05/08/2025
10 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโรคไต
1. กินยาเบาหวาน ความดันมาก ๆ ทำให้เกิดโรคไต
❌ การไม่สามารถคุมความดันกับเบาหวานได้ต่างหาก ที่ทำให้เกิดโรคไต และปัจจุบันยาเบาหวานบางตัว (SGLT2i, GLP-1) และยาลดความดันบางตัว (RASi, ns-MRA) มีการศึกษาชัดเจนว่าชะลอไตเสื่อมได้
2. ค่า eGFR ยิ่งสูงยิ่งดี ไตยิ่งเสื่อมช้า
❌ ไม่จริงเสมอไป ในคนที่เป็นโรคไตเรื้อรังแล้วเช่นคนที่เป็นเบาหวานลงไตหรือคนอ้วน ค่า eGFR ที่สูงไปอาจจะบ่งบอกภาวะไตทำงานมากกว่าปกติ การดูค่า eGFR ต้องดูร่วมกับโปรตีนร่วมในปัสสาวะเสมอ ถ้าค่าโปรตีนรั่วสูงบ่งบอกว่าไตมีแนวโน้มเสื่อมเร็ว ในทางตรงกันข้าม ยาในข้อที่ 1 หลายตัว ช่วงที่ใช้ยาตอนแรก ๆ ค่าไตจะลดลงมาเล็กน้อย เพราะมันช่วยแก้ภาวะที่ไตทำงานมากกว่าปกติ ไตจะได้อยู่กับเราได้นานขึ้นๆ
3. โรคไตควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เพราะทำลายไต
❌ โพแทสเซียมไม่ได้ทำลายไต ตรงกันข้ามโพแทสเซียมมีแนวโน้มจะช่วยป้องกันโรคไต, โรคความดันโลหิตสูงได้ *โรคไตระยะ 1-3 ที่ไม่ได้มีโพแทสเซียมสูง สามารถกินได้โดยปลอดภัยแถมได้ประโยชน์* แต่หลีกเลี่ยงในคนที่ไตระยะ 4-5 หรือมีโพแทสเซียมสูงแล้ว เพราะโพแทสเซียมที่สูงไปจะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้
4. โรคไตห้ามกินกาแฟ
❓จริงๆ กาแฟดำ มีฟอสฟอรัสไม่สูงมากกินได้ มีงานวิจัยหลายงานที่บ่งบอกว่าการกินกาแฟดำไม่เกินวันละ 1-2 แก้วต่อวันให้ผลดีต่อไตและหัวใจ แต่ต้องรอข้อสรุปที่ชัดเจนต่อไป ในไตระยะท้าย ๆ อาจจะต้องระวังเนื่องจากคาเฟอีนบางส่วนขับออกทางไต อาจจะต้องปรับปริมาณกาแฟที่รับประทาน พิจารณาลดถ้ามีอาการใจสั่น ถ้าฟอสฟอรัสสูงมากอาจจะเลี่ยงกาแฟชงสำเร็จรูป
5. การฟอกทางเส้นเลือดดีกว่าการฟอกไตทางช่องท้อง
❌ ข้อมูลปัจจุบันไม่แตกต่างกัน และการฟอกไตทางช่องท้องในคนไข้ที่ยังมีปัสสาวะ จะมีแนวโน้มรักษาปัสสาวะที่เหลืออยู่ได้ดีกว่า
6.โรคไตต้องกินไข่ขาวเสริม
