19/09/2025
เหตุที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ ว่าแพทย์แผนไทยประยุกต์ ทำอะไรได้บ้าง
โดยสรุป คือ ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยประยุกต์ สามารถกระทำได้
ตามกฎหมายดังนี้
1) สามารถทำหัตถการเย็บแผลสดขนาดเล็กโดยใช้เครื่องมือแต่งแผลได้ ด้วยความรู้ ความชำนาญ ภายใต้มาตรฐาน
วิชาชีพตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
2) สามารถใช้หรือแทนสรรพนามตนเองว่า "หมอ" ได้ แต่ควรใช้คำว่า "แพทย์แผนไทยประยุกต์" ให้ครบถ้วน ไม่
สมควรใช้คำว่า "แพทย์" เพื่อความถูกต้องตามวิชาชีพ และป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากสาธารณชน
** ขอบเขตในการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยตามกฎหมายและหลักวิชาการ มีดังนี้
1) หัตถการของวิชาชีพแพทย์แผนไทยประยุกต์ที่ทำได้ด้วยตนเองทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ อ้างตาม
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคณะอนุกรรมการ การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ เรื่อง เกณฑ์
มาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ พ.ศ. 2560 เกณฑ์มาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์
แผนไทยประยุกต์ ข้อ 3 ระบุว่า "มีความรู้ความสามารถในการทำหัตถการด้วยตนเอง ดังนี้การทำคลอดปกติ การ
บริบาลหญิงหลังคลอด บริบาลทารก เย็บตกแต่งฝีเย็บหลังคลอด ผ่าฝีที่ไม่อยู่ในบริเวณที่สำคัญ เย็บแผลสด
เล็กน้อย การล้างแผล การทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในรายกระดูกหักสามัญ เพื่อการรักษาหรือส่งต่อ” ในการ
ทำหัตถการดังกล่าวข้างต้น สามารถใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการทำหัตถการ ดังนี้ “เครื่องมือที่ใช้ใน
การทำคลอดปกติ เครื่องมือแต่งแผล อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น อุปกรณ์สวนอุจจาระ การใช้เครื่องมือฆ่าเชื้อ
สำหรับวัตถุ อุปกรณ์และยาที่เกี่ยวข้องกับการรักษา” ดังนั้น การเย็บแผลสด และใช้เครื่องมือแต่งแผล แพทย์แผน
ไทยประยุกต์นั้น สามารถทำได้ โดยต้อง มีความรู้ความชำนาญ และอยู่บนหลักวิชาการด้านสาธารณสุขที่ถูกต้อง
2) การใช้หรือแทนสรรพนามตนเองว่า "หมอ" อ้างตามความหมาย จาก พจนานุกรม ฉบับ
ราชบัณฑิตยสถาน คำว่า "หมอ" มีความหมาย (ที่ 1) ว่า ผู้รู้ ผู้ชำนาญ เช่น หมองู หมอนวด หรือ ผู้ตรวจรักษาโรค
เช่น หมอฟัน หมอเด็ก จึงไม่ได้มีความหมายเฉพาะเจาะจงไปที่ "แพทย์" ส่วนคำว่า "แพทย์" มีความหมายว่า "หมอ
รักษาโรค" จึงไม่ได้มีความหมายเฉพาะเจาะจงไปที่ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (แพทย์แผนปัจจุบัน) “การ
ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์” ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556
หมายความว่า “การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย โดยอาศัยองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์
การแพทย์ซึ่งศึกษาจากสถานศึกษาที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรอง รวมทั้งการประยุกต์ใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์
ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งนี้ ตามระเบียบและข้อบังคับของสภาการแพทย์แผนไทย" ผู้ประกอบวิชีพการแพทย์
แผนไทยประยุกต์ จึง เป็น ผู้มีองค์ความรู้ทั้งด้านวิทยาศาสตร์, วิทยาศาสตร์การแพทย์ และการแพทย์แผนไทยแต่อันเนื่องมาจาก ตามมาตรา 27 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 ระบุ
ดังนี้มาตรา 27 ห้ามมิให้ผู้ใดใช้คำว่า แพทย์ นายแพทย์ แพทย์หญิง หรือนายแพทย์หญิง หรือใช้อักษรย่อของคำ
ดังกล่าว หรือใช้คำแสดงวุฒิการศึกษาทางแพทยศาสตร์ หรืออักษรย่อของวุฒิดังกล่าว ประกอบกับชื่อหรือ
นามสกุลของตน หรือใช้คำหรือข้อความอื่นใดที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทั้งนี้
รวมถึงการใช้ จ้าง วาน หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำดังกล่าวให้แก่ตน เว้นแต่ผู้ได้รับปริญญา หรือประกาศนียบัตรใน
วิชาชีพแพทยศาสตร์ มาตรา 28 ห้ามมิให้ผู้ใดใช้คำหรือข้อความที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีความรู้ความ
ชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาต่างๆ ทั้งนี้ รวมถึงการใช้ จ้าง วาน หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำ
ดังกล่าวให้แก่ตน เว้นแต่ผู้ได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวช
กรรมสาขานั้นๆ จากแพทยสภา หรือที่แพทยสภารับรอง หรือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมผู้มีคุณสมบัติตามที่
กำหนดในข้อบังคับแพทยสภา ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ จึงไม่ควรใช้คำว่า "แพทย์" เพราะ
อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่สาธารณชนว่าตนเป็น ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (แพทย์แผนปัจจุบัน) ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก รศ.ดร.พท.ป.สมศักด์ นวลแก้ว นายกสมาคมสมาคมแพทย์อายุรเวทแผนไทยประยุกต์แห่งประเทศไทยในพระสังฆราชูปถัมภ์ มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