14/07/2025
SIADH เป็นอีกภาวะที่ทีมโภชนบำบัดมักจะเจอในเวชปฏิบัติ
📍แก้ Na ยังไงก็ไม่ขึ้น! มารู้จัก ”SIAD” หรือชื่อเดิม “SIADH”🧐
—————————————————————————
👩⚕️ “พี่คะ… คนไข้ Na 119 ให้ 3% NaCl ไปแล้ว 1 amp ตอนที่อาเจียน 🤮 ตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ ให้ NSS ต่อ แต่เช้านี้ยังไม่ขึ้นเลยค่ะ…”
👨⚕️ “อืม ลองดูว่ามี volume depletion มั้ย ปัสสาวะออกเยอะรึเปล่า? หรืออาจจะเป็น SIAD!”
🔁 เคสแบบนี้วนมาให้เราเจอบ่อยๆ
– คนไข้ hyponatremia แบบไม่มี volume depletion
– ไม่บวม ไม่แห้ง ไม่มี hypotension
– ปัสสาวะไม่ลดเลย (ยังออกดี!) 💦
– เจาะ Na รอบใหม่… ยังอยู่ที่ 117! 😵💫
“ทำไมแก้ sodium ยังไงก็ไม่ดีขึ้น?”
“คนไข้ดูไม่ขาดน้ำ ทำไมยัง low Na?”
“หรือว่านี่คือ SIAD!?”
“SIAD รักษายังไง ต้องเจาะอะไรเพิ่ม?”
“แล้วต้องกลัว overcorrection ไหม?”
————————————————————————
✏️ มารู้จักกับ SIAD ▪️สาเหตุอันดับ 1️⃣ ของภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ “Hyponatremia”
————————————————————————
💧 โซเดียมต่ำเป็น electrolyte disturbance ที่พบบ่อยที่สุดในโรงพยาบาล
– พบได้มากถึง 30% ของผู้ป่วยใน
– และเป็นสาเหตุของอาการที่หลากหลาย ตั้งแต่…
🌀 เวียนหัว
🛏 ซึม
⚡️ ชัก
🧠 สมองบวม
💀 จนถึง brain herniation และเสียชีวิต!
🚨 ทำไมต้องรีบวินิจฉัยให้ถูกตั้งแต่แรก?
———————————————————-
🔹 เพราะถ้ารักษา Na ต่ำ แบบผิดกลไก เช่น ให้ NSS ในคนที่ไม่ได้ขาด volume
→ อาจยิ่งทำให้ Na ลดลงอีก!
→ เสี่ยง seizures หรือ coma
🔹 แต่ถ้ารีบแก้เร็วเกิน โดยไม่เข้าใจว่า Na ต่ำมานานแล้ว
→ เสี่ยงเกิด Osmotic Demyelination Syndrome (ODS)
→ พูดไม่ได้ กลืนไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้… ตลอดชีวิต
📍 Na ต่ำจึง ไม่ใช่แค่ให้ 3%NaCl หรือ 0.9%NaCl แต่เป็น ภาวะที่ต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบเสมอ!
🧠 1️⃣ SIAD คืออะไร? 📝
🧠 2️⃣ จุดเริ่มต้นของ SIAD 🌊
🧠 3️⃣ Criteria วินิจฉัย SIAD 🌊
🧠 4️⃣ วินิจฉัยแยกโรคที่คล้ายกัน 🧐
🧠 5️⃣ สาเหตุของ SIAD 🌡️
🧠 6️⃣ ประเมิน 4 อย่างก่อนการรักษา 🧑🏻⚕️
🧠 7️⃣ รักษา SIAD 🏥
➕ ประเด็นเพิ่มเติมใน comment
————————————————————————-
🧠1️⃣ SIAD คืออะไร? 📝
————————————————————————-
👩⚕️SIAD หรือชื่อเต็มว่า
Syndrome of Inappropriate Antidiuresis
เป็นภาวะที่ร่างกาย “หลั่ง ADH มากเกินความจำเป็น”
แม้ว่า volume ในร่างกายจะปกติหรือเกินก็ตาม!