❌ การกินไข่ขาวเสริมไม่ได้ช่วยโรคไตเลย โดยทั่วไปแล้วคำแนะนำของโรคไตก่อนฟอกไตคือจำกัดโปรตีน 0.6-0.8 กรัม/นน ตัว/วัน การกินไข่ขาวก็เปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนเหมือนอันอื่นทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่าไข่ขาวมีคลอเรสตอรอลต่ำ มีฟอสฟอรัสต่ำ จึงเป็นโปรตีนที่ดีกับคนไข้ที่ฟอกแล้วในกรณีที่ต้องกินโปรตีนเสริม แต่สำหรับคนที่ยังไม่ได้ฟอก ไม่จำเป็นต้องกินไข่ขาวเสริมและสามารถปรับการกินโปรตีนจากอาหารทั่วไปอย่างเหมาะสม
7.ค่า creatinine ที่สูงขึ้นในคนที่ออกกำลังกายต้องหยุดออกกำลังกาย
❌ ต้องแยกภาวะที่ออกกำลังกายอย่างหนักจนเกิดกล้ามเนื้อสลายออกไปก่อน ซึ่งอาจจะมีอาการปวด ปัสสาวะสีโค้ก มีค่ากล้ามเนื้อสลายในเลือดเพิ่มขึ้น แต่สำหรับคนที่ไม่มีอาการ เวลาเรามีกล้ามเนื้อมากขึ้น ค่า creatinine อาจจะสูงขึ้นได้โดยที่การทำงานของไตไม่ได้แย่ลง ซึ่งในกรณีนี่ควรตรวจ serum cystatin-C เพื่อประเมินการทำงานของไตร่วมด้วย ซึ่งถ้า eGFRcr-cys ปกติ ก็แปลว่าไตไม่ได้เสื่อม
8.ถ้าฟอกไตแล้วยังไงก็ไม่ฟื้น ต้องฟอกตลอดไป
❓ ต้องแยกว่าไตวายมีสองกรณี 1. ไตวายฉับพลัน 2. ไตวายเรื้อรัง ถ้ามีภาวะไตวายฉับพลันอยู่ อาจจะเกิดจากสาเหตุใดก็แล้วแต่ ไตอาจจะฟื้นได้ อาจจะสามารถหยุดฟอกได้ การฟอกไตสำหรับไตวายฉับพลันเป็นขั้นตอนหนึ่งของการช่วยชีวิตให้พ้นจากภาวะวิกฤตช่วงนั้นเพื่อรอไตฟื้น ส่วนไตเรื้อรังโอกาสฟื้นตัวจะน้อยกว่า
9.การกินน้ำปริมาณมาก ๆ ดีกับไต
❓น่าสนใจว่าปัจจุบันงานวิจัยที่แนะนำให้กินน้ำปริมาณมาก ๆ พบว่าไม่ได้ช่วยชะลอไตเสื่อมเลย อย่างไรก็ตามการดื่มน้ำวันละสองลิตรต่อวันในคนไข้ที่ยังมีปัสสาวะปกติอาจจะช่วยลดการขาดน้ำได้ แต่การดื่มน้ำมากกว่านี้หรือคนไข้ที่เริ่มมีปัญหาในการขับน้ำ (ระยะ 4-5) อาจจะต้องระมัดระวังภาวะโซเดียมต่ำ เกิดจากการกินน้ำมากเกินไปจนทำให้โซเดียมในเลือดเจือจาง ภาวะนี้ถ้าเป็นรุนแรงจะอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
10. ปวดหลังบ่อย ๆ เท่ากับไตเสื่อม
❌ ส่วนใหญ่ปวดหลังคือปวดกล้ามเนื้อกับกระดูก ถ้าปวดบริเวณสีข้างอาจจะเป็นตำแหน่งของไต แต่เป็นอาการของติดเชื้อที่กรวยไต หรือนิ่ว หรืออาการอักเสบบางอย่าง ส่วนใหญ่โรคไตเรื้อรังจะไม่มีอาการปวด อาการเริ่มต้นอาจจะไม่มีอาการหรือมาด้วยปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน อาการปัสสาวะเป็นฟองต้องตรวจยืนยันว่าเป็นโปรตีนรั่วหรือไม่ ถ้าเป็นอาจจะเป็นโรคไตกลุ่มเนฟโฟรติก ซึ่งมีการรักษาเฉพาะ