Sincere Medic Clinic " จริงใจ " เวชกรรม

ด้วยแพทย์ และทีมงาน กับประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการดูแลรักษาผิวพรรณและความงาม กับคลินิกผิวพรรณ ที่จะเปลี่ยนมุมมองแนวคิดของคุณจากอะไรเดิมๆ ที่คลินิกไหนๆ ก็เป็นกัน

ไม่เน้นการขายคอร์ส หรือวิธีการรักษาราคาแพง ตรวจ,ให้คำปรึกษา และ รักษาตามปัญหาและความจำเป็น ของคนไข้/ผู้รับบริการ แต่ละราย เพื่อประโยชน์สูงสุดของคุณ

11/04/2023

"We are closed on 12-15 April and will be back for your service on 16 . “
Happy Songkran Festival!

04/07/2022
04/07/2022
คลินิกเปิดให้บริการ ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2564 เวลา 12.00-19.00 น. กรุณานัดหมายกับเทอราปิสท์ประจำตัวท่านหรือทา...
02/09/2021

คลินิกเปิดให้บริการ ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2564 เวลา 12.00-19.00 น.

กรุณานัดหมายกับเทอราปิสท์ประจำตัวท่านหรือทางอินบอกซ์ ก่อนเข้ารับบริการเหมือนตามปกตินะคะ ^^

We are re-open now from 12:00-19:00 . Please make an appointment as usual naka

11/07/2021
แล้วพบกันใหม่ค่ะ 😘 ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
11/07/2021

แล้วพบกันใหม่ค่ะ
😘 ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

🙂👌🏻https://www.facebook.com/506996079338831/posts/3965927950112276/?d=n
07/02/2021

🙂👌🏻

https://www.facebook.com/506996079338831/posts/3965927950112276/?d=n

🚩 บ่อยครั้งที่คุณเที่ยวโต้รุ่ง ทำงานข้ามคืน อดหลับอดนอนจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม แต่พอเช้ามาคุณมักจะเห็นความหมองคล้ำ รอยยับเมื่อมองผ่านกระจกเงา แล้วก็จัดการทาครีมบำรุง ครีมกันแดด และโบกแป้งหนากว่าปกติ จนคนเดินสวนผ่านมาสร้างคำถามในใจว่า "เอ่อ!! ขอโทษนะคะ นี่คือ คุณแต่งหน้าเพื่อกันแดด หรือ เพื่อกันกระสุน กันแน่คะ??"

🚩 อาการที่ว่านี้เป็นผลมาจาก "ผิวหนังขาดน้ำ" (dehydrated skin) ที่เซลล์ผิวหนังนั้นฝ่อเนื่องจากสูญเสียความเต่งตึง จนทิศทางการสะท้อนแสงที่ส่องมาไม่เป็นระเบียบ ทำให้ทิศทางของแสงที่สะท้อนเข้าตาน้อยลง ส่งผลทำให้สมองวิเคราะห์ความผ่องใสได้ค่าน้อยกว่าในช่วงที่ผิวหนังเป็นปกติ

👉 อ้าว!! แล้ว คำว่า"ผิวขาดน้ำ" นั้น มีความแตกต่างจากคำว่า "ผิวแห้ง" อย่างไรล่ะเนี่ย??

🚩 เมื่อ ผิวแห้ง คือ เกิดจากต่อมไขมันในผิวหนังนั้นผลิตน้ำมันออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการ และร่างกายไม่ได้รู้สึกว่า มันเป็นสิ่งผิดปกติสักหน่อย ในขณะที่ผิวขาดน้ำ คือ อาการที่ร่างกายบอกว่าผิดปกติ อันเนื่องมาจากการใช้ร่างกายอย่างสิ้นเปลืองแต่ขาดการบำรุง ทั้งกินอาหารที่ไม่เหมาะสม ดื่มน้ำน้อย พักผ่อนน้อย ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ความเครียดสะสม ฯลฯ

🚩 ผิวหน้าหมองคล้ำอันเนื่องจากความเหี่ยวในระดับเซลล์ นั้นเป็นสิ่งแรกที่สายตาคนรอบข้างรับรู้ได้ เนื่องจากเมื่อแสงจากแหล่งกำเนิดแสง (Light source) นั้นตกกระทบที่ผิวหนัง ก็จะมีแสงบางส่วนถูกดูดซับไป (Absorption : K coeffcient) และบางส่วนที่กระเจิงออกมา (Scattering : S coefficient)

🚩 เมื่อค่า K นั้นสัมพันธ์กับปริมาณของเม็ดสี (Pigment content) โดยตรง ในขณะที่ค่า S นั้นสัมพันธ์กับความเรียบเงา (Glossy) ของพื้นผิวเป็นหลัก ประกอบกันเป็นค่าความเข้มสี (ในที่นี้คือ ความหมองคล้ำของผิวหนัง) ที่เรียกว่า ค่า K/S (อ่านว่า K over S)

👉 Note :
1️⃣ ค่า K สูง หมายถึง มีปริมาณเม็ดสีเยอะ ค่า K ต่ำ หมายถึง มีปริมาณเม็ดสีต่ำ
2️⃣ ค่า S สูง หมายถึง ผิววัสดุเรียบเงามาก ค่า S ต่ำหมายถึง ผิววัสดุหยาบด้านมาก
3️⃣ ค่า K/S สูง หมายถึง สีเข้ม และค่า K/S ต่ำ หมายถึง สีอ่อน อีกนัยหนึ่ง ค่า K/S มาจากสัดส่วนของแสงที่สะท้อนเข้าสายตาผู้รับรู้ ตามสมการของ Kubelka-Munk equation ดัง K/S = (1 - R)²︎ / 2R ด้วย (เมื่อ R = ความเข้มของแสงที่สะท้อนออกมาในมุมมองของผู้มอง / ความเข้มแสงที่กระทบผิวหนัง)

🚩 ดังนั้นแม้ว่าค่า K ของผิวหนังเรายังคงเดิม (แหม ท่องราตรี หรือ ร่างกายหักโหมแค่คืนเดียว ผิวหนังคงไม่สร้างเมลานินมาแบบกระทันหันสักหน่อย) แต่ค่า S ของผิวหนังเราลดลงอย่างมาก อันเนื่องมาจากความเหี่ยวระดับเซลล์จากเซลล์ผิวที่ฝ่อน้ำ พอเอามารวมกันก็ส่งผลทำให้ค่า K/S มีค่าสูงปรี๊ดดดด ที่แปลเป็นภาษาปากว่า "หน้าหมองช้ำคล้ำอิดโรย" นั่นเอง

🚩 สรุปได้ว่าความหมองคล้ำอันเนื่องมากจากผิวขาดน้ำนั้นไม่ใช่เรื่องมโนของคนรอบข้าง แต่สามารถอ้างจากสมการเชิงคณิตศาสตร์ได้แบบเถียงไม่ได้จริงๆ

🚩 การโบกแป้งหนาๆนั้นเป็นเพียงแค่การบัง K ของเม็ดสีผิวไม่ให้ออกฤทธิ์เดช และเพิ่ม R อันเนื่องมาจากพิกเมนต์สีขาว แต่ค่า S จากความยับของเซลล์ผิวยังคงออกหน้าออกตาอย่างเดิม แถมบางทียังเป็นการระบุตำแหน่งร่องลึกของผิวหนังให้ชัดเจนขึ้นไปอีก

🚩 การป้องกันที่ต้นเหตุที่ได้ผลในระยะยาว ก็ทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนตัวที่ทำร้ายผิวหนัง ดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่บังคับให้ร่างกายต้องขับน้ำออกด้วยการ pervaporation หรือลดความเข้มข้นของโซเดียมอันเนื่องมากจากเกลือและวัตถุปรุงรสทั้งหลาย

🚩 ส่วนการแก้ไขที่ปลายเหตุที่ได้ผลในระยะสั้น ก็ควรใช้ Primer ที่เป็น Silicone base โดยใช้เทคนิคเชิงแสงช่วยด้วยการเพิ่ม S ก่อนที่จะลงรองพื้น ดังที่แอดเคยเล่าในลิงก์นี้

https://web.facebook.com/textile.phys.and.chem/posts/1819848781386881

🚩 หรือในสมัยนี้ก็มีพวก Instantly Ageless ที่เคลมกันว่า ageless in a minute (ที่แปลตรงตัวว่า ผ่องใสได้ภายในนาทีเดียว) ด้วยเทคโนโลยีกาวที่เกาะผิวหนังด้วย acrylate adhesive ร่วมกับการพราง S ด้วย silicone film-formers นั่นเอง

#ฟิสิกส์เชิงแสงความหมองคล้ำของใบหน้า
#ความหมองคล้ำไม่ได้มาจากความมโน
#แต่รับรู้ได้จากแสงที่กระเจิงหนีไป
#หักโหมเราแต่เร้าสายตาคนรอบข้าง
#แสงสีเปลี่ยนผีให้เป็นคน
#แต่ทนอดนอนนั้นเปลี่ยนคนให้เป็นผี
#คนทักเพราะเป็นห่วง
#แต่บางทีก็เพราะความอยากมีส่วนร่วมติดตัวมาแต่กำเนิด 😂😂

#แหล่งข้อมูล
https://www.diva-portal.org/smash/get/diva2:814222/FULLTEXT01.pdf
https://vision.ist.i.kyoto-u.ac.jp/pubs/TIgarashi_CUTR05.pdf
https://content.sciendo.com/downloadpdf/journals/sjdv/2/4/article-p131.xml

ช่วงนี้พบกันแบบนี้ไปก่อนนะคะ 😊
01/06/2020

ช่วงนี้พบกันแบบนี้ไปก่อนนะคะ 😊

คลินิกจริงใจ เปิดทำการปกติ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน นี้ เป็นต้นไปค่ะ ^^ ตั้งแต่เวลา 12:00-20:00 น.
31/05/2020

คลินิกจริงใจ เปิดทำการปกติ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน นี้ เป็นต้นไปค่ะ ^^

ตั้งแต่เวลา 12:00-20:00 น.

This too shall pass 😉
21/03/2020

This too shall pass 😉

คนไข้จริงใจ ไปออนไลน์กันนะคะ จนกว่าจะเปิดคลินิกอีกครั้ง
21/03/2020

คนไข้จริงใจ ไปออนไลน์กันนะคะ จนกว่าจะเปิดคลินิกอีกครั้ง

วิชา การล้างหน้า 101การล้างหน้าที่ดีและถูกต้องไม่ใช่การล้างหน้าตามนางแบบโฆษณาหรือมีการล้างขึ้นล้างลง ตามแนวรูขุมขน แบบที...
02/12/2019

วิชา การล้างหน้า 101

การล้างหน้าที่ดีและถูกต้องไม่ใช่การล้างหน้าตามนางแบบโฆษณาหรือมีการล้างขึ้นล้างลง ตามแนวรูขุมขน แบบที่พูดๆ กัน นะฮะ

การล้างหน้าที่ดีจะทำให้สุขภาพผิวดูดีขึ้นในระยะยาวด้วยนะฮะ

1. ใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนนุ่มและไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง(gentle and non-abrasive cleanser) เสมอโดยเฉพาะหลักการสำคัญคือต้องไม่มีแอลกอฮอล์ผสม

2. ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น(ที่ไม่ร้อน5555) เสมอ หลักการก็คือเราไม่ควรจะรู้สึกร้อนมากไปกว่าผิวของหน้าเราเท่าไหร่เมื่อน้ำสัมผัสหน้าในครั้งแรก

3. ใช้'ปลายนิ้ว ' หรือ 'อุ้งนิ้ว' ในการฟอกคลีนเซอร์ไปทั่วๆ อย่างนุ่มนวลไม่ควรใช้วัสดุอย่างอื่นเช่นฟองน้ำหรืออะไรก็ตามเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้

4. พยายามยับยั้งความรู้สึก ที่อยากจะจะสครับหน้า หรือถูหน้าแรงแรงเพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ (รวมถึงการสครับหน้าทรีทเมนต์ในทุกกรณีเช่นกัน เพราะไม่มีการวิจัยใดๆที่เป็นทางการแพทย์จริงๆยืนยันว่ามีผลดีต่อผิว แต่กลับมีผลเสียตามมามากกว่า หากสครับแรง/ถี่เกินไป หรือสครับในคนผิวเซนซิทีฟ )

5. ล้างหน้าออกด้วยน้ำ อุณหภูมิเดียวกับตอนแรก และซับหน้าเบาๆด้วยผ้าขนหนูที่นุ่ม

6. ทาครีมชุ่มชื้น ภายใน 3 นาที (3 minutes- rule) เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการที่ผิวยังมีความชุ่มชื้นเหลืออยู่จากการล้างหน้า โดยทาครีมชุมชื่นอย่างเบาและนุ่มนวล ไม่ควรนวดครีมโดยใช้แรงกดไปทั่วๆหน้า เหมือนการนวดหน้าในสปา

(การนวดครีมบนผิวหน้ามีส่วนช่วยให้ครีมซึมลงได้เร็วขึ้นเล็กน้อยนิดหน่อย ก็จริง แต่หากทำนานๆครั้ง เช่น นวดในทรีทเมนต์ที่คลินิก หรือสปา ก็ไม่มีผลเสียอะไร แต่ถ้าทำทุกวัน เช้า ก่อนนอน ตอนทาชุ่มชื้น ผลเสียกับผิวหนังจะมีมากกว่าผลดีแน่นอน โดยเฉพาะในแง่ การระคายเคืองจากการสัมผัส (irritation) หรือ การทำให้ผิวมีแรงดึงยืด บ่อยและถี่ ซึ่งนำมาถึงการหย่อนตัว(laxity) ได้)

และระวังที่สุด ในผิวบริเวณที่บอบบาง เช่นบริเวณรอบดวงตา โดยเฉพาะในคนที่มีผิวแห้ง หรือคันง่าย

7. โดยปกติแล้ว ควรจะล้างหน้าวันละไม่เกินสองครั้งคือในตอนเช้าและตอนก่อนนอน ยกเว้น หากเหงื่อออกมาก หรืออากาศร้อนชื้น หรือในกรณีที่มีการใส่หมวก ที่มีส่วนสัมผัสผิวหน้า เช่น หมวกกันน้อค แล้วมีเหงื่อออก ควรจะล้างหน้าหลังจากถอดหรือไม่ได้ใส่แล้ว ทันที ที่ทำได้ เพื่อลดการระคายเคืองแก่ผิว

ลองดูตัวอย่างจากนายแบบของเราได้ในคลิปสั้นๆนี้นะครับ

Source : AAD

https://youtu.be/AeXsfB2ud-o

How you wash your face can make a difference in your appearance. Follow these tips from dermatologists to help you keep your face looking healthy. Learn more...

การทาน และฉีด Vitamin C  กับ ผิวหนัง  แบบจริงๆไม่ขายของ ^^ - ตามจริงแล้ว Vitamin C ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งอยู่ใน ผิวหนัง ท...
18/09/2019

การทาน และฉีด Vitamin C กับ ผิวหนัง แบบจริงๆไม่ขายของ ^^

- ตามจริงแล้ว Vitamin C ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งอยู่ใน ผิวหนัง ทั้งผิวชั้นหนังแท้และหนังกำพร้า อยู่แล้ว ดังนั้นเวลาโดน UV แสงแดด หรือ มลภาวะ เช่น ควันท่อไอเสีย ควันบุหรี่ ก็จะลดระดับ vitamin C ที่ผิวหนังกำพร้า ได้ เป็นสาเหตุว่าทำไมต้องระวัง ตามที่ได้ยินกันมาบ่อยๆ

- การทาน vitamin c วิตามินซีจะมาที่ผิวทางเส้นเลือด โดยมีตัวขนส่งมาเป็นโปรตีนขนส่งชนิดหนึ่ง การกิน Vitamin C สามารถเพิ่มระดับ Vitamin C ในผิวได้ จริงในการทดลอง แต่เมื่อระดับ Vitamin C ในเลือดมากขึ้นๆจนอิ่มตัวก็จะไม่ได้เข้าไปเพิ่มที่ชั้นผิวเพิ่มขึ้นอีกดังนั้นการทานวิตามินซีเยอะๆ มากเกิน ความจำเป็น ก็จะไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น

- ผลดีกับเรื่องผิวหนังจากการทานวิตามินซี สำหรับเรืองผิว ที่มีการวิจัยศึกษาทางการแพทย์ชัดเจน จริงๆ ในปัจจุบัน มีเรื่องเดียว ก็คือ การช่วยปกป้องผิวจาก UV ได้ โดยเฉพาะเมื่อร่วมกับการทากันแดดที่ได้ประสิทธิภาพ และถ้าทานคู่ควบไปกับ Vitamin E ด้วยก็จะช่วยเสริมกันได้ดีขึ้น
- เรื่อง ริ้วรอย และผิวแก่ตามวัย-- จริงๆแล้วถ้าดูจากการศึกษาในหลอดทดลอง โดยเอาเซลที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิว (fibroblast) มาทดลอง ก็ได้ผลแง่ดีตรงที่ วิตามินซี จะช่วยเพิ่มการแบ่งตัวของเซลให้มากขึ้น และช่วยซ่อมแซม dna ของเซลไฟโบรบลาสท์ แต่ในการทดลองในวานวิจัยในมนุษย์จริงๆยังมีงานวิจัยที่ยืนยันผลในแง่นี้ของวิตามินซี ค่อนข้างน้อยมาก บางงานวิจัยก็มีข้อโต้แย้งในรายละเอียดวิธีการวัดผลว่าเหมาะสมและอ้างอิงได้จริงๆหรือไม่ สรุปคือ ในแง่นี้ ยังต้องติดตามกันระยะยาวต่อไป และในขณะนี้ ยังคงพูดไม่ได้ว่า การกินวิตามินซี จะช่วยลดหรือชะลอการเหี้ยวย่นและริ้วรอยของผิวหนังตามวัยได้ครับ

- เรื่อง กิน Vitamin C แล้วผิวจะขาวขึ้นไหม ตรงนี้ยืนยันได้ทันที ว่า ‘ไม่ขาว ‘ ครับ ถึงมีงานวิจัยแต่เป็นงานวิจัยในหลอดทดลอง ในแง่การที่เป็น chelator เท่านั้น แต่อย่าลืมว่า การ ทานวิตามิน จะต้องผ่านกระบวนการย่อยและการดูดซึมรวมถึงการลำเลียงขนส่งไปยังเป้าหมายในที่นี้คือผิวหนังซึ่งมีปัจจัยอีกมากมายหลายประการ

ส่วนการฉีดวิตามินซีเข้าเส้นเลือด (ในที่นี้หมายถึงว่าเป็นวิตามินซีจริงๆไม่ได้มีอย่างอื่นเจือปนที่อันตรายเช่นกลูตาไทโอนที่มักจะแอบอ้างฉีดกันแล้วอ้างว่าเป็นวิตามินซี) จากการสืบค้นงานวิจัยย้อนหลังพบเจอว่ามีรายงานที่พบโดยบังเอิญของคนไข้ที่มีการฟอกไต แล้วฉีดวิตามินซีแต่ทำให้ผิวขาวขึ้น และมีรายงานจำนวนน้อยมากเพียงเคสหรือสองเคสทั่วโลก ที่ฉีดวิตามินซีความเข้มข้นสูงมากๆแล้วทำให้รอยดำที่เกิดหลังการยิงเลเซอร์ลดลงได้ ซึ่งในทางการแพทย์แล้วปริมาณที่น้อยมากๆในลักษณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าได้ผลการรักษาจริงๆและจากประสบการณ์ส่วนตัวมีคนไข้หลายรายที่ไปหลงเชื่อฉีดวิตามินซีจากคลินิกต่างๆเสียค่าใช้จ่ายไปมากมายก็ไม่ได้พบว่าผิวขาวขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเลย

ก็ถือว่าเป็นข้อมูลข้อมูลหนึ่งให้พิจารณากันนะครับทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนตัวของแต่ละคนนะครับ

^^
————————————————-
Juliet M. Pullar, Anitra C. Carr, and Margreet C. M. Vissers
The Roles of Vitamin C in Skin Health Nutrients. 2017 Aug; 9

Ascorbic acid enhances the expression of type 1 and type 4 collagen and SVCT2 in cultured human skin fibroblasts. Yuki kishimoto ,norikatsu saito ,katsumi kurita .Biochemical and Biophysical Research Communications
Volume 430, Issue 2, 11 January 2013, Pages 579-584

Lauer A.-C.a · Groth N.b · Haag S.F.a · Darvi
Vitamin C Uptake and Radical Scavenging Activity in Human Skin Measured with in vivo Electron Paramagnetic Resonance Spectroscopy. Skin Pharmacol Physiol 2013

Cosgrove MC, Franco OH, Granger SP, Murray PG, Mayes AE. Dietary nutrient intakes and skin-aging appearance among middle-aged American women. Am J Clin Nutr 2007;86:1225-1231.

Purba MB, Kouris-Blazos A, Wattanapenpaiboon N, et al. Skin wrinkling: can food make a difference? J Am

Sidharth Sonthalia, Abhijeet K. Jha, and Deepak Jakhar. Glutathione for skin lightening: a regnant myth or evidence-based verity? Dermatol Pract Concept. 2018 Jan; 8(1): 15–21.

Lazo SH. Safety on the off-label use of glutathione solution for injection (IV) Food and Drug Administration, Department of Health; Republic of the Philippines: 2011

Arjinpathana N, Asawanonda P. Glutathione as an oral whitening agent: a randomized, double-blind, placebo-controlled study. J Dermatolog Treat. 2012;23:97–102

13/09/2019
===  PM2.5…. กับผิวหนัง ===Topic ยอดฮิต ของคน กทม และปริมณฑลช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ มลพิษ อนุภาคขนาดเล็ก บางช่วงที่...
25/01/2019

=== PM2.5…. กับผิวหนัง ===

Topic ยอดฮิต ของคน กทม และปริมณฑลช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ มลพิษ อนุภาคขนาดเล็ก บางช่วงที่ปัญหานี้เป็นหนักๆ หลายคนมีอาการเคืองตา ไอเรื้อรัง คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ อาการกำเริบหนักขึ้น หรือคนที่อาการหายไปนาน ก็กลับมาเป็นใหม่ คนที่เป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังอยูก่อนบางคนต้องนอนโรงพยาบาลเลยทีเดียว PM2.5 หมายถึงอนุภาค (particulate matter) ที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เล็กมากๆจริงๆ ครับ อนุภาคที่ล่องลอยในอากาศนี้มาได้จากหลายส่วน ทั้งจากฝุ่นที่ฟุ้งจากผืนดิน โดยเฉพาะผืนดินที่ไม่มีต้นไม่ปกคลุมผิวดิน จากสิ่งปลูกสร้าง การก่อสร้าง แต่ที่ร้ายที่สุด คืออนุภาคหรือเขม่า ที่เกิดจากการเผาไหม้ ที่ไม่สมบูรณ์ จากเชื้อเพลิงเหลว น้ำมัน ทั้งดีเซลและเบนซิน เชื้อเพลิงแข็ง เช่น ถ่านหินที่ส่วนมากใช้ในโรงงานผลิตไฟฟ้าหรืออุตสาหกรรม ถ่านไม้ ที่ใช้ในการประกอบอาหารและอื่นๆ ฯลฯ ..... อนุภาคหรือเขม่าเหล่านี้ไม่ว่าจะ PM2.5 PM10 หรือสารอื่นๆที่ออกมาพร้อมกับการเกิดอนุภาคเหล่านี้ สามารถทำอันตรายกับร่างกายเราได้ในรูปแบบต่างๆกันไป ทั้งกับบรรดาเยื่อบุต่างๆเช่น ตา ทางเดินหายใจ สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้ผ่านปอด หรือ แม้กระทั่งกับโรคหัวใจ หรือ โรคทางสมอง ก็ยังมีผล ซึ่งสำหรับคนทั่วไปที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง อาจจะไม่เห็นความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นมากกับร่างกาย ณ ตอนนี้ นอกจาก อาการเล็กๆน้อยๆ เช่น คัดจมูก แสบจมูก แสบคอ เคืองตา แต่จริงๆแล้ว อนุภาคขนาดจิ๋วเหล่านี้ ล้สนก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายในรูปแบบ ระยะยาว ทั้งสิ้น

สำหรับในแง่กับ ผิวหนัง ตามหัวข้อ นอกจากการระคายเคืองผิวหนังโดยตรง อันจะทำให้คนที่มีปัญหา ผื่นแพ้หรือมีโรคผิวหนังบางชนิดอยู่ก่อน แต่เดิม มีอาการกำเริบมากขึ้น หรือหากมีปัญหาสิว อาจจะทำให้สิว เห่อเป็นมากขึ้นได้ นอกจากนี้ มีหลายงานวิจัยที่พบว่า PM2.5 มีผลต่อ #ความแก่ เสื่อมสภาพ ของผิวหนังด้วย โดยผ่านการกระตุ้น ขบวนการ ทำลายเซลผิว (apoptosis ) ซึ่งเป็นผลมาจาก ภาวะ oxidative stress อันจะตามมาด้วยการสูญเสีย เซลที่เป็นส่วนประกอบของผิวหนัง จะเห็นได้จาก การที่มี #รอยเหี่ยวย่นบริเวณต่างๆ เช่น หน้าผาก หรือรอบดวงตา มากขึ้น ไวขึ้น กว่าที่ควรจะเป็น นอกจากนั้น ยังพบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดกระ แบบชนิดที่พบในผู้สูงอายุ และความผิดปกติของเม็ดสีบริเวณใบหน้า จุดด่างดำต่างๆ อื่นๆ การศึกษาหลายชิ้น ทั้งที่ทำในเอเชีย และ ยุโรป (งานวิจัยในเอเชียจะมีเยอะกว่าหน่อย เพราะ ปัญหา PM นี้ มักจะเจอในประเทศที่กำลังพัฒนามากกว่า) ที่เปรียบเทียบประชากรในเมือง กับประชากรในชนบท ซึ่งมีระดับมลพิษต่างๆกันพบว่าคนในเมืองมีกระ เกิดได้มากกว่า .... แต่ไม่ใช่แค่การระมัดระวังเรื่องฝุ่น ภายนอกสถานที่แต่เพียงอย่างเดียวนะครับ การประกอบอาหารที่ใช้เชื้อเพลิงแข็ง เช่น ถ่าน ย่าง ปิ้ง ถ้าทำในบ้านหรือพื้นที่ปิดที่การระบายเขม่าหรือฝุ่นไม่ดี ก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดกระ มากกว่าเมื่อปรุงอาหารในที่โล่งหรือมีการระบายอากาศที่ดีได้ด้วยครับ

วิธีการป้องกันและดูแลตัวเอง นอกจากการติดตามข่าวสาร ถึง ระดับความรุนแรงของปัญหา ในแต่ละพื้นที่ ที่เราจะต้อง เข้าไป หรือ เกี่ยวข้องด้วย รวมถึง การสวมหน้ากากอนามัย N95 แล้ว ก็ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางออกไปข้างนอกอาคารโดยไม่จำเป็น งดออกกำลังกายกลางแจ้ง และ ควรสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว หรือแต่งกายให้ปกปิดมิดชิด ตามสมควร และ ล้างมือ ล้างหน้า ชำระล้างร่างกาย ด้วยคลีนเซอร์อ่อนๆ ตามความเหมาะสม ครับ

สำหรับ คนที่ได้รับการรักษาด้วย เลเซอร์ หรือ โบทูลินุมท็อกซิน หรือ แม้กระทั่ง ฉีดสารเติมเต็ม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ของแพทย์เป็นพิเศษ เป็นกรณีๆ ไป แล้วแต่บุคคลครับ
____________________________________

Particulate matter 2.5 damages skin cells by inducing oxidative stress, subcellular organelle dysfunction, and apoptosis.
Piao MJ, Ahn MJ, Kang KA, Ryu YS, Hyun YJ, Shilnikova K
Arch Toxicol. 2018 Jun;92(6):2077-2091.

Autophagy in exposure to environmental chemicals.
Pesonen M, Vähäkangas K
Toxicol Lett. 2019 Jan 18. pii: S0378-4274(19)30009-8.

PM2.5 Exposure Elicits Oxidative Stress Responses and Mitochondrial Apoptosis Pathway Activation in HaCaT Keratinocytes.
Hu R, Xie XY, Xu SK, Wang YN, Jiang M, Wen LR, Lai W, Guan L.
Chin Med J (Engl). 2017 Sep 20;130(18):2205-2214.

Effects of Ambient Fine Particles PM2.5 on Human HaCaT Cells
Qiao Li,, Zhihua Kang,, Shuo Jiang,, Jinzhuo Zhao, Shuxian Yan, Feng Xu,,* and Jinhua Xu,*
Int J Environ Res Public Health. 2017 Jan; 14(1): 72.

Cytotoxicity and genotoxicity of copper oxide nanoparticles in human skin keratinocytes cells.
Alarifi S, Ali D, Verma A, Alakhtani S, Ali BA.
Int J Toxicol. 2013 Jul;32(4):296-307

 #ไมเซลลาวอเตอร์ คืออะไร ? - คงจะได้ยินกันมานานพอสมควร ในการโฆษณาผ่านช่องทางต่างๆ เกี่ยวกับตัว ผลิตภัณฑ์  คลีนซิงตัวนึง ...
25/08/2018

#ไมเซลลาวอเตอร์ คืออะไร ?

- คงจะได้ยินกันมานานพอสมควร ในการโฆษณาผ่านช่องทางต่างๆ เกี่ยวกับตัว ผลิตภัณฑ์ คลีนซิงตัวนึง ที่เรียกกันว่า ไมเซลลา วอเตอร์ ลองมาดูกันนะครับ ว่า จริงๆ แล้ว มันคืออะไร แล้วมันดีอย่างไร หรือไม่ดีอย่างไร
ไมเซลล่า วอเตอร์ มีส่วนประกอบหลัก (ก็ตามชื่อของมันเลย) คือ “น้ำ” ซึ่ง ทำให้ต้นทุนในการผลิต ของ ผู้ผลิตเครื่องสำอางค์มีน้อย และได้กำไรค่อนข้างมาก เพราะ ในการผลิตตัวไมเซลล่าวอเตอร์ ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้อง ใส่สารชะล้าง(surfactant) มากนัก เพียงแค่เลือกใช้ สารชะล้างประเภทอ่อนโยน และใส่ในปริมาณที่ เจือจางก็เพียงพอแล้ว (แต่ทำไมขายกันแพงจัง ^^)

- การใช้คุณสมบัติ ของ โครงสร้างโมเลกุล ที่เรียกว่า ไมเซล (micelle) ที่จริงๆแล้วมีการคิดค้นกันมานานมากพอสมควรอาจจะสืบย้อนได้เป็นเกือบร้อยปีแล้ว ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่อะไรนัก ไมเซล ประกอบด้วย โมเลกุลที่ประกอบด้วยสองส่วนคือ ส่วนหัวกับส่วนหาง ส่วนหัวจะมีลักษณะ ชอบน้ำ แต่ไม่ชอบน้ำมัน (hydrophilic) ส่วนหางจะมีลักษณะเป็นเส้นยาวๆ ความชอบจะตรงข้ามกับส่วนหัวคือ จะชอบน้ำมัน แต่ไม่ชอบน้ำ (hydrophobic) โดยส่วนหางจะมารวมตัวกันตรงกลาง และหันหัวที่ชอบน้ำออกด้านนอก เป็นกลุ่มก้อน และ เจ้าก้อนๆ เหล่านี้ ก็ละลายอยู่ในน้ำที่เราเห็นในขวดอีกทีนึง ด้วยโครงสร้างแบบนี้ ทำให้ด้านที่ชอบน้ำมัน สามารถ ชะล้าง ดึงดูด สิ่งที่ต้องการเช่น น้ำมันส่วนเกิน บนผิว สิ่งสกปรก ต่างๆ ออกมา และถูกล้างออกไปด้วยน้ำ ในที่สุด

- ซึ่งจากการใช้ประโยชน์ในแง่โครงสร้างโมเลกุล ไมเซล นี้ จะทำให้สามารถ ลดการผสมหรือลดการใช้ สารชะล้างที่มีฤทธ์รุนแรงลงได้ นั่นเอง แต่ในกรณีที่มีการแต่งหน้ามาก หรือใช้เครื่องสำอางค์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันมาก เช่น รองพื้น หรือเครื่องสำอางค์ตระกูล foundation อื่นๆ ตัวไมเซลลาวอเตอร์อาจจะไม่สามารถใช้เช็ดทำความสะอาดได้หมด อาจจะจำเป้นต้องใช้ makeup remover เสริมในบางจุดอีกครั้ง เช่น บริเวณรอบดวงตา ฯลฯ

- ตัวสารละล้าง (surfactants) ที่นิยมใช้กันบ่อยที่สุดใน ไมเซลลาวอเตอร์ คือกลุ่ม cation quaternary ammonium compounds เช่น พวก cerimonium bromide พวกสารชะล้างแบบอ่อนโยนกลุ่ม quaternary surfactants หรือเรียกกันสั้นๆว่า quats นี้ ก็ไม่ได้มาจากไหนไกลเลย เป็นการ ดัดแปลงเอามาใช้จาก เครื่องสำอางค์ พวก ครีมนวดผม ที่ใช้สารชะล้างตัวนี้ในการช่วยล้าง conditioner ส่วนเกิน เพื่อไม่ให้ผู้ใช้รู้สึกว่า ผมมีความมันมากเกินไปหลังจากล้างครีมนวดผมออกแล้วนั่นเอง นอกจากนั้น สารชะล้างในไมเซลลาวอเตอร์ที่นิยมนำมาใช้กัน ก็เช่นพวก polysorbate20 และ disodium cocoamphodiacetate (ชื่ออ่านยากหน่อยนะครับ) แต่เอาเป็นว่า ส่วนมากก็เจอสารชะล้างอ่อนๆเหล่านี้ พวกนี้อยู่ใน แชมพูเด็ก นั่นเองครับ

- ส่วนการใช้ไมเซลลาวอเตอร์ทำความสะอาด ก็อย่างที่ทราบกันโดยทั่วไปจากผู้ผลิต ก็คือ บีบใส่สำลีนุ่มๆ แล้วเช็ดทำความสะอาดทั่วหน้า แต่จะต้องล้างหน้าตามดอีกครั้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า ในวันนั้นๆ ผิวของเรามีความมันหรือ สิ่งสกปรก หรือ เครื่องสำอางค์ สะสมอยู่มากแค่ไหน ครับ ไม่จำเป็นต้องไปตามคำโฆษณาหรือเอาง่ายจนเกินไป ที่ว่าใช้แล้วไม่ต้องล้างหน้า เช็ดอย่างเดียว เสมอไปนะครับ ดูเป็นกรณีๆไปครับ
เนื่องจาก ไมเซลลาวอเตอร์ มีส่วนผสมของสาระล้างที่ค่อนข้างเจือจาง ก็เลยจัดว่าอาจจะเหมาะ กับผู้ใหญ่ ที่มีผิว sensitive ได้ในระดับพอสมควร แต่ ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนการเลือกใช้ ในกรณีที่ เป็น ผิว มีการอักเสบ เกิดผื่นง่าย หรือ มีผิวที่มันมาก มีสิว เรื้อรัง เพราะในบางกรณี อาจจะไม่เหมาะสมเสมอไปนะครับ

 #ไม่มีวิธีดูแลผิวพรรณอะไรที่เป็นสูตรตายตัว@ ไม่มีเทคโนโลยี , เครื่องเลเซอร์,ทรีทเมนต์หรือคอร์สอะไร ที่จะดีหรือมีประสิทธ...
24/07/2018

#ไม่มีวิธีดูแลผิวพรรณอะไรที่เป็นสูตรตายตัว

@ ไม่มีเทคโนโลยี , เครื่องเลเซอร์,ทรีทเมนต์หรือคอร์สอะไร ที่จะดีหรือมีประสิทธิภาพในการดูแลผิวได้ดีเท่ากับ การเข้าใจปัญหา เข้าใจสภาพผิว และ เข้าใจแนวทางการดูแลผิวซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละคน

@ เครื่องมือ หรือเทคโนโลยี ต่างๆ ถูกคิดค้นขึ้นมา เพื่อเป็นตัว ‘ช่วย’ แก้ปัญหา ปัญหาใด ปัญหาหนึ่ง หรือกลุ่มของปัญหาใดๆ แต่ไม่ใช่แนวทางหรือวิธีที่ใช้แล้วได้ทำแล้ว จะช่วยยืนยันว่าผิวจะมีสุขภาพดี หรือสวยงาม ได้ตลอดไป โดยปราศจากการดูแล ด้วยตัวเองครับ

#วิธีการดูแลผิวพรรณขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรมของแต่ละคน ฮอร์โมน พฤติกรรมการดำเนินชีวิต การเดินทาง สภาพอากาศแสงแดด อุณหภูมิและความชื้นของถิ่นที่อยู่ ทั้งประจำและไม่ประจำ การรับประทานอาหาร ฯลฯ รวมถึงภาวะโรคประจำตัวของแต่ละคน

- จะเห็นได้ว่ารายละเอียดมีมากมายและไม่มีอะไรที่เป็นสูตรตายตัว

- การบำรุงผิวพรรณตั้งแต่ยังไม่เกิดปัญหา เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ แต่ถ้าจัดหมวดหมู่คร่าวๆตามวัยของแต่ละคน อาจจะทำให้ง่ายมากขึ้นในการที่จะปฏิบัติตาม

- แนวทางการดูแลผิวพรรณให้สดใสสมตามวัยต่างๆ คร่าวๆ มีดังนี้

#ผิววัยทารก (0-2 ปี)
ต้องระวังเรื่องการโดนแสงแดดจัด สำหรับเด็กทารกในช่วงอายุ 6 เดือนแรก ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด แต่สำหรับทารก 6 เดือนขึ้นไปหากต้องการสัมผัสกับแดด เช่นพ่อแม่พาไปว่ายน้ำ หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งในที่แดดแรง ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด ผู้ปกครองหลายท่านคิดว่าผลิตภัณฑ์กันแดดไม่เหมาะสมสำหรับผิวทารกและเด็ก ซึ่งเป็น #ความเชื่อที่ผิด เพราะปริมาณของแสงแดดที่สะสมตลอดชีวิต ร้อยละ 80 จะได้รับมาในช่วงตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 20 ปี ดังนั้นหากเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดในวัยผู้ใหญ่ก็จะสายไป เพราะช่วยกันผลเสียของแสงแดดได้แค่ร้อยละ 20 เท่านั้น

อีกเรื่องที่มักจะเจอตามคำบอกเล่าของคนไข้ พ่อแม่มักกลัวว่าลูกจะไม่สะอาดพอ การอาบน้ำบ่อยครั้ง หรือฟอกสบู่มากเกินไป ทำให้ผิวทารกแห้ง และระคายเคืองได้

#ผิววัยเด็ก (2-12 ปี)
เด็กเริ่มวิ่งซน หกล้มมีบาดแผล ถูกยุงกัด มดกัด พอเกาก็เป็นแผล มือไม่สะอาดก็จะเกิดการติดเชื้อ ควรรักษาความสะอาดด้วยการล้างมือ ล้างเท้า เมื่อกลับจากโรงเรียน ตัดเล็บให้สั้น โดยถือปฏิบัติหลักสุขอนามัยที่สอนในโรงเรียน ถ้าเด็กต้องมีกิจกรรมที่โดนแดดจัด ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด

#ผิววัยรุ่น (13-19 ปี)
สิวเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยรุ่น แต่วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสิว คือส่วนใหญ่เชื่อว่าสิวเกิดจากความสกปรก เมื่อเป็นสิวจึงล้างหน้าวันละหลายครั้ง ที่จริงแล้วการทำความสะอาดผิวมากเกินไปกลับทำให้สิวและสภาพผิวแย่ลง เพราะจะทำให้ขบวนการสร้างเคอราตินของเซลล์ผิวหนังไม่เป็นไปตามปกติ การทำความสะอาดผิวหน้าจึงควรทำเฉพาะในเวลาเช้า -โดยเฉพาะในคนที่ทายารักษาสิวเพื่อล้างเศษยาที่หลงเหลืออยู่ออก เพราะยาทารักษาสิวที่ทาก่อนนอน เช่น กรดวิตามินเอ ทำให้ผิว
ไวต่อแสง การล้างหน้าเวลาเย็น เพื่อล้างครีมกันแดด และเมคอัพ

แต่อาจจะล้างหน้าหลังทำกิจกรรมที่ร้อน มีเหงื่อออกมาก ระหว่างวันด้วยได้บ้าง เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว แต่ล้างเท่าที่จำเป็นเป็นครั้งคราวไปเท่านั้นไม่ควรทำเป็นกิจวัตรประจำ

เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่รักษาสิวหรือยาบางตัว ทำให้ผิวหนังได้รับผลเสียจากแสงแดดได้ง่ายขึ้น คือทำให้เกิดผิวไหม้แดด เกิดรอยด่างดำ และผิวเหี่ยวแก่จากแสงแดด ผู้ที่รักษาสิวอยู่จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดร่วมด้วย หากไม่มีข้อจำกัด

ความเข้าใจผิดอีกอันนึงที่มีมากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน จากอิทธิพลของ การโฆษณา +การตลาด คือ มีการโหมโฆษณาครีมกันแดดโดยเน้นที่ตัวเลขค่า SPF และ PA มากเกินไปแต่เพียงในแง่เดียว ซึ่งเป็นที่ทราบกันมานานแล้วแต่ไม่แพร่หลาย ว่าผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF สูงมากเกินไป มักก่อให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวได้ง่ายขึ้น และยังมีราคาแพงโดยไม่จำเป็น จึงควรเลือกค่า SPF ให้เหมาะสม เช่น การโดนแสงแดดตามกิจวัตรประจำวัน วำหรับคนที่ไม่ได้มีอาชีพที่ต้องอยู่กลางแจ้งประจำ เช่นนักกีฬา ฯลฯ หรือคนที่มีปัญหาโรคผิวหนังหรือภาวะบางอย่าง ให้ใช้ SPF 10 หรือ 15 ถ้าต้องออกโดนแดดนานกว่าปกติ อาจใช้ SPF 25- 30 และ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่ไม่ทำให้สิวเห่อ และทาแล้วไม่ระคายเคือง

#ผิววัยผู้ใหญ่ตอนต้น (20-29 ปี)
วัยนี้อาจมีปัญหาผิวหน้ามันหรือสิว ซึ่งมาจากฮอร์โมนเพศเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ หรือตามการมีภาวะตกไข่ โดยเฉพาะผู้หญิง
ช่วงก่อนหรือหลังการมีประจำเดือนที่ผิวหน้าจะมัน เป็นสิวและเห็นรอยแดงชัดเจนขึ้น ไม่ควรแกะ แคะหรือบีบสิวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอาจเกิดการอักเสบ ติดเชื้อและเกิดแผลเป็นซึ่งแก้ไขได้ยาก

การดูแลผิวพรรณช่วงวัยนี้ต้องให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวให้หมดจด โดยเฉพาะคนที่แต่งหน้า ควรใช้สำลีชุบด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเช็ดเครื่องสำอางและล้างหน้าให้สะอาดอย่างแผ่วเบา พร้อมทาครีมบำรุงตาม

สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามันรูขุมขนใหญ่ หรือมีปัญหาสิว แนะนำให้ทาครีมที่ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือน้ำหอม

และเมื่อต้องสัมผัสแสงแดด ระหว่าง
8 โมงเช้า - 5 โมงเย็น อย่าลืมทาครีมกันแดด สวมแว่นกันแดด ใส่หมวก หรือกางร่ม เพราะแสงแดดช่วงเวลาดังกล่าวเป็นศัตรูตัวร้ายที่ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยเหี่ยวแก่ที่จะมาเยือนก่อนวัยอันควร และถ้าเป็นไปได้ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชม. เพื่อคงประสิทธิภาพการกันแดดเอาไว้

#ผิววัยผู้ใหญ่ (30-39 ปี)
ผิวพรรณของสาววัยนี้เริ่มขาดความชุ่มชื้นและไม่เปล่งปลั่งสดใสเหมือนเดิม ส่วนใหญ่พบว่าผิวเริ่มแห้ง
มีริ้วรอยปรากฏบริเวณหางตา มีปัญหาจุดด่างดำจากกระหรือฝ้าเพิ่มมากขึ้น วิธีถนอมผิวช่วงวัยนี้คือ การใช้ครีมบำรุงผิวที่มีเนื้อครีมเข้มข้นขึ้น หรือมีน้ำมันเป็นส่วนผสมเพิ่มขึ้น (หากไม่มีข้อจำกัดอื่นๆเช่น ยังคงมีปัญหาสิวหรือหน้ามัน) และทาครีมบำรุงผิวเฉพาะส่วนมากขึ้น เช่น ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา

แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮออล์และสูบบุหรี่ที่จะทำร้ายผิวให้ดูแก่ก่อนวัย รวมถึงการทำใจไม่ให้เครียดหรือหน้านิ่วคิ้วขมวด ที่จะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย ในวัยนี้ผิวจะเริ่มเหี่ยวย่น มีฝ้า มีกระ หลายคนจึงหันมาใช้เครื่องสำอาง หากไม่ศึกษาวิธีใช้ให้ดีพอ หรือใช้เครื่องสำอางมากเกินไปเกินความจำเป็น หรือตามกระแส โดยไม่คำนึงถึงสภาพหรือข้อจำกัดของผิวตนเอง อาจเกิดผื่นแพ้เครื่องสำอาง หรือเกิดสิวจากเครื่องสำอางได้

#ผิววัยกลางคน (40-49 ปี)
เป็นช่วงวัยที่ผู้หญิงสูญเสียความมั่นใจและกังวลเกี่ยวกับปัญหาผิวพรรณมากที่สุด เนื่องจากไขมันหล่อเลี้ยง
ใต้ชั้นผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นลง ทำให้ผิวไม่อิ่มเอิบ ทำให้เห็นริ้วรอยหรือจุดบกพร่องชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้หญิงช่วงอายุนี้เริ่มเข้าสู่วัยทอง ทำให้ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลทำให้ผิวแห้ง และแพ้ง่ายมากยิ่งขึ้น จึงแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อเข้มข้นทาตอนเช้าและก่อนนอน เป็นประจำทุกวัน คุณสมบัติของครีมเข้มข้นเหล่านี้ไม่สามารถทำให้ลดเลือนริ้วรอยได้ 100% เหมือนตามภาพยนตร์โฆษณาหรือคำอ้าง แต่สารที่ให้ความชุ่มชื้นจะช่วยทำให้ผิวอุ้มน้ำได้มาก ทำให้ผิวดูเต่งตึง ริ้วรอยตื้นขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ (ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นถาวรกับผิว แต่ ช่วยให้ ดู ดีขึ้น และมีความชุ่มชื้นมากขึ้นเท่านั้น)
ถ้าไม่ทาบำรุงเป็นประจำริ้วรอยก็จะปรากฏขึ้นมาใหม่

#ผิวผู้สูงวัย (50 ปีเป็นต้นไป)
ในวัยนี้ต่อมไขมันเริ่มทำงานน้อยลง จึงเกิดผิวแห้งได้ ผู้สูงวัยหลายท่านชอบอาบน้ำร้อน อบซาวน่า นอนแช่ในอ่างอาบน้ำ ใช้สบู่ที่แรงฟอกตัวมากเกินไป เหล่านี้ล้วนทำให้ผิวแห้งมากขึ้น จึงควรเลี่ยงการกระทำดังกล่าว และอาจใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นทาได้เวลาผิวแห้ง หากคุณเป็นคนไม่ใส่ในการบำรุงและดูแลสุขภาพผิวพรรณมาก่อน สภาพผิวหน้าหย่อนคล้อยและริ้วรอยร่องลึกก็จะแสดงปรากฏบนใบหน้าอย่างชัดเจน อาจใช้เครื่องสำอางในการปกปิดจุดบกพร่อง เพื่อชะลอความแก่ยังมีการดูแลจำเพาะ ได้แก่ การป้องกันผิวหนังไม่ให้ถูกทำลายจากแสงแดด โดยใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีประสิทธิภาพดี ใช้เสื้อผ้าปกปิดผิวหนัง หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแดดจัด การทาครีมกลุ่มกรดวิตามินเอ ครีมตัวนี้จัดเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยทำให้ผิวหนังที่ถูกทำลายจากแสงแดดง่ายขึ้นทั้งในแง่ความหยาบ รอยย่น และผิวกระดำกระด่าง แต่ต้องเป็นการใช้ระยะเวลานานต่อเนื่อง 10-12 เดือนขึ้นไป ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์และคิดตามการรักษาต่อเนื่องเสมอ

สารต้านอนุมูลอิสระ ที่รู้จักกันแพร่หลายได้แก่ วิตามินเอ ซี อี เบต้าคาโรทีน โคเอนไซม์คิว 10 และอื่นๆอีกมากมาย เหล่านี้ เป็นต้น ใช้ทาผิวหนังหรือกินเพื่อหวังป้องกันและรักษาผิวเหี่ยวแก่ แต่ผลยังไม่แน่นอนนัก ตามข้อมูลการวิจัยที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์จริงๆ

ที่สำคัญที่สุดนั้น การดูแลผิวในทุกวัยที่ดีที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ผิวมีสุขภาพดีจากภายในเริ่มจากการกินอาหารที่ให้วิตามิน เกลือแร่และกากใยมาก การดื่มน้ำเปล่า การออกกำลังกายและการพักผ่อนให้เพียงพอ

และสำคัญที่สุดของที่สุด(พี่แจ้ 😆) คือ ภาวะจิตใจที่ดี ที่จะสะท้อนออกมาทางผิวพรรณที่เปล่งปลั่งได้นั่นเองในท้ายที่สุดครับ

😌

ที่อยู่

คลองหลวง

เวลาทำการ

จันทร์ 12:00 - 18:00
อังคาร 12:00 - 18:00
พฤหัสบดี 12:00 - 18:00
ศุกร์ 12:00 - 18:00
เสาร์ 12:00 - 18:00
อาทิตย์ 12:00 - 18:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Sincere Medic Clinicผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Sincere Medic Clinic:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram