MEDiary

MEDiary Practical and pitfall of basic medical knowledge

04/03/2025

🔥 Statin: ยาลดไขมันที่ควรกลัว หรือควรใช้? 🤔

➡️ โพสนี้แอดขอแบ่งเป็น 2 ประเด็นใหญ่ คือ
1. ทำไมแพทย์แผนปัจจุบันต้องให้ยาลดไขมัน statin
2. ทำไมมีแพทย์มาแย้งแพทย์แผนปัจจุบันว่าล้าหลังจากการให้ยาลดไขมัน Statin ??
————————————————————————

1. ทำไมแพทย์แผนปัจจุบันต้องให้ยาลดไขมัน statin

🔹 Statin เป็นหนึ่งในยาที่มีการศึกษามากที่สุดในโลก โดยมีการวิจัยขนาดใหญ่ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วย ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก

📌 หลักฐานสำคัญที่ประชาชนควรรู้
(หลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Medicine))
(ใครที่ไม่เข้าใจว่าหลักฐานนี้คืออะไร สำคัญอย่างไร อ่านในคอมเม้นท์นะครับ 🙂)

1. Statin ลดอัตราการตาย และลดความเสี่ยงหัวใจวายได้จริง (ไม่ใช่แค่ลดไขมันเฉยๆ)

📊 4S Trial (1994) – การศึกษาที่เปลี่ยนวงการ
🔹 กลุ่มที่กิน simvastatin ลดอัตราการตายจากโรคหัวใจได้ 30%
🔹 ลดการเกิด หัวใจวาย (MI) ได้ 34%
✅ นี่เป็นครั้งแรกที่พิสูจน์ว่า Statin ไม่ใช่แค่ลดไขมัน แต่ช่วยชีวิตได้จริง

📊 HPS Trial (2002) – การศึกษาในผู้ป่วยหลายกลุ่ม
🔹 Statin ช่วยลด ความเสี่ยงโรคหัวใจและเส้นเลือดสมอง 25% แม้ในคนที่ไขมันไม่ได้สูงมาก
✅ แปลว่าแม้คนที่ LDL ไม่สูงมาก ก็ยังได้ประโยชน์จากการกินยา

📊 JUPITER Trial (2008) – ในคนที่ดูเหมือนสุขภาพดี
🔹 คนที่ไม่มีไขมันสูงแต่มี hs-CRP สูง (แสดงว่าหลอดเลือดอักเสบ)
🔹 Statin ลดความเสี่ยง หัวใจวาย 47% และหลอดเลือดสมอง 48%
✅ แสดงว่า Statin ไม่ใช่แค่รักษา แต่ป้องกันโรคหัวใจได้ดีมาก

2. LDL ยิ่งต่ำ ยิ่งดี – Statin ช่วยลด LDL และป้องกันโรคหัวใจ

📊 FOURIER Trial (2017) – ยืนยันว่า LDL ต่ำมากๆ ก็ยังปลอดภัยและลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
🔹 การลด LDL ลงต่ำกว่า 50 mg/dL ลดความเสี่ยง หัวใจวายและเส้นเลือดสมอง 15%
✅ ยิ่งลด LDL ได้มาก หลอดเลือดยิ่งปลอดภัย

📊 IMPROVE-IT Trial (2015) – การลด LDL มากกว่าเดิม
🔹 กลุ่มที่ได้ Statin + Ezetimibe ลด LDL ได้มากกว่ากลุ่มที่ได้ Statin อย่างเดียว
🔹 ลดความเสี่ยง หัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง 6.4%
✅ แปลว่า LDL ต่ำกว่าที่เคยคิดกันว่า “พอใช้ได้” ก็ยังมีประโยชน์

3. ผลข้างเคียงของ Statin พบได้น้อยกว่าที่หลายคนคิด

📊 Meta-analysis ใหญ่ (Lancet, 2016)
🔹 วิเคราะห์ข้อมูลจากกว่า 20 ล้านคน พบว่า
• อาการปวดกล้ามเนื้อจาก Statin จริงๆ มีเพียง 1% เท่านั้น
• คนที่บอกว่าปวดกล้ามเนื้อส่วนใหญ่ เป็นจาก Nocebo Effect (คิดว่ากินยาแล้วต้องปวด)

✅ แสดงว่า Statin ปลอดภัยกว่าที่คนกลัวกันมาก

📊 NHS Study (UK, 2019) – ศึกษาความเสี่ยงเบาหวาน
🔹 Statin อาจเพิ่มความเสี่ยงเบาหวาน 1 ใน 250 คน
🔹 แต่ป้องกัน โรคหัวใจใน 1 ใน 50 คน
✅ แปลว่าประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงหลายเท่า

————————————————————————

2. ทำไมมีแพทย์มาแย้งแพทย์แผนปัจจุบันว่าล้าหลังจากการให้ยาลดไขมัน Statin ??

▪️แม้ว่า Statin จะเป็นยาที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับอย่างดีว่าช่วยลดอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ แต่ก็ยังมีคนที่ไม่เชื่อหรือกล่าวหาว่าแพทย์ใช้ข้อมูลล้าหลัง โดยส่วนใหญ่เกิดจาก 5 สาเหตุหลัก ดังนี้:

📌 1. การตีความข้อมูลผิดจากการศึกษาใหม่ๆ

🔹 มีงานวิจัยบางชิ้นตั้งข้อสังเกตว่า LDL ต่ำมากอาจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่สำคัญที่สุด ในโรคหัวใจ และอาจมีปัจจัยอื่น เช่น การอักเสบในร่างกาย (Inflammation) และระดับไตรกลีเซอไรด์ (TG) ที่มีผลต่อความเสี่ยงโรคหัวใจเช่นกัน
🔹 ตัวอย่างเช่น CANTOS Trial (2017) พบว่า การลดการอักเสบโดยไม่ลด LDL ก็สามารถลดความเสี่ยงหัวใจวายได้
✅ ความเข้าใจผิด: บางคนจึงคิดว่า “ลด LDL ไม่สำคัญ” ทั้งที่จริงๆ แล้ว ทั้ง LDL และการอักเสบต่างมีบทบาท”ร่วมกัน”
(อ่านรายละเอียด CANTOS Trial (2017) ในคอมเมนท์ครับ 🙂)

📌 2. แนวคิดเรื่อง LDL Type A และ B

🔹 มีคนอ้างว่า LDL ไม่ใช่ตัวร้ายทั้งหมด และ LDL บางประเภท (LDL Type A: ขนาดใหญ่) อาจไม่เป็นอันตรายเท่ากับ LDL Type B (ขนาดเล็กและหนาแน่น) ที่ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน
🔹 แนวคิดนี้มาจากการศึกษาเกี่ยวกับ LDL Particle Size ซึ่งบางงานวิจัยระบุว่า คนที่มี LDL Type A สูงแต่ Type B ต่ำ อาจมีความเสี่ยงโรคหัวใจน้อยกว่า

✅ ความเข้าใจผิด: บางคนอ้างว่า “Statin ลด LDL แบบผิดประเภท”
❌ แต่ข้อเท็จจริงคือ:
• งานวิจัยใหม่ๆ พบว่า LDL Type A ก็ยังมีความเสี่ยง อยู่ดี ไม่ได้ปลอดภัย 100%
• Statin ไม่ได้แค่ลด LDL ทั้งหมด แต่ช่วยลด LDL Type B ที่เป็นอันตรายได้มากกว่า

📊 AIM-HIGH Trial (2011) และ HPS2-THRIVE Trial (2014) พบว่า
🔹 การเพิ่ม HDL หรือเปลี่ยน LDL Type A/B โดยไม่ลด LDL ทั้งหมด ไม่ได้ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
🔹 แปลว่า “การลด LDL ทั้งหมด (ไม่ว่า Type A หรือ B ) ก็ยังเป็นเป้าหมายสำคัญ”

(ขอขยี้ประเด็นนี้ต่อในคอมเม้นท์ด้านล่างครับ 🙂)

📌 3. กระแส Anti-Pharma และความเชื่อว่า Statin เป็น “ยาของบริษัทยา”

🔹 บางกลุ่มมองว่า Statin เป็นผลประโยชน์ของบริษัทยา ที่ต้องการให้คนกินยาไปตลอดชีวิต
🔹 มีการอ้างว่าบริษัทยา ควบคุมงานวิจัย หรือ ซ่อนผลข้างเคียงบางอย่าง
🔹 โดยเฉพาะกรณี บางคนอ้างว่า Statin ทำให้เกิดมะเร็ง, สมองเสื่อม หรือโรคเบาหวานมากขึ้น

✅ ข้อเท็จจริง:
📊 งานวิจัย Statin ไม่ได้มาจากแค่บริษัทยา

✅ Statin ผ่านการศึกษาโดยนักวิจัยอิสระทั่วโลก ไม่ใช่แค่บริษัทยา เช่น PROVE-IT, JUPITER, FOURIER, IMPROVE-IT, HOPE-3, HPS, ASCOT-LLA
✅ องค์กรสาธารณสุขระดับโลก เช่น WHO, AHA, ESC, และ NICE ก็แนะนำให้ใช้ Statin เพราะ ผลลัพธ์ทางคลินิกชัดเจน

🔬 ตัวอย่าง Landmark Trial สำคัญที่ยืนยันว่า Statin ลดอัตราการตาย:
📌 4S Trial (1994): Statin ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้ 30%
📌 HPS Trial (2002): Statin ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจซ้ำได้ 25%
📌 JUPITER Trial (2008): คนที่มี CRP สูง แต่ LDL ปกติ ก็ได้ประโยชน์จาก Statin

❌ สาเหตุที่คนบางกลุ่มไม่เชื่อ:
• คนที่ใช้ Statin อาจมีโรคอื่นร่วมด้วย ทำให้เกิดผลข้างเคียงจากโรคนั้นเอง (ไม่ใช่จากยา)
• มีการแชร์ข้อมูลผิดๆ ในโซเชียล ว่า Statin “อันตราย” กว่าความเป็นจริง

📌 4. กระแสการแพทย์ทางเลือก และแนวคิด “Statin ไม่จำเป็นถ้าใช้วิถีธรรมชาติ”

🔹 หลายคนอ้างว่า การเปลี่ยนอาหาร + ออกกำลังกายเพียงพอแล้ว
🔹 บางคนอ้างว่า การลดน้ำตาล ลดคาร์โบไฮเดรต ดีกว่าการใช้ยา
🔹 บางกลุ่มส่งเสริมอาหารเสริมแทน Statin เช่น Niacin, Red Yeast Rice, CoQ10

✅ ข้อเท็จจริง:
📊 การศึกษา FOURIER และ ODYSSEY (2018-2019) ยืนยันว่า LDL ต้องต่ำถึงระดับ

07/01/2025

👨‍⚕️🧑‍⚕️ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ขอเชิญสมาชิกและผู้สนใจ
ลงทะเบียนเข้าร่วมฟังการบรรยายออนไลน์

📌วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568
เวลา 12:00-13:30 น.

“Approach to Common Sleep Disorder for Internists”

วิทยากร

พ.อ. รศ. พญ.พาสิริ สิทธินามสุวรรณ
อายุรแพทย์การนอนหลับ
โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

นพ.พงศกร ตนายะพงศ์
อายุรแพทย์การนอนหลับ
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

พญ.ฐาปนี สมบูรณ์
อายุรแพทย์การนอนหลับ
สถาบันประสาทวิทยา

Moderator
รศ.นพ.วัฒนชัย โชตินัยวัตรกุล
อายุรแพทย์การนอนหลับ
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ลงทะเบียนฟรี (คลิก)

🖱️ ลิงก์ https://forms.gle/Ci9vizmrrvTsjonN8

⏰ ปิดรับการลงทะเบียนภายในวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568

#ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย

#เครือข่ายอายุรแพทย์

สรุปปริมาณ Alcohol ที่มีผลต่อสุขภาพ***ไม่มีจุดประสงค์ในการโฆษณา หรือ เผยแพร่ ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ใดๆทั้งสิ้น***- แบ่งตามปร...
05/01/2025

สรุปปริมาณ Alcohol ที่มีผลต่อสุขภาพ

***ไม่มีจุดประสงค์ในการโฆษณา หรือ เผยแพร่ ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ใดๆทั้งสิ้น***

- แบ่งตามปริมาณ domestic market share
- ขนาด package และ % alcohol ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด

- 1 standard drink = 10 g of alcohol
โดย g alcohol คิดจาก : % alcohol หารด้วย 100 x ปริมาณ alcohol (ml.) x 0.79 (ค่าคงที่ของปริมาณเอทานอล 1 มล. = 0.79 กรัม)

- ✅ปริมาณที่ไม่ควรดื่มเกินในผู้ที่ไม่มีโรค คือ 30 g/day (210 g/wk) ในเพศชาย และ 20 g/day (140g/wk) ในเพศหญิง

- Hypertension < 100 g/wk (For both s*x; Ref: ESC 2024)

- Atrial Fibrillation ≤ 30 g/wk (For both s*x; Ref: ESC 2024)

- ❌Risk factors for alcoholic cirrhosis
• Women >20 g/d, Men >60-80 g/d x >10 years

- ❌Risk factor for pancreatitis : 50-60 g/d x > 5 years

- ❌Binge drinking (ดื่มปริมาณมากในระยะเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง) : “more liver toxicity” : 40 g in women, 50 g in men.

- ❗️ในความเป็นจริง ผู้ดื่มส่วนใหญ่ไม่สามารถบอกปริมาณการดื่มของตนได้ชัดเจนและมักบอกในปริมาณที่น้อยกว่าความเป็นจริงเสมอ

หมายเหตุ
- Graphic มีจุดประสงค์ในการช่วยให้แพทย์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับรักษา-บำบัดผู้ป่วยติดสุรา สามารถประมาณปริมาณ alcohol ที่ผู้ป่วยดื่มได้อย่างถูกต้องเท่านั้น

***ไม่มีจุดประสงค์ในการโฆษณา หรือ เผยแพร่ ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ใดๆทั้งสิ้น***

- ในผู้ที่ไม่ดื่มอยู่เดิม ไม่แนะนำให้ดื่มแอลกอฮอล์
- สนับสนุนให้ผู้ที่กำลังดื่มแอลกอฮอล์ เข้ารับการปรึกษาเพื่อลดละเลิกการดื่มแอลกอฮอล์

ตามแนวชายแดนพม่า มีอหิวาต์ระบาด และ เริ่มมีเคสเข้ามาที่ รพ. แม่สอดเชื้อก่อโรค : แบคทีเรีย Vibrio Choleraการติดต่อ : น้ำป...
22/12/2024

ตามแนวชายแดนพม่า มีอหิวาต์ระบาด และ เริ่มมีเคสเข้ามาที่ รพ. แม่สอด

เชื้อก่อโรค : แบคทีเรีย Vibrio Cholera

การติดต่อ : น้ำปนเปื้อน อาหารไม่สุกปนเปื้อน อาหารทะเล และ สัตว์น้ำกร่อยสุกๆดิบๆ ผักผลไม้สดปนเปื้อน อุจจาระผู้ติดเชื้อ (fecal-oral route)

เคสที่สงสัย : อาเจียนมาก ถ่ายเหลวมาก ถ่ายอุจจาระเป็นลักษณะ *น้ำซาวข้าว* อ่อนเพลีย เกลือแร่ต่ำ กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะผู้ป่วยมาจากพื้นที่แนวชายแดนพม่าที่มีการระบาด

การรักษา :
- ORS , IV hydration ตามภาวะขาดน้ำ
- รักษา electrolytes imbalance: hypoK

Antibiotic (ในผู้ใหญ่)

🌟 First line :Doxycycline(100) 3 tab po single dose (300 mg)

Alternative: Azithromycin (250) 4 tab po single dose (1g), ciprofloxacin(500) 1x2 po pc x 3 day

❌Ceftriaxone รักษาไม่ได้❌

- การป้องกัน

1. กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
2. ระวังน้ำแข็ง น้ำดื่มไม่สะอาด
3. เลือกดื่มน้ำขวด น้ำต้มสุก
4. กินอาหารสุกสะอาด
5. ระวังอาหารทะเล สัตว์น้ำกร่อยไม่สุก
6. ผักผลไม้สด ต้องล้างน้ำยาล้างผัก แช่น้ำและล้างให้นานขึ้น
7. มีอาการท้องร่วง อาเจียนมาก อ่อนเพลีย อ่อนแรง ให้รีบมารพ.

Reference
1. Uptodate : Cholera
2. https://www.choleraoutbreak.org/book-page/section-7-case-management-treatment-facilities
3. http://nih.dmsc.moph.go.th/login/showimgeold.php?id=25

Recap Gout from TRA, EULAR, ACR guideline
03/11/2024

Recap Gout from TRA, EULAR, ACR guideline

12/10/2024

ACEI-induced cough🫨

หลานม่า(2567) หนังดี ที่เพิ่งได้ดูหลังพลัดหกล้ม อาม่าบอกหมอว่ามีอาการปวดท้องเรื้อรัง และ ถ่ายอุจจาระมีเลือดปนมาสักระยะ  ...
25/09/2024

หลานม่า(2567) หนังดี ที่เพิ่งได้ดู

หลังพลัดหกล้ม อาม่าบอกหมอว่ามีอาการปวดท้องเรื้อรัง และ ถ่ายอุจจาระมีเลือดปนมาสักระยะ หมอตรวจพบว่าอาม่าป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 (ระยะลุกลาม) อยู่ได้อีกแค่ 1 ปี

…หนังทิ้งคำถามให้หมออย่างเราว่า…

“ผลลัพธ์คงจะดีกว่านี้ ถ้าอาม่าได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่มาก่อน”

“ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก” ราวกับตลกร้ายที่ไม่ต่างกับ “colonic polyp กลายเป็น cancerous lesion”

🌟 ประชากรไทยที่มีอายุระหว่าง 50-70 ปี ทุกสิทธิ์ สามารถเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ด้วยวิธีการตรวจอุจจาระ ชนิด F***l Immunochemical Test (FIT) ทุก ๆ 2 ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

🌟หากผลตรวจเป็น positive จะเข้าสู่การเข้ารับบริการส่องกล้อง colonoscopy เร็วช้าขึ้นกับ clinical risk score ดังรูป

🌟โดยการตรวจพบติ่งเนื้อลำไส้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น สามารถรักษาและป้องกันการกลายเป็นมะเร็งได้

🙏🏻ทางเพจจึงขอ Remind เพื่อนแพทย์ และ บุคลากรสาธารณสุข ในการส่งตรวจ FIT test ให้ผู้เข้ารับบริการที่เข้าเกณฑ์ และ เชิญชวนให้ทุก ๆ ท่านพาคนในครอบครัวที่คุณรักไปตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่กันครับ😇

Reference:https://www.nci.go.th/th/File_download/D_index/ptu/update_66/มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง/คู่มือ%20แนวทางการดำเนินงานและการบันทึกข้อมูล%20มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง.pdf

05/09/2024

ไม่เชิงว่าอัพเดตไกด์ไลน์ แต่ผมขอใช้คำว่า เป็นการพูดเรื่อง Atrial Fibrillation โดยใช้ Evidence ล่าสุดจาก ESC 2024 ละกัน
ก่อนหน้านี้ผมเลี่ยงในการพูดเรื่อง AF มาตลอด เพราะเรายังไม่เข้าใจมันมากพอ เรายังมองภาพใหญ่มันไม่ได้ แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าผมพร้อมแล้ว ที่จะพาทุกคนไปรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้น

นี่คือคลิป 1 ชั่วโมง ที่ผมคิดว่า สรุป AF สำหรับ General Practice และ ER ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ณ ตอนนี้

