04/08/2024
ว่านตาลเดี่ยว (สร้างคอลลาเจน ช่วยผิวขาว)
ว่านตาลเดียวเวลานี้ถึงฤดูกาลแตกยอดใหม่ออกดอก เป็นสมุนไพรทีมีการใช้มานานในการทาใบหน้าทำให้หน้าขาว และผู้ที่เป็นฝ้าหากใช้เป็นประจำ ทาเพียงบาง จะทำให้ฝ้าค่อยๆจางหายไปได้ในที่สุด และยังมีข้อมูลงานวิจัยสร้างคอลาเจนบำรุงผิวสร้างเซลผิวใหม่ นี่คือสมุนไพรไทยเราใช้ได้ดีในเรื่องของความงาม.....
*************************************
สมุนไพรส่งเสริมความงาม ทำให้ผิวหน้าขาวงามอย่างเป็นธรรมชาติ
อาจารย์แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี วิจัยพบ สารสกัด “ว่านตาลเดี่ยว” ช่วยสร้างคอลลาเจนในชั้นเซลล์ผิว หลังพบลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวขาวได้ แนะนำไปเป็นวัตถุดิบผลิตเครื่องสำอางช่วยลดริ้วรอย เผยคว้า 3 รางวัลระดับโลก
*************************************
ดร.กรวินท์วิชญ์ บุญพิสุทธินันท์ อาจารย์วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้นำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง “A Novel Active Ingredient From Hypoxis Aurea Lour. For Anti-aging Cosmetics” ภายในงาน "International Warsaw Invention Show (IWIS) 2014" ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ซึ่งเป็นงานประกวดผลงานวิจัย นวัตกรรมใหม่ๆ หลากหลายสาขา ทั้งการแพทย์ การจัดบริการสุขภาพ เป็นต้น รวมกว่า 40 หมวดหมู่ มีผลงานเข้าร่วมประกวดกว่า 100 ผลงาน มีหลายประเทศเข้าร่วมประกวดทั้งสหภาพยุโรป เกาหลีใต้ มาเลเซีย ไต้หวัน รัสเซีย ไทย เป็นต้น โดยผลงานที่ มทร.ธัญบุรี ส่งเข้าประกวดคือ ผลการศึกษาของสารสกัดว่านตาลเดี่ยว
*************************************
ดร.กรวินท์วิชญ์ กล่าวว่า ว่านตาลเดี่ยวเป็นพืชสมุนไพรที่มีการใช้มานาน โดยทราบว่ามีคุณสมบัติในเรื่องของการรักษาสิว ฝ้า จุดด่างดำมานาน ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาได้ศึกษาสารสกัดของว่านตาลเดี่ยวพบว่า ช่วยให้ผิวขาวขึ้น เนื่องจากมีคุณสมบัติลดเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ในชั้นผิวหนังที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเม็ดเมลานินสีดำบนผิวหนัง ทำให้คงเหลือแต่ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin) ซึ่งเป็นเม็ดเมลานินสีขาว แต่ครั้งนี้ได้ศึกษาต่อยอดเพิ่มขึ้น โดยพบว่า ยังมีฤทธิ์ช่วยสร้างคอลลาเจนในชั้นเซลล์ผิวได้ดีกว่าวิตามินซี ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องสำอางจำพวกต่อต้านริ้วรอย (Anti-aging) จะช่วยลดริ้วรอย และทำให้ผิวเนียนเรียบ เพราะสารสกัดว่านตาลเดี่ยวจะกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาได้เอง แตกต่างจากการทาเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมคอลลาเจน
*************************************
“ว่านดังกล่าวพบได้ทุกพื้นที่ของไทย สามารถปลูกได้ง่าย ไม่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ จึงทำให้มีความโดดเด่นในแง่ของวัตถุดิบ ต้นทุน และกำลังการผลิต เพราะเครื่องสำอางปัจจุบันมักใช้สารเคมีหรือสารออกฤทธิ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาแพง ต้นทุนการผลิตสูง ทำให้ราคาขายสูง และเกิดโอกาสแพ้หรือระคายเคืองสูงกว่า ซึ่งจากการนำเสนอผลงานดังกล่าวทำให้ได้รับรางวัล เหรียญทองแดง Bronze Medal, รางวัล Special Award For The Most Stupendous Work of Innovative Invention Entitled จาก Korea Invention News และรางวัล Special Award For The Best Innovation Presentation จาก Chinese Innovation & Invention Society (CIIS)”
*************************************
ดร.กรวินท์วิชญ์ กล่าวว่า สารสกัดจากว่านตาลเดี่ยวได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. แล้วว่าสามารถใช้เป็นวัตถุดิบผสมในเครื่องสำอางได้ ซึ่งขณะนี้มีบริษัทเอกชนนำไปผลิตเป็นวัตถุดิบเพื่อป้อนให้แก่บริษัทผลิตเครื่องสำอางแล้ว
*************************************
ขณะเดียวกัน นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การจะสร้างให้การแพทย์แผนไทยเป็นการแพทย์ทางหลักของชาติได้นั้น ประชาชนต้องเข้าถึงระบบบริการด้านการแพทย์แผนไทย ทั้ง 4 ด้านคือ เภสัชกรรมไทย เวชกรรมไทย การผดุงครรภ์ไทย และการนวดไทย นอกจากนี้ ต้องมียาไทยเพียงพอสำหรับการบำบัดรักษาโรคด้วย ซึ่งปัจจุบันยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีใช้แล้วจำนวน 74 รายการ และมียาสมุนไพรในตำรับเภสัชของโรงพยาบาลต่างๆ อีก รวมกว่า 200 รายการ
*************************************
ทั้งนี้ สำนักงานกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยพร้อมสนับสนุนงบประมาณแก่โรงพยาบาลที่สมัครใจและพร้อมผลิตยาสมุนไพร ปัจจุบันผ่านการประเมินมาตรฐานแล้ว 15 แห่ง โดยโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี จ.ปัตตานี และ รพ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี เป็น 2 แห่งแรกของภาคใต้แห่งล่าสุดที่ผ่านมาตรฐาน GMP จากนั้นกรมจะเร่งพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอต่อการรองรับความต้องการของประชาชนคือ แพทย์แผนไทย
*************************************
จากผุ้จัดการออนไลน์ http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx…
ภาพถ่ายโดย ชมรมผักพื้นบ้าน
