09/12/2023
ระบบยาและความเสี่ยงที่ “อาจ” เกิดขึ้นได้
เกริ่นก่อนว่า โพสนี้ไม่พาดพิงหรือว่ากล่าวใครทั้งนั้นนะคะ แค่จะมาเล่าให้ฟังว่าระบบยาในโรงพยาบาลเป็นอย่างไรและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง
เภฯจะเล่าจากการทำงานหน้างานนะคะ อาจจะไม่ตรงตามหนังสือของ สคร หรือ HA เพราะว่าไม่ได้เป็นกรรมการ HA เป็นแค่ผู้ปฏิบัติงานจริงเท่านั้น ถ้าใครอยากทราบระเบียบหรือรายละเอียดเกี่ยวกับความเสี่ยงในโรงพยาบาลสามารถศึกษาได้จากหนังสือ HA ของโรงพยาบาลได้นะคะ
…….
✅ระบบยาในโรงพยาบาลจะประกอบไปด้วย
1. แพทย์สั่งยา
2. ห้องยารับใบสั่งยา คีย์ยา (บาง รพ.แพทย์คีย์มาให้) ปริ้นสติ๊กเกอร์ยา จัดยา เตรียมยา เช็คยา จ่ายยา
3. ถ้าเป็นผู้ป่วยใน หรือ ผู้ป่วยที่อยู่ในห้องฉุกเฉินจะมีพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่มารับยาจากห้องยาไปให้ แล้วค่อยบริหารยาให้คนไข้ตามแพทย์สั่ง
…..
💢ความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ที่ไหนบ้าง ?
คำตอบคือ “เกิดขึ้นได้ทุกขั้นตอน” ค่ะ
1. กระบวนการสั่งยาโดยแพทย์
⚠️ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น : แพทย์สั่งยาผิดชนิด ผิดความแรง สั่งยาไม่ครบ สั่งบริหารยาผิดวิธี ฯลฯ เกิดขึ้นได้หมดค่ะ แต่ห้องยาจะมีการตรวจสอบใบสั่งยาจากแพทย์อีกรอบหนึ่ง ถ้าพบความผิดปกติหรือมีข้อสงสัย เภสัชกรจะสอบถามไปยังแพทย์ผู้สั่งจ่ายยา เพื่อให้ทบทวนใบสั่งยาอีกรอบหนึ่งค่ะ เชื่อว่าพี่ๆน้องๆเภสัชกรหลายๆท่านก็เคยมีบทบาทในขั้นตอนนี้ และช่วยป้องกัน med error กันได้บ่อยๆ ก่อนที่ยาจะถึงมือคนไข้ค่ะ
…
2. ห้องยา
▶️ 2.1 การคีย์ยาตามลายมือแพทย์
ขั้นตอนนี้เราพบ error กันได้บ่อยค่ะ เพราะว่าการอ่านลายมือแพทย์หลายๆท่าน ต้องใช้ความชำนาญพอสมควร อันนี้เป็นความสามารถเฉพาะบุคคลค่ะ ซึ่งหลายๆครั้งก็เกิดความผิดพลาดได้ เพราะชื่อยาหลายตัวจะมีชื่อขึ้นต้นคลายๆกัน เช่น Lasix Losec (ยาขับปัสสาวะ ยาลดกระในกระเพาะ) ถ้าอ่านผิดพลาดไป ก็จะคีย์ยาผิดไปคนละกลุ่มเลยค่ะ ขั้นตอนนี้หลายๆโรงพยาบาลไม่ค่อยเจอ เพราะใช้ระบบ paperless หรือให้แพทย์คีย์ยามาในโปรแกรมเองแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีหลายๆโรงพยาบาลที่ใช้ระบบอ่านลายมือแพทย์อยู่ กระบวนการนี้ ถ้าห้องยาสงสัย หรือไม่เข้าใจ ก็โทรกลับไปสอบถามแพทย์ผู้สั่งยาอีกรอบหนึ่งค่ะ (วอนแพทย์เห็นใจอย่าเพิ่งรำคาญกันนะคะ)
อ่อ เรื่องความสามารถพิเศษในการอ่านลายมือแพทย์นี้ เภฯเห็นหลายๆคนเอาไปสร้างเป็นมุกขำขันกันสนุกสนาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นส่วนที่ทำให้เกิด med error ขึ้นได้ง่ายมากเลยนะคะ พอเกิดขึ้นจริงๆแล้ว ขำไม่ออกค่ะ
▶️2.2 การจัดยาตามฉลาก/ใบสั่งยา
ขั้นตอนนี้หลายๆแห่งจะมีเจ้าหน้าที่ห้องยาเป็นผู้จัดค่ะ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญเช่นกัน เพราะยามีหลายยี่ห้อ หลายบรรจุภัณฑ์ และยาแต่ละตัวก็มีลักษณะคล้ายๆกัน ชื่อยาคล้ายกัน หรือที่เรียกว่า LASA (look a like , Sound a like) โอกาสหยิบผิดเยอะมากค่ะ หลายๆที่ก็จะมีการป้องกันความเสี่ยงตรงนี้ เช่น พิมพ์ชื่อยาด้วยตัวอักษรพิมพ์เล็กสลับพิมพ์ใหญ่ ไม่วางยา LASA ไว้ใกล้กัน หรือ ไม่จัดซื้อยาที่มีลักษณะเหมือนกันมาไว้ในโรงพยาบาล ฯลฯ ซึ่งแม้จะมีกระบวนการป้องกันมากมายขนาดนี้ แต่ปัญหาการจัดยาผิดก็ยังพบกันเรื่อยๆค่ะ เวลาจัดยานับเม็ดที่มีลักษณะคล้ายๆกัน เภสัชกรหลายๆท่านก็มักจะขอกระปุกยาตัวจริงมาดูประกอบด้วยค่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าเม็ดยาที่อยู่ในซองนี้มาจากยาถูกกระปุกจริงๆ
▶️ 2.3 กระบวนการตรวจสอบยาก่อนจ่ายยา
กระบวนการนี้ เภสัชกรจะมีหน้าที่ตรวจสอบยาจากเจ้าหน้าที่ที่จัดยา โดยจะต้องดูทั้งรายละเอียดของผู้ป่วยและยาที่จัดมาในตะกร้า ว่าผู้ป่วยรายนี้เหมาะสมกับยาที่แพทย์สั่งให้หรือไม่ ถ้าพบว่าการสั่งยาของแพทย์ไม่เหมาะสม ก็จะต้องโทรไปสอบถามแพทย์ผู้สั่งยาให้ทบทวนยาอีกรอบหนึ่ง นอกจากนี้ยังต้องดูด้วยว่า ยาที่เจ้าหน้าที่จัดมา ถูกต้องตามฉลาก ตามแพทย์สั่ง และครบตามจำนวนวันนัดของผู้ป่วยหรือไม่ ขั้นตอนนี้สำคัญมากนะคะ แต่หลายๆท่านอาจจะมองข้ามไป บางทีเวรบ่ายหรือเวรดึก นอกเวลาราชการ ห้องยามีเภสัชกรแค่ 1 คน กระบวนการตรวจสอบยานี้ก็จะไปถูกรวมกับกระบวนการจ่ายยา ซึ่งเภฯมองว่าทำให้มีความเสี่ยง error เกิดขึ้นได้สูงมาก เพราะเภสัชกร 1 คน จะต้องเช็คยาและจ่ายยาไปด้วย ทำให้การตรวจสอบยาผู้ป่วยไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร
▶️2.4 กระบวนการจ่ายยา
เภสัชกรมีหน้าที่จ่ายยาให้ผู้ป่วยค่ะ โดยจะต้องทำทุกขั้นตอนเหมือนกระบวนการตรวจสอบยา (2.3) และมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นมาอีก คือ ต้อง Identify ผู้ป่วยด้วย นอกจากนี้ถ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาของผู้ป่วย สอบถามไปยังผู้ป่วยแล้วพบว่ามีความคาดเคลื่อนของการใช้ยาเกิดขึ้น เช่น ผู้ป่วยแจ้งว่ายาที่บ้านเหลือเยอะมาก พอเภสัชกรสอบถามกลับไปแล้วพบว่า ผู้ป่วยกินยาไม่ถูกต้องตามแพทย์สั่ง เภสัชกรก็ต้องแนะนำการใช้ยาผู้ป่วยให้ถูกต้อง หรือบางครั้งอาจจะต้องให้ผู้ป่วยกลับไปหาแพทย์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้แพทย์พิจารณาว่าจะให้ผู้ป่วยรับประทานยาแบบเดิมต่อไปหรือไม่? >>>> อันนี้ยกตัวอย่างแค่เหตุการณ์เดียวนะคะ ซึ่งจริงๆแล้วมีหลายเหตุการณ์มากที่เภสัชกรเราดักจับความคาดเคลื่อนของการใช้ยาได้จากขั้นตอนนี้ ดังนั้น เภสัชกรที่ทำหน้าที่จ่ายยาจึงมีบทบาทสำคัญมาก เพราะต้องตรวจสอบยา ตรวจสอบการใช้ยาของผู้ป่วย และที่สำคัญคือ ต้องทำเวลาให้รวดเร็วด้วย เพราะไม่อย่างนั้น คิวรอยาก็จะยาวเป็นหางว่าวเหมือนกันค่ะ 💢พอมีหน้าที่เยอะแยะมากมายรวมอยู่ในตัวคนเดียวแล้ว ความเสี่ยงก็จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากขึ้นเช่นกันค่ะ และในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะส่งยาให้ถึงมือผู้ป่วย หรือ ส่งให้ผู้ป่วยกลับบ้าน ดังนั้น จะไม่มีคนมา recheck แล้วนะคะ ว่ายาที่จ่ายไปจะผิดหรือไม่ รู้ตัวอีกทีคือผู้ป่วยเอายากลับมาให้ดูแล้วค่ะ ว่าผิด ….. ดังนั้น เภสัชกรที่ทำหน้าที่จ่ายยา ต้องมี “สติ” มากๆ ค่ะ ….
( ลองคิดดูว่า ถ้าเวรดึกหรือเวรบ่าย มีเภสัชกรแค่คนเดียว แต่ต้องทำหน้าที่ทั้งหมดที่กล่าวมา … โอกาสเสี่ยงจะมีมากแค่ไหนคะ ดังนั้น คุณภาพของบุคคลกรก็สำคัญเช่นเดียวกันค่ะ บางที่บุคลากรไม่พอ เวลาเกิด error ขึ้นมา มักจะโดนมองข้ามตรงนี้ไปด้วยค่ะ)
ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยใน หรือ เรียกว่า ผู้ป่วยที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลหรือห้องฉุกเฉิน กระบวนการจ่ายยาจากห้องยา จะถูก recheck ซ้ำจากพยาบาลก่อนจ่ายยาค่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกิด error ขึ้นก่อนบริหารยาแก่ผู้ป่วย
…
3. กระบวนการบริหารยา
❇️กระบวนการนี้เภฯขอแบ่งออกเป็น 2 แบบนะคะ คือ การบริหารยาที่บ้าน กับ การบริหารยาที่โรงพยาบาล
- กรณีบริหารยาที่บ้าน หรือ คนไข้เอายากลับไปกินที่บ้าน เภฯแนะนำว่าให้ตรวจสอบยาก่อนออกจากโรงพยาบาลทุกครั้งนะคะ ว่า ยาที่ได้ไปตรงกับชื่อ โรคที่ตัวเองเป็นหรือไม่ ? เพราะอย่างที่เภฯบอกไปค่ะ ว่า error มันเกิดขึ้นได้ทุกขั้นตอน ช่วยกันตรวจสอบค่ะ ถ้าพบว่าเกิดข้อผิดพลาดเกิดขึ้นหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยา ให้แจ้งเภสัชกรทันที ไม่ว่าจะเป็น ยาไม่ตรงกับชื่อ ยาไม่ตรงกับโรค หรือแม้กระทั่ง ยาไม่ครบตามจำนวนวันนัด …. เภฯจะเจอใน inbox บ่อยนะคะ คนไข้รับยามาจาก รพ.แล้ว พอถึงบ้าน ไม่ทราบว่ายาที่ได้มานั้นใช้รักษาอะไร กรณีแบบนี้ คนที่จะตอบได้ถูกต้องที่สุด คือ สถานบริการที่จ่ายยามาค่ะ ถามคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่มีข้อมูลการักษาของคนไข้ โอกาสที่จะได้รับข้อมูลผิดๆสูงมากนะคะ
- กรณีบริหารยาที่โรงพยาบาล เช่น ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลที่ตึกผู้ป่วยใน หรือ ในห้องฉุกเฉิน พยาบาลจะเป็นผู้บริหารยาให้ผู้ป่วยเองค่ะ (ถ้าเป็นยากิน พยาบาลอาจจะแจกให้คนไข้กินเอง) ขั้นตอนนี้จะมีการ re-check ยาอีกรอบว่า รายการยาตรงตามแพทย์สั่งหรือไม่ ห้องยาจัดยามาให้ถูกหรือเปล่า และก่อนให้ยา พยาบาลก็จะทวนชื่อคนไข้อีกครั้งหนึ่งค่ะ ว่าตรงตามฉลากยาหรือไม่ หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น พยาบาลจะแจ้งมาที่ห้องยาค่ะ ว่ามี error เกิดขึ้น ถ้าเหตุการณ์นั้นไม่รุนแรงแต่เกิดซ้ำบ่อย เราจะมีกระบวนการทบทวนระบบยากันค่ะ ส่วนกรณีที่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นและรุนแรงเราจะมีการทบทวนความเสี่ยงเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก (ขั้นตอนนี้เภฯจะไม่ลงรายละเอียดนะคะ เพราะเป็นส่วนของพี่ๆน้องๆพยาบาลแล้วค่ะ แต่เภฯเชื่อว่าทุกวิชาชีพมีมาตรฐานการให้บริการ และไม่มีใครอยากได้รับใบความเสี่ยงบ่อยๆค่ะ)
………………………….
ที่เล่ามาด้านบน เป็นเรื่องราว ”คร่าวๆ“ นะคะ เล่าให้คนทั่วไปเห็นภาพว่า เบื้องหลังการรอยาของคนไข้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จริงๆระบบยาเรามีรายละเอียดมากกว่านี้ค่ะ เพราะความเสี่ยงเกี่ยวกับยาและการรักษา เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นค่ะ แต่เมื่อมีความเสี่ยงเกิดขึ้นแล้ว และถ้าความเสี่ยงนั้นส่งผลรายแรงกับผู้ป่วยด้วย การแก้ปัญหาให้รวดเร็วและถูกต้องที่สุดควรเป็นสิ่งที่คำนึงถึงเป็นอันดับแรกค่ะ การทบทวนระบบและป้องกันการเกิดซ้ำก็ควรจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ
บางทีการลงโทษรายบุคคล แต่ระบบไม่ได้รับการแก้ไข ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงกับคนไข้นะคะ
…ขอบคุณที่อ่านมาจนจบค่ะ ….
ด้วยรัก
#เพจเภสัชแม่ลูกอ่อน