หากใครมีคอมเม้นต์ ข้อติชมใดๆ สามารถทิ้งไว้ได้ในคลิปเลยนะครับ

04/09/2024

เรื่องเล่าระหว่างบรรทัด : การศึกษายาลดความดันเม็ดรวมในแอฟริกา : นั่งรอฝนหยุดว่าง ๆ ก็เขียนไปเรื่อย

การศึกษานี้ลงตีพิมพ์ใน new england journal of medicine และนำเสนอในงานประชุมแพทย์โรคหัวใจยุโรป 2024 ผมเล่าสั้น ๆ แบบสรุปเลยนะครับ ใครอยากอ่านให้ไปดาวน์โหลดกันฟรี (เวลาจำกัด) แล้วมาคุยกันได้ เพราะผมใส่ความเห็นส่วนตัวในบทความนี้มากทีเดียว

สรุปเนื้อหาการศึกษาก่อน : ผู้วิจัยทำการศึกษาในประเทศไนจีเรีย ที่เป็นตัวแทนของ sub-sahara african ผู้ป่วยโรคความดันสูง 300 คน อายุประมาณ 50 ปี ค่าความดันเริ่มต้น 150/90 ประมาณ 60% กินยามาแล้วตัวนึง

นำผู้ป่วยมาแบ่งกลุ่ม กลุ่มควบคุมก็ให้การรักษาตามปกติค่อย ๆ ปรับยาเริ่มจาก amlodipine แล้วค่อย ๆ เพิ่ม losartan หรือ HCTZ หากคุมไม่อยู่

ส่วนกลุ่มทดลองเขาให้ใช้ยาเม็ดรวม amlodipine 5/telmisartan 40/indapamide 2.5 ตั้งแต่เริ่ม โดยปรับตั้งแต่หนึ่งในสี่เม็ด ครึ่งเม็ด หรือเต็มเม็ด แล้วมาเปรียบเทียบการควบคุมความดันที่หกเดือน

ก็พบว่ากลุ่มที่ใช้ยาเม็ดรวม ลดความดันได้มากกว่า ถึงเป้าหมายเร็วกว่า โดยที่การติดตามยาการกินยาสม่ำเสมอไม่แพ้กันเลย ผลข้างเคียงสูงกว่าเล็กน้อยไม่มีนัยสำคัญ ก็สรุปว่า ใช้ยาเม็ดรวมน่าจะดีกว่า

🔴ทำไมต้องเป็นแอฟริกา : จริง ๆ แล้วยาลดความดันเม็ดรวมมันพิสูจน์ตัวเองมามากพอแล้วล่ะ ว่าดีกว่ายาเม็ดแยกในขนาดเท่ากัน เพราะกินยาง่ายกว่า และลดความเฉื่อยชาของหมอในการใช้ยาให้ถึงเป้าโดยเร็ว แต่ส่วนมากทำในคนผิวขาว จริง ๆ ในอเมริกาก็มีสัดส่วนคนผิวสีที่เข้าการศึกษาเช่นกัน แต่ไม่มาก ผู้วิจัยจึงมาโฟกัสที่ดินแดนแอฟริกาเลย เพราะพิ้นที่นี้ sub sahara คือจุดยากสุดของการควบคุมความดัน ด้วยเชื้อชาติที่ไม่ค่อยตอบสนองต่อยา ACEI/ARB (แต่สนองดีต่อ CCB และ diuretics) การกระจายยาในพื้นที่ การติดตามกินยา ภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ดินแดนนี้ป่วยและตายจากความดันสูงเป็นจำนวนมากกว่าพื้นที่อื่นในโลก

🔴เขาก็มีแนวทางการกินยาอยู่แล้วนี่นา ไปยุ่งกับเขาทำไม : คือก่อนหน้านี้การควบคุมอยู่ที่ 7-10% ผู้วิจัยเขาก็เลยเอาข้อมูลจากส่วนอื่นในโลกว่ายาเม็ดรวมมันช่วยได้นะแบบนี้ เอามาใช้ที่นี่ น่าจะลดปัญหาความดันโลหิตได้ดี

