Navella Medical & Wellness

Navella Medical & Wellness Your optimal health solution
เพื่อสุขภาพที่ดี ในแบบฉบับของคุณ

Navella Anti-aging and Wellness
“Your optimal health solution”

We are healthcare professionals with a mission to provide holistic health solutions tailor-made for all through technology, innovation and knowledge.

📌 Wellness คืออะไรกันแน่? มันคือเทรนด์? การกินคลีน? การออกกำลังกาย? หรือแค่ภาพลักษณ์ของคนที่ดู “สุขภาพดี”? ความจริงแล้ว ...
18/07/2025

📌 Wellness คืออะไรกันแน่? มันคือเทรนด์? การกินคลีน? การออกกำลังกาย? หรือแค่ภาพลักษณ์ของคนที่ดู “สุขภาพดี”?

ความจริงแล้ว Wellness คือการดูแลตัวเองแบบองค์รวม ที่ครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ การเงิน ความสัมพันธ์ และเป้าหมายชีวิต ไม่ใช่แค่การมีหุ่นดีหรือไม่ป่วย แต่คือการมี “สมดุล” ในชีวิตทุกด้านอย่างยั่งยืน

ลองย้อนกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่า...วันนี้คุณมี Wellness ครบทุกด้านหรือยัง?

✅ 1. สุขภาวะทางกาย (Physical Wellness) การดูแลร่างกายให้แข็งแรง ไม่ป่วย นอนหลับเพียงพอ รับประทานอาหารดี และขยับร่างกายสม่ำเสมอ

❤️ 2. สุขภาวะทางอารมณ์ (Emotional Wellness) รู้จักอารมณ์ของตนเอง เข้าใจตัวเอง รับมือกับความเครียด และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรพัก

🧠 3. สุขภาวะทางปัญญา (Intellectual Wellness) ไม่หยุดเรียนรู้ ตั้งคำถามอย่างสร้างสรรค์ พัฒนาความคิด และเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เสมอ

👥 4. สุขภาวะทางสังคม (Social Wellness) การมีความสัมพันธ์ที่ดี มีคนให้พึ่งพิง และสามารถเชื่อมโยงกับผู้คนอย่างมีคุณภาพ

✨ 5. สุขภาวะทางจิตวิญญาณ (Spiritual Wellness) รู้เป้าหมายของชีวิต เข้าใจคุณค่าในตัวเอง และรู้สึกว่าการมีอยู่ของเรามีความหมาย

💸 6. สุขภาวะทางการเงิน (Financial Wellness) การจัดการรายรับรายจ่ายอย่างสมดุล มีแผนการเงินที่ยั่งยืน และไม่แบกรับภาระเกินตัว

💼 7. สุขภาวะทางอาชีพ (Occupational Wellness) การทำงานที่มีคุณค่า สร้างแรงบันดาลใจ และไม่ทำลายสุขภาพ

🌿 8. สุขภาวะทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Wellness) อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ เช่น อากาศบริสุทธิ์ พื้นที่สีเขียว บ้านสะอาดปลอดภัย

อยากสร้าง Wellness ให้กับชีวิต เริ่มต้นได้อย่างไร? อ่านเพิ่มเติมที่ https://bitly.cx/UpQzs

📍 ถึงเวลาแล้ว ที่คุณจะหยุดปล่อยให้ร่างกายเสื่อมถอยเงียบๆ แต่ควรลุกขึ้นมาดูแลตัวเองอย่างตั้งใจ และมีผู้เชี่ยวชาญอยู่เคียงข้าง ให้ Wellness เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ปลายทางที่คุณวิ่งตาม 📞 สนใจปรึกษาแนวทางดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ติดต่อ Navella ได้เลย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม / ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ

💬 Line :
📷 IG :
🌐 www.navellawellness.com
📞 0-2090-6988 , 09-8286-6228
📍 Silom Edge (3rd Floor) Next to BTS Sala Daeng & MRT Silom
#ณเวฬา

🌟 Navella Success Stories Series ตอน: "เลิกทนกับสะเก็ดเงิน รักษาที่ต้นเหตุ ไม่ต้องพึ่งสเตียรอยด์"ผื่นแดง คัน แสบ และรอยส...
15/07/2025

🌟 Navella Success Stories Series ตอน: "เลิกทนกับสะเก็ดเงิน รักษาที่ต้นเหตุ ไม่ต้องพึ่งสเตียรอยด์"

ผื่นแดง คัน แสบ และรอยสะเก็ด จากโรคสะเก็ดเงินที่ขึ้นตามร่างกาย ทำให้เธอไม่กล้าใส่เสื้อผ้าที่ชอบ ไม่กล้าเข้าสังคม และยังต้องทนกับอาการของโรคหอบหืด แพ้อาหาร แม้จะพยายามรักษามาหลายที่แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น อะไรคือสาเหตุที่แท้จริง

🏷️แล้วหมอเอมมี่จะรักษาเธออย่างไรให้ดีขึ้น? อะไรที่ "ณ เวฬา" ทำต่างจากที่อื่น? ติดตามเรื่องราวนี้ไปพร้อมกัน

💡 ประวัติคนไข้

🚺 นักศึกษาสาววัย 22 ปี ที่ต้องเผชิญกับโรคสะเก็ดเงินเรื้อรังมากว่า 8 ปี มีผื่นแดงลุกลามตามศีรษะ ใบหน้า แขน และขา ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอได้ลองรักษาหลายวิธี ทั้งการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนจีน และคลินิกเวลเนส แต่ยังไม่พบผลลัพธ์ที่ยั่งยืน อีกทั้งทุกที่ต่างแนะนำให้ใช้สเตียรอยด์ ซึ่งเธอมีความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง จึงตัดสินใจมาปรึกษาที่ Navella

😷 นอกจากโรคสะเก็ดเงิน เธอยังเป็นโรคหอบหืด อาการยิ่งแย่ลงเมื่อมีความเครียดสะสมและพักผ่อนไม่เพียงพอในช่วงใกล้จบการศึกษา นอกจากนี้ยังมีอาการแพ้อาหารบางชนิด โดยเฉพาะนมวัวและกลูเตน ส่งผลให้ไม่สามารถรับประทานอาหารเช้าได้ตามปกติ

🩺 การตรวจสุขภาพเชิงลึก
คุณหมอเอมมี่แนะนำให้ทำการตรวจสุขภาพแบบละเอียด (Ultimate Check-up) เพื่อค้นหาสาเหตุรากของปัญหา

🌟อยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป อ่านต่อได้ในคอมเม้นท์ หรือ คลิก

https://bit.ly/45HBT1B

🚩ไม่แนะนำให้รักษาโดยอ้างอิงจากแนวทางการรักษานี้ แม้ว่าคุณจะมีปัญหาสุขภาพหรืออาการที่คล้ายคลึงกันเนื่องจากปัญหาสุขภาพของแต่ละคนมีสาเหตุและลักษณะที่แตกต่างกันไป การรักษาที่ได้ผลสำหรับบางคนอาจไม่เหมาะสมกับคนอื่น ที่ ณ เวฬา คลินิก ทีมแพทย์ของเราจะทำการประเมินอาการอย่างละเอียดและออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ หากคุณต้องการแนวทางการรักษาที่ปลอดภัยและได้ผล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเริ่มการรักษาใดๆ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม / ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ
💬 Line :
📷 IG :
🌐 www.navellawellness.com
📞 0-2090-6988 , 09-8286-6228
📍 Silom Edge (3rd Floor) Next to BTS Sala Daeng & MRT Silom
#ณเวฬา #สุขภาพ

🚩อย่ารอให้เกิดอาการก่อนแล้วค่อยรักษา เพราะนั่นอาจจะสายเกินไปและมีค่าใช้จ่ายมหาศาลตามมา!!โรคหลายอย่างไม่ได้เกิดขึ้นทันที ...
12/07/2025

🚩อย่ารอให้เกิดอาการก่อนแล้วค่อยรักษา เพราะนั่นอาจจะสายเกินไปและมีค่าใช้จ่ายมหาศาลตามมา!!

โรคหลายอย่างไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่ “ค่อยๆ สะสม” จากพฤติกรรมที่ดูไม่ร้ายแรง เช่น ความเครียดสะสม จากอาหารแปรรูป หรือการนอนน้อยเรื้อรัง สิ่งเหล่านี้คือ ตัวการเงียบ ที่อาจกลายเป็นเบาหวาน ความดัน มะเร็ง หรือโรคหัวใจในอนาคต ซึ่งคุณอาจกำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่สุขภาพกำลังเสื่อมลงอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ตัว!!

แม้คุณจะตรวจสุขภาพทุกปี แต่ก็อาจ “พลาด” สัญญาณเตือนที่สำคัญได้ เวชศาสตร์ป้องกัน ไม่ใช่แค่ “การตรวจ” แต่คือ “การวางแผนสุขภาพเชิงรุก” ที่มองลึกกว่าแค่ผลเลือดหรือค่าต่างๆ มันคือ Extra ที่เติมเต็มช่องว่างระหว่างการตรวจสุขภาพ กับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อให้คุณอยู่ในจุดที่ดีที่สุดของชีวิตนานขึ้น

🩺 เวชศาสตร์ป้องกัน คือ คือศาสตร์ที่มุ่งป้องกันก่อนป่วย ตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และดูแลผู้ที่มีโรคประจำตัวให้ไม่ทรุดลง ไม่ใช่แค่รักษาเมื่อป่วย แต่เป็นการ บริหารสุขภาพแบบมีแผนและเป้าหมาย ให้คุณใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพ ห่างไกลโรค และประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว

🔎 เวชศาสตร์ป้องกัน ลดความเสี่ยงโรคได้อย่างไร? อ่านฉบับเต็มที่ https://bitly.cx/geQH
เวชศาสตร์ป้องกัน แบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้

1️⃣ ระดับที่ 1: ป้องกันก่อนป่วย (Primary Prevention)
คุณคือคนที่ “ยังไม่มีโรค” แต่อยาก “อยู่ให้ห่างจากโรค” ให้ได้นานที่สุด ตัวอย่างการดูแล เช่น:

✅ ฉีดวัคซีน

✅ ปรับอาหารให้เหมาะกับร่างกาย

✅ วางแผนเสริมวิตามิน-อาหารเสริมแบบเฉพาะบุคคล

✅ เพิ่มกิจกรรมทางกาย

✅ งดบุหรี่ แอลกอฮอล์

✅ เรียนรู้การจัดการความเครียด

💡คือใครบ้าง?

– คนที่ยังไม่มีโรคแต่เริ่มรู้สึกว่า “ควรดูแลตัวเองได้แล้ว”

– คนที่มีเป้าหมายสุขภาพ เช่น อยากตั้งครรภ์ อยากมีร่างกายที่สมดุลก่อนอายุ 40

– คนที่เริ่มมีสัญญาณบางอย่าง เช่น อ่อนเพลียบ่อย ภูมิคุ้มกันตกง่าย หรือน้ำหนักเปลี่ยน

– คนที่อยากกินวิตามินเสริมอย่างเหมาะสมกับร่างกาย ไม่มั่ว

2️⃣ ระดับที่ 2: ตรวจคัดกรองโรค (Secondary Prevention)

แม้คุณยังไม่มีอาการ แต่ก็ไม่มีความเสี่ยง เวชศาสตร์ป้องกันสามารถช่วยให้พบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างการดูแลในระดับนี้ เช่น

✅ ตรวจสุขภาพประจำปีที่ครอบคลุมและเจาะลึก

✅ ตรวจเฉพาะทางตามอาการ เช่น นอนไม่หลับ ภูมิคุ้มกันต่ำ น้ำหนักเพิ่มโดยไม่ทราบสาเหตุ ฯลฯ

✅ ตรวจมะเร็งเฉพาะทางตามความเหมาะสม เช่น ปากมดลูก เต้านม ลำไส้ใหญ่

✅ ตรวจวัดระดับฮอร์โมน (โดยเฉพาะในวัย 30 ปีขึ้นไป ที่ฮอร์โมนเริ่มเปลี่ยนแปลง)

✅ วางแผนเสริมวิตามินและอาหารเสริมให้สอดคล้องกับผลตรวจ

✅ ค้นหาต้นตอของปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะอักเสบเรื้อรัง ลำไส้แปรปรวน หรือความเครียดสะสม

💡คือใครบ้าง?

– ผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป เริ่มสังเกตว่าร่างกายเปลี่ยนแปลง แม้ไม่มีอาการชัดเจน

– ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน มะเร็ง

– ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนไม่เพียงพอ

– ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง เช่น อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ระบบขับถ่ายผิดปกติ น้ำหนักเปลี่ยนเร็ว

– ผู้ที่มีโรคเล็กน้อย เช่น ไขมันพอกตับ หรือภาวะก่อนเบาหวาน และต้องการป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม

3️⃣ ระดับที่ 3: ควบคุมโรค-ฟื้นฟูสุขภาพ (Tertiary Prevention)

การดูแลสุขภาพในระดับนี้ไม่ใช่แค่ "ควบคุมโรค" แต่คือการ ป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม เพิ่มพูนภาวะแทรกซ้อน หรือกระทบต่ออวัยวะสำคัญในอนาคต จุดเน้นของเวชศาสตร์ป้องกันระดับนี้ ได้แก่:

✅ติดตามและปรับแผนการรักษาอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่แค่รับยาแล้วกลับบ้าน แต่ต้องประเมินผลเลือด อาการ และการตอบสนองต่อการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายยังอยู่ในสมดุล

✅เสริมภูมิคุ้มกันและฟื้นฟูระบบภายในอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ใช้ยาต่อเนื่อง หรือมีภูมิคุ้มกันถดถอย เวชศาสตร์ป้องกันจะเน้นตรวจภาวะอักเสบเรื้อรัง วิเคราะห์สุขภาพเซลล์ หรือวัดค่าที่บ่งบอกภาวะความเสื่อมลึกในระดับไมโคร เพื่อวางแผนเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้นอย่างปลอดภัย