💧 กลไกหลักของ SIAD:
1. มีการหลั่ง ADH โดยไม่เหมาะสมกับ osmolar status หรือ volume status 🧠
2. ADH ไปกระตุ้น V2 receptor ที่ renal collecting duct 🫗
3. ทำให้มีการ reabsorb น้ำกลับ โดยไม่ reabsorb เกลือ 💦
4. ร่างกายเลยเจือจางโซเดียม (Dilutional hyponatremia) 🧂
5. ผลคือ Serum sodium ลดลง (แต่ยัง euvolemic) 📉
🚫 SIAD ≠ Hypervolemia
—————————————-
แม้จะดูเหมือนมีน้ำเกิน แต่ร่างกายจะขับน้ำส่วนเกินออกบางส่วน
ทำให้คนไข้ส่วนใหญ่ ดูไม่บวม ไม่แห้ง
= เรียกว่า “Euvolemic hyponatremia”
🔬 ตัวอย่าง Clinical ที่เข้าได้กับ SIAD:
-——————————————————-
• Serum sodium ต่ำ
• Serum osmolality ต่ำ
• Urine osmolality สูง (เกิน 100 mOsm/kg)
• Urine sodium สูง (มักเกิน 30 mmol/L)
• ไม่มี edema
• ไม่มี sign ของ volume depletion
❓แล้ว SIAD มักเกิดจากอะไร?
🦠 โรคปอด เช่น pneumonia, TB
🧠 โรคในสมอง เช่น stroke, tumor
💊 ยาบางชนิด เช่น SSRI, carbamazepine
🦀 มะเร็งบางชนิด (เช่น small cell lung cancer)
————————————————————————-
🧠 2️⃣ จุดเริ่มต้นของ SIAD 🌊
————————————————————————-
📅 ปี 1957
🔬 โลกการแพทย์ได้รู้จัก SIAD เป็นครั้งแรก!
👨⚕️ ทีมนักวิจัยนำโดย Schwartz & Bartter รายงานผู้ป่วย มะเร็งปอดชนิด bronchogenic carcinoma ที่มี…
– 💧 Serum sodium ต่ำมาก
– 🧪 Serum osmolality ต่ำ
– ⚖️ ไม่มี dehydration และไม่มี edema
– และที่สำคัญ… 🔥 พบ ADH สูงผิดปกติ โดยไม่มีเหตุให้ร่างกายต้องหลั่ง!
📌 พวกเขาตั้งชื่อภาวะนี้ว่า
“Syndrome of Inappropriate Secretion of Antidiuretic Hormone”
ซึ่งต่อมากลายเป็นชื่อยอดฮิตที่เรารู้จักกันว่า “SIAD”
📅 ปี 1967
🧠 Bartter & Schwartz ตีพิมพ์บทความใน American Journal of Medicine 🇺🇸
💡 พวกเขากำหนด เกณฑ์วินิจฉัย SIAD อย่างเป็นระบบ
= กลายเป็น “มาตรฐานทองคำ” ที่แพทย์ทั่วโลกรู้จักในชื่อ “Bartter & Schwartz Diagnostic Criteria” 🏅
————————————————————————-
🧠 3️⃣ Criteria วินิจฉัย SIAD 🌊
————————————————————————-
🌎 Bartter & Schwartz Diagnostic Criteria ได้กำหนดเกณฑ์ (Essential Criteria)
🔹 ต้องเข้าเกณฑ์ครบทั้ง 6 ข้อต่อไปนี้
——————————————————
✅ 1) Hypotonic hyponatremia 💧
——————————————————
– Serum sodium < 135 mmol/L
– Serum osmolality < 275 mOsm/kg
📌 ยืนยันว่าเป็น โซเดียมต่ำแบบแท้จริง (ไม่ใช่ pseudohyponatremia จาก lipid, glucose ฯลฯ)
✅ 2) Inappropriately concentrated urine 🧪
——————————————————————
– Urine osmolality > 100 mOsm/kg
📌 ปกติ ADH ควร “ถูกปิด” เมื่อ Na ต่ำ → ปัสสาวะควรเจือจาง
แต่ใน SIAD → ADH หลั่งเกิน → น้ำไม่ถูกขับออก → ปัสสาวะยังเข้มข้น
✅ 3) Clinical euvolemia ⚖️
———————————————
– ไม่มี hypotension
– ไม่มี dry mucosa, ไม่มี skin turgor ลด
– ไม่มี edema, ไม่มี ascites หรือ pleural effusion
📌 คือ “คนไข้ดูปกติ” ทั้งที่น้ำในร่างกายเกินจริง!
