Cururiki คูรูริกิ : ฟื้นฟูร่างกาย ตับอักเสบ ไขมันพอกตับ

Cururiki คูรูริกิ : ฟื้นฟูร่างกาย ตับอักเสบ ไขมันพอกตับ นวัตกรรมสมุนไพรคูรูริกิ แก้ปัญหาตับอักเสบ ไขมันพอกตับ ฟื้นฟูตับ ลดแฮงค์ ฟื้นฟูร่างกายจากการทำงานหนัก

จำหน่ายและให้คำแนะนำ ในการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพรสกัด(งานวิจัย) เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพตับ

🔰 สายหวานอันตราย ตัวร้ายทำลายตับ  🔰รู้หรือไม่ว่า การกินน้ำตาลที่มากเกินไป นอกจากจะทำให้ตับและตับอ่อนทำงานหนักแล้ว น้ำตาล...
06/09/2023

🔰 สายหวานอันตราย ตัวร้ายทำลายตับ 🔰

รู้หรือไม่ว่า การกินน้ำตาลที่มากเกินไป นอกจากจะทำให้ตับและตับอ่อนทำงานหนักแล้ว น้ำตาลส่วนเกินยังสามารถเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายไปพอกตามส่วนต่างๆ รบกวนการทำงานของอวัยวะที่ไขมันไปเกาะแล้วยังทำให้เป็นโรคไขมันพอกตับได้นะ

เพราะน้ำตาล คือ ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมามากมาย เช่น ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน หลอดเลือดแดงแข็ง ตับอักเสบ และยังทำให้เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ดังนี้

#น้ำตาลคืออาหารทำลายตับ

โดยปกติร่างกายของเราจะใช้น้ำตาลกลูโคสเป็นพลังงานสำหรับการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเรา แต่ต้องการในปริมาณที่เหมาะสมและต่อเนื่องตลอดทัั้งวัน เพราะหากร่างกายเราขาดน้ำตาล จะเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจจะทำให้มีอาการต่างๆ ตามมา เช่น หน้ามืด เวียนหัวและรู้สึกอ่อนเพลีย ฯลฯ ก็เป็นได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน แม้ว่าไม่ควรกินน้ำตาลมากเพื่อควบคุมไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง อย่างไรก็ดี ควรจะต้องกินน้ำตาลบ้าง ในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้ต่ำลง

แต่ถ้าเรากินอาหารที่มีสัดส่วนพอดี ระดับน้ำตาลในเลือด ก็จะอยู่ระหว่าง 70-100 ถือว่าอยู่ในภาวะปกติ และเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดเท่ากับ 100 – 125 เราจะเริ่มมีภาวะความเสี่ยง หรือเรียกว่า เบาหวานแฝง จนกระทั่งระดับน้ำตาลในเลือด มากกว่า 126 ขึ้นไปก็จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อไป

ส่วนผลกระทบต่อโรคตับนั้น จากการกินอาหารที่ทำให้มีระดับน้ำตาลที่สูงมากเกินไป ขะทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับจนกลายเป็นโรคไขมันพอกตับได้ แม้ในผู้ที่ไม่อ้วนก็ตาม อันตรายจากการกินน้ำตาลมากเกินไปจะทำให้ระบบความสมดุลของแร่ธาตุในร่างกายเสียไป ส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันโรคในร่างกายต่ำลง ติดเชื้อง่ายขึ้น

นอกจากนี้การเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายบ่อย ๆ ยังเป็นตัวเร่งให้เกิดอนุมูลอิสระ เมื่อบริโภคเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง อีกทั้งการรับประทานน้ำตาลซูโครสมาก ๆ ทำให้กรดอมิโนที่มีชื่อว่า ทริปโตฟาน ถูกเร่งเข้าสู่สมองมากเกินไป ทำให้เสียสมดุลของฮอร์โมนในสมอง ผลที่ตามมาก็คือทำให้เกิดอาการเซื่องซึม เหนื่อย ไม่กระฉับกระเฉง ซึ่งหากเป็นในเด็กจะทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง และหากเป็นวัยทำงานก็จะทำงานไม่มีประสิทธิภาพอย่างที่ควรเป็น
โดยสรุปแล้ว การกินอาหารหวานจัด และกินบ่อยๆ จึงเป็นอันตรายต่อตับและสุขภาพอย่างแท้จริง

➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

🔰 กินเค็มอันตราย ทำลายไตและตับ  🔰คนกินเค็ม หรือ กินรสจัด รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังเสี่ยงอันตรายต่อการเจ็บป่วยหลายโรค !!  โดย...
05/09/2023

🔰 กินเค็มอันตราย ทำลายไตและตับ 🔰

คนกินเค็ม หรือ กินรสจัด รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังเสี่ยงอันตรายต่อการเจ็บป่วยหลายโรค !! โดยเฉพาะ โรคไต และ โรคตับ เพราะเมื่อเรากินอาหารที่มีโซเดียมเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ไตจะทำงานหนัก เพื่อเร่งขับเกลือออกจากร่างกายให้มากที่สุด ส่งผลให้ไตเกิดความเสียหาย ทำลายไตและหัวใจในที่สุด และการกินเค็มจะทำให้ตับทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดเสียหาย ทำให้เกิดการบวมและมีน้ำในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น การกินเค็มจึงทำลายทั้งไตและตับให้เสียหาย

#กินเค็มแค่ไหนอันตรายต่อไตและตับ

การกินเค็ม จะทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากกว่าปกติ โดยปกติแล้ว ปริมาณโซเดียมที่ร่างกายต้องการ คือ ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน (เทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา หรือน้ำปลา 4 – 5 ช้อนชา) เท่านั้น เมื่อไหร่ที่เรากินโซเดียมมากกว่าที่ร่างกายต้องการ ร่างกายจะพยายามขับออก 3 ทาง คือ ผ่านทางไต ผ่านทางเหงื่อ และผ่านทางอุจจาระ

แต่ถ้าหากร่างกายไม่สามารถขับโซเดียมออกมาได้หมด ส่งผลให้ร่างกายมีปริมาณโซเดียมมากเกินไป จะทำให้เกิดการคั่งของเกลือและน้ำในอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานหนัก ดังนั้น อวัยวะที่ทำงานหนักในการรักษาสมดุลของโซเดียม คือ ไต มีโอกาสที่จะเกิดความเสียหายมากเป็นลำดับแรก และเกิดภาวะไตทำงานหนักจนไตวาย และไม่สามารรักษาสมดุลของระบบเกลือแร่ และความดันโลหิตในร่างกายได้ต่อไป

ส่วนผลของการกินเค็มที่มีอันตรายต่อตับ คือ การกินเค็มจะทำให้เซลล์บวมน้ำได้ง่ายขึ้น และมีผลต่อการเผาผลาญและสร้างสารอาหารหลาย ๆ ชนิด ที่เป็นหน้าที่ของตับโดยตรง และการกินเค็มทำให้เกิดแรงดันโลหิตสูงขึ้น และการกินเค็มหรือกินโซเดียมมากเกินไปทำให้มีการสะสมของน้ำตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทำให้เกิดภาวะบวมน้ำได้ ระดับเกลือแร่ในเลือดสูงเกินไปจะทำให้เลือดแข็งตัวได้ โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคตับอยู่แล้ว ต้องลดการกินโซเดียมและอาหารเค็มลงจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการหมดสติหรือซึมจากตับวายได้ง่ายขึ้น เราจึงควรลดการกินเค็มเพื่อลดโรคในระยะยาวต่อไป

➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

🔰  สัญญาณเตือนตับวาย อันตรายถึงชีวิต 🔰ตับวาย (Liver Failure)  คือ ภาวะที่ตับไม่สามารถทำงานได้ ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติต่...
04/09/2023

🔰 สัญญาณเตือนตับวาย อันตรายถึงชีวิต 🔰
ตับวาย (Liver Failure) คือ ภาวะที่ตับไม่สามารถทำงานได้ ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ขึ้น ในร่างกาย และมีผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น สมองทำงานผิดปกติ มีภาวะเลือดออกง่าย มีอาการตาเหลืองตัวเหลือง มีท้องโตจากอาการบวมและมีน้ำในช่องท้อง ร่างกายติดเชื้อง่าย เป็นต้น

ภาวะตับวายสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุที่เป็นปัจจัยทำให้เนื้อเยื่อตับถูกทำลายจำนวนมากจนสูญเสียหน้าที่ โดยอาการตับวาย สามารถพบได้ 2 ลักษณะ คือ ภาวะตับวายเฉียบพลัน กับภาวะตับวายเรื้อรัง ซึ่งมีสาเหตุของการเกิดโรคดังนี้

#สาเหตุของภาวะตับวาย

ภาวะตับวายทั้ง 2 ลักษณะ คือ ภาวะตับวายเฉียบพลัน กับภาวะตับวายเรื้อรัง ซึ่งมีสาเหตุมาจากภาวะตับแข็ง ที่เกิดจากภาวะตับอักเสบเรื้อรังรังจนตับได้รับความเสียหายและเกิดแผลเป็นอย่างถาวร ทำให้มีเนื้อเยื่อพังผืดเกิดขึ้นในเนื้อตับ ส่งผลให้การทำงานของตับลดลง เช่น การผลิตโปรตีน การเก็บสะสมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ การทำลายและกำจัดสารพิษ รวมทั้งการมีผังผืดจำส่งผลให้เกิดการปิดกั้นการไหลเวียนของเลือดที่ไหลผ่านตับ ทำให้ตับเสียหายมากยิ่งขึ้น

เราสามารถแบ่งลักษณะและความรวดเร็วของการที่เนื้อเยื่อตับถูกทำลายออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

1. ภาวะตับวายเฉียบพลัน (Acute liver failure)
เกิดจากเซลล์ตับได้รับความเสียหายอย่างมาก จนไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป โดยอาการตับวายที่เกิดขึ้นจะรวดเร็วรุนแรง มีอาการทางสมองเกิดตามหลังอาการผิดปกติที่เป็นอาการนำ เช่น ซึม สับสน มึนงง ความรู้สึกตัวเปลี่ยน เป็นต้น

ภาวะตับวายเฉียบพลัน มักมีสาเหตุมาจากได้รับอันตรายที่ตับอย่างเฉียบพลัน เช่น การได้รับยาหรือสารพิษอันตราย การกินยาเกินขนาด การแพ้ยา เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ และยากันชัก หรือ ภาวะฮีทสโตรค (Heat Stroke) การออกกำลังกายอย่างหนักในสภาพแวดล้อมที่ร้อนอาจทำให้ตับวายเฉียบพลันได้ เป็นต้น

2. ภาวะตับวายเรื้อรัง (Chronic liver failure)
เกิดจาก การที่เนื้อเยื่อตับได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง ซ้ำๆ ทำให้ตับสร้างเนื้อเยื่อใหม่ที่เป็นพังผืดขึ้นมา แต่การไหลเวียนในพังผืดไม่ได้ดีเท่าเนื้อเยื่อเดิมในตับ ส่งผลให้ตับสูญเสียหน้าที่หรือทำงานไม่มีประสิทํธิภาพ

