ລາວເມດິແຄລ Laos Medicare

  • Home
  • ລາວເມດິແຄລ Laos Medicare

ລາວເມດິແຄລ Laos Medicare ໃຫ້ຄວາມຮູ້ ກ່ຽວກັບພະຍາດຕ່າງໆ ແນວທາ? ໃຫ້ຄວາມຮູ້ ກ່ຽວກັບພະຍາດຕ່າງໆ ແນວທາງການຮັກສາ ແລະ ແນະນຳ ອຸປະກອນການແພດທີ່ ທັນສະໄຫມ ໂດຍ ໃຫ້ຄຳປຶກສາຈາກຜູ້ຊ່ຽວຊານ

25/10/2025

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เปลี่ยนหลอดเลือดแดงที่คอ(ICA) จากระเ.บิดเวลา กลายเป็นท่อที่เติมอาหารและออกซิเจนให้สมองเต็มที่คู่กับเราไปตลอดชีวิต


โรคหลอดเลือดสมองตีบ (ischemic stroke) ไม่ได้เกิดจาก หลอดเลือด ‘ในสมอง’ ตีบจากคราบไขมันอย่างเดียว แต่เกิดจาก ‘ลิ่มเลือด’ ก้อนเบอเริ่ม ที่ไหลมาจากนอกสมอง ตรงเข้าอุดจุดสำคัญในสมอง แล้วก็เปลี่ยนอนาคตเราไปทันที

แหล่งลิ่มเลือดที่สำคัญมาก ที่มักไม่ค่อยทราบกัน
คือหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ (Internal carotid artery)
ดังปรากฏในภาพค่ะ


โคนของหลอดเลือดนี้จะมีลักษณะคล้าย 3 แยกเหมือนรูปตัว Y ทำให้เลือดที่ไหลผ่านไหลแบบปั่นป่วน (Turbulent flow) ผิวหลอดเลือดจุดนี้จึงเสียหายได้ง่าย เป็นจุดอ่อนให้ ‘LDL’ แทรกเข้าไปในผนัง แล้วเกิดวงจรพอกผนังไปเรื่อยๆ ทีละนิด ทีละนิด (Atherosclerosis)

ยิ่งไม่ดูแลสุขภาพมีภาวะน้ำหนักเกิน, ดื้ออินซูลิน, ความดันสูง, มี LDL สูงโดยเฉพาะ oxLDL กับ sdLDL, สูบบุหรี่, ดื่มสุรา ก็ยิ่งเร่งกลไกนี้ให้ไวขึ้น


จนวันหนึ่งหลอดเลือดเส้นนี้ตีบถึงจุดที่ เลือดไหลผ่านแรง เหมือนสายยางที่บีบปลาย แรงเสียดสีก็จะทำให้ผิวหลอดเลือดปริ ระบบห้ามเลือด ก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ สร้างลิ่มเลือดขนาดมหึมา ลอยไปตามทางเดินเลือดในภาพ ขึ้นไปอุดในสมองในที่สุด ซึ่งหลอดเลือด ICA นี้เลี้ยงสมองส่วนค่อนข้างกว้างมาก จึงอาจมาด้วยอาการ
☑️ สมองกลีบหน้า: อัมพาตครึ่งซีก, ปากเบี้ยว, พูดไม่ได้
☑️ สมองกลีบกระหม่อม: ชาครึ่งซีก
☑️ สมองกลีบขมับ: ฟังภาษาไม่รู้เรื่อง, พฤติกรรมเปลี่ยน (บางเคสรำมาเลย ญาติคิดว่าผีเข้า)

ถ้ามาเร็วมากๆ รักษาทัน อาจหายได้บ้าง
แต่ถ้ามาช้า อาจมีอาการเหล่านี้ถาวร ฟื้นตัวช้ามาก
แต่ถ้ารุนแรงมาก สมองอาจบวม สมองปลิ้น กดจุดสำคัญอาจเสียชีวิตได้


สิ่งที่เล่าไปทั้งหมด มันเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป มันมีเวลาค่ะ มีเวลามากพอที่จะทำให้ถ้าเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้ อนาคตเหล่านี้แทบไม่เกิดเลย

วิธีหนึ่งที่ทำได้ ณ วินาทีนี้ เดี๋ยวนี้เลย
คือลุกไปออกกำลังกายได้เลยค่ะ ไม่ต้องเกี่ยงแล้ว

ออกกำลังกายไปป้องกันยังไง?

✅ สอนให้หลอดเลือดดูแลตัวเอง: เลือดที่ไหลแรงชั่วคราว กระตุ้นให้ผนังสร้าง ‘eNOS’ เอนไซม์สำคัญเอาไว้สร้างก๊าซ nitric oxide ก๊าซที่คอยดูแลหลอดเลือดเราไปตลอดชีวิต ให้อ่อนนุ่ม ลดอักเสบ LDL แทรกยาก ชะลอการเกิดลิ่มเลือด

✅ ปรับแวดล้อมให้ผนังหลอดเลือดเต็มไปด้วย Treg เม็ดเลือดขาวต้านอักเสบ (ที่ผู้ค้นพบได้โนเบลปีนี้) ลดการอักเสบลง การพอกของคราบไขมันก็ยิ่งช้าลง

✅ เพิ่มการสร้าง HDL หน่วยดีท็อกซ์คอเลสเตอรอลที่พอกไปแล้วให้กลับตับไปซะ

✅ เบิร์นไขมัน แก้ปัญหาเรื่องน้ำหนัก แก้ภาวะอักเสบเรื้อรัง แก้การดื้ออินซูลิน แถมเพิ่ม parasympathetic ช่วยควบคุมความดันได้ดีขึ้น หรือก็คือถอนรากถอนโคนสาเหตุของโรคทิ้ง


และที่เล่ามาทั้งหมดมันก็ไม่ได้แก้ที่หลอดเลือดคอเท่านั้น
หลอดเลือดในสมองก็ตามไปแก้ด้วย

ถ้าทำพร้อมกับปรับพฤติกรรมอื่นๆ ควบคุมกันไปอีก
ยิ่งป้องกันได้แทบจะทั้งหมดเลยค่ะ


เริ่มออกตั้งแต่วันนี้ ตัวเราในอนาคตอีกสิบๆ ปี
จะย้อนกลับมาขอบคุณแทบจะกราบตัวเองว่า
‘โห เพราะวันนั้นเริ่มจริงๆ ถึงมีวันนี้ได้’ ค่ะ

18/10/2025

7 สิ่งที่ภูมิคุ้มกันเราเกลี๊ยดเกลียด
ทราบไว้อันไหนปรับได้ จะได้รีบปรับค่ะ

เพราะภูมิคุ้มกันเป็นทั้งด่านกำจัดเชื้อโรค
และหน่วยตรวจหามะเร็งนะคะ


1️⃣ นอนน้อย นอนคุณภาพไม่ดี

การนอนเป็นหนึ่งในการ set ให้ระบบต่างๆ เป็นไปตามนาฬิกาชีวภาพ เช่นทำให้
▪️ Cortisol หลั่งต่ำในช่วงกลางคืน แล้วไปสูงในช่วงเช้า
▪️ ระบบประสาท Sympathetic ต่ำตอนนอน และไปเพิ่มช่วงตื่น
▪️ เหล่าเม็ดเลือดขาวได้แบ่งตัว และไปประจำตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะ NK cell และ CD8+ T cell

การอดหลับอดนอน หรือนอนคุณภาพแย่ เช่นมีภาวะนอนกรน จะทำให้นาฬิกาชีวภาพผิดปกติ รวนไปถึงระบบที่รันตามนาฬิกา ผลคือ Cortisol และประสาท Sympathetic สูงลอย ทำให้
⚠️ กดการทำงานเม็ดเลือดขาวหลายชนิด
⚠️ ทำให้ T cell สายพันธุ์ที่สู้กับพวกไวรัส (Th1) ต่ำลง แต่ไปเพิ่มสายพันธุ์ภูมิแพ้แทน (Th2)
⚠️ NK cell และ CD8+ T cell หน่วยสู้ไวรัสและมะเร็ง ทำงานห่วยลง

♥️ ให้ความสำคัญกับการนอนเป็นอันดับแรก หากมีภาวะนอนไม่หลับ (Insomnia) หรือนอนกรน ต้องรีบแก้ไข เดี๋ยวใส่ไกด์ไลน์เบื้องต้นไว้ใน comment ค่ะ


2️⃣ เครียดเรื้อรัง

เครียดในช่วงเวลาสั้นๆ (Acute stress) ที่ไม่รุนแรงเกินไป ทำให้สมองโฟกัสไปกับการแก้ปัญหา ประสิทธิภาพของเราจึงสูงขึ้นมาก ดังนั้นเครียดจริงๆ คือโหมดที่ดีมาก

ปัญหาคือภาวะเครียดเรื้อรัง ที่ไม่มีช่วงพักเลย มักเป็นช่วงที่เจอปัญหาชีวิตเรื้อรัง ผลกระทบที่อันตรายคือ ระบบฮอร์โมน cortisol เปิดใช้งานเรื้อรัง ไม่มีช่วงกลับมาปกติเลย