✅ 4) Urine sodium > 30 mmol/L 🧂
———————————————————-
– ในภาวะกินเกลือปกติ
📌 แสดงว่าไต ไม่ได้พยายามเก็บเกลือไว้
→ สนับสนุนว่าไม่มี hypovolemia
✅ 5) ไม่มีโรคอื่นที่อธิบาย hyponatremia ได้ ❌
———————————————————————-
– ต้อง rule out ทุกอย่างก่อน ได้แก่:
🔸 Adrenal insufficiency
🔸 Hypothyroidism
🔸 Advanced renal failure (CKD IV , V)
🔸 Liver cirrhosis, heart failure, nephrosis
📌 เพราะโรคเหล่านี้ก็ทำให้ Na ต่ำ + UOsm สูง ได้เช่นกัน!
✅ 6) No recent use of diuretics 🚫
——————————————————
📌 โดยเฉพาะ thiazide diuretics
เพราะสามารถทำให้…
– 💧 Na ต่ำ
– 🧪 UOsm สูง
– 🧂 Urine Na สูง
= ซึ่ง เหมือน SIAD แทบทุกประการ!
📌 ดังนั้น… ถ้าใช้ยาขับปัสสาวะในช่วง 1–2 สัปดาห์ที่ผ่านมา → วินิจฉัย SIAD ไม่ได้ ❌
✏️แต่ในบางเคสยังวินิจฉัยไม่ครบ → ต้องใช้ Supplemental Criteria มาช่วยเสริม
🔹 7️⃣ ข้อของ Supplemental Criteria
———————————————————-
📝 อ้างอิงตาม European Renal Best Practice 2014 และ Warren et al., Endocr Rev 2023
✅ 1) Serum uric acid < 4 mg/dL 🧂
———————————————————-
– ADH สูง → น้ำเกิน → dilute UA
– ร่วมกับ increased UA clearance
📌 เจอ UA ต่ำมากใน SIAD → ต่างจาก hypovolemia ที่ UA สูงเพราะ hemoconcentration
✅ 2) Serum urea < 21.6 mg/dL 💧
———————————————————-
– ADH ทำให้ volume เกิน → dilute urea
– บาง guideline เดิมใช้ BUN < 10–12 แต่เวอร์ชันนี้ให้ cutoff ที่แม่นยำกว่า
📌 ถ้า Cr ปกติ แต่ urea ต่ำผิดปกติ → นึกถึง SIAD
✅ 3) Failure to correct after 0.9% NaCl 🧪
—————————————————————
– NSS แก้ Na ได้เฉพาะใน volume depletion
– ใน SIAD → NSS ถูกขับออกทั้งน้ำและเกลือ → Na ยิ่งไม่ขึ้น
📌 ทดสอบ bedside ได้ ถ้า Na ไม่ขึ้นเลยหลัง NSS → สนับสนุน SIAD
✅ 4) Fractional sodium excretion (FE Na) > 0.5% 🔁
———————————————————————
– Euvolemic หรือ volume normal → kidney ขับ Na ได้ดี
– ต่างจาก hypovolemia ที่ kidney พยายามกัก Na → FE Na ต่ำ
📌 FE Na > 0.5% บอกว่า “ร่างกายไม่ได้ขาด volume”
✅ 5) Fractional urea excretion > 55%
—————————————————————
– คล้าย FE Na แต่สำหรับ urea
– Hypovolemia → ร่างกาย reabsorb urea (FE ต่ำ)
– SIAD → ขับ urea ได้ดี
📌 FE urea สูง = สนับสนุนว่าไม่ขาด volume → สอดคล้องกับ SIAD
✅ 6) Fractional uric acid excretion > 12% 📉
———————————————————————-
– เป็น marker ที่นำมาใช้ประกอบร่วมได้
– SIAD ขับ UA ได้ดีเพราะไม่มี volume depletion
📌 ใช้ร่วมกับ serum UA → แม่นกว่าใช้ค่าใดค่าหนึ่งเดี่ยว ๆ
✅ 7) Correction with fluid restriction 🚱
———————————————————————
– hallmark ของ SIAD: Na เพิ่มหลังงดน้ำ
📌 ถ้าจำกัดน้ำ (≤ 1 ลิตร/วัน) แล้ว Na เพิ่ม → สนับสนุน SIAD
→ ยิ่งถ้า Na ไม่ขึ้นหลัง NSS แต่ขึ้นหลังงดน้ำ = ยิ่งชัด!