✅เปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ ไม่ใช่แค่ "ปรับนิดหน่อย" ผู้ป่วยโรคเรื้อรังส่วนมากต้องปรับมากกว่าแค่งดของหวานหรือออกกำลังกายเบาๆ เวชศาสตร์ป้องกันจึงให้คำแนะนำแบบเจาะจง เช่น

– ควรกินโปรตีนแบบใด ปริมาณเท่าไร

– เวลาไหนเหมาะแก่การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำตาลในเลือด

– ควรเสริมวิตามิน/แร่ธาตุชนิดใดจากพฤติกรรมและผลตรวจ

✅ดูแลสุขภาพใจเท่าๆ กับสุขภาพกาย เนื่องจากโรคเรื้อรังมักมากับความเครียด ความวิตก และความรู้สึกหมดหวังในบางช่วง เวชศาสตร์ป้องกันระดับนี้จึงเน้น Emotional Support ทั้งการให้คำปรึกษา การสร้างแรงสนับสนุนจากครอบครัว หรือแม้แต่แนะนำวิธีผ่อนคลายที่เหมาะกับบุคคลนั้น เพื่อให้ผู้ป่วยมีกำลังใจ ฟื้นตัว และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพมากที่สุด

💡คือใครบ้าง?

– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง

– ผู้ที่เพิ่งฟื้นตัวจากภาวะรุนแรง เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือหลอดเลือดสมองตีบ

– หรือแม้แต่ผู้ที่ยังไม่มีโรค แต่มีภาวะที่เริ่มเตือน เช่น น้ำตาลขอบเขต pre-diabetes, ไขมันพอกตับ, ภาวะอ้วนแฝง (TOFI)

📍การเริ่มต้นฟื้นฟูและวางแผนในระยะนี้จะช่วย ลดโอกาสการนอนโรงพยาบาลซ้ำๆ ยืดอายุ และเพิ่มคุณภาพชีวิต อย่างแท้จริง

🩺 แนวทางเวชศาสตร์ป้องกันในแบบของ ณ เวฬา ไม่ได้มองสุขภาพแบบแยกส่วน แต่เชื่อมโยงทุกระบบเข้าด้วยกัน ทั้งฮอร์โมน การเผาผลาญ ภูมิคุ้มกัน อารมณ์ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อให้การวางแผนสุขภาพมีความแม่นยำ และยั่งยืนในระยะยาว หากคุณต้องการมีพลัง ใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพ ห่างไกลโรค และมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการนำเวชศาสตร์ป้องกันมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

คุณพร้อมหรือยังที่จะลงทุนกับสุขภาพของคุณวันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต?

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม / ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ

💬 Line :
📷 IG :
🌐 www.navellawellness.com
📞 0-2090-6988 , 09-8286-6228
📍 Silom Edge (3rd Floor) Next to BTS Sala Daeng & MRT Silom
#ณเวฬา #เวชศาสตร์ป้องกัน

😣 คุณรู้สึกเบื่อหน่าย เหนื่อยง่าย ไม่อยากตื่นมาทำงานในแต่ละวัน แม้จะนอนหลับครบ 8 ชั่วโมง แต่กลับตื่นมาด้วยความรู้สึกอ่อน...
09/07/2025

😣 คุณรู้สึกเบื่อหน่าย เหนื่อยง่าย ไม่อยากตื่นมาทำงานในแต่ละวัน แม้จะนอนหลับครบ 8 ชั่วโมง แต่กลับตื่นมาด้วยความรู้สึกอ่อนล้า หรือไม่มีแรงจูงใจจะทำสิ่งใดหรือไม่? ความรู้สึกเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ “เหนื่อยธรรมดา” แต่นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของ ความเครียดสะสม ที่กำลังค่อยๆ กัดกร่อนคุณภาพชีวิตโดยไม่รู้ตัว

☹ เครียดสะสม คือภาวะที่ร่างกายและจิตใจได้รับแรงกดดันจากความเครียดต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยไม่ได้รับการผ่อนคลายหรือจัดการอย่างเหมาะสม ร่างกายของเราจะตอบสนองต่อความเครียดผ่าน "ระบบประสาทอัตโนมัติ" และ "ระบบฮอร์โมน" เช่น การหลั่งคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งหากหลั่งต่อเนื่องเป็นเวลานานจะส่งผลเสียต่อทั้งระบบภูมิคุ้มกัน สมอง หัวใจ และระบบย่อยอาหาร

📈 สาเหตุของความเครียดสะสม มักมาจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น ภาระงานที่หนักเกินไป ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด ความไม่มั่นคงทางการเงิน ภาวะนอนไม่หลับหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ การใช้ชีวิตแบบเร่งรีบและขาดความสมดุล

💡วิธีแก้เครียดสะสม เพื่อสมดุลชีวิตที่ดีขึ้น (แนะนำโดยคุณหมอ)

1. ทบทวนอาการ และยอมรับว่า “เรากำลังเครียด”

การยอมรับความจริงว่าคุณกำลังเผชิญกับ ความเครียดสะสม คือจุดเริ่มต้นสำคัญของการดูแลและรักษาตัวเอง หลายครั้งคุณอาจชินกับความเหนื่อยล้า หงุดหงิดง่าย หรือการนอนไม่หลับ จนรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็น "เรื่องปกติ" ในชีวิตประจำวัน

แต่คำถามที่ควรถามตัวเองคือ “สิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องปกติ... มันปกติจริงหรือ?” ลองเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการจดบันทึกอาการ เช่น หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ สมาธิสั้น หรือรู้สึกหมดแรง เพื่อให้เห็นภาพรวมของภาวะความเครียดสะสมได้ชัดเจนขึ้น

2. ค้นหาต้นตอของความเครียด

สำรวจว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นความเครียด เช่น ภาระงาน ความสัมพันธ์ หรือเรื่องเงิน การตั้งคำถามกับตัวเอง เช่น “อะไรทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อยที่สุด?” คำถามนี้จะช่วยให้เราเริ่มเชื่อมโยงอาการกับสาเหตุ และมองเห็นภาพรวมของความเครียดสะสมได้ชัดเจนขึ้น อย่าลังเลที่จะปรึกษาคนที่คุณไว้ใจ การพูดคุยกับคนที่เข้าใจสามารถช่วยให้คลายความกังวล และมองเห็นทางออกที่เราอาจมองข้ามไปเอง

3. เข้าใจ “วงจรความเครียด” ของร่างกาย

ร่างกายของเรามี "นาฬิกาชีวิต" ที่ควบคุมการหลั่งของฮอร์โมน คอร์ติซอล หรือที่เรียกกันว่า “ฮอร์โมนความเครียด” ในแต่ละช่วงเวลา หากฮอร์โมนนี้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายเสมอไป เพราะมีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวัน โดยปกติแล้ว ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะพุ่งสูงในตอนเช้า (ช่วยให้ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า) ลดระดับลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนต่ำสุดตอนกลางคืน เพื่อให้หลับพักผ่อนเต็มที่

🚩แต่เมื่อร่างกายเผชิญความเครียดเรื้อรัง วงจรนี้อาจเสียสมดุล เช่น ตื่นมาแล้วยังรู้สึกเหนื่อย หรือหลับยากในตอนกลางคืน ดังนั้น การนอนให้มีคุณภาพและเพียงพอ จึงเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูสมดุลฮอร์โมน

4. ปรับพฤติกรรมประจำวัน

เปลี่ยนแปลงเล็กๆ เพื่อไม่ให้ความเครียดสะสมเพิ่มขึ้น เช่น นอนให้ตรงเวลา ออกกำลังกายเบาๆ ที่สำคัญคือรับประทานอาหารที่สมดุล เช่น ลดการบริโภคคาเฟอีนและน้ำตาล เพิ่มโปรตีนคุณภาพดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะสิ่งที่กินเข้าไปสามารถกระตุ้นหรือบรรเทาความเครียดได้เช่นกัน

5. ฟื้นฟูสมดุลฮอร์โมน

เมื่อมีการปรับพฤติกรรมตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว โดยทั่วไปสมดุลฮอร์โมนจะกลับมาดีขึ้น แต่หากยังมีอาการเครียดเรื้อรัง จนประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือรู้สึกเหนื่อยล้าโดยไม่มีสาเหตุ การตรวจวัดระดับฮอร์โมนความเครียด สามารถประเมินได้ว่าความเครียดสะสมรุนแรงแค่ไหน และช่วยให้แพทย์วางแผนฟื้นฟูที่เหมาะสม เช่น เสริมวิตามิน ปรับโภชนาการ หรือทำ IV Therapy

6. ฝึกเทคนิครีเซ็ตระบบประสาท

เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก, ฝึกสมาธิ, ศิลปะบำบัด หรือการใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติมากขึ้นในช่วงวันหยุด ช่วยให้ระบบประสาทเข้าสู่โหมดพัก (Parasympathetic Mode) ลดคอร์ติซอลได้อย่างเป็นธรรมชาติ

7. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หากลองหลายวิธีแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการเครียดสะสมรุนแรงขึ้น ควรพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Wellness แบบองค์รวม เพื่อประเมินสภาพจิตใจ หาต้นเหตุของความเครียด และตรวจระดับฮอร์โมนที่อาจเสียสมดุลจากความเครียดเรื้อรัง พร้อมรับคำแนะนำที่เหมาะสมในการฟื้นฟูทั้งสุขภาพกายและใจอย่างยั่งยืน

🩺 อย่างไรก็ตาม หากคุณลองทำตามวิธีข้างต้นแล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น หรือความเครียดส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต หรือเข้ารับบริการดูแลแบบองค์รวมได้ที่ ณ เวฬา ซึ่งมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่พร้อมช่วยคุณจัดการกับความเครียดอย่างลึกซึ้ง เพื่อคืนสมดุลให้ชีวิตอย่างแท้จริง

อ่านบทความฉบับเต็มที่ https://bitly.cx/1ZPhU

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม / ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ

💬 Line :
📷 IG :
🌐 www.navellawellness.com
📞 0-2090-6988 , 09-8286-6228
📍 Silom Edge (3rd Floor) Next to BTS Sala Daeng & MRT Silom
#ณเวฬา #สุขภาพ #เครียดสะสม #ฮอร์โมนความเครียด

💭 รู้ไหม...เมนส์ไม่มา อาจไม่ได้แปลว่าท้อง 😵‍💫 สาวๆ คนไหนเคยเจอสถานการณ์แบบนี้บ้าง? ประจำเดือนขาดหายไปหลายวัน หรือเลยกำหน...
06/07/2025

💭 รู้ไหม...เมนส์ไม่มา อาจไม่ได้แปลว่าท้อง

😵‍💫 สาวๆ คนไหนเคยเจอสถานการณ์แบบนี้บ้าง? ประจำเดือนขาดหายไปหลายวัน หรือเลยกำหนดมานาน จนเริ่มคิดไปไกลว่า “หรือฉันท้อง?” แต่ในความจริงแล้ว เมนส์ไม่มาเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์เลยก็ได้! ลองสังเกตตัวเองดีๆ ก่อนตื่นตระหนก เพราะร่างกายของผู้หญิงเรานั้นซับซ้อน และความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ บางอย่างในชีวิตประจำวัน ก็อาจส่งผลให้เมนส์ขาดได้เช่นกัน

📌 รอบประจำเดือนปกติควรเป็นอย่างไร?

รอบเดือนของผู้หญิงปกติจะอยู่ที่ประมาณ 21–35 วัน ต่อรอบ โดยมีเลือดประจำเดือนออกนานประมาณ 2–7 วัน การมีรอบเดือนที่สม่ำเสมอแสดงถึงการทำงานของระบบสืบพันธุ์และฮอร์โมนที่สมดุล แต่หากรอบเดือนหายไป หรือมีความผิดปกติ เช่น มาช้า มาน้อย หรือไม่มาเลย ก็ควรสังเกตตนเองและหาสาเหตุ

📌 เมนส์ไม่มา คืออะไร? อ่านบทความฉบับเต็มที่ https://bitly.cx/2fGw

ในทางการแพทย์เรียกว่า “ภาวะขาดระดู (Amenorrhea)” หมายถึงผู้หญิงที่ ไม่มีประจำเดือนติดต่อกันนานผิดปกติ ซึ่งมี 2 แบบหลักๆ คือ Primary Amenorrhea – ยังไม่เคยมีประจำเดือนเลยจนถึงอายุ 15 ปี และ Secondary Amenorrhea – เคยมีประจำเดือนแล้ว แต่หายไปนานเกิน 3 เดือน

👉 สาเหตุที่ประจำเดือนไม่มา หรือมาผิดปกติ (ที่พบบ่อย)

1. สรีรวิทยาเปลี่ยน

✅การตั้งครรภ์: เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดเมื่อเมนส์ไม่มา

✅การให้นมบุตร: ระหว่างให้นมบุตร โปรแลคตินจะสูง ทำให้ไข่ไม่ตกและไม่มีประจำเดือน

✅วัยหมดประจำเดือน: เมื่อผู้หญิงอายุประมาณ 45–55 ปี อาจเริ่มเข้าสู่วัยหมดระดูตามธรรมชาติ

2. ความผิดปกติของฮอร์โมน

✅ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS): ฮอร์โมนไม่สมดุลจนทำให้ไข่ไม่ตกและประจำเดือนไม่มา

✅ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ: พบได้ในคนที่เครียดจัด น้ำหนักตัวต่ำเกินไป หรือออกกำลังกายหักโหม

3. โรคประจำตัว หรือปัญหาสุขภาพ

✅ เช่น โรคไทรอยด์ (ทั้งไฮโปและไฮเปอร์), เบาหวาน, ภาวะซึมเศร้า, โรคเรื้อรังบางชนิด ล้วนมีผลต่อระบบประจำเดือน

4. ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด

✅ เช่น ยาคุมกำเนิด, ยารักษาโรคจิตเวช, ยาต้านซึมเศร้า หรือยาสเตียรอยด์บางตัว อาจรบกวนการตกไข่และส่งผลให้เมนส์ไม่มา

🩺 แล้วแบบนี้...ควรไปหาหมอไหม?

หากเมนส์ไม่มาติดต่อกัน เกิน 3 เดือน หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น

📌 สิวเห่อ น้ำหนักพุ่งหรือดิ่งไม่มีสาเหตุ ผิวแห้ง ผมร่วง รู้สึกเพลีย เหนื่อยง่าย เวียนหัวหรือใจสั่น

👉 ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจร่างกาย ตรวจระดับฮอร์โมน หรืออัลตราซาวด์ดูรังไข่และมดลูก

✅ ประจำเดือนไม่มา ไม่ได้แปลว่าท้องอย่างเดียวเสมอไป เพราะภาวะนี้สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ การเข้าใจและสังเกตความผิดปกติของร่างกายตัวเองเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพระยะยาว หากคุณมีอาการเมนส์ไม่มาเป็นประจำ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพหรือตรวจฮอร์โมนกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และคืนความสมดุลให้กับระบบสืบพันธุ์ของคุณอีกครั้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม / ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ

💬 Line :
📷 IG :
🌐 www.navellawellness.com
📞 0-2090-6988 , 09-8286-6228
📍 Silom Edge (3rd Floor) Next to BTS Sala Daeng & MRT Silom
#ณเวฬา #สุขภาพ #ประจำเดือนไม่มา #ตั้งครรภ์

😣 ระหว่างค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเรื้อรังที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต กับค่าตรวจสุขภาพเชิงป้องกันในวันนี้ คุณเต็มใจที่จะลงทุนกับ...
03/07/2025

😣 ระหว่างค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเรื้อรังที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต กับค่าตรวจสุขภาพเชิงป้องกันในวันนี้ คุณเต็มใจที่จะลงทุนกับอะไร? ถ้าคำตอบคือไม่อยากเสียทั้งสุขภาพและเงิน เวชศาสตร์ป้องกันคือทางออกของคุณ

😷 คุณคือคนหนึ่งที่เอาใจใส่ดูแลรถยนต์ของตัวเองเป็นอย่างดีใช่ไหม? ทั้งเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ตรวจเช็กสภาพตามระยะ เพียงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่ในอนาคต แล้วกับสุขภาพของคุณล่ะ? อย่าละเลย จนกระทั่งร่างกายส่งสัญญาณเตือน ด้วยอาการเจ็บป่วย ถึงค่อยเริ่มมองหาวิธีรักษา ทั้งที่จริงๆแล้ว สามารถดูแลสุขภาพให้ดีตั้งแต่แรกเริ่ม ด้วยหลักการของ เวชศาสตร์ป้องกัน ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เน้นการดูแลเชิงรุก เพื่อป้องกันโรคก่อนจะเกิดขึ้น

💡ทำไมต้องดูแลสุขภาพด้วยเวชศาสตร์ป้องกัน?

เวชศาสตร์ป้องกัน คือศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพแบบเชิงรุกที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ “ไม่ป่วย” แต่เน้นการสร้าง “ชีวิตที่ดี” อย่างยั่งยืนในทุกมิติ ซึ่งเชื่อมโยงกับแนวคิดที่สำคัญอย่าง Wellness โดยที่ Wellness คือ การดูแลสุขภาพอย่างองค์รวม ครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์ทางสังคม เพื่อชีวิตที่สมดุลและเต็มไปด้วยพลัง

👍ช่วงวัยไหนที่ควรดูแลสุขภาพด้วยเวชศาสตร์ป้องกัน?

ไม่ว่าจะเป็นวัยทำงานที่อยู่ในช่วงเร่งสร้างตัว หรือวัยกลางคนที่เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ช่วงเวลานี้คือ “จุดเปลี่ยน” ที่สำคัญที่สุด เพราะหลายโรคร้ายมักเริ่มต้นแบบเงียบๆ ไม่มีสัญญาณเตือน และเมื่ออาการปรากฏชัด การรักษาก็มักยุ่งยากและมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว

✔ ในบริบทนี้ เวชศาสตร์ป้องกัน จึงมีบทบาทสำคัญในการเข้ามาดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี ไม่ใช่เพียงเมื่อมีอาการ แต่คือการเข้าใจภาวะเสี่ยงของร่างกาย ปรับสมดุล และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยมีแนวทางของ Wellness คอยนำทางในการดูแลแบบองค์รวมทั้งร่างกายและจิตใจ

🩺 เวชศาสตร์ป้องกัน คือ “เกมรุกสุขภาพ และการลงทุนระยะยาว”

หากสุขภาพคือ “สินทรัพย์” ที่มีค่าที่สุดของชีวิต การไม่ดูแลให้ดี ก็เหมือนการปล่อยให้ทรัพย์สินเสื่อมโทรมไปโดยไร้แผนการ แต่ในทางกลับกัน การดูแลสุขภาพเชิงรุกด้วยหลักของ เวชศาสตร์ป้องกัน เปรียบได้กับการ “ลงทุนระยะยาว” ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า

✔ ซึ่งการลงทุนนี้ไม่ได้จำกัดแค่การตรวจสุขภาพประจำปี หรือการฉีดวัคซีนเท่านั้น แต่รวมถึงการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด และการนอนหลับอย่างเพียงพอ ทั้งหมดนี้คือแนวทางที่สะท้อนความหมายของ Wellness คือ การใส่ใจทุกมิติของชีวิต เพื่อสร้างความแข็งแรงจากภายใน

🛡 ป้องกันไว้ ดีกว่ารักษาเมื่อสาย

หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ การคิดว่าการไม่มีอาการคือการไม่มีโรค ทั้งที่ในความเป็นจริง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมะเร็ง มักจะไม่แสดงอาการชัดเจนในช่วงเริ่มต้น ถ้าคุณรอให้มีอาการก่อนค่อยไปหาหมอ ก็อาจต้องเผชิญกับการรักษาที่ยากขึ้น ยาวนานขึ้น และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเดิมมาก

✔ การใช้แนวทางของ เวชศาสตร์ป้องกัน จะช่วยให้คุณรู้ล่วงหน้าว่าร่างกายมีความเสี่ยงหรือไม่ ผ่านการตรวจคัดกรองต่างๆ และเมื่อรู้เร็ว ก็สามารถปรับพฤติกรรมหรือรับการรักษาได้ตั้งแต่ระยะแรก เพิ่มโอกาสในการหายหรือควบคุมโรคได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณแข็งแรง ลดโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้และการติดเชื้อ

✔ สุขภาพที่ดีไม่ใช่แค่ไม่มีโรค แต่คือการมีชีวิตที่มีคุณภาพในทุกด้าน Wellness คือ คำตอบที่สะท้อนแนวทางชีวิตที่สมดุล ทั้งการดูแลร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์ทางสังคม เช่น การมีเวลาพักผ่อนเพียงพอ การมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับคนรอบข้าง และการใช้เวลาทำกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพจิตใจ สิ่งเหล่านี้ล้วนเชื่อมโยงกับเป้าหมายสูงสุดของ เวชศาสตร์ป้องกัน นั่นคือ “การมีชีวิตที่ดีและยั่งยืน”

💪 คุณคือผู้ออกแบบชีวิตของตัวเอง

สุขภาพดีไม่ใช่เรื่องของโชค แต่คือผลลัพธ์จากการเลือกดูแลตัวเองในทุกๆ วัน เวชศาสตร์ป้องกัน เปิดโอกาสให้คุณเข้าใจความเสี่ยงของตัวเองอย่างชัดเจน และวางแผนการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการรับคำแนะนำจากแพทย์ การตรวจสุขภาพอย่างเหมาะสม หรือการปรับพฤติกรรมเพื่อความยั่งยืน

🧐 หากคุณกำลังถามตัวเองว่า “จะเริ่มตรงไหนดี?” คำตอบคือ เริ่มจากการใส่ใจตนเองตั้งแต่วันนี้ เพราะ Wellness คือ การเลือกมีชีวิตที่ดีอย่างตั้งใจ ไม่ใช่แค่ไม่ป่วย แต่ต้องมีความสุข มีพลัง และพร้อมใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในทุกวัน

💙 ถึงเวลาแล้วที่จะเลิกตั้งรับเมื่อเจ็บป่วย แล้วเปลี่ยนมา “รุก” ดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ Wellness คือ แนวคิดที่ทำให้การดูแลสุขภาพกลายเป็นเรื่องสนุก น่าติดตาม และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันได้อย่างกลมกลืน เพราะสุดท้ายแล้ว สุขภาพดีไม่ใช่สิ่งที่ได้มาฟรีๆ แต่เป็น “ของขวัญ” ที่คุณสร้างได้ ด้วยตัวคุณเอง

อ่านบทความฉบับเต็ม คลิก https://bitly.cx/XNk3

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม / ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ

💬 Line :
📷 IG :
🌐 www.navellawellness.com
📞 0-2090-6988 , 09-8286-6228
📍 Silom Edge (3rd Floor) Next to BTS Sala Daeng & MRT Silom
#ณเวฬา #เวชศาสตร์ป้องกัน

🌧️ ฤดูฝนแบบนี้...ดูแลตัวเองดีพอหรือยัง? เพราะ ฝนที่ตกแทบทุกวันไม่ได้แค่นำความเย็นสบายมาเท่านั้น แต่ยังพาโรคหลายชนิดมาด้ว...
30/06/2025

🌧️ ฤดูฝนแบบนี้...ดูแลตัวเองดีพอหรือยัง? เพราะ ฝนที่ตกแทบทุกวันไม่ได้แค่นำความเย็นสบายมาเท่านั้น แต่ยังพาโรคหลายชนิดมาด้วย!

☔️ เช้าวันจันทร์ที่ต้องรีบไปประชุมสำคัญ แต่ดันรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นหวัด หรือเย็นวันศุกร์ที่ตั้งใจจะไปสังสรรค์กับเพื่อน แต่กลับต้องซมเพราะพิษไข้เลือดออกอยู่บ้าน...ฟังดูไม่สนุกเลยใช่ไหม?

สายฝนที่โปรยปรายชุ่มฉ่ำ อาจนำมาซึ่งความสดชื่นคลายร้อน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นฤดูกาลที่เชื้อโรคและพาหะนำโรคหลายชนิดเติบโตและแพร่กระจายได้ดีกว่าช่วงอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนในเมือง ที่ต้องใช้ชีวิตและทำงานในสภาพแวดล้อมที่อาจเอื้อต่อการระบาดของโรคได้ง่ายกว่าที่คิด

😷 มาดูกันว่า 9 โรคยอดฮิตที่มักมาพร้อมกับหน้าฝน จะมีโรคอะไรบ้าง

🔴 ① ไข้หวัดใหญ่ (Influenza):

ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่ระบาดง่าย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีความชื้นสูงและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงบ่อย เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจามในที่แออัด มีผู้คนรวมตัวกันหนาแน่น หรือระบบปรับอากาศที่ไม่ถ่ายเท เช่น ออฟฟิศ โรงเรียน หรือขนส่งสาธารณะ

✔ การหมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วยเป็นแนวทางป้องกันสำคัญ

🍛 ② โรคท้องร่วง/อาหารเป็นพิษ (Diarrhea/Food Poisoning):

สภาพอากาศชื้นในหน้าฝนเป็นสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและไวรัสในอาหารและน้ำดื่ม หากสุขอนามัยในการปรุงประกอบอาหารไม่ดีพอ โดยเฉพาะอาหารที่ซื้อรับประทานนอกบ้าน ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินอาหารได้ง่าย

✔ การรับประทานอาหารที่สะอาด สดใหม่ และเก็บรักษาในภาชนะปิดสนิท รวมถึงล้างมือก่อนรับประทานอาหาร เป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด

🌬️ ③ โรคภูมิแพ้และหอบหืดกำเริบ (Allergy and Asthma Exacerbation):

ความชื้นที่สูงขึ้นในฤดูฝนสามารถกระตุ้นให้เกิดเชื้อราและไรฝุ่น ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญ เมื่อคนทำงานสัมผัสกับสารเหล่านี้ อาจทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ หรือในผู้ที่เป็นโรคหอบหืด อาจมีอาการหอบเหนื่อยกำเริบได้

✔ ควรรักษาสภาพแวดล้อมในบ้านและที่ทำงานให้สะอาด แห้ง และมีการระบายอากาศที่ดี

🦶 ④ โรคผิวหนังจากเชื้อรา (Fungal Infections):

สำหรับคนที่ต้องเดินทางและอาจต้องใส่เสื้อผ้าหรือรองเท้าที่เปียกชื้นเป็นเวลานาน หากไม่รีบทำความสะอาดและทำให้แห้ง อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนังจากเชื้อรา เช่น น้ำกัดเท้า หรือกลากเกลื้อน ซึ่งสร้างความรำคาญและอาจลุกลามได้

✔ หลังจากเปียกฝนควรรีบอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้แห้ง และหลีกเลี่ยงความอับชื้น

👁️ ⑤ โรคตาแดง (Conjunctivitis):

โรคตาแดงจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียมักแพร่กระจายได้ง่ายในฤดูฝน โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนอยู่รวมกัน เช่น โรงเรียนหรือที่ทำงาน

✔ หลีกเลี่ยงการขยี้ตา ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น และล้างมือบ่อย ๆ ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

🫁 ⑥ โรคปอดบวม (Pneumonia):

แม้จะไม่ใช่โรคประจำฤดูฝนโดยตรง แต่การเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ในช่วงหน้าฝน เช่น ไข้หวัดใหญ่ หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะปอดบวมได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ หรือมีโรคประจำตัว

✔ หากมีไข้สูง ไอ หายใจลำบาก หรือเจ็บหน้าอก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย

🦟 ⑦ ไข้เลือดออก (Dengue Fever):

ยุงลายเป็นพาหะของเชื้อไวรัสเดงกีที่ทำให้เกิดไข้เลือดออก ซึ่งมักระบาดในฤดูฝนจากแหล่งน้ำขัง แม้อยู่ในเมือง เช่น บ้านหรือคอนโด แต่หากมีกระถางต้นไม้, จานรองกระถาง, ยางรถยนต์เก่า, หรือแม้แต่รางระบายน้ำที่ไม่สะอาด ก็เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายชั้นดีได้

✔ ควรกำจัดแหล่งน้ำขัง ป้องกันตนเองจากยุง และหากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะหรือปวดกล้ามเนื้อควรรีบพบแพทย์

🦴 ⑧ โรคข้ออักเสบกำเริบ (Arthritis Flare-ups):

อากาศเย็นชื้นในช่วงหน้าฝนอาจกระตุ้นให้ผู้ที่มีโรคข้อ เช่น ข้อเข่าเสื่อมหรือรูมาตอยด์ มีอาการปวด บวม หรือฝืดตามข้อมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเช้า

✔ การดูแลร่างกายให้อบอุ่น ออกกำลังกายเบา ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการได้

🌊 ⑨ โรคฉี่หนู (Leptospirosis):

สำหรับคนที่ต้องเดินทางสัญจรในช่วงฝนตกหนัก อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเดินลุยน้ำท่วมขัง ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเชื้อเลปโตสไปราที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อ (โดยเฉพาะหนู) สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลตามผิวหนัง หรือเยื่อบุตา จมูก ปากได้

✔ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำท่วมโดยตรง สวมรองเท้าบูท และล้างร่างกายให้สะอาดทันทีหลังลุยน้ำ

🌧️ แม้สายฝนจะเย็นชื่นใจ แต่อย่าลืมดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ และป้องกันตัวเองจากโรคต่างๆ ที่มากับหน้าฝน เพื่อให้ทุกวันของคุณปลอดภัยจากโรคร้าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม / ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ

💬 Line :
📷 IG :
🌐 www.navellawellness.com
📞 0-2090-6988 , 09-8286-6228
📍 Silom Edge (3rd Floor) Next to BTS Sala Daeng & MRT Silom
#ณเวฬา #สุขภาพ #โรคหน้าฝน

รู้หรือไม่... ฮอร์โมนที่ไม่สมดุล อาจเชื่อมโยงคุณกับมะเร็งเต้านม 👩 คุณเคยสังเกตไหมว่า เต้านมของคุณเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ...
26/06/2025

รู้หรือไม่... ฮอร์โมนที่ไม่สมดุล อาจเชื่อมโยงคุณกับมะเร็งเต้านม

👩 คุณเคยสังเกตไหมว่า เต้านมของคุณเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงก่อนมีประจำเดือน? ความคัดตึง เจ็บ หรือขนาดเปลี่ยนไป อาจเป็นผลจาก “ฮอร์โมนเอสโตรเจน” ที่ขึ้นลงตามรอบเดือน ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ แต่เมื่อฮอร์โมนเหล่านี้ไม่สมดุล หรือมีมากเกินไปในช่วงวัยที่ไม่ควร ก็อาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ “มะเร็งเต้านม” ได้

📊 มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิงทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยอุบัติการณ์สูงสุดมักพบในผู้หญิงอายุ 40-60 ปี ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อสู่วัยหมดประจำเดือน บางคนอาจคิดว่ามะเร็งเต้านมเกิดจาก “กรรมพันธุ์” เป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีเพียงประมาณ 5-10% เท่านั้นที่มีสาเหตุจากพันธุกรรม ส่วนใหญ่กว่า 90% เกิดจากปัจจัยอื่นๆ ซึ่งรวมถึง

🔸 การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย: ระดับฮอร์โมนที่ไม่สมดุล หรือการได้รับฮอร์โมนจากภายนอก อาจมีผลต่อความเสี่ยง

🔸 พฤติกรรมการใช้ชีวิต: การพักผ่อนไม่เพียงพอ, การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงและขาดใยอาหาร, ความเครียดเรื้อรัง, การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสมดุลฮอร์โมนและสุขภาพโดยรวม

🔸 น้ำหนักตัวเกินหรือภาวะอ้วน: เซลล์ไขมันสามารถสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ ทำให้ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมีความเสี่ยงสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ควรทราบ:

✔ อายุที่เพิ่มมากขึ้น: ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะหลังอายุ 40 ปี

✔ การได้รับรังสีบริเวณหน้าอก: ผู้ที่เคยได้รับการฉายรังสีบริเวณหน้าอกเพื่อรักษาโรคอื่นมาก่อน อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

✔ ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม: แม้จะไม่ใช่กรรมพันธุ์โดยตรง แต่การมีบุคคลในครอบครัวใกล้ชิดเป็นมะเร็งเต้านม อาจบ่งชี้ถึงปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่ถ่ายทอดในครอบครัว

🔍 มะเร็งเต้านมกับฮอร์โมน: ความเชื่อมโยงที่ไม่ควรมองข้าม
มะเร็งเต้านมไม่ได้เหมือนกันทุกชนิด มีความแตกต่างกันในระดับเซลล์ ซึ่งการแบ่งชนิดตามความไวต่อฮอร์โมนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางแผนการรักษา:

📌 Hormone Receptor Positive: เซลล์มะเร็งมีตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน (ER+) และ/หรือโปรเจสเตอโรน (PR+) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด มะเร็งชนิดนี้มักตอบสนองได้ดีต่อการรักษาด้วย “ฮอร์โมนบำบัด” ที่ช่วยลดระดับฮอร์โมนหรือบล็อกการทำงานของฮอร์โมน

📌 HER2-Positive: เซลล์มะเร็งมีการสร้างโปรตีน HER2 (Human Epidermal growth factor Receptor 2) มากเกินไป ซึ่งกระตุ้นให้เซลล์เติบโตและแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว มะเร็งชนิดนี้มีการรักษาที่จำเพาะเจาะจง

📌 Triple Negative: เซลล์มะเร็งไม่มีตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน, โปรเจสเตอโรน และไม่มีโปรตีน HER2 ทำให้การรักษามักมีความท้าทายกว่า และอาจมีการแพร่กระจายที่เร็วกว่า

⚠ สำหรับคุณผู้หญิงที่เคยหรือกำลังใช้ "ฮอร์โมนเสริม" ไม่ว่าจะเป็นยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทนหลังหมดประจำเดือน (HRT) ควรปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงและประโยชน์อย่างละเอียด เนื่องจากฮอร์โมนเหล่านี้อาจมีผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้ โดยเฉพาะการใช้ในระยะยาว ควรมีการติดตามและประเมินความเสี่ยงเป็นระยะ

🚨 สัญญาณฮอร์โมนผิดปกติที่ควรสังเกต (แม้จะไม่ใช่อาการโดยตรงของมะเร็งเต้านม)
การสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่อาจบ่งบอกถึงความไม่สมดุลของฮอร์โมนเป็นสิ่งสำคัญ:

⚠ ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงผิดปกติหลังวัยหมดประจำเดือน: อาจสังเกตได้จากอาการ เช่น เลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ

⚠ ภาวะน้ำหนักเกิน หรือมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมาก: บ่งชี้ถึงระดับเอสโตรเจนที่อาจสูงขึ้น

⚠ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอในวัยก่อนหมดประจำเดือน: อาจเป็นสัญญาณของความไม่สมดุลของฮอร์โมน

⚠ อาการอื่นๆ: เช่น ร้อนวูบวาบผิดปกติในวัยก่อนหมดประจำเดือน, อารมณ์แปรปรวนรุนแรง
สัญญาณเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นมะเร็งเต้านมเสมอไป แต่เป็นสัญญาณเตือนว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและประเมินความเสี่ยง โดยเฉพาะการตรวจระดับฮอร์โมนและการตรวจเต้านม

🩺 ตรวจเต้านมอย่างไร? เริ่มเมื่อไหร่? อ่านเพิ่มเติม https://bitly.cx/jcz6T

💊 ในกรณีที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมชนิดที่ตอบสนองต่อฮอร์โมน (Hormone receptor positive) แพทย์อาจพิจารณาใช้ "ฮอร์โมนบำบัด" เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา โดยมีเป้าหมายเพื่อลดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย หรือยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนที่กระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็ง การรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดมีหลายรูปแบบ เช่น ยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเอสโตรเจน หรือยาที่ออกฤทธิ์บล็อกตัวรับฮอร์โมน ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมโรคและช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี

💬 มะเร็งเต้านมอาจดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้จริงแล้วมีความเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของเราอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผ่าน "ฮอร์โมน" ที่อยู่ในร่างกายและสิ่งที่เราได้รับในแต่ละวัน การหันมาดูแลสุขภาพตัวเองอย่างจริงจัง ไม่ได้หมายถึงแค่การตรวจสุขภาพประจำปีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการ "ฟัง" สัญญาณจากร่างกาย และใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ อย่าง "ฮอร์โมน" ที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม / ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ

💬 Line :
📷 IG :
🌐 www.navellawellness.com
📞 0-2090-6988 , 09-8286-6228
📍 Silom Edge (3rd Floor) Next to BTS Sala Daeng & MRT Silom
#ณเวฬา #สุขภาพ #ฮอร์โมน #มะเร็งเต้านม

🌟 Navella Success Stories Series ตอน: แพ้กลูเตนจนเกือบเป็นมะเร็งลำไส้ แต่ฟื้นฟูร่างกายจนวิ่งมาราธอนได้อีกครั้ง สุขภาพพัง...
23/06/2025

🌟 Navella Success Stories Series ตอน: แพ้กลูเตนจนเกือบเป็นมะเร็งลำไส้ แต่ฟื้นฟูร่างกายจนวิ่งมาราธอนได้อีกครั้ง

สุขภาพพัง แพ้กลูเตนอย่างรุนแรง จนลำไส้เป็นแผล เสี่ยงมะเร็งลำไส้ ทำให้ต้องหลีกเลี่ยงอาหารมากมาย ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และทานยาเพื่อประคับประคองอาการมานานหลายปี เธอเคยยอมแพ้ เพราะคิดว่าอาการเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต แต่เมื่ออาการเริ่มรุนแรงขึ้น ทั้งปวดท้องเรื้อรัง อ่อนแรง นอนไม่หลับ ขับถ่ายผิดปกติ และร่างกายทรุดโทรมลงเรื่อยๆ เธอจึงตัดสินใจสู้เพื่อสุขภาพตัวเองอีกครั้ง

💪 คุณหมอเอมมี่ช่วยให้เธอกลับมาสุขภาพดี จนวิ่งมาราธอนอีกครั้งได้อย่างไร? มาติดตามเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งนี้ไปด้วยกัน

💡 ประวัติคนไข้

หญิงชาวยุโรป วัย 52 ปี ทำงานด้านศิลปะในประเทศไทยมากว่า 10 ปี เธอประสบปัญหาสุขภาพเรื้อรังสะสมมายาวนาน มีโรคประจำตัวคือ Celiac Disease ซึ่งทำให้แพ้กลูเตนอย่างรุนแรงจนเกิดแผลในลำไส้ หากปล่อยไว้อาจพัฒนาเป็นมะเร็งลำไส้ได้

นอกจากนี้ เธอยังมีอาการอื่นร่วมด้วย ทั้งปวดท้องเรื้อรัง (โดยเฉพาะช่วงกลางคืน) มีอาการแน่นท้อง อืด จุก เสียดหลังอาหารเกือบทุกมื้อ (แม้รับประทานอาหารเพียงเล็กน้อย) ขับถ่ายผิดปกติ (มีทั้งท้องเสียและท้องผูกสลับกัน) ตอนกลางคืนมักปวดท้องและรู้สึกร้อนวูบวาบจนนอนไม่หลับ ไม่สามารถออกกำลังกายได้เลยเพราะปวดตามข้อ อีกทั้งมีปัญหากวนใจอื่นๆ เช่น ผมร่วง เล็บเปราะง่าย

💊 แม้เธอจะพยายามเลี่ยงกลูเตน และกินยาหลายชนิดเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาลดกรด ยาชะลอการเคลื่อนตัวของลำไส้ ยาแก้ปวดเกร็งลำไส้ แต่สุขภาพกลับไม่ได้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

🩺 การตรวจสุขภาพเชิงลึก

หลังจากรับฟังประวัติสุขภาพที่ซับซ้อนและอาการเรื้อรังมายาวนาน คุณหมอเอมมี่แนะนำให้ ตรวจสุขภาพแบบเจาะลึกทั้งระบบ ด้วยโปรแกรม Ultimate Check-up และตรวจ Gut Microbiome (ตรวจแบคทีเรียในลำไส้จากอุจจาระ) ซึ่งสามารถบอกได้ถึงสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร ภูมิคุ้มกัน และการอักเสบที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย เพื่อหาต้นตอที่แท้จริงของปัญหา

🌟อยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป อ่านต่อได้ในคอมเม้นท์ หรือ คลิก https://bitly.cx/diSoc

🚩ไม่แนะนำให้รักษาโดยอ้างอิงจากแนวทางการรักษานี้ แม้ว่าคุณจะมีปัญหาสุขภาพหรืออาการที่คล้ายคลึงกันเนื่องจากปัญหาสุขภาพของแต่ละคนมีสาเหตุและลักษณะที่แตกต่างกันไป การรักษาที่ได้ผลสำหรับบางคนอาจไม่เหมาะสมกับคนอื่น ที่ ณ เวฬา คลินิก ทีมแพทย์ของเราจะทำการประเมินอาการอย่างละเอียดและออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ หากคุณต้องการแนวทางการรักษาที่ปลอดภัยและได้ผล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเริ่มการรักษาใดๆ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม / ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ
💬 Line :
📷 IG :
🌐 www.navellawellness.com
📞 0-2090-6988 , 09-8286-6228
📍 Silom Edge (3rd Floor) Next to BTS Sala Daeng & MRT Silom
#ณเวฬา

ที่อยู่

Bangkok

เวลาทำการ

จันทร์ 09:30 - 18:30
อังคาร 09:30 - 18:30
พุธ 09:30 - 18:30
พฤหัสบดี 09:30 - 18:00
ศุกร์ 09:30 - 18:30
เสาร์ 09:30 - 18:30

เบอร์โทรศัพท์

+6620906988

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Navella Medical & Wellnessผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Navella Medical & Wellness:

แชร์