ภาวะตับวายเรื้อรัง มักมีสาเหตุมา่จากพฤติกรรมการทำลายตับซ้ำๆ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ ตับอักเสบเรื้อรังจากตับติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ การได้รับพิษในอาหารสะสม การใช้ยาเสพติดเกินขนาด รวมถึง ผู้ป่วยโรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ หรือโรคมะเร็งชนิดต่างๆที่แพร่กระจายมาตับ

อาการตับวาย ในระยะแรกจะมีอาการสำคัญ คือ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดท้องโดย เฉพาะด้านขวาตอนบน (ตำแหน่งของตับ) ตัวตาเหลือง (ดีซาน) แต่ต่อมาเมื่อโรครุนแรงขึ้น ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการรุนแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น มีน้ำในท้อง เลือดออกง่าย มีอาการทางสมอง จากสารพิษที่คั่งในร่างกายทำลายเซลล์สมองโดยตรง และ/หรือเกิดจากภาวะสมองบวม มีอาการของ ไตวายเฉียบพลันร่วมด้วยจากภาวะความดันในระบบไหลเวียนโลหิตของช่องท้องสูงขึ้น และทำให้หมดสติ อาการเข้าขีดอันตรายและเสียชีวิตในที่สุดตามมา

➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

🔰 อาหารบำรุงตับ ช่วยเผาผลาญไขมันมีอะไรบ้าง 🔰ตับ คือ อวัยวะที่ช่วยในการรักษาสมดุลของร่างกาย ช่วยในการรักษาสมดุลของสารอาหา...
03/09/2023

🔰 อาหารบำรุงตับ ช่วยเผาผลาญไขมันมีอะไรบ้าง 🔰

ตับ คือ อวัยวะที่ช่วยในการรักษาสมดุลของร่างกาย ช่วยในการรักษาสมดุลของสารอาหารต่างๆ ในร่างกาย เช่น
- ควบคุมน้ำตาลกลูโคสและโปรตีนในร่างกายให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม
- เป็นแหล่งเก็บพลังงานให้ร่างกายในรูปของแป้ง (Glycogen) และสามารถนำ Glycogen มาสลายเป็นพลังงานให้แก่ร่างกายได้เมื่อร่างกายต้องการ
- ช่วยควบคุมน้ำดี เพื่อใช้ในการย่อยไขมัน
- ช่วยควบคุมกรดไขมัน เช่น คอเลสเตอรอล,ไตรกลีเซอไรด์ และ ไลโปโปรตีน ฯ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- เป็นแหล่งเก็บวิตามินและแร่ธาตุ โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามิน B12, วิตามิน A, D, E และ K. ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย

อาหารบำรุงตับ มีหลากหลายชนิดให้เราเลือกกินเพื่อสุขภาพ และยังช่วยบำรุงตับ ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย และช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบย่อยอาหารและลำไส้ มีดังนี้

#อาหารบำรุงตับ ช่วยเผาผลาญไขมัน

1. ข้าวกล้อง เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพตับ เพราะทุกวันเราต้องกินข้าวอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเลือกกินข้าวกล้อง หรือ ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีจพช่วยให้ตับมทำงานน้อยลง เพราะข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงมีสารอาหารมากมาย เช่น มีคาร์โบไฮเดรตสูง และวิตามินบี ซึ่งถ้าทานในปริมาณที่เพียงพอ ก็จะช่วยสร้างไกลโคเจน ช่วยฟื้นฟูให้ตับแข็งแรง และยังช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย แถมยังมีไฟเบอร์ช่วยดูดซึมไขมันส่วนเกินในลำไส้ได้ดีด้วย

2. กระเทียม เพราะกระเทียมมีสารอัลลิซิน (Allicin) ที่มีผลต่อการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ทั้งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และลดการเกิดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตับ

3. นมถั่วเหลือง มีส่วยช่วยชะลอโรคตับที่เกิดจากโรคไขมันสะสมในตับ นมถั่วเหลืองนั้นส่งผลดีต่อตับเพราะให้พลังงานต่ำ ไขมันต่ำ ไม่มีคอเลสเตอรอล และยังมีสารจีนิสทีน (Genistein)ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ ช่วยปรับสมดุลของไขมันที่สะสมในตับ ซึ่งอาจลดโอกาสการเกิดภาวะตับคั่งไขมันได้

4. ผักใบเขียว ช่วยป้องกันการเกิดโลหะหนักและชะล้างสารเคมีที่จะเข้าไปสะสมในตับ และอุดมไปด้วยวิตามินซีและวิตามินเค รวมทั้งมีไฟเบอร์และกรดโฟเลต ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดความดันโลหิต สร้างความสมดุลของน้ำตาลในเลือด ช่วยให้ตับแข็งแรง

5. เนื้อปลา มีโปรตีนสูงแล้วยังมีโอเมก้า 3 ช่วยให้อินซูลินทำงานได้ดี ลดการอักเสบและซ่อมแซมเนื้อเยื่อของตับ ช่วยให้ตับแข็งแรง ไม่เสี่ยงต่อภาวะไขมันพอกตับ

นอกจากอาหารแล้ว การดูแลสุขภาพตับในด้านอื่นๆ เช่น การกินอาหารเสริมบำรุงตับ หรือ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำลายตับก็ควรทำต่อเนื่องด้วยเช่นกัน เพื่อสุขภาพที่ดีของตับ และลดโอก่าสเสี่ยงในการเกิดโรคตับต่อไป

🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

🔷  เคล็ดลับในการถนอมตับให้แข็งแรง 🔷"ตับ" สำคัญต่อชีวิตของคนเรามากไม่น้อยไปกว่า สมอง หัวใจ  ปอด และไต ทั้ง 2 ข้าง  และที่...
02/09/2023

🔷 เคล็ดลับในการถนอมตับให้แข็งแรง 🔷

"ตับ" สำคัญต่อชีวิตของคนเรามากไม่น้อยไปกว่า สมอง หัวใจ ปอด และไต ทั้ง 2 ข้าง และที่สำคัญตับมีข้างเดียว เสียหายแล้วเสียหายเลย และยังส่งผลอันตรายต่อชีวิตอีกมากมายกว่าที่คิด การถนอมตับ ก่อนปล่อยให้ตับป่วย หรือ ก่อนโรคร้ายมาเยือนจึงเป็นเรื่องที่ควรทำตั้งแต่วันนี้

#วิธีถนอมตับให้สุขภาพดี

1. กินอาหารที่มีประโยชน์ อาหารสด สะอาด และปรุงสุกใหม่ เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับสารพิษ หรือ สารปนเปื้อนในอาหารที่เป็นอันตรายต่อตับ
2. งดหรือลดการดื่มสุราซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบ โรคตับแข็ง หรือ โรคมะเร็งตับ
3. งดกินปลาดิบ อาหารดิบ รวมถึง อาหารสุกๆดิบๆ ลดเพื่อป้องกันพยาธิใบไม้ในตับ
4. หลีกเลี่ยงอาหารซึ่งจะมีโอกาสปนเปื้อนของ สารอฟลาทอกซิน เช่น พริกป่น ถั่วลิสง
5. หลีกเลี่ยงการกินอาหารทอด อาหารที่มีน้ำมันสูง คราวละมากๆ หรือกินบ่อยเกินไป เพื่อป้องกันโรคอ้วนลงพุง ซึ่งอาจทำให้ไขมันในตับสูง และก่อให้เกิดโรคตับอักเสบ และโรคตับแข็งได้
6. หลีกเลี่ยงกินยาสมุนไพร ยาอื่นๆ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่แพทย์ไม่ได้สั่ง เพราะหากกินเกินความจำเป็นจะส่งผลให้ตับทำงานหนักและตับอักเสบได้ง่าย
7. ผู้ที่มีโรคประจำตัว และได้รับยารักษาที่ต้องกินประจำจากโรงพยาบาล ต้องระมัดระวังการกินอาหารเสริมเพราะอาจมีผลข้างเคียงต่อตับหรือถ้าใช้ยาอะไรเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรที่ดูแลทราบ และควรปรึกษาแพทย์-เภสัชกรก่อนซื้อยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรทุกครั้ง
8. หลีกเลี่ยงการกินอาหารสำเร็จรูป เพราะในอาหารสำเร็จรูปส่วนใหญ่มักมีสารกันบูดหรือสารกันเสีย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับ
9. หลีกเลี่ยงการกินอาหารเก่าเก็บ และไม่กินอาหารสำเร็จรูปที่หมดอายุโดยเด็ดขาด เพราะอาหารบางประเภทที่ถูกปรุงไว้นานเกินไปจะเสี่ยงกับสารเคมี หรือสิ่งปนเปื้อนได้ เช่น สารโลหะหนัก สารก่อมะเร็ง เป็นต้น
10. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับในเวลากลางคืนช่วยฟื้นฟูตับได้ เพราะขณะที่หลับสนิทเลือดจะไหลเวียนได้ดี สารอาหารในเลือดจะไปซ่อมแซม และบำรุงตับให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

🔷  ระวัง !!! ปลาดิบ ตัวร้ายทำลายตับ 🔷รู้หรือไม่ว่า ปลาดิบ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและเป็นภัยร้ายทำลายตับได้ โดยเฉพาะปลาดิ...
01/09/2023

🔷 ระวัง !!! ปลาดิบ ตัวร้ายทำลายตับ 🔷

รู้หรือไม่ว่า ปลาดิบ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและเป็นภัยร้ายทำลายตับได้ โดยเฉพาะปลาดิบที่ทานดิบๆ มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และไม่ผ่านการปรุงสุก อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคพยาธิใบไม้ตับ หรือ เสี่ยงต่อการได้รับอันตรายจากสารปนเปื้อนได้

ซาซามิ หรือ อาหารดิบ ที่ได้จากการแล่เนื้อปลา หมึก หรือเนื้อสัตว์อื่นที่ยังสดอยู่เป็นชิ้นบาง ๆ และมักจะรับประทานคู่กับโชยุหรือซีอิ้วญี่ปุ่นและวาซาบิ ซึ่งซาชิมินั้นสามารถใช้ทั้งสัตว์น้ำทะเล สัตว์น้ำจืด และสัตว์น้ำกร่อยเป็นวัตถุดิบได้ ซึ่งคนที่ชอบกินอาหารดิบจำเป็นต้องระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการกินอาหารดิบเพราะเหตุผลดังต่อไปนี้

#อาหารดิบอันตรายต่อตับอย่างไร

อาหารดิบ โดยเฉพาะ "ปลาดิบ" เสี่ยงต่อการเกิด #โรคพยาธิใบไม้ในตับ รวมถึงการกินอาหารแบบดิบนั้นมีโอกาสที่จะพบพยาธิต่าง ๆ เช่น
- ซาชิมิจากปลาหรือหมึกทะเลมักพบ ตัวอ่อนของพยาธิตัวกลม พยาธิตืดปลา
- ซาชิมิจากปลาน้ำจืดและน้ำกร่อยนั้น มักพบ พยาธิตัวจี๊ด พยาธิตืดปลา พยาธิใบไม้ตับ พยาธิใบไม้ปอด พยาธิลำไส้แคปิลลาเรีย เป็นต้น
-

#โรคพยาธิใบไม้คืออะไร

โรคพยาธิใบไม้ตับ มีสาเหตุมาจากพยาธิที่มีรูปร่างแบนคล้ายใบไม้ โดยมีส่วนหัวและส่วนท้ายของลำตัวเรียวมน ขนาด ยาว 7-12 มม. กว้าง 2-3 มม. สีแดงเรื่อคล้ายสีโลหิตจางๆ พบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ส่วนภาคอื่นๆ พบน้อย โรคนี้เป็นสาเหตุหลักของโรคมะเร็งท่อน้ำดีในคนไทย และโรคตับได้

ซึ่งการกินอาหารที่มีไข้พยาธิใบไม้ในตับเข้าไป ระยะแรกๆมักจะไม่มีอาการ เมื่อมีพยาธิสะสมมากๆเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการ เช่น ท้องอืด แน่นท้อง เจ็บบริเวณชายโครงขวา ออกร้อนบริเวณหน้าท้อง ถ้าปล่อยไว้นานๆ จะมีอาการอักเสบของท่อน้ำดี ตัวเหลือง ตาเหลือง ตับโต มีไข้ บางรายอาจกลายเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ และอาจถึงตายได้ต่อไป

การป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับ ให้หลีกเลี่ยงบริโภคอาหารดิบหรืออาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ก่อนกินทุกครั้งควรนำไปต้มใหม่ หรือปรุงด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส นาน 5 นาที เพื่อลดความเสี่ยงโรคพยาธิใบไม้ตับ แม้อาหารที่แช่เย็น เมื่อจะนำมากินต้องปรุงให้สุกก่อน หากสงสัยว่าป่วยเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงดังในการเกิดโรค ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไป

🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

🔷 ไขมันพอกตับ สามารถเกิดกับใครได้บ้าง🔷ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver) หมายถึง ภาวะที่มีการสะสมของไขมันในเซลล์ตับ   โดยไขมั...
30/08/2023

🔷 ไขมันพอกตับ สามารถเกิดกับใครได้บ้าง🔷

ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver) หมายถึง ภาวะที่มีการสะสมของไขมันในเซลล์ตับ โดยไขมันที่สะสมจะเป็นไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride) เมื่อไขมันสะสมในเซลล์ตับมากๆ จะทำให้การทำงานของตับผิดปกติ และนำไปสู่การเกิดภาวะตับอักเสบตามมา ซึ่งภาวะไขมันพอกตับ ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่สามารถนำไปสู่ภาวะตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้ในระยะยาว ดังนั้น การป้องกันไขมันพอกตับจึงมีความจำเป็นและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตับและโรคเรื้อรังอื่นๆ ตามมา

#ไขมันพอกตับเกิดกับใครได้บ้าง

ภาวะไขมันพอกตับ สามารถประเมินได้ด้วยเจาะเลือดดูการทำงานของตับ เพื่อประเมินภาวะตับอักเสบซึ่งคนที่มีภาวะไขมันพอกตับ มักจะตรวจพบระดับน้ำตาลและระดับไขมันในเลือดสูงกว่าปกติร่วมด้วย นอกจากนี้ยังสามารถทำการตรวจอัลตราซาวนด์บริเวณช่องท้องจะพบว่าตับอาจมีขนาดโตขึ้นและมีลักษณะขาวขึ้นเมื่อเทียบกับไตและม้าม รวมไปถึงการตรวจวัดไขมันพอกตับด้วยเครื่อง Fibroscan เพื่อตรวจความยืดหยุ่นพร้อมกับประเมินไขมันสะสมภายในเนื้อตับเพื่อสำรวจความเสียหายของเนื้อเยื่อจากการมีไขมันไปพอกตับต่อไป ซึ่งหากตรวจพบไขมันในตับประมาณ 5-10% ของน้ำหนักตับ ถือว่ามีภาวะไขมันพอกตับ ที่จำเป็นต้องทำการรักษาต่อไป

คนที่มีโอกาสเกิดภาวะไขมันพอกตับ นั้น สามารถเกิดขึ้นได้กับบุคคลที่เสี่ยงดังต่อไปนี้
1. คนที่มีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก เช่น การดื่มในปริมาณมากๆ บ่อยครั้ง หรือ การดื่มทุกวันต่อเนื่อง
2. ผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุง (Metabolic syndrome) ได้แก่
- ผู้หญิงที่รอบเอวที่เกิน 90 ซม. และผู้ชายที่รอบเอวเกิน 100 ซม.
- ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง มากกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท
- ผู้ที่มีภาวะไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงมากกว่าหรือเท่ากับ 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ระดับไขมันดี แอชดีแอลน้อยกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในเพศชาย และน้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในเพศหญิง และน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่า 110 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
3. ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคไขมันสูง
4. สตรีวัยหมดประจำเดือน
5. ผู้ที่กินอาหารที่มีพลังงานสูงเป็นประจำ เช่น ไขมัน น้ำตาล แป้ง
6. ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัด ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยาต้านไวรัสบางชนิด เป็นต้น

กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้มีโอกาสเป็นไขมันพอกตับ ซึ่ง โรคไขมันพอกตับมักไม่มีอาการทางร่างกาย หรือหากมีอาการก็อาจเป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น อาการอ่อนเพลีย อาการคลื่นไส้อาเจียน อาการปวดชายโครงขวา เป็นต้น ดังนั้น การตรวจพบโรคไขมันพอกตับส่วนใหญ่จึงมักพบจากการตรวจสุขภาพประจำปี หรือ เมื่อป่วยด้วยภาวะตับอักเสบแล้วหรือเป็นโรคตับแล้วจึงจะทราบว่าเป็นโรคไขมันพอกตับด้วยต่อไป

🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

🔷  ตรวจสุขภาพตับด้วยเครื่อง FIBROSCAN🔷การตรวจสุขภาพทั่วไป หรือ การตรวจสุขภาพประจำปี อาจไม่เพียงพอสำหรับกลุ่มเสี่ยง หรือ ...
29/08/2023

🔷 ตรวจสุขภาพตับด้วยเครื่อง FIBROSCAN🔷

การตรวจสุขภาพทั่วไป หรือ การตรวจสุขภาพประจำปี อาจไม่เพียงพอสำหรับกลุ่มเสี่ยง หรือ ผู้ที่ประวัติเสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเจ็บป่วยด้วยโรคพันธุกรรม หรือ โรคเรื้อรังต่างๆ ได้ เพราะ โรคทางพันธุกรรม (Genetic Disorders) คือ โรคที่ได้รับการติดต่อ หรือถ่ายทอดจากฝั่งครอบครัวที่มีสายเลืิอดเดียวกัน เช่น พ่อ และแม่ โดยมีหน่วยพันธุกรรม หรือยีนเป็นตัวควบคุมการถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต หากยีนของพ่อ หรือแม่มีความผิดปกติแฝงอยู่แม้เพียงเล็กน้อยอาจทำให้หน่วยพันธุกรรมเปลี่ยนไปจากเดิมได้ หรือ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากกว่าบุคคลอื่น

#โรคตับกับการตรวจไฟโบรสแกน (FibroScan)

ไฟโบรสแกน (FibroScan) คือ เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจหาไขมันพอกตับ ผังผืดในตับ โดยการส่งผ่านคลื่นความถี่ลงไปที่บริเวณผิวหนังตรงตำแหน่งตับ ซึ่งจะแสดงผลออดมาเป็นค่าตัวเลข โดยไม่เกิดความเจ็บปวดและมีความเสี่ยงต่ำ ใช้ติดตามการรักษา ประเมินความรุนแรงของภาวะไขมันพอกตับ และโรคตับแข็ง

เทคโนโลยีที่ใช้ในการตรวจโรคเกี่ยวกับตับ โดยใช้เครื่องไฟโบรสแกน (FibroScan) นั้น จะใช้เพื่อตรวจหาไขมันที่สะสมอยู่ในตับและภาวะพังผืดในเนื้อตับโดยเฉพาะ ซึ่งการตรวจด้วยวิธีนี้จะไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บหรือเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนเหมือนกับการตรวจแบบเดิมๆ ที่ต้องใช้วิธีการเจาะตับ นอกจากนี้ก็สามารถตรวจก่อนป่วยได้อีกด้วย เพราะยิ่งตรวจก่อน รู้ก่อนก็จะยิ่งทำให้รักษาได้ทันก่อนที่จะเจ็บป่วยและ และมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการรักษา โดยเหมาะสำหรับผู้ที่มีความสเี่ยงหรือ ผู้ป่วยโรคตับ ดังนีั้
1. ผู้ที่มีภาวะนำ้หนักตัวเดิน หรือ อ้วนลงพุง
2. ผู้ที่พบภาพอัลตร้าซาวน์ผิดปกติสงสัยไขมันพอกตับ
3. ผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนร่วมกับโรคร่วม เช่น ไขมันสูง เบาหวาน โรคอ้วน
4. ผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบ ตับอักเสบเรื้อรังบ่อยๆ
5. บุคคลทั่วไป ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับ

โดยการตรวจไฟโบรสแกน นั้น สามารถตรวจได้ทันที ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน ผุู้ป่วยไม่ต้องเตรียมการใดๆ และควรตรวจในกลุ่มเสี่ยงโรคตับเมื่อมีโอกาส เพราะ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคตับอักเสบเรื่องรัง ภาวะไขมันพอกตับ มักไม่แสดงอาการ เมื่อเป็นต่อไปเรื่อยๆ จะเสี่ยงเกิดภาวะตับแข็งได้ และพบว่าผู้ที่เป็นตับแข็ง เสี่ยงเป็นมะเร็งตับตามมา การตรวจจึงมีความจำเป็นในการช่วยวินิจฉัยโรคและช่วยให้รักษาได้ทันก่อนที่จะเจ็บป่วยต่อไป

🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

🔰  อาหารเสริมที่มากเกินความจำเป็น ตัวร้ายทำลายตับ🔰รู้หรือไม่ว่า อวัยวะที่ทำหน้าที่ช่วยให้วิตามินในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ...
28/08/2023

🔰 อาหารเสริมที่มากเกินความจำเป็น ตัวร้ายทำลายตับ🔰

รู้หรือไม่ว่า อวัยวะที่ทำหน้าที่ช่วยให้วิตามินในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และยังเป็นแหล่งสะสมวิตามินที่ละลายได้ในไขมันอย่างวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค คือ "ตับ"

นอกจากนี้ ตับยังทำหน้าที่ขับสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกาย ด้วยการขับสารพิษที่อยู่ในกระแสเลือด พร้อมทั้งทำงานประสานอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย และเมื่อไหร่ที่ร่างกายเรากินอาหารเข้าไป สารอาหารสำคัญจะถูกลำเลียงไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย และของเสียจะถูกขับ โดยผ่านการจัดการของตับ และไต ต่อไป

ดังนั้น การกินอาหาร รวมทั้งอาหารเสริมจึงมีผลโดยตรงต่อตับ โดยเฉพาะการกินอาหารเสริมบางประเภทที่มากเกินจำเป็น หรือมากกว่าความต้องการของร่างกาย โดยมีข้อควรระวังดังนี้

👉 อาหารเสริมกับ โรคตับ

อาหารเสริม คือ อาหารที่เรากินเข้าไปเพิ่มเติมจากอาหารหลัก ซึ่ง การกินอาหารเสริมที่ดีและปลอดภัยต่อร่างกายที่สุด คื อ การกินเพื่อเสริมในสิ่งที่ขาด และกินในปริมาณที่ร่างกายต้องการเท่านั้น เพราะอาหารเสริมบางชนิดหากกินมากเกินความจำเป็น หรือ มาเกกินความพอดีอาจมีโทษมากกว่าประโยชน์ และเป็นอันตรายต่อตับ

เพราะตับมีหน้าที่กำจัดสารพิษและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย และเก็บสะสมวิตามินบางส่วน เมื่ออาหารเสริมที่เรากินเข้าไป กลายเป็นส่วนเกินที่ร่างกายต้องการ ตับจะทำหน้าที่ในการกำจัดออกทันที เช่น
- วิตามินเอ จำเป็นสำหรับสุขภาพดวงตาและป้องกันโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม มีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด เราสามารถได้รับวิตามินเอจากอาหาร แต่ถ้าเรากินวิตามินเอเสริมต้องระมัดระวัง เพราะมีความเสี่ยงและผลกระทบต่อสุขภาพของการรับประทานวิตามินเอมากเกินไป โดยอาจทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนหรือตับถูกทำลาย อาการของการได้รับวิตามินเอมากเกินไป เช่น อาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ ผมร่วง เป็นต้น
- วิตามินเค เป็นวิตามินที่ละลายในไขมันซึ่งมีส่วนช่วยในการแข็งตัวของเลือด ช่วยในการบำรุงรักษาเนื้อเยื่อกระดูกให้เป็นปกติ แต่ถ้าเราได้รับมากเกินไปก็เป็นอันตรายต่อการแข็งตังของเลือด เช่น ผู้ที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือดควรระมัดระวังปริมาณของวิตามินเคที่ได้รับเนื่องจากวิตามินเคจะทำให้เลือดหยุดไหลช้า เป็นต้น
- วิตามินดี นอกจากร่างกายเราจะสร้างเองได้จากการผึ่งแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าแล้ว ยังมีในอาหาร มีประโยชน์ คือ เพื่อเป็นตัวช่วยดูดซึมแคลเซียมที่รับประทานเข้าไปเสริมสร้างกระดูก และป้องกัน โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกบาง ช่วยลดความเครียด และต้านภาวะซึมเศร้า กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งร่างกายของเราได้รับวิตามินดีจากการสังเคราะห์ที่ผิวหนัง หลังได้รับแสงแดด (UVB) และจากการรับประทานอาหาร วิตามิน และอาหารเสริม โดยปริมาณวิตามินดีที่ร่างกายควรได้รับนั้น ขึ้นอยู่กับอายุของแต่ละบุคคล แต่ถ้าหากได้รับวิตามินดีมากเกินไปทำให้เกิดภาวะเป็นพิษ ซึ่งอาการของภาวะวิตามินดีเป็นพิษ เกิดจากระดับแคลเซียมในเลือดสูง โดยมีการดังนี้ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง สับสน ขาดสมาธิ ซึม เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก ปวดท้องแบบโรคกระเพาะ ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย เป็นต้น

ดังนั้น โดยสรุป อาหารเสริมนั้น ดีตามที่สรรพคุณบอกไว้ แต่ต้องกินให้พอดี และก่อนกินควรตรวจสุขภาพก่อนว่า เราจำเป็นต้องใช้อาหารเสริมใดบ้าง จะได้รู้ว่าควรเสริมตัวไหน โดยเฉพาะ ตับ และไต เพราะทั้ง 2 อวัยวะนี้จะทำงานหนักมากเมื่อเราทาน อาหารเสริมเข้าไปนั่นเอง

➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

🔰  การฉีดวัคซีนป้องกันตับอักเสบ  จำเป็นหรือไม่ 🔰ทราบหรือไม่ว่า การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบนอกจากจะมีอันตรายต่อตับโดยตรง ทำ...
27/08/2023

🔰 การฉีดวัคซีนป้องกันตับอักเสบ จำเป็นหรือไม่ 🔰
ทราบหรือไม่ว่า การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบนอกจากจะมีอันตรายต่อตับโดยตรง ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ ส่งผลให้ตับไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติแล้ว หากปล่อยไว้จนตับอักเสบเรื้อรัง อาจทำให้เกิดโรคตับแข็ง และเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับได้
#ไวรัสตับอักเสบป้องกันได้ด้วยวัคซีน

โรคไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis) เป็นภาวะที่เกิดการอักเสบของตับ ซึ่งการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกัน ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนที่นิยมฉีดป้องกันมี 2 ชนิด คือ

1. ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A Vaccine)
การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป ช่วยป้องกันการเกิดโรคได้ 100 % และภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอจะอยู่ติดตัวไปได้ตลอดไป

การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ จะต้องฉีดวัคซีน 2 ครั้ง ห่างกัน 6 เดือน สำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ สามารถรับการฉีดวัคซีน 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน โดยสามารถขอคำแนะนำหรือปรึกษาแพทย์ต่อไป

2. ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis ฺB Vaccine)
เชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) เป็นเชื้อไวรัสที่อันตรายอย่างยิ่งกว่าไวรัสตับอักเสบชนิดอื่นๆ หากได้รับเชื้อแล้วผู้ป่วยไม่ได้รับรักษาหรือเข้ารับการรักษาล่าช้าไม่ทันเวลา อาจนำไปสู่การเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับวาย ตับแข็ง และมะเร็งตับตามมา

วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี อาจไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้ 100% แต่เมื่อฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ครบ 3 เข็ม ส่วนใหญ่พบว่าร่างกายสร้างภูมิคุมกันได้มากถึง 97% และสามารถป้องกันการติดเชื้อได้นานตลอดชีวิต ซึ่งสามารถฉีดป้องกันได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดเป็นต้นไป โดยทารก ก็ฉีดเหมือนกับผู้ใหญ่คือ จำนวน 3 เข็มเป็นระยะเวลาที่ห่างกันหลังจากฉีดเข็มแรกแล้ว 1 เดือนจึงฉีดเข็มที่ 2 และฉีดเข็มที่ 3 หลังจากฉีดเข็มที่ 2 แล้ว 5 เดือน

การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี จะต้องฉีดให้ครบ 3 เข็ม และหลังฉีดประมาณ 1-2 เดือน ควรเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่ามีภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี หากยังไม่มีภูมิต้านทาน ควรฉีดวัคซีนเพิ่มตามคำแนะนำของแพทย์

โดยสรุปแล้วเนื่องจากไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิดเกิดจากเชื้อไวรัสแตกต่างกันการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบแต่ละสายพันธุ์จะสามารถป้องกันเฉพาะไวรัสสายพันธุ์ที่ฉีดเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีวัคซีนไวรัสตับอักเสบที่มีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ และวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีรวมในเข็มเดียวกันได้ หากท่านใมดประสงค์ฉีดทั้ง 2 ชนิด เนื่องจากยังไม่มีภูมิต้านทานมาก่อนก็สามารถแจ้งความประสงค์ให้แพทย์ทราบเพื่อขอรับบริการได้ต่อไป

➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

⭐  บุหรี่ตัวร้าย ทำลายตับ ⭐หลายท่านอาจยังไม่รู้ว่า การสูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่ หรืออยู่ภายในสิ่งแวดล้อมที่มีควันจากบุหร...
25/08/2023

⭐ บุหรี่ตัวร้าย ทำลายตับ ⭐

หลายท่านอาจยังไม่รู้ว่า การสูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่ หรืออยู่ภายในสิ่งแวดล้อมที่มีควันจากบุหรี่ นอกจากส่งผลต่อปอดแล้วยังสามารถส่งผลถึงตับได้ด้วย การสูบบุหรี่จะส่งผลต่อการทำงานของตับผ่านการสูดดมควันบุหรี่ และผ่านสารนิโคตินที่มีสารอนุมูลอิสระปะปนอยู่ ซึ่งจะทำให้ตับทำงานหนักขึ้น

สารพิษในบุหรี่ ส่งผลต่อปอด แท้จริงแล้วการสูบบุหรี่ก็ส่งผลต่อตับได้เหมือนกัน และยังผลเสียต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ตามมามากมาย ดังนี้

#บุหรี่กับการทำลายสุขภาพตับ
สารพิษในบุหรี่ ส่งผลต่อตับ โดยการสูบบุหรี่ 20 มวน ส่งผลเสียต่อตับมากกว่าการดื่มวิสกี้ผสมน้ำ 2 แก้ว จากการสูดควันบุหรี่ซึ่งมีอนุมูลอิสระปะปนอยู่ทำให้ส่งผลต่อตับ และสารนิโคตินกระตุ้นให้ต่อมหมวกไตส่วนนอกหลั่งสารอะดรีนาลีนส่งผลต่อการกระตุ้นเนื้อเยื่อของเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายจนทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระที่ตับและทำให้ความสามารถในการทำงานของภูมิคุ้มกันลดต่ำลงส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อตับ

และนอกจากนี้ ด้วยตับที่มีหน้าที่ดักกรองและทำลายสารพิษทุกชนิดที่เข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งสารพิษและสารก่อมะเร็งจากควันบุหรี่ การสูบบุหรี่จึงทำให้ตับได้รับสารก่อมะเร็งมากขึ้น นานเข้าก็เกิดเป็น มะเร็งตับได้ในระยะยาวต่อไป

➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖➖ 🔹➖➖🔹➖
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

🔰หยุดโรคตับ ภัยเงียบใกล้ตัว เมื่อตับมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ก็เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ร่างกายอ่อนแอ มีการสะสมของเสียในร่...
25/08/2023

🔰หยุดโรคตับ ภัยเงียบใกล้ตัว

เมื่อตับมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ก็เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ร่างกายอ่อนแอ มีการสะสมของเสียในร่างกาย ผื่นคัน ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องบวม ตาเหลือง และอื่นๆ จนเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากภาวะตับวายได้

‼️แบ่งเวลา
✅ตรวจเลือด หาภาวะตับอักเสบ
✅ตรวจ Fibro Scan หาภาวะไขมันพอกตับ และ ภาวะตับแข็ง

🌺Cururiki ช่วยดูแลตับได้ดี: ขมิ้นชันละลายน้ำเข้มข้น และสารสกัดจากเมล็ดองุ่น กรดอะมิโนจำเป็น วิตามิน B รวม

----------------------------------------
สอบถามข้อมูล ปรึกษาปัญหา เพิ่มเติมได้ที่
Tel : 092-914-7896 , 095-942-5146
Facebook Inbox : m.me/cururiki.thai
Website : 1. https://cururiki-thailand.com/
2. https://bit.ly/3yPCNHQ
LINE :
Youtube : ช่อง "นายขมิ้น"
#คูรูริกิ #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ฟื้นฟูร่างกาย #ฟื้นฟูตับ

ที่อยู่

จังหวัดปทุมธานี

เวลาทำการ

จันทร์ 06:30 - 22:00
อังคาร 06:30 - 22:00
พุธ 06:30 - 22:00
พฤหัสบดี 06:30 - 22:00
ศุกร์ 06:30 - 22:00
เสาร์ 06:30 - 22:00
อาทิตย์ 06:30 - 22:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Cururiki คูรูริกิ : ฟื้นฟูร่างกาย ตับอักเสบ ไขมันพอกตับผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Cururiki คูรูริกิ : ฟื้นฟูร่างกาย ตับอักเสบ ไขมันพอกตับ:

แชร์