⚠️ ข้อควรระวัง:
————————
🔴 ค่าเหล่านี้อาจถูกรบกวนได้ใน CKD, cirrhosis, malnutrition
🔴 ต้องวินิจฉัยร่วมกับ clinical picture และ exclusion อื่น
🔴 ไม่ใช้แทน Bartter Criteria แต่ใช้ “เสริมความมั่นใจ” เมื่อยังไม่ครบ
————————————————————————-
🧠 4️⃣ วินิจฉัยแยกโรคที่คล้ายกัน 🧐
————————————————————————-
1️⃣ Hypovolemic hyponatremia จาก salt loss 🩸
————————————————————————-
🌀 เช่น vomiting, diarrhea, diuretics, cerebral salt wasting
📌 ทำให้ volume ลด → กระตุ้น ADH → UOsm สูง
🧂 ถ้า Na intake ยังพอ → Urine Na อาจยัง > 30 ได้
👁 ชวนให้เข้าใจผิดว่า: เป็น SIAD (เพราะ Na ต่ำ, UOsm สูง, Urine Na สูง)
💣 แต่จริง ๆ แล้วคนไข้ ขาด volume!
🔍 วิธีแยก:
– BUN/Cr > 20
– FeNa < 1%
– Orthostatic hypotension, dry mucosa
– Na ดีขึ้นหลังให้ NSS
2️⃣ Hypothyroidism 🧬
————————————
🔸 โดยเฉพาะในกรณี severe หรือ myxedema
🧠 ส่งผลให้ renal perfusion ลด → ร่างกายค้าง free water
👁 ชวนให้เข้าใจผิดว่า: เป็น SIAD เพราะ Na ต่ำ, UOsm สูง, ไม่มีบวม
🔍 วิธีแยก:
– ตรวจ TSH + Free T4
– ถ้าผิดปกติชัดเจน → ต้องรักษา hypothyroidism ก่อนวินิจฉัย SIAD
3️⃣ Adrenal insufficiency (AI) 🧯
—————————————————
🔸 โดยเฉพาะ secondary AI (ACTH ต่ำ)
💥 ทำให้ cortisol ต่ำ → ร่างกายหลั่ง ADH ไม่หยุด
→ Na ต่ำ, UOsm สูง, Urine Na สูง
👁 ชวนให้เข้าใจผิดว่า: เป็น SIAD เพราะคนไข้ “ไม่ hypotensive” และไม่มีบวม
💣 แต่ถ้าไม่ให้ steroid → อาการจะทรุดลงทันที
🔍 วิธีแยก:
– ตรวจ AM cortisol
– ACTH stimulation test
– สังเกตอาการร่วม: fatigue, weight loss, postural dizziness
4️⃣ Diuretic use (โดยเฉพาะ thiazide) 💊
————————————————————
🔸 เจอบ่อยมากในผู้สูงอายุ
🔸 ทำให้เกิด Na ต่ำ + UOsm สูง + Urine Na สูง + ดู euvolemic
👁 ชวนให้เข้าใจผิดว่า: เป็น SIAD ทุกประการ!
📛 แต่ Bartter & Schwartz บอกชัด:
ถ้าใช้ diuretics → ❌ ห้ามวินิจฉัย SIAD
🔍 วิธีแยก:
– ตรวจสอบประวัติการใช้ยาภายใน 1–2 สัปดาห์
– หยุดยาแล้วติดตาม Na
– ถ้า rebound ขึ้น → สาเหตุคือยา ไม่ใช่ SIAD
————————————————————————-
🧠 5️⃣ สาเหตุของ SIAD 🌡️
————————————————————————-
โรคไหน? ยาอะไร? ทำไมร่างกายถึงหลั่ง ADH ไม่หยุด?
🧠 SIAD = ภาวะที่ร่างกาย หลั่ง ADH เกินความจำเป็น
แม้ว่า…
– 📈 Sodium จะต่ำ
– 🧪 Osmolality จะต่ำ
– 💧 Volume จะปกติ
📌 แต่ ADH ยังคงถูกกระตุ้น → น้ำถูกดูดกลับ → Na ยิ่งต่ำลงเรื่อย ๆ!
🔥 แล้วสาเหตุที่ไปกระตุ้น ADH ผิดปกติมีอะไรบ้าง?
————————————————————————-
➡️ ขอแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่
“CNS–LUNG–CANCER–DRUGS”
1. 🧠 CNS Disorders
———————————-
โรคทางสมองเป็นสาเหตุ ที่เจอบ่อยที่สุด ใน ICU และ stroke unit!
🧨 ตัวอย่าง:
– Stroke (ischemic หรือ hemorrhagic)
– Subarachnoid hemorrhage (SAH)
– Traumatic brain injury
– Meningitis, encephalitis
– Brain abscess, tumor
– Psychosis, delirium, pain
📌 กลไก:
การระคายเคือง hypothalamus หรือ disruption ของ osmoregulation → กระตุ้น ADH ผิดปกติ
2. 🫁 Pulmonary Disorders
——————————————-
“โรคปอดกระตุ้น ADH” เป็นคำพูดคลาสสิกที่ทุกหมอต้องท่องให้ขึ้นใจ
🧨 ตัวอย่าง:
– Pneumonia (ทุกชนิด โดยเฉพาะ Legionella)
– Tuberculosis
– Empyema
– Asthma exacerbation
– Mechanical ventilation (PEEP สูง ๆ)
– Pneumothorax
– Lung abscess
📌 กลไก:
– ปอดอักเสบหรือ hypoxia → กระตุ้น ADH ผ่าน stress axis
– หรือกระตุ้นทาง mechanoreceptor
3. 🦀 Malignancies
———————————-
มะเร็งบางชนิด สร้าง ADH เองได้โดยตรง = Ectopic ADH production
🧨 ตัวอย่างที่ classic สุด:
– Small cell lung cancer (SCLC) ✅
นอกจากนี้ยังมี:
– Pancreatic cancer
– Duodenal cancer
– Bladder cancer
– Prostate, breast, leukemia, lymphoma
📌 กลไก:
– Tumor สร้าง ADH โดยไม่ถูกควบคุม
– หรือกระตุ้น hypothalamic ADH pathway
4. 💊 Medications
———————————-
กลุ่มนี้เจอบ่อยโดยไม่รู้ตัว!
บางรายมี SIAD เพราะยาเพียงตัวเดียว 😱
🧨 กลุ่มยาที่พบบ่อย:
SSRI (เช่น sertraline)➡️ เพิ่ม ADH release
Carbamazepine ➡️ เพิ่ม ADH release + renal sensitivity
Vincristine ➡️ กระตุ้น hypothalamus
Cyclophosphamide ➡️ Direct tubular effect
NSAIDs ➡️ เพิ่ม renal sensitivity ต่อ ADH
Opioids ➡️ กระตุ้น ADH ผ่าน CNS
Antipsychotics ➡️ หลายกลไก ทั้ง CNS และ renal
M**A ➡️ กระตุ้น ADH รุนแรง → severe hyponatremia
ACEi ➡️ AVP release stimulant
📌 หลายครั้ง SIAD จากยาอาจเกิดช้า → ต้อง สอบประวัติย้อนหลังหลายสัปดาห์
🧩 สาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่เข้ากลุ่มข้างต้น:
—————————————————-
– Pain / postoperative state
– Nausea (แม้แค่คลื่นไส้ ก็พอให้ ADH หลั่ง!)