ดังนั้นจึงเกิดผลคล้ายกับข้อ 1 ค่ะ คือเม็ดเลือดขาวหลายชนิดทำงานลดลง โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่สู้ไวรัสกับมะเร็ง

♥️ อย่าลืมดูแลสุขภาพจิต หาจุดผ่อนคลายในชีวิต เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ของวันก็ได้ค่ะ รีบสลัดตัวก่อ stress ที่สลัดได้ (แต่เราอาจจะยังกังวลในการสลัดทิ้งอยู่) ถ้ารู้สึกว่ามันไม่ไหว พบจิตแพทย์นะคะ บางคนมักเป็นภาวะวิตกกังวลไปแล้ว


3️⃣ น้ำตาลสูงเรื้อรัง

น้ำตาลสูงชั่วคราวหลังกินอาหารน่ะไม่เป็นไร เพราะเรามีอินซูลินคอยลดระดับน้ำตาลอย่างรวดเร็ว แต่ปัญหาคือถ้ามีภาวะดื้ออินซูลินขึ้นมาล่ะ หลังกินอาหารน้ำตาลจะสูงลอยได้นานเลย ถ้าเป็นรุนแรง อาจสูงเลยไปถึงช่วงที่ไม่ได้กินอะไรด้วย

ซึ่งภาวะดื้ออินซูลินเกิดจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ดีทั้งหลายสะสมกันแรมปีนั่นแหละค่ะ เช่น กินเข้ามาเยอะเกินไป, กินถี่ไม่มีช่วง Fasting บ้างเลย, ไม่ออกกำลังกาย, มีภาวะอ้วน

ผลจากการที่น้ำตาลสูงเรื้อรัง ทำร้ายน้องเม็ดเลือดขาวสุดๆ เพราะพิษ AGEs สามารถทำให้โครงกระดูกในตัวน้องๆ (Cytoskeleton) ทำงานแทบไม่ได้ ทำให้เม็ดเลือดขาวขยับตัวลำบากแทบจะเป็นอัมพาต จับกินใครก็ไม่ได้ ออกนอกหลอดเลือดยังลำบากเลย

♥️ คุมอาหาร, ออกกำลังกาย, หากมีภาวะอ้วน ลดน้ำหนักค่ะ และหมั่นตรวจสุขภาพ เพราะเราไม่รู้ตอนนี้น้ำตาลเราไปถึงไหนแล้ว


4️⃣ กินสเตียรอยด์ที่ไม่ได้ดูแลโดยแพทย์

สเตียรอยด์ (Corticosteroid) มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันได้รุนแรงมาก จึงไม่แปลกที่ทางการแพทย์ใช้เป็นยากดภูมิ และบางครั้งก็ใช้กันเอง เพื่อลดปวดเข่า ปวดนั่นปวดนี่ ซึ่งมักแอบขายกัน โดยไม่ผ่านเภสัชกร/แพทย์

ผลคือ กดการทำงานภูมิแทบทุกจุด เช่น กดการทำงานของศูนย์กลางภูมิเลยคือ T cell และ B cell, เพิ่มการตๅยของ eosinophil และ T cell

เร่งให้เม็ดเลือดขาวนิวโตรฟิลออกมาจากไขกระดูกมากขึ้น แต่ดันลดการสร้าง ‘กาว’ ที่นิวโตรฟิลใ้ช้ยึดผนังหลอดเลือด เพื่อเคลื่อนออกจากหลอดเลือดไปสู้เชื้อ ผลคือนิวโตรฟิลที่เพิ่มขึ้นมา ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ออกไปใช้งานก็ไม่ได้

♥️ ใช้สเตียรอยด์แบบกินเมื่อแพทย์สั่งให้เท่านั้น กรณีสเตียรอยด์แบบพ่นจมูก เป็นการยับยั้งภูมิเฉพาะที่จมูก ไม่ส่งผลต่อส่วนอื่นๆ


5️⃣ สุราและบุหรี่

สุรามี ethanol เผาผลาญที่ตับแล้วได้ acetaldehyde กับสารอนุมูลอิสระซึ่งเป็นพิษ ไปรบกวนการทำงานของภูมิคุ้มกันหลายจุด

ส่วนบุหรี่ สร้างสารอนุมูลอิสระแพร่กระจายไปเยอะมาก ซึ่งกดการทำงานภูมิคุ้มกันได้เช่นกัน

โดยทั้งสองตัวนี้ จะมีผลกับภูมิคุ้มกนที่อวัยวะด่านหน้าเป็นพิเศษ เช่น ทางเดินอาหาร, ทางเดินหายใจ ซึ่งในรายที่สูบ/ดื่มเรื้อรัง จะสัมพันธ์กับการติดเชื้อเพิ่มขึ้นชัดเจน

