาท ปวดไมเกรน ปวดหลังส่วนล่าง ข้ออักเสบ คอเคล็ด ขาและกล้ามเนื้อเป็นตะคริว รูมาตอยด์ ปรับสมดุลอารมณ์ ผ่อนคลายความเครียด ต้านอาการซึมเศร้า
L-ISOLEUCINE
1. ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท
2. ช่วยในการเผาผลาญไขมันที่อยู่ในชั้นไขมัน
3. ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการออกกำลังกายอย่างหนักได้เร็ว
4. เพิ่มการดูดซึมโปรตีนและร่างกายเผาผลาญได้ดี
5. ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื้อกล้ามเนื้อ ผิวหนัง และกระดูก
จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต และพัฒนาการเรียนรู้ ( IQ ) เสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท ช่วยรักษาสมดุลของไนโตรเจนในร่างกายซึ่งจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์กรดอะมิโนชนิดอื่น ๆ มีคุณสมบัติในการเพิ่มความอดทน ช่วยในการรักษาและซ่อมแซมเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ กรดอะมิโนชนิดนี้สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากหน้าที่หลักของมันในร่างกายคือ การเพิ่มพลังงานและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการออกกำลังกายอย่างหนักได้เร็ว อีกทั้งยังกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน ( Growth Hormone ) ช่วยชะลอความแก่ชราและริ้วรอยก่อนวัย
L-VALINE
เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกระบวนการ Muscle Metabolism ซึ่งเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลังงานในกล้ามเนื้อ ซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงสำหรับการทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นสมรรถนะของสมอง
L-ARGININE
เพิ่มสมรรถภาพทางเพศกระตุ้นการหลั่ง โกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการคงความเป็นหนุ่มสาว ช่วยชะลอความชรา ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น จึงเหมาะสำหรับการรับประทานเพื่อสุขภาพได้ทั้งชายและหญิง อาร์จินีนช่วยเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายและลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ( LDL )
L-LYSINE
เป็นกรดอะมิโนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการสร้างโปรตีนที่สำคัญต่อร่างกาย โดยร่างกายต้องการไลซีนเพื่อการเจริญเติบโต การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และการสร้างภูมิต้านทาน ฮอร์โมน รวมถึงเอนไซม์ต่าง ๆ และการบำรุงรักษาสมดุลไนโตรเจนในร่างกายไลซีนยังเป็น 1 ใน Branched Chain Amino Acids ( BCAA ) ใช้เสริมสร้างโปรตีนของกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มกำลังให้กับร่างกาย เป็นที่ยอมรับของนักเพาะกาย และผู้ที่อยากมีรูปร่างดี และยังช่วยกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน( Growth Hormone ) เพื่อช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยให้ผิวพรรณสดใสดูอ่อนเยาว์
GLYCINE
ถือเป็น โครงสร้างหลักของ Collagen ช่วยรักษาภาวะต่อมใต้สมองทำงานน้อย รักษาโรคกล้ามเนื้อฝ่อลีบ รักษาภาวะน้ำตาลต่ำ
วิตามินระดับ Super food ที่มีสารต้านอนุมูลอิรสะสูง ช่วยต่อต้านการเกิดโรค
ALKALIZED COCOA POWDER
1. อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ผงโกโก้อุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล (Pholyphenols) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถช่วยบรรเทาการอักเสบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีลดความดันโลหิต และควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอลและนํ้าตาลในเส้นเลือด
2. ช่วยปรับสภาพอารมณ์การดื่มโกโก้นั้น ช่วยให้สภาพอารมณ์ที่ดีขึ้นและรู้สึกเครียดน้อยลง เพราะในผงโกโก้มีสารฟลาโวนอยด์ (flavanols) ที่ขึ้นชื่อเรื่องการช่วยปรับสภาพอารมณ์อย่างเป็นธรรมชาติ
3. ช่วยบํารุงสมองและบํารุงระบบประสาท สารฟลาโวนอยด์ในผงโกโก้ยังช่วยกระตุ้นการผลิต ‘สารไนตริกออกไซด์’ (nitric oxide) ที่มีบทบาทสําคัญในการช่วยให้กล้ามเนื้อเส้นเลือดผ่อนคลายตัวลงและส่งผลให้เลือดไหลเวียนเข้าสู่ระบบประสาทและสมองได้ดีขึ้น
4. ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ นอกเหนือจากการช่วยลดความดันโลหิต ส่วนประกอบหลายอย่างในผงโกโก้เช่น สารฟลาโวนอยด์สารไนตริกออกไซด์สามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้โกโก้ช่วยลดปริมาณไขมันเลว (LDL cholesterol) ในร่างกายและอัตราความเสี่ยงโรคหัวใจ
5. ช่วยควบคุมนํ้าหนัก การบริโภคโกโก้ที่มีคุณภาพและในระดับที่พอดีสามารถช่วยเสริมสร้างการทํางานของร่างกาย ลดความหิว เพิ่มการออกซิเดชันของไขมัน และช่วยให้รู้สึกอิ่ม
Yeast Beta-Glucan
“เบต้ากลูแคน” กันอยู่บ่อยๆ แต่รู้ไหมว่า สารสกัดจากธรรมชาตินี้มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ และแต่ละแบบให้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน ซึ่ง “ยีสต์เบต้ากลูแคน” เป็นสารสกัดที่หลายงานวิจัยยกให้เป็นผู้ช่วยในการกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการดักจับและกำจัดเชื้อโรครวมถึงสิ่งแปลกปลอม เพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาวแบบสุขภาพดี...ลดเสี่ยงโรคร้ายอย่างมะเร็ง!!
ฟื้นฟูการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างสมดุล ไม่มากเกินหรือน้อยเกินไป
ปรับระดับคอเลสเตอรอลในเลือดให้ดีขึ้น
ชะลอไม่ให้น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดเร็ว ลดระดับความต้องการอินซูลิน
ลดโอกาสเกิดออฟฟิศซินโดรม เพราะมีส่วนช่วยฟื้นฟูร่างกายจากการอักเสบ ร่างกายถูกบูสต์จากความเหนื่อยล้า
ฟื้นฟูการอักเสบของระบบประสาท ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยกำจัดเชื้อโรคและเซลล์แปลกปลอม ทำให้ลดโอกาสเสี่ยงโรคมะเร็ง
COENZYME Q10
Q10 (คิวเท็น), Coenzyme Q10 (โคเอนไซม์คิวเท็น) หรือ Ubiquinone Coenzyme Q10 ในทางการแพทย์จะเรียกสั้น ๆ ว่า CoQ10 (โคคิวเท็น) โดยเป็นหนึ่งในโคเอนไซม์คิว* ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติคล้ายวิตามินและละลายในไขมัน ร่างกายสามารถผลิตเองได้ในปริมาณหนึ่ง หน้าที่หลักคือมีฤทธิ์ช่วยในการรับส่งอิเล็กตรอนในกระบวนการ Electron Transport Chain เพื่อสร้างพลังงาน (ATP) ให้กับร่างกายและเก็บไว้ในไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)* ตามเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย (ซึ่งปกติจะพบได้มากในเซลล์ที่ต้องใช้พลังงานสูง เช่น หัวใจ ไต ปอด ตับ ตับอ่อน กล้ามเนื้อต่าง ๆ ผิวหนัง เซลล์ไข่ สเปิร์ม) นอกจากนี้ CoQ10 ยังมีหน้ากระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย และอาจมีผลช่วยในการรักษาหรือบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ ได้อีกหลายโรค ดังจะกล่าวในหัวข้อถัดไป อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะสร้าง CoQ10 ได้น้อยลง ทำให้การทำงานของเซลล์ต่าง ๆ แย่ลง และในผู้หญิงจะมีโอกาสขาด CoQ10 ได้มากกว่าผู้ชาย
เป็นสารที่มีคุณสมบัติคล้ายวิตามินและมีความจำเป็นอย่างมากต่อร่างกาย ทำหน้าที่ในการผลิตพลังงานพื้นฐานของเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเซลล์ที่ต้องใช้พลังงานสูง เช่น หัวใจ ตับ ไต กล้ามเนื้อ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและอาจมีผลช่วยในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้หลายโรค อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะสร้าง CoQ10 ได้น้อยลงเรื่อย ๆ
CAMU-CAMU EXTRACT
ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ซูเปอร์ฟู้ด เพราะประกอบด้วยสารอาหาร เเละสารประกอบจากพืชที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น กรดอะมิโน วิตามิน สารกลุ่มโพลีฟีนอล และแคโรทีนอยด์ จำพวกลูทีน ซีแซนทีน และเบต้า-แคโรทีนสูง แหล่งเกลือแร่ที่จำเป็น เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ที่เต็มไปด้วยวิตามินซี รวมไปถึง สารฟลาโอนอยด์ (Flavonoid) แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) และกรดอัลลาจิก (Ellagic) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และอนุมูลอิสระส่วนเกินในร่างกาย ที่ส่งผลให้เกิดภาวะเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ และ โรคมะเร็ง นอกจากนี้ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูงของคามูคามู อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่จะสร้างอนุมูลอิสระในปริมาณที่มาก นำไปสู่ความเครียดจากการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ ข้อมูลงานวิจัยระบุว่า จากการศึกษา 1 สัปดาห์ ในผู้ชายที่สูบบุหรี่ จำนวน 20 คน ดื่มน้ำคามู คามู ปริมาณ 0.3 ถ้วย (70 มิลลิลิตร) เท่ากับปริมาณ วิตามินซี 1,050 มิลลิกรัม ของวิตามินซีที่ร่างกายต้องการในชีวิตประจำวัน ผลปรากฏว่า ความเครียด ปฏิกิริยาออกซิเดชัน และการอักเสบ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ASTAXANTHIN 2 %
เป็นหนึ่งในสารประเภทแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ในธรรมชาติ ที่ทำให้เกิดสีแดงหรือสีชมพูในพืชหรือสัตว์ ซึ่งมีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยป้องกันการทำลายเซลล์และกระบวนการออกซิเดชั่นที่มีผลทำให้เกิดริ้วรอยและการเสื่อมของเซลล์ก่อนวัยอันควร จึงเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายที่นำมาใช้เป็นอาหารเสริมในการดูแลสุขภาพของดวงตาและหัวใจ ลดการอักเสบทั่วร่างกาย และช่วยในเรื่องของผิวพรรณ
ประโยชน์ของแอสต้าแซนธิน สารต้านอนุมูลอิสระ แอสต้าแซนธินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุดในปัจจุบัน แอสต้าแซนธินมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ได้ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งแตกต่างกับ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น ที่แค่ช่วยปกป้องภายในหรือภายนอกของเยื่อหุ้มเซลล์เท่านั้น ดังนั้นแอสต้าแซนตินสามารถปกป้องเซลล์ได้ครอบคลุมมากกว่านั่นเอง มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ทําการศึกษาประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ พบว่า แอสต้าแซนธินมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้แรงกว่าสารชนิดอื่น ดังนี้ วิตามิน ซี 6,000 เท่า CoQ10 800 เท่า วิตามิน อี 550 เท่า Green tea catechins 550 เท่า Alpha lipoic acid 75 เท่า เบต้าแคโรทีน 40 เท่า สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า
Prebiotic ช่วยการทำงานในระบบลำใส้ โดยการเพิ่มสารอาหารให้จุลินทรีย์ตัวดี
FRUCTOOLIGOSACCHARIDE POWDER
FOS ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลจากอาหาร เนื่องจาก ค่าดัชนีน้าตาล (glycemic Index, GI) มีความสัมพันธ์กับโรค หลายๆ ชนิด เช่น โรคเบาหวานชนิดท่ี 2 โรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นค่าดัชนีน้าตาล จึงเป็นค่าหน่ึงท่ีกำหนดในการเลือกอาหารบริโภค เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่กล่าวมา โดยเฉพาะการป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคอ้วน และเราพบว่ามนุษย์ไม่สามารถย่อยอินนูลินและฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรค์ได้ จึงทำให้ไม่ถูกย่อยเป็นน้ำตาลและไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ค่า GI จึงเกือบเป็นศูนย์ การศึกษาที่ผ่านมาของการบริโภคฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรค์ปริมาณ 8 กรัม นาน 2 สัปดาห์ ช่วยลดระดับน้าตาลหลังอดอาหาร (fasting blood glucose) ในผู้ป่วยเบาหวานได้ แต่ในผู้มีสุขภาพดี การควบคุมระดับน้ำตาลหลังอดอาหารได้น้ัน เกิดจากกรดท่ีได้จากกระบวนการหมักเส้นใยจากจุลินทรีย์ในลำไส้ โดยเฉพาะกรด โพรพิโอนิกที่สามารถช่วยยับยั้งกระบวนการสร้าง น้ำตาลจากตับ (hepatic gluconeogenesis) การเลือกบริโภค FOS จึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานและช่วยลดโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดข้ึนได้ในอนาคต การช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุแคลเซียมในลำไส้ มีการศึกษาอินนูลินและโอลิโกฟรุกโตส โดยจากรายงานการศึกษาของ Griffin และคณะ แสดงผลของการใช้ FOS อย่างเดียว และ การใช้ร่วมกันของอินนูลินและ FOS เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมนาน 3 สัปดาห์ พบผลการดูดซึมแคลเซียมดีจนแตกต่างจากกลุ่มควบคุมสูงถึงร้อยละ 20 โดยเฉพาะกลุ่มที่ ได้รับอินนูลินและFOSร่วมกันให้ผลดีที่สุด นอกจากนั้นยังพบประโยชน์ในการช่วยดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ เช่น แมกนีเซียม เหล็กและสังกะสี จึงนิยมให้ในวัยเจริญพันธุ์เพื่อเป็นตัวเสริมในการเจริญเติบโตและใช้ป้องกันภาวะกระดูกพรุนในอนาคตของวัยทอง ช่วยรักษาสมดุลระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลในเลือด จากรายงานการบริโภคอินนูลิน หรือฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรค์ 8 – 20 กรัม นาน 4 สัปดาห์ ช่วยควบคุมระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือดได้อย่างมีนัยสาคัญ ด้วยกลไกการ ควบคุมจากการเกิดอะซิเตต (acetate) และโพรพิโอเนต (propionate) ท่ีสร้างข้ึนจากกระบวนการหมักอินนูลินและฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรค์ในลำไส้ นอกนั้นการศึกษาของ Letexier และคณะพบว่าการบริโภคอินนูลินปริมาณ 10 กรัม สามารถควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้ โดยอาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการลดสร้างไขมันจากตับ (lipogenesis) ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เนื่องจากอินนูลิน และFOS เป็นใยอาหารท่ีอุ้มน้าได้ดี ช่วยเพิ่มปริมาตรของกากอาหารในลำไส้จึง กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายสะดวกขึ้น และในขณะที่กากใยเหล่านี้เกิดการหมักจากแบคทีเรียที่ดีจึงทำให้สร้างกรดบิวทิริกและกรดโพรพิโอนิก ซึ่งสามารถ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ รวมท้ังการใช้ประโยชน์ร่วมกัน (synbiotic) ของใยอาหารอินนูลิน,FOS และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ตระกูล Lactobacillus และ Bifidobacterium ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของเซลล์มะเร็งในผู้ป่วยมากขึ้น ลดจุลินทรีย์ก่อโรคทางอ้อมจากความเป็นพรีไบโอติก อินนูลินและ FOS มีคุณสมบัติมากกว่าใยอาหารท่ัวไปคือ มีคุณสมบัติความเป็นพรีไบโอติก (prebiotic) ที่สามารถเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของมนุษย์ได้ จึงช่วยลดจุลินทรีย์ท่ีก่อโรค (pathogenic organism) และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกด้วย
KONJAC POWDER , GLUCOMANNAN POWDER
เป็นสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งประกอบด้วย กลูโคแมนแนน (glucomannan) ซึ่งประกอบด้วยน้ำตาลแมนโนส (manose) และกลูโคส (glucose) ในอัตราส่วน 3: 2 เชื่อมต่อกันด้วยพันธะไกลโคไซด์ (glycosidic bond) ที่ตำแหน่งบีตา-1,4 กลูโคแมนแนนจากบุกมีสมบัติพิเศษหลายประการ คือ สามารถดูดน้ำได้มากถึง 100 เท่าของน้ำหนักตัว ละลายน้ำได้ดี ไม่ให้แคลอรี่ ไม่มีไขมัน ไม่มีโปรตีน นำมาใช้เป็นอาหารสุขภาพ เช่น อาหารลดน้ำหนัก อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
คำเตือน :
ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม เป็นประจํา
🥤ง่ายสะดวกเพียงแค่ฉีกซอง เติมน้ำ 120-150 ml. เขย่าให้เข้ากันแล้วดื่มเลย‼
ราคาสมาชิก 800่ บาท
โทร สอบถาม 062 826 3692