– Acute psychosis
– HIV infection
– Idiopathic (พบในผู้สูงอายุบางราย)
📌อะไรพบบ่อยสุด? 🧐
📚 ข้อมูลจาก International SIAD Registry
(>1,500 ราย | อ้างใน Warren 2023 และ Rosner 2024)
🔹 อันดับ 1: Idiopathic – 35.2%
เยอะสุด! หมายถึง…หาสาเหตุไม่เจอ 😵
มักเกิดจากตรวจไม่ครบ หรือยังซ่อนอยู่ (เช่น early cancer, AI) หรือไม่ใีสาเหตุชัดเจน
🔹 อันดับ 2: มะเร็ง – 23.6%
โดยเฉพาะ SCLC
บางเคส Na ต่ำก่อนเจอเนื้องอกอีก 😮
ระวัง paraneoplastic syndrome ด้วย!
🔹 อันดับ 3: ยา – 17.8% 💊
เช่น SSRI, carbamazepine, NSAIDs, opioids
คนไข้มักลืมบอก หรือกินมานานจนไม่คิดว่าเกี่ยว
🔹 อันดับ 4: โรคปอด – 10.7% 🫁
เช่น pneumonia, TB, PEEP สูง
เจอบ่อยใน ICU/ventilated cases
🔹 อันดับ 5: โรค CNS – 8.5% 🧠
เช่น SAH, stroke, encephalitis
มัก Na drop เร็วหลังเหตุการณ์
📌 รวม “สาเหตุอื่น ๆ” อีก ~14%
เช่น postop, pain, HIV, autoimmune
————————————————————————-
🧠 6️⃣ ประเมิน 4 อย่างก่อนการรักษา 🧑🏻⚕️
————————————————————————
ก่อนจะเริ่มแก้ค่า Na ให้ผู้ป่วย hyponatremia
แพทย์ต้องประเมิน 4 อย่างสำคัญนี้ให้ครบก่อน 🎯
เพื่อป้องกันทั้ง brain edema และ ODS
รวมถึงตัดสินใจว่าเคสไหน “ต้อง admit” หรือ “ส่งกลับได้”
1️⃣ Duration ⏱
——————————
ผู้ป่วยเป็น Acute หรือ Chronic hyponatremia?
🇺🇸 U.S. Guidelines (Stern / Rosner / UpToDate)
– ใช้เกณฑ์ 48 ชั่วโมง
– Acute ≤ 48 ชม. → สมองยังไม่ adapt → เสี่ยง brain edema
– Chronic > 48 ชม. หรือไม่ทราบระยะเวลา → เสี่ยง ODS
→ ถ้าไม่แน่ใจ → treat as chronic
🇪🇺 European Guideline (ESE 2023)
– ใช้เกณฑ์ 48 ชม. เช่นกัน
– แนวทางนี้ระบุไว้ชัดใน diagnostic pathway ว่าให้ถือเป็น chronic หากระยะเวลาไม่ชัด
2️⃣ Severity 🧪
——————————
ค่า Na ต่ำแค่ไหน?
🔬 U.S. (Rosner / Stern)
– Severe hyponatremia: Na < 120 mEq/L
– Na 115–119 → risk seizure ≈ 2.5%
– Na < 100 → seizure risk ≈ 10% แม้เป็น chronic
– อีก paper: Na < 110 → seizure risk เพิ่ม ~7%
🧠 Risk เพิ่ม ODS เมื่อ Na ต่ำมาก โดยเฉพาะหากแก้เร็ว
🇪🇺 Europe
– หลีกเลี่ยงคำว่า “severe” เพื่อกันสับสน
– ใช้คำว่า Profound hyponatremia แทน → ตัดที่ Na < 125
– เป็นคำแนะนำจาก Working group 11 คน ใน guideline ปี 2023
3️⃣ อาการของผู้ป่วย 😵💫
————————————
คนไข้มีอาการทางสมองหรือไม่?
🇺🇸 U.S. Classification (Stern et al.)
– แบ่งเป็น 3 ระดับ:
•Severe symptoms: ชัก, ซึม, respiratory arrest
• Mild to moderate: ปวดหัว, คลื่นไส้, ง่วง
• Asymptomatic: เดินได้ดี พูดรู้เรื่อง ไม่มีอาการ
🧠 กรณีพิเศษ → Intracranial pathology = นับว่าเป็น severe symptom แม้ยังไม่ชัก
– เพราะกลุ่มนี้ “เสี่ยงเกิด brain edema” สูงมาก
– สาเหตุที่จัดเป็น intracranial pathology มี 5 อย่าง:
1. Recent traumatic brain injury
2. Recent intracranial surgery
3. Recent intracranial hemorrhage
4. Intracranial neoplasm
5. Other space-occupying lesions
🇪🇺 Europe (ESE 2023)
– แบ่งเป็น:
• Moderately severe: nausea, confusion
• Severe: seizure, coma, vomiting + neuro sign
→ ใช้ระดับอาการกำหนด “การให้ 3% NaCl”
4️⃣ จะ admit ผู้ป่วยหรือไม่? 🏥
———————————————
🇺🇸 U.S. Criteria for Admission (Stern / Ayus JC)
– แนะนำ admit เมื่อ Na < 120
– หรือมีอาการชัดเจน
– หรือเป็น intracranial pathology 5 อย่างข้างต้น
→ เพราะเสี่ยง brain edema แม้ยังไม่แสดงอาการ
🟢 Target discharge (U.S.): Na ≥ 125
→ ปลอดภัยพอที่จะส่งกลับได้
→ แต่ถ้ามี brain lesion ยังต้อง monitor
🇪🇺 Europe (ESE 2023)
– แนะนำ admit เมื่อ Na < 125
– หรือมี profound hyponatremia + moderate symptoms
– หาก Na ≥ 130 + ไม่มีอาการ = discharge ได้เลย
————————————————————————-
🧠 7️⃣ รักษา SIAD 🏥
————————————————————————-
✅ เริ่มจากการประเมิน “อาการ” ก่อนรักษา
🇺🇸 U.S. (Stern, UpToDate, Rosner JASN 2024)
————————————————————————-
แบ่ง 3 กลุ่มใหญ่:
1️⃣ Severe symptoms: ชัก ซึม ชะงักหายใจ
→ ให้ 3% NaCl bolus ทันที (100 mL IV push, max 3 ครั้ง)
2️⃣ Mild to moderate symptoms: มึน ปวดหัว คลื่นไส้ เดินลำบาก
→ พิจารณา FR (Fluid restriction) หรือให้ยาเฉพาะราย
3️⃣ Asymptomatic: เดินได้ พูดรู้เรื่อง
→ เริ่มจาก FR อย่างเดียวก่อน
❗️ถ้ามี intracranial pathology (TBI, brain tumor ฯลฯ) = จัดเป็น “Severe symptoms” โดยอัตโนมัติ
🇪🇺 Europe (ESE 2023)
————————————
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม:
1️⃣ Severe symptoms: seizure, coma, vomiting + neuro sign
→ ให้ 3% NaCl bolus เช่นเดียวกับ U.S.
2️⃣ Moderately severe: nausea, confusion, headache
→ ให้ 3% NaCl หรือ FR แล้วแต่ความเหมาะสม
💡 ข้อสังเกต: Europe ใช้คำว่า “profound” (Na 500 → ควรหลีกเลี่ยง FR
2️⃣ Urea
————-
เป็น oral osmotic agent → เพิ่ม solute load → ดึงน้ำออกผ่านไต
– 🇪🇺 Europe: แนะนำ urea เป็น second-line
– 🇺🇸 U.S.: ใช้น้อยกว่า (บางแห่งไม่ใช้เลย)
3️⃣ Tolvaptan
———————
V2 receptor antagonist → ต้าน ADH โดยตรง
– 🇺🇸 U.S.: ใช้ได้ ถ้า FR ล้มเหลว หรือเคสเรื้อรังที่ต้องการคุม Na
– 🇪🇺 Europe: แนะนำเฉพาะใน chronic SIAD ที่มี symptom หรือไม่ตอบสนอง FR
→ ต้องใช้ด้วยความระวัง เพราะเสี่ยง overcorrection
➡️ ต่อใน Comment 📝