♥️ งดสุรา งดบุหรี่เถอะค่ะ ที่ผ่านมาถือใช้ชีวิตคุ้มแล้วค่ะ ต่อจากนี้ดูแลสุขภาพนะคะ


6️⃣ ไม่โดนแดดเลย

ชีวิตมนุษย์ถูกออกแบบมาให้โดนแสงแดดบ้าง เพราะเซลล์ผิวหนังเรา (Keratinocyte) มีเอนไซม์และสารตั้งต้นพร้อมแล้วค่ะ รอรังสี UVB อย่างเดียว ให้มากดสวิตซ์ เริ่มการสร้าง ซึ่งวิตามิน D

ซึ่งจุดที่ไม่ค่อยรู้กันคือ วิตามิน D ไม่ได้ออกฤทธิ์ดูดซึมแคลเซียม เพื่อช่วยกระดูกเท่านั้น แต่มันช่วยภูมิคุ้มกันหลายจุดเลยค่ะ (Immunomodulators) ไม่ว่าจะเป็น
▪️ช่วยเม็ดเลือดขาว macrophage และ dendritic cell เข้าประจำที่และทำงานได้ดีขึ้น ทั้งการหลั่งสารสู้กับเชื้อโรค และการเคลื่อนไหวสู่จุดที่ติดเชื้อ
▪️ช่วยการทำงานของ T cell และ B cell
▪️กดการอักเสบที่ไม่จำเป็น ในช่วงที่ไม่ได้มีการติดเชื้ออะไร

ดังนั้นออกมาโดนแสงแดดบ้างค่ะ ซึ่งช่วงที่มี UVB เพียงพอคือ 10-15 น. ซึ่งแดดแรงหน่อย ใช้เวลา 5-8 นาที เปิดส่วนแขนขาหน้า หรือแขนขาถ้าเปิดเยอะพอ โดยไม่มีครีมกันแดด แต่ถ้ากลัวผลจากแสงแดดเรื่องฝ้า/ผิวคล้ำ อาจจะเขยิบมาช่วง 8-10น หรือ 15-17น ได้ แต่ต้องตากนานหน่อย, คนผิวคล้ำอาจจะต้องตากนานขึ้น

ส่วนการกินวิตามิน D เพิ่มเติม ตามแนวเวชปฏิบัติคือให้ในรายที่เจาะตรวจค่า 25-OH-D3 แล้วพบว่าต่ำ, แต่ถ้าอยู่ในระดับปกติค่อนไปทางต่ำเฉยๆ (Low normal) ต้องดูความเสี่ยงอื่นๆ หรือพิจารณาเป็นรายๆ ไปค่ะ


7️⃣ ไม่ออกกำลังกาย

เพราะการออกกำลังกาย เป็นการซ้อมให้ร่างกาย stress ในช่วงเวลาสั้นๆ ให้ adrenaline ที่เพิ่มขึ้นช่วยบูสต์การทำงานของเม็ดเลือดขาว แล้วก็จบคอร์สไป ไม่สูงเรื้อรัง

แถมยังการไหลเวียนของเลือดที่แรงขึ้น ช่วยทำให้เม็ดเลือดขาวเคลื่อนไปประจำที่ต่างๆ ได้ดีขึ้น รวมถึงทะลุทะลวงมะเร็งเพื่อไปกำจัดได้มากขึ้น

18/10/2025

ของเสียอะไมลอยด์ในสมอง ต้นเหตุการตๅยของเซลล์ประสาท ต้นความเสี่ยงของอัลไซเมอร์ ไล่ออกไปได้ด้วยออกกำลังกายทุกวันนะคะ


เซลล์ประสาทมีการใช้โปรตีนตระกูล ‘อะไมลอยด์’ หลายชนิด เพราะมันเป็นโปรตีนที่ช่วยดูแลการส่งสัญญาณต่างๆ ดีมาก

ปัญหาสำคัญของโปรตีนตระกูลนี้คือ มันมีโอกาสที่ระหว่างขั้นตอนการตัดต่อ มันจะไปอยู่ในร่างที่เรียกว่า เบต้าอะไมลอยด์ ซึ่งร่างที่น่ารำคาญมาก เพราะมันชอบมาซ้อนกัน แล้วก็ตกตะกอนเป็นคราบอะไมลอยด์ (Amyloid plaque) เป็นก้อนสีเขียวๆ ดังภาพค่ะ


ซึ่งเจ้าก้อนขยะอะไมลอยด์นี้ รบกวนการทำงานของเซลล์ประสาทมาก และถ้ามีมากพอ มันก็จะถูกนับว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม เม็ดเลือดขาวในสมองนามว่า ไมโครเกลีย จะเข้ามาจับกิน