🔴ผลการศึกษาออกมาดี แสดงว่าคนแอฟริกาไม่ชอบยาเม็ดแยก หรือใช้ยาเม็ดรวมสะดวกกว่า ถูกกว่า ใช่ไหม : อันนี้ผมว่าไม่ใช่ เพราะถ้าเราไปดู adherence คือการสม่ำเสมอและติดตามการรักษา พบว่าไม่ต่างกันหรอก อัตรานี้ยาเม็ดแยกยังดีกว่าเลย ก็ไม่น่าจะใช่เรื่อง adherence หรือจะว่าเป็นผลข้างเคียงน้อยกว่าหรือเปล่า ผลการศึกษาก็ออกมาว่าไม่ต่างกัน กลุ่มยารวมมีค่า potassium สูงกว่าด้วย มีการทำงานของไตแย่ลงชั่วคราว มากกว่าอีก (ยาเม็ดรวมใช้ telmisartan แต่แรก น่าจะอธิบายตรงนี้ได้)

🔴แล้วอะไรที่น่าจะส่งผลล่ะ : ถ้าเราไปดูการแจกแจงเรื่องปริมาณยา จะพบว่า กลุ่มใหญ่ของยาเม็ดแยกจะได้ยาแค่หนึ่งหรือสองตัวและขนาดไม่สูง แต่กลุ่มใหญ่ของยาเม็ดรวมคือได้ยาเม็ดรวมในขนาดครึ่งเม็ดหรือเต็มเม็ด หรือพูดง่าย ๆ ว่าในช่วงเวลาเท่ากันกลุ่มยาเม็ดรวม ผู้ป่วยจะได้ยาใน dosage ที่สูงกว่านั่นเอง

และตรงนี้ไม่ใช่ปัจจัยผู้ป่วย แต่น่าจะเป็นปัจจัยของหมอ ที่อิหลักอิเหลื่อที่จะเพิ่มยาให้ควบคุมได้ดีและคุมได้เร็ว การศึกษานี้น่าจะบอกว่าควรแก้ที่ตัวหมอนี่แหละ อีกอย่างคือกลุ่มยาเม็ดแยกจะได้รับยา diuretic ในสัดส่วนที่ต่ำกว่าทั้ง ๆ ที่เชื้อชาติแอฟริกัน ไวต่อยาขับปัสสาวะมากกว่า ส่วนยาเม็ดรวมมันถูกบังคับให้ตั้งแต่แรก ก็เป็นปัจจัยทางหมออีกนั่นแหละ ให้ช้า

🔴แสดงว่าต่อไปก็หลับตาสั่งจ่ายยาเม็ดรวมดีกว่าล่ะสิ : มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะการรักษาความดันมันต้องดูผลโรคหัวใจโรคไตในระยะยาว ไม่ใช่ตัวเลขที่คุมได้ในหกเดือน อีกอย่างนี่ก็แค่ 300 คนที่ตั้งใจควบคุมและมีการติดตามที่ดี คงต้องรอผลการใช้จริงและผลลัพธ์ทางหัวใจและไต ไม่ใช่แค่ความดันที่ลดลง

🔴คุณค่าของการศึกษาล่ะ : มันก็พิสูจน์หลายอย่าง เท่าที่ผมคิดนะครับ

1.ตัวหมอเอง ต้องรุกไล่โรคความดันให้เร็วขึ้น อย่าเอื่อย

2.ทฤษฎี ใช้ยาลดความดันขนาดต่ำหลายตัวช่วยกัน มันจริงนะ ประสิทธิภาพการลดตัวเลขความดันทำได้ดีมาก โดยผลข้างเคียงไม่ได้เพิ่ม

3.ยาเม็ดรวม มีประโยชน์มากกว่าแค่กินง่าย สะดวก แต่ยังช่วยให้ผู้ป่วยได้รับยาที่ปกป้องร่างกายได้ดีตั้งแต่แรก อันนี้แล้วแต่ combination นะครับ แต่ที่ผ่านมา คนขาว ,คน african, คน african-american, คน hispanic และ 'บางส่วน' ของเอเชีย ใช้ได้ดี (นี่ก็ทั้งโลกแล้ว เหลือคนจีน คนอินเดียก็ครบ)

4.การเข้าถึงยา สำคัญมาก ในการศึกษาทั้งกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง เขาได้ยาแน่ ๆ ควบคุมการกินได้ดี แต่ในโลกแห่งความจริง แอฟริกาเข้าถึงการรักษาประมาณ 30% คุมได้ไม่ถึง 10% อันนี้ต้องแก้ไขเชิงนโยบายและบริหาร ทั้งการจัดหา การกระจาย การเข้าถึง ราคายา

🔴สำคัญที่ใคร : หมอนี่แหละ ตัวช้าเลย ผลการวิเคราะห์ทั่วโลกบอกว่า clinical inertia คือ อุปสรรคสำคัญ ควรมีมาตรการเชิงระบบมาช่วยแก้ไขปัญหาตัวบุคคลด้วย

🟠🟠นอกเรื่อง : แล้วทำไมแอฟริกันถึงคุมความดันยาก :

มีหลายทฤษฎี แต่ยังไม่มีอันไหนพิสูจน์ชัดแจ้ง มีแต่หลักฐานทางอ้อม ที่กล่าวกันมากที่สุดคือ เป็นกลุ่มที่มี renin ในเลือดน้อย การใช้งานระบบ renin ไม่ดี การควบคุมโรคจากความดันนั้น เราไปจัดการระบบนี้เป็นหลัก เมื่อคุมไม่ได้ ก็ผลแทรกซ้อนเยอะ และยังใช้ยา renin-angiotensin blocker ได้ไม่ดี ยาหลักของกลุ่มนี้จึงเป็น CCB

นอกเหนือจากนี้ยังเป็นกลุ่ม salt-sensitive หวงแหนเกลือสุดฤทธิ์ มีเกลือเล็กน้อยก็ส่งผลมหาศาล อันนี้เชื่อว่าเป็นการคัดสรรและปรับตัวมาเป็นร้อย ๆ ปี ในยุคสมัยที่คนแอฟริกันถูกจับเป็นทาส เดินทางไกล อาหารไม่ดี จึงอดกินเกลือ เพราะในสมัยศตวรรษที่ 15-18 เกลือคือสินค้ามีค่า ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกไม่ต่างจากน้ำมันหรือทองคำในยุคนี้ ทำให้ชาวแอฟริกาไวต่อเกลือ ดูดซึมดี ขับออกน้อย

ขอบคุณที่อ่านจนจบ ผมก็คิดไปเรื่อย เขียนไปเรื่อย อย่าถือสาหาความ ไร้สาระไปวัน ๆ ครับ

03/09/2024

Diabetes-Associated Scleredema
ผิวหนังหลังคอและหลังส่วนบนเเข็งๆ พบได้ในผู้เป็นเบาหวานที่คุมน้ำตาลไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพศชาย อ้วน

กลไกเกิดจาก น้ำตาลที่สูงในเลือดทำให้เกิดการสะสมของสาร AGEs เป็นสารพิษต่อเซลล์ microvascular damage and hypoxia กระตุ้นให้ fibroblast สร้าง extracellular matrix และทนต่อการสลายด้วย collagenase จึงทำให้ collagen bundle หนา มีการสะสมของglycosaminoglycans & mucin ส่งผลให้ผิวหนังมีสารสะสมในชั้นผิวหนัง หนังจึงหนา

การรักษาคือ ควบคุมน้ำตาลในเลือดให้ปกติ และทำกายภาพที่คอ ไหล่ หลังส่วนบน

photo from https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMicm2400802?query=endocrinology&cid=DM2358449_Non_Subscriber&bid=-1789002977

Address


Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when MEDiary posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Shortcuts

  • Address
  • Alerts
  • Claim ownership or report listing
  • Want your practice to be the top-listed Clinic?

Share