แล้วก็นะ… ทุกครั้งที่เม็ดเลือดขาวจับกิน มันก็จะหลั่งสารก่ออักเสบ เหมือนส่งสัญญาณเตือนภัยให้เพื่อนๆ มาช่วยจัดการ แต่ก็นั่นแหละค่ะ สารก่ออักเสบนี้ สามารถทำร้ายเซลล์สมองเราได้เรื่อยๆ เลย


ยิ่งคุณอดนอน ของเสียอะไมลอยด์ก็จะระบายไปช้าลงมาก เพราะตอนนอน เป็นช่วงเวลาที่ระบายของเสียในสมอง (Brain glymphatic system) ทำงานดีมาก ช่วยสูบน้ำเข้ามาในเนื้อสมอง แล้วก็พัดผ่านเนื้อเยื่อสมอง คล้ายกับน้ำท่วมพัดเข้าหมู่บ้านเลย พากองขยะไปกองขอบสมอง แล้วขนส่งออกไป ระบายออกไป

และยิ่งแก่ตัวมากขึ้น การตัดต่อโปรตีนอะไมลอยด์ก็จะยิ่งแย่ มีโอกาสเกิดเบต้าอะไมลอยด์สูงขึ้น สูงขึ้น และถ้ามีพันธุกรรมที่เสี่ยงด้วย (เช่น ApoE4) ก็อาจจะทำให้ สะสมถึงขั้นทำลายเซลล์ประสาท กลายเป็นสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์ในที่สุด


ดังนั้นหนทางแก้ไขหลักของเรื่องนี้ ก็คงไม่พ้นการนอนหลับให้พอ และคุณภาพดี หากมีปัญหาการนอนหลับต้องรีบแก้ไขและรักษาค่ะ

คำถามคือ นอกจากการนอนหลับแล้ว มันไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีพอเลยเหรอ ในการไล่พวกขยะพวกนี้ออกไป? เพราะหลายคนมีปัญหาเรื่องการนอนหลับซึ่งเจอได้บ่อยในคนที่กำลังอยู่วัยทำงาน สภาพชีวิตที่ต้องนอนพอบ้าง ไม่พอบ้าง หรือบางคนที่ต้องกินยาบางตัวที่ส่งผลต่อการนอน

ใช่แล้วค่ะ มีแน่นอนค่ะ
การออกกำลังกายนั่นเองงงงงง


เพราะการออกกำลังกายช่วยทำให้

1️⃣ เพิ่มเลือดไหลไปเลี้ยงสมอง ทำให้สร้างความดันที่ผนังหลอดเลือด ดันของเหลวรอบๆ หลอดเลือดให้เข้าไปในเนื้อสมอง พัดพาของเสียออกไปได้ไวขึ้น

2️⃣ กระตุ้นให้เซลล์สมอง เปิดใช้โหมด ‘ย่อยสิ่งของในเซลล์เพื่อสร้างพลังงาน’ ซึ่งมันสามารถนำ กองเบต้าอะไมลอยด์นี่แหละ ปาเข้าไปในถุงน้ำย่อย แล้วย่อยเกลี้ยงเลยได้ด้วย เรียกกระบวนการนี้ว่า Aggrephagy ซึ่งเป็น autophagy ชนิดหนึ่ง

3️⃣ กระตุ้นกล้ามเนื้อให้หลั่งฮอร์โมน Irisin, lactate ซึ่งมีฤทธิ์สั่งให้สมองสร้างสารงอกปลายประสาท BDNF ทำให้ส่วนที่เสียหายไปแล้วจากอะไมลอยด์ ก็กลับมาฟื้นฟูได้ไวขึ้น

4️⃣ ลดการดื้ออินซูลิน และควบคุมความดัน ผลคือทำให้หลอดเลือดสมองปลอดภัยจากพิษจากน้ำตาลและความดันสูง โครงสร้างสมบูรณ์ สามารถรับของเสียที่ระบายออกมาจากสมองได้เป็นอย่างดี รวมทั้งทำให้เลือดมาเลี้ยงสมองดี ไม่เสริมการตๅยของเซลล์สมอง


ดังนั้นการออกกำลังกาย เรียกได้ว่าดูแลสมอง โคตรเป็นองค์รวมเลยค่ะ ทั้งเร่งระบบระบายของเสีย ทั้งทำให้ของเสียออกไปได้ดี ของเสียที่ยังอยู่ในเซลล์ก็ย่อยทำลายได้ แถมเซลล์สมองที่เสียหายไปแล้ว ก็เร่งการฟื้นฟูอีก

มาออกกำลังกาย สร้างหลักประกันให้สมองของเราระยะยาวกันเถอะค่ะ เพราะสมองคือทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ทำให้เราสามารถทำอะไรที่อยากอย่างทุกวันนี้ได้ และจะทำแบบนี้ได้ยันแก่ชราเลย แม้จะช้าลงบ้าง แต่ก็ไม่เสื่อม

แค่ 30 นาทีเท่านั้น ลุกมาออกเลยค่ะ ไม่มีอะไรคุ้มไปกว่านี้แล้ว

18/10/2025

เหตุผลหนึ่งที่ไขมันในช่องท้อง (VAT) มันหายนะ
คือมันต่อสายตรงเข้าตับ เหมือนวางระเบิดจ่อๆ ตับ


ยิ่งคุณมีไขมันในช่องท้องเยอะเท่าไหร่
ช่วงที่มันสลายมาใช้งานในทุกๆ วัน

มันจะมวลมหากรดไขมันออกมา
เข้าระบบหลอดเลือด Portal vein

ที่มุ่งตรงเข้าตับอย่างเดียว


ปกติตับจะรับไป
แล้วแพ็คเป็นไตรกลีเซอไรด์ ส่งไปให้อวัยวะอื่น
หรือไม่ก็สลายแล้วสร้างคีโตนบอดี


แต่ถ้ารับเข้ามาเยอะขนาดนี้ จะทำให้

1️⃣ ตับเจอพิษจากกรดไขมัน (Lipotoxicity) ⭢ เซลล์ตับ stress ⭢ เปลี่ยนเป็นโหมดดื้ออินซูลิน ⭢ สร้างน้ำตาลมากขึ้น ⭢ น้ำตาลในเลือดสูงลอย ⭢ เกิดพิษตัวร่างกาย

2️⃣ เมื่อรับแล้วระบายออกไม่ทัน ก็ต้องเก็บไง ⭢ ไขมันพอกตับ ⭢ เรื้อรัง ⭢ ตับแข็ง/มะเร็งตับ


นอกจากนี้ ไขมันในช่องท้องที่ขยายตัวมากขึ้น
ยังหลั่งสารก่ออักเสบสู่ตับด้วย ซึ่งยิ่งทำร้ายตับมากขึ้นค่ะ


ดังนั้นลดไขมันในช่องท้องกัน เพื่อให้ช่วงที่มันสลายในทุกๆ วันไม่สร้างกรดไขมันมาทำร้ายตับเยอะจนเกินไปค่ะ ลดการกินให้พอดี และเพิ่มการออกกำลังกายค่ะ


ส่วนคำถามที่ว่า แล้วช่วงที่เราลดน้ำหนัก
จะมีปัญหาอะไรมั้ย? เพราะตัวไขมันมันจะถูกสลายมาเพิ่มขึ้น

ตอบ:

ในระยะยาวคือมีแต่ผลดีค่ะ เพราะถึงแม้ช่วงที่เราลดการกิน ตัวไขมันไตรกลีเซอไรด์จะสลายมาเป็นกรดไขมันมากขึ้น ตับอาจจะโดนมากขึ้น

แต่พอเราไม่ได้กินจนเกิน เข้ามาสะสมเพิ่ม สุดท้ายแล้วพอไขมันช่องท้องขนาดยุบลง จำนวนกรดไขมันที่สลายมาก็ลดลง แถมมันก็จะหยุดปล่อยสารก่ออักเสบด้วย ดังนั้นเหมือนลด “ขนาดของคลังระเบิ-ดลงค่ะ”

ส่วนช่วงออกกำลังกายไม่ต้องห่วงค่ะ แม้มันจะสลายกรดไขมันมาเพิ่ม แต่สภาพตับตอนนั้น พลังงานต่ำมาก มันจะเร่งใช้รัวๆ ค่ะ แทบไม่เกิดพิษเลย

16/10/2025

ออกกำลังกายทุกวัน ช่วยหยุด ‘ต่อมหมวกไต’ ไม่ให้ทำงานหนักตลอดเวลาเยี่ยงทาส คืนสภาพสงบให้แก่ร่างกาย สภาพที่ cortisol และ adrenaline กลับไปทำงานเฉพาะเมื่อจำเป็น


ต่อมหมวกไต เป็นต่อมไร้ท่อที่สู้ชีวิตมากในยุคนี้ เพราะฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมนี้เกินครึ่ง เป็นหัวใจหลักในการทำให้ร่างกายสู้กับ stress ได้

โดยฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมนี้ เช่น
▪️Aldosterone: ช่วยลดการขับเกลือ รักษาปริมาตรน้ำในร่างกาย
▪️Cortisol: มาตอน stress ช่วยเพิ่มความดัน สนับสนุนประสาท sympathetic เพิ่มน้ำตาลในเลือด และชะลอภูมิคุ้มกันไม่ให้แรงไป
▪️DHEA/Androstenedione: ฮอร์โมนเพศชายแบบอ่อน
▪️Adrenaline/Noradrenaline: ช่วยเพิ่มความดันเลือดโดยตรง และเพิ่มน้ำตาลในเลือด


ซึ่ง Cortisol กับ Adrenaline คือตัวที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการเปิดใช้โหมดการตอบสนองต่อความเครียดของเราเอง มักถูกเรียกว่า Stress hormone ซึ่งเป็นโหมดที่ควรจะเปิดครู่เดียว และพอกำจัด stress ออกไปแล้ว ควรจะกลับไปอยู่ในระดับปกติ

แต่หลากหลายสถานการณ์ มันทำให้ต่อมหมวกไตถูกสั่งให้หลั่ง 2 ฮอร์โมนนี้อย่างเรื้อรัง เช่น

✔️ เครียดเรื้อรัง: สมองที่เปิดระบบ ‘เตือนภัย’ ตลอดเวลา ทำให้ amygdala เปิดใช้งานระบบ stress hormone เรื้อรัง

✔️ ภาวะอ้วน/เมตาบอลิกซินโดรม: ผลจากการกินเข้ามาเยอะ แต่ออกกำลังกายน้อย ทำให้เนื้อเยื่อไขมันสะสมไขมันมาจากเกินไป เซลล์เบียดกันเอง จนขาดสารอาหาร ขาดออกซิเจน จึงพยายามหลั่งสารก่ออักเสบเพื่อเรียกเม็ดเลือดขาวมาช่วย ซึ่งสารก่ออักเสบนี้แหละค่ะ กระตุ้น stress hormone ได้

✔️ นอนไม่พอ คุณภาพการนอนแย่: ทำให้วงจรนาฬิกาชีวภาพของการหลั่ง cortisol ผิดปกติไป ระดับในช่วงปกติกลับสูงขึ้น ช่วงที่ควรจะสูงขึ้นก็สูงไม่ค่อยเต็มที่

✔️ นอนกรนจนอุดกั้นทางเดินหายใจ: ช่วงนอนกรน จะมีการอุดตันทางเดินหายใจ จนออกซิเจนเข้ามาน้อยลงเรื่อยๆ จนกว่าระบบหายใจจะหายใจจนเอาชนะ หาจใจเฮือกขึ้นมา ดังนั้นมันไม่ใช่แค่รบกวนการนอน แต่ร่างกายต้องสัมผัสกับสภาวะ stress จากการขาดออกซิเจนชั่วคราวตลอด ทำให้เกิดใช้ stress hormone อย่างรุนแรง


ซึ่งความน่ากลัวคือ 4 ภาวะข้างบนก็กระตุ้นกันเองด้วยค่ะ เช่น เครียดเรื้อรัง กับ นอนไม่หลับ มักมาด้วยกัน ตามมาด้วยการกินอาหารมากขึ้นช่วงกลางคืน สะสมไขมันมากขึ้น อ้วนมากขึ้น ก็ยิ่งมีปัญหาการนอน วนไปค่ะ

ผลลัพธ์จากการเปิดใช้ cortisol และ adrenaline เรื้อรังนั้นเยอะมากค่ะ

⚠️ กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาว microglia ในสมองหลั่งสารอักเสบ หากสมองมีรอยแผลเดิมอยู่แล้วบนสาย DNA จากเหตุการณ์ร้ายๆ ในวัยเด็ก, พันธุกรรม, บุคลิกภาพเสี่ยง ผลคือจะทำให้เซลล์ประสาทหลายจุดฝ่อ แล้วเป็นโรคซึมเศร้า หรือวิตกกังวล ซึ่งก็ยิ่งกระตุ้น stress hormone ขึ้นไปอีก

⚠️ ตับเพิ่มการสร้างน้ำตาลมากขึ้น หากตอนนั้นมีภาวะดื้ออินซูลินไปแล้ว ก็จะทำให้น้ำตาลสูงลอยเรื้อรัง สร้างพิษให้ทั้งร่างกายอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเร่งการเกิดคราบไขมันในหลอดเลือดหัวใจ/หลอดเลือดสมอง

⚠️ เพิ่มความดันเลือด ถ้าระบบที่คอยลดความดันเอาไม่อยู่ จะเข้าสู่โรคความดันสูงในที่สุด

⚠️ ยิ่งทำให้สมองตื่นตัว ยิ่งนอนหลับได้ยากขึ้น ยิ่งมีปัญหาการนอนมากขึ้น

⚠️ คนที่เป็นความดันสูง เบาหวานอยู่แล้ว ก็จะคุมความดัน คุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากมากๆ


กลายเป็นว่า ผลงานของน้องต่อมหมวกไต ที่อุตส่าห์ทำหามรุ่งหามค่ำอย่างไม่ได้พัก ยิ่งทำให้ร่างกายแย่หนักกว่าเดิม เหมือนเป็นความพยายามที่ไร้ค่า ทั้งๆ ที่ทำตามคำสั่งสมองแท้ๆ

ถ้าต่อมหมวกไตมีความรู้สึกนึกคิด คงรู้สึกแย่มากๆ แน่เลยค่ะ


ถึงเวลาแล้วค่ะ ให้น้องต่อมหมวกไตพัก เพื่อให้ร่างกายพักตาม การออกกำลังกายนี่แหละค่ะ แทบจะขจัดปัจจัยเริ่มต้นไปหมดเลย

✅ ฮอร์โมน Irisin จากกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นให้สร้างสารงอกปลายประสาทนามว่า BDNF ช่วยให้สมองส่วนตรรกะ (dlPFC) แตกแขนงมาควบคุมการทำงานของ amygdala ได้มากขึ้น ทำให้เบรกการคิดลบ เบรกความเครียด สลัดความเครียดออกได้ง่ายขึ้น ทำให้ปิดระบบ stress hormone ได้

หากเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรควิตกกังวลแล้ว ก็จะช่วยรักษาได้ด้วยค่ะ ยิ่งโรคดีขึ้น ระบบ stress hormone ก็จะเริ่มเบาลงมากขึ้น

✅ เปิดโหมด sympathetic ให้เต็มที่ตอนออกกำลังกาย ทำให้หลังออก เปิดโหมดฟื้นฟูอย่าง Parasympathetic ขึ้นมาแทน กลายเป็นการยับยั้งการหลั่ง adrenaline ไปโดยปริยาย ซึ่งถ้าเป็นโรคความดันสูง ก็จะคุมได้ดีขึ้น แถมยังช่วย set ระบบนาฬิกาชีวภาพ cortisol และ melatonin หลั่งตามจังหวะมากขึ้น ดังนั้นนอนหลับได้ดีขึ้น

✅ ฮอร์โมน IL-6, IL-15 จากกล้ามเนื้อ เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวชื่อ Treg ที่คอยหลั่งสารต้านอักเสบ ทำให้ภาวะอักเสบเรื้อรังจากอ้วน/เมตาบอลิกซินโดรมนั้นเบาลง ทำให้กระตุ้นระบบ stress hormome น้อยลง

✅ ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ทั้งทางตรง และทางอ้อมผ่านทางเพิ่มไมโตคอนเดรีย และเพิ่มระบบเผาไขมันสร้างความร้อนแทน ทำให้แก้ปัญหาเรื่องความอ้วน เนื้อเยื่อไขมันเล็กลง กลับสู่ภาวะปกติ ไม่หลั่งสารก่ออักเสบอีกต่อไป จึงไม่มีอะไรไปเปิด stress hormone

✅ เนื้อเยื่อไขมันที่เล็กลง ทำให้การอุดกั้นทางเดินหายใจลดลง, ไขมันในช่องท้องลดลง ทำให้ความดันช่องท้องต่ำลง กะบังลมหดตัวลงมาได้ง่ายขึ้น สุดท้ายคือการหายใจตอนนอนดีขึ้น


หรือเอาให้สั้นกว่านั้นคือ การออกกำลังกายคือ กำจัดแทบทุก ‘ตัวกระตุ้น’ ที่ทำให้ระบบการตอบสนองต่อความเครียดเปิดใช้งานอย่างพร่ำเพรื่อ

ทำให้สุดท้ายแล้ว ต่อมหมวกไต ได้ถึงเวลาพักงานบ้างเสียที ออกมาทำงานมากขึ้นเฉพาะตอนที่วิกฤติจริงๆ

และเมื่อน้องต่อมสงบลง ร่างกายก็แทบจะรอดจากหลายโรคเลย ดังนั้นขอแค่ 30 นาทีวันนี้ ลุกมาออกเพื่อน้องหมวกกันเถอะค่ะ

15/10/2025
10/10/2025

[Infectious disease -malaria guideline 2025]
Guideline Malaria update 2025
ครบ series infectious acute undifferentiated fever
[Scrub/Ricketsial ของไทยยังไม่มี guideline]

Down load: ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2
https://drive.google.com/file/d/17rNxH9RdyABKcuf6PW77k341BIeazrTi/view

10/10/2025

Address

Vientiane

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when ລາວເມດິແຄລ Laos Medicare posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Practice

Send a message to ລາວເມດິແຄລ Laos Medicare:

  • Want your practice to be the top-listed Clinic?

Share

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram