คลินิคหมออุมา/คลินิคแพทย์หญิงอุมา

คลินิคหมออุมา/คลินิคแพทย์หญิงอุมา ตรวจรักษาโรคทั่วไปเด็กและผู้ใหญ่ ฉีดยา ทำแผล ผ่าตัดเล็ก ฉีดยาคุมกำเนิด ฉีดวัคซีนเด็ก เช็ค

 #ขออนุญาตแจ้งลูกค้า #คลินิคหมออุมาช่วงนี้อยู่ในช่วงเคลียร์คลินิคที่สาขาหาดใหญ่ในหลังน้ำท่วม🌺จึงขออนุญาตแจ้งลูกค้า  #ใน...
04/12/2025

#ขออนุญาตแจ้งลูกค้า

#คลินิคหมออุมาช่วงนี้อยู่ในช่วงเคลียร์คลินิคที่สาขาหาดใหญ่ในหลังน้ำท่วม

🌺จึงขออนุญาตแจ้งลูกค้า #ในเดือนธันวาคมนี้คลินิคจะเปิดทำการเฉพาะที่สาขาควนลัง วันจันทร์ ถึงเสาร์ #เวลา17.00-20.00น #เวลาเดียวเท่านั้น และจะกลับมาเปิด2ช่วงเวลาเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ🌺

❤️ขอบคุณลูกค้าที่ติดตามเพจนะคะ และเป็นกำลังใจให้ลูกค้าทุกท่านที่ประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ ผ่านไปด้วยกันนะคะ

 #น้ำท่วมหาดใหญ่2568 #ขออนุญาตแจ้งลูกค้าทุกท่าน จากวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้  #ทางคลินิคหมออุมาสาขาหาดใหญ่ในได้รับความ...
29/11/2025

#น้ำท่วมหาดใหญ่2568
#ขออนุญาตแจ้งลูกค้าทุกท่าน จากวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ #ทางคลินิคหมออุมาสาขาหาดใหญ่ในได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากจนไม่สามารถเปิดคลินิคได้ตามปกติในขณะนี้

จึงขอเรียนลูกค้าทุกท่าน #สามารถใช้บริการที่คลินิคหมออุมาสาขาควนลังได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่1ธค.2568 เป็นต้นไป

#โดยเปิดทำการ2ช่วงเวลาคือ เวลา 8.00-12.00น และ 17.00-20.00น
#เบอร์โทรคลินิค0824370433

#ที่คลินิคสาขาควนลังมียาสำหรับป้องกันโรคฉี่หนูและยาทาน้ำกัดเท้าแจกฟรี #สามารถมารับได้ที่สาขาควนลังได้เลยค่ะ

#เป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยทุกท่านเราจะผ่านพ้นไปด้วยกัน

23/11/2025

คลินิกหมออุมาสาขาหาดใหญ่น้ำท่วมหนักมากไม่สามารถให้บริการได้

แต่สาขาควนลังน้ำไม่ท่วม #ใครเจ็บป่วยไม่สบายสามารถมารับยาพื้นฐานได้ฟรีที่สาขาควนลังนะคะ

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ไปได้เร็วๆ ขอให้ทุกคนปลอดภัย

#น้ำท่วมหาดใหญ่2568

23/11/2025

 คลินิกหมออุมาสาขาหาดใหญ่ใน น้ำท่วมเยอะไม่สามารถเปิดทำการได้

แต่สาขาควนลังน้ำไม่ท่วมคนไข้ที่ เจ็บป่วยไม่สบาย ต้องการยาพื้นฐาน
#สามารถมารับยาได้ฟรีนะคะที่สาขาควนลัง ช่วยกันค่ะในช่วงที่ยากลำบากแบบนี้ขอให้ทุกคนผ่านพ้นอุบัติภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ไปเร็วๆ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนนะคะ
#น้ำท่วมหาดใหญ่2568

21/11/2025
17/11/2025

พ่อแม่ทุกคนปรารถนาให้ลูกเติบโตอย่างมีความสุขและเป็นคนดี แต่บ่อยครั้งที่ "คำชม" หรือ "คำตำหนิ" ที่ผู้ใหญ่นำมาใช้เพื่อหวังควบคุมพฤติกรรมลูกวัย 3-12 ปี กลับกลายเป็นดาบสองคมที่สร้างรอยร้าวในความสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจ เพราะสำหรับเด็กแล้ว คำชมเปรียบเสมือนรางวัล และคำตำหนิก็ไม่ต่างจากบทลงโทษ หากใช้โดยขาดความเข้าใจพัฒนาการที่แท้จริงของเด็ก ผลลัพธ์อาจตรงข้ามกับความตั้งใจ หรือร้ายกว่านั้นคือกลายเป็นผลเสียต่อการเติบโตของพวกเขาในระยะยาว

เทคนิคเปลี่ยน "ขัดแย้ง" เป็น "เชื่อมโยง"
หัวใจสำคัญของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพคือ "การเคารพในตัวตนและเข้าใจพัฒนาการของเด็ก" โดยเฉพาะในช่วงวัย 3-12 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง ลองมาดูเทคนิคที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เปลี่ยนการสื่อสารจากเดิมที่เป็นสาเหตุของความขัดแย้ง ให้กลายเป็นพลังบวกที่เชื่อมโยงความเข้าใจระหว่างกัน

✅ 1.เปลี่ยนวิธี "ชม" จากการตัดสินไปสู่การชื่นชม "ความพยายาม"
คำชมแบบเดิม ๆ เช่น "เก่งมาก!" "ฉลาดที่สุด!" มักมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์หรือคุณลักษณะที่ติดตัวเด็ก ซึ่งอาจทำให้เด็กยึดติดกับผลลัพธ์ และกลัวความผิดพลาดหากไม่เป็นไปตามความคาดหวัง

🔹เทคนิคใหม่ : ให้เน้นที่ "ความพยายาม" และ "กระบวนการ"

🔹ผลลัพธ์ : ลูกจะเรียนรู้ว่าความสำเร็จเกิดจากความมานะพยายาม ไม่ใช่แค่พรสวรรค์ ทำให้พวกเขามี Growth Mindset และกล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ แม้จะล้มเหลว

✅ 2.เปลี่ยนวิธี "ติ" จากการตำหนิตัวเด็กไปสู่การตำหนิ "พฤติกรรม" การตำหนิด้วยคำพูดรุนแรง หรือคำห้ามโดยไม่มีเหตุผล เช่น "อย่าทำแบบนี้!" "ลูกไม่ดีเลย" จะทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า และต่อต้านในที่สุด

🔹เทคนิคใหม่ : ตำหนิที่พฤติกรรม พร้อมบอก เหตุผล และ ทางเลือกที่เหมาะสม ด้วยความเข้าอกเข้าใจ

🔹ผลลัพธ์ : เด็กจะแยกแยะได้ว่าสิ่งที่ผิดคือ "การกระทำ" ไม่ใช่ "ตัวตน" ของเขา และเรียนรู้กฎเกณฑ์พร้อมทางออกที่สร้างสรรค์

✅ 3. การฟังอย่างเข้าถึงใจ (Active Listening)
ก่อนจะชมหรือติ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจความรู้สึกของลูกอย่างแท้จริง

🔹เทคนิคใหม่ : สะท้อนอารมณ์ความรู้สึก ของลูกกลับไปเพื่อให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจ

🔹ผลลัพธ์ : เป็นการเปิดประตูสู่การสื่อสาร ทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความรู้สึก และทำให้การเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างพ่อแม่ลูกแข็งแกร่งขึ้น

✅ 4. เลี่ยงคำสั่ง/คำห้ามที่ไม่สร้างสรรค์
คำว่า "อย่า", "ห้าม", "ไม่เอา" มักกระตุ้นให้เด็กต่อต้านทันที

🔹เทคนิคใหม่ : ใช้การสื่อสารเชิงบวกหรือเสนอทางเลือก

🔹ตัวอย่าง : แทนที่จะบอกว่า "อย่าเอาของเล่นเข้าปาก" ให้ใช้ว่า "ของเล่นควรเอาไว้เล่นนะจ๊ะ ไม่ใช่อมในปาก" หรือ "เรามากินข้าวแทนดีกว่า"

📔🥰 บทความนี้ได้แรงบันดาลใจมากจากหนังสือ"ชมลูกให้ถูก ติลูกให้เป็น" หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของ ชิมะมุระ ฮะนะโกะ อดีตครูระบบการสอนแบบมอนเตสซอรี ผู้มีประสบการณ์อบรมดูแลเด็กโดยตรง ซึ่งได้รวบรวมเทคนิคชั้นดีที่ช่วยให้พ่อแม่เปลี่ยน "พฤติกรรมขัดแย้ง" ให้เป็น "พฤติกรรมเชื่อมโยง" กับลูกวัย 3-12 ปี เป็นคู่มือที่ช่วยให้เราได้ย้อนกลับมาทบทวนคำพูดและเปลี่ยนวิธีการสื่อสาร เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและส่งเสริมให้ลูกเติบโตอย่างมีคุณภาพ

การเปลี่ยน "พฤติกรรมขัดแย้ง" เป็น "พฤติกรรมเชื่อมโยง" ไม่ได้หมายถึงการไม่ตำหนิลูกเลย แต่คือการเปลี่ยนมุมมองและวิธีการสื่อสารให้สอดคล้องกับพัฒนาการของพวกเขา การชมที่ถูกวิธีจะช่วยสร้างความภูมิใจในตนเอง (Self-esteem) และสร้างแรงจูงใจที่ยั่งยืน ส่วนการติที่เป็นประโยชน์จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ที่จะปรับปรุงตัวเองโดยไม่รู้สึกว่าถูกทำลายคุณค่า

เพียงแค่พ่อแม่ปรับทัศนะที่มีต่อลูกสักนิด เปลี่ยนปฏิสัมพันธ์จาก "มีเงื่อนไข" (ทำดีถึงจะรัก) เป็น "ไร้เงื่อนไข" (รักลูกไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร) คุณก็จะสามารถใช้คำพูดเป็นเครื่องมือทรงพลังในการหล่อหลอมให้ลูกวัย 3-12 ปี เติบโตเป็นคนที่น่ารัก เฉลียวฉลาด และมีความสุขอย่างแท้จริง

เริ่มตั้งแต่วันนี้... มา "ชมลูกให้ถูก ติลูกให้เป็น" เพื่อสร้างสายใยรักที่แข็งแกร่งที่สุดในครอบครัว

#การเรียนรู้ #การศึกษา #ก้าวออกจากComfortZone #พัฒนาตัวเอง #เติบโต #พ่อม้าน้ำและแม่หมีกริซลี

14/11/2025

#เลี้ยงลูกชายให้อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ

หลายบ้านที่มีลูกชาย มักตั้งความหวังอยากให้ลูกเติบโตไปเป็นผู้นำที่ดี มีความรับผิดชอบ และประสบความสำเร็จ แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ... "จิตใจที่อ่อนโยน"

การเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ ไม่ได้วัดด้วยอำนาจหรือความแข็งกร้าว แต่ต้องมาจาก "หัวใจ" ที่อ่อนโยน และความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น ผู้ชายที่ต้องการเป็นผู้นำที่ดีและเป็นที่รักของคนรอบข้าง จะต้องมีความเข้มแข็งทางสติปัญญา ควบคู่ไปกับความอ่อนโยนทางอารมณ์

ผู้นำที่แท้จริงคือผู้ที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้คนได้ด้วย ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ทำให้ลูกชายของคุณสามารถดูแล ปกป้อง และให้เกียรติคนอื่นได้อย่างแท้จริง การเลี้ยงดูลูกชายให้มีจิตใจที่อ่อนโยน นุ่มนวล และให้เกียรติคนอื่น จึงเป็นภารกิจสำคัญของคุณพ่อคุณแม่ เพื่อสร้างสุภาพบุรุษที่สมบูรณ์แบบทั้งความกล้าหาญและความเมตตา

นี่คือเทคนิคที่เราได้รวบรวมมา เพื่อช่วยให้คุณสร้างลูกชายให้เป็นผู้นำที่ไม่แข็งกร้าว แต่เป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลด้วย "หัวใจ" ที่อ่อนโยน

1.สร้างต้นแบบที่ดี : พลังความอ่อนโยนจากคนเป็นพ่อ
ลูกจะซึมซับและเลียนแบบพฤติกรรมที่เห็นในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะจากคนเป็นพ่อ พฤติกรรมที่คุณพ่อแสดงออกต่อคนในครอบครัว คือ พิมพ์เขียว ที่ลูกจะนำไปใช้ในการปฏิบัติต่อผู้อื่น และเมื่อเขามีครอบครัวในอนาคต

แสดงความใส่ใจและความอ่อนโยนต่อแม่และคนในบ้าน : คุณพ่อควรแสดงความรัก การให้เกียรติ และความอ่อนโยนต่อคุณแม่อย่างเปิดเผย เช่น การช่วยเหลือแบ่งเบาภาระ การใช้คำพูดที่ให้เกียรติกัน ลูกชายจะเรียนรู้ว่าการเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งคือการเป็นผู้ที่ ใส่ใจ และ อ่อนโยน ต่อคนที่รัก

การจัดการอารมณ์ : เมื่อโกรธหรือหงุดหงิด ให้ลูกเห็นวิธีที่คุณควบคุมอารมณ์และแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ ไม่ใช้ความรุนแรงหรือคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ ซึ่งเป็นการสอนว่าความเข้มแข็งคือการควบคุมตนเองได้ ไม่ใช่การตะคอกใส่ผู้อื่น

2. สอนให้ลูกรู้จัก "ความรู้สึก" และ "ความเห็นอกเห็นใจ" (Empathy)
ผู้ที่เข้าใจและจัดการอารมณ์ของตนเองได้ดี และสามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น

อนุญาตให้ลูกชายแสดงความรู้สึกได้ : สอนให้ลูกรู้จักชื่อเรียกอารมณ์ต่าง ๆ (โกรธ เศร้า กลัว) และยอมรับว่าการแสดงความรู้สึกไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับใจตัวเอง แต่การแสดงอารมณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่าเอาไปแสดงหรือปฎิบัติต่อผู้อื่น

ตัวอย่าง : เมื่อลูกเสียใจ ให้บอกว่า "พ่อ/แม่เห็นว่าลูกเสียใจนะ ไม่เป็นไรที่จะรู้สึกแบบนั้น ลองบอกพ่อ/แม่สิว่าเกิดอะไรขึ้น"

ฝึกบทบาท "ผู้ให้": ชวนลูกทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้อื่น (เช่น แบ่งปันของเล่น, ช่วยคนแก่, ทำความสะอาดบ้าน) การที่ลูกได้เรียนรู้การเป็นผู้ให้ จะช่วยขัดเกลาจิตใจให้รู้จักเมตตา มีน้ำใจ และมีจิตใจอ่อนโยน

3. ปลูกฝัง "การให้เกียรติ" และ "การเคารพสิทธิ"
การเป็นผู้นำที่ดีคือการดึงศักยภาพของคนในทีมออกมา ซึ่งต้องเริ่มต้นจากการให้เกียรติ

เคารพสิทธิผู้อื่นและกฎกติกา : สอนให้ลูกเข้าใจว่าทุกคนมีสิทธิและความเป็นเจ้าของในตัวตนของตัวเอง (เช่น ร่างกาย, ทรัพย์สิน) ต้องเคารพขอบเขตของผู้อื่นเสมอ และปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมโดยไม่ตัดสินจากความแตกต่างทางเพศ เชื้อชาติ หรือฐานะ

ฝึกการตัดสินใจร่วมกัน : เปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความคิดเห็นและตัดสินใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในครอบครัว และพ่อแม่ควรรับฟังอย่างตั้งใจ สิ่งนี้จะปลูกฝังความมั่นใจในตนเอง และทำให้เขารู้จัก การให้เกียรติ เมื่อผู้อื่นเสนอความคิดเห็น

4. สอนให้เข้มแข็งในความรับผิดชอบ ไม่ใช่ความรุนแรง
ความเข้มแข็งที่แท้จริงไม่ได้วัดจากการใช้กำลังหรือเอาชนะ แต่มาจากการยอมรับความจริง

กล้ายอมรับและรับผิดชอบ : สอนให้ลูกกล้าที่จะพูดว่า "ขอโทษ" เมื่อทำผิดพลาด และรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ การยอมรับความผิดและพยายามแก้ไขคือคุณสมบัติที่น่าชื่นชมของผู้นำ

เป็นผู้นำด้วยเหตุผล เมื่อลูกเกิดความขัดแย้งกับเพื่อน แทนที่จะเข้าข้างหรือสั่งให้ยอม ให้สอนเขาใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาและหาข้อตกลงร่วมกัน (Win-Win Solution)

พลังของผู้นำที่มี "หัวใจ"
การเลี้ยงลูกผู้ชายให้เป็นผู้นำที่มีจิตใจอ่อนโยน คือการสร้าง ความสมดุลระหว่างความเข้มแข็งทางสติปัญญาและความอ่อนโยนทางอารมณ์

เมื่อลูกชายเติบโตมาพร้อมกับความอ่อนโยนที่ถูกหล่อหลอมจากแบบอย่างที่ดีของคนเป็นพ่อ และความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น เขาจะไม่ใช่แค่ผู้นำที่ประสบความสำเร็จ แต่จะเป็น สุภาพบุรุษ ที่สามารถนำพาความเปลี่ยนแปลงที่ดีงาม ปกป้องผู้คน และสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนในชีวิตของเขาเองได้ในที่สุด

#การเรียนรู้ #การศึกษา #ก้าวออกจากComfortZone #พัฒนาตัวเอง #เติบโต #พ่อม้าน้ำและแม่หมีกริซลี

14/11/2025

รู้สึกผิด…เมื่อเซ็นให้แม่เจาะคอ (จากเคสจริง)

โดย นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ (หมอเก่ง)
อายุรแพทย์ Chersery Home International


มีลูกหลายคน…
ที่ต้องนั่งน้ำตาคลออยู่หน้าห้องไอซียู
เพียงเพราะต้อง “ตัดสินใจแทน” คนที่รัก
ในวินาทีที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย

หนึ่งในคำถามที่ทำให้หลายครอบครัวปวดใจที่สุดคือ

“จะยอมให้เจาะคอแม่ไหม?”

คำถามที่ดูเหมือนสั้น
แต่ซ่อนความเจ็บลึก และความรู้สึกผิดที่ติดค้างในใจของลูกไปตลอดชีวิต


ในฐานะแพทย์ผู้ดูแลผู้สูงวัยระยะวิกฤตและระยะท้ายมานับไม่ถ้วน
ผมขอชวนทุกคนมาทำความเข้าใจอย่างตรงไปตรงมา…



🔍 การเจาะคอคืออะไร?

การเจาะคอ (Tracheostomy)
คือการเปิดรูที่บริเวณลำคอเข้าสู่หลอดลม เพื่อใส่ท่อช่วยหายใจโดยตรง
มักใช้ในผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจทางปากเป็นเวลานาน

เช่น เกิน 1–2 สัปดาห์ โดยเฉพาะในกรณีที่
• มีภาวะ ปอดอักเสบเรื้อรัง (Pneumonia)
• ระบบหายใจล้มเหลว
• โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง / เส้นประสาทเสื่อม (ALS, Stroke)
• อยู่ในภาวะโคม่า ไม่สามารถช่วยตัวเองได้



⚖️ ข้อดีของการเจาะคอ
• ลดความเสียหายต่อกล่องเสียงจากท่อช่วยหายใจทางปาก
• ทำให้การดูดเสมหะง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงการสำลัก
• สามารถใส่เครื่องช่วยหายใจได้ในระยะยาว
• ในบางกรณีช่วยให้ผู้ป่วย ฝึกหายใจเอง ได้ในภายหลัง



⚠️ ข้อเสียและภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง
• ความเสี่ยงต่อการ ติดเชื้อ ที่รูเจาะ
• การหลุดของท่อทำให้หายใจไม่ได้ทันที
• พูดไม่ได้ ขาดปฏิสัมพันธ์ทางเสียงกับครอบครัว
• ในบางรายต้องใช้ตลอดชีวิต หากไม่สามารถถอนเครื่องช่วยหายใจได้



🚫 ข้อห้าม (Relative Contraindications)
• ผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ไม่มีทางฟื้นกลับมา
• ผู้ป่วยที่มีคำสั่งไม่ทำหัตถการเพื่อยื้อชีวิต (DNR)
• ผู้ป่วยที่ความสามารถในการหายใจหรือฟื้นตัวต่ำมาก (เช่น สมองตาย หรือเป็นเจ้าชายนิทรา)


จากสถิติใน ICU ผู้สูงอายุ
กว่า 60% ของผู้ที่เจาะคอในภาวะวิกฤต
ยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจต่อไป
และ น้อยกว่า 30% ที่สามารถกลับมาหายใจเองได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะในผู้สูงวัยที่อายุเกิน 80 ปี หรือมีโรคร่วมหลายโรค


หมอไม่เคยโทษลูกหลานคนไหนที่เลือก “ให้เจาะคอ”
และก็ไม่เคยตำหนิครอบครัวที่ “ปฏิเสธ” การยื้อชีวิตเช่นกัน

เพราะความรัก…ไม่ได้วัดจากการทำหัตถการหรือไม่ทำ แต่วัดจาก เจตนาและความเข้าใจในคุณภาพชีวิต ของคนที่เรารัก


💬 ตัวอย่างหนึ่งที่หมอจำไม่เคยลืม:

ลูกชายคนเดียวของอาม่าที่อายุ 92 ปี
อาม่าติดเชื้อในปอดอย่างรุนแรง ใส่ท่อช่วยหายใจมาเกิน 10 วัน … หมอแนะนำให้เจาะคอ

ลูกชายถามเพียงคำเดียว…

“ถ้าแม่เป็นแม่ของหมอ…หมอจะทำมั้ย?”

หมอตอบกลับไปว่า…

“ถ้าท่านยังมีหวังจะกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพได้…ผมทำ แต่ถ้าท่านกำลังจะหลับอย่างสงบ ผมจะไม่ปลุกท่านให้ตื่นขึ้นมาเจ็บอีก”

วันนั้น…เขาเลือกไม่เจาะคอ

และอาม่าก็หลับไปอย่างสงบ
ในอ้อมกอดของลูกชายที่กุมมือไว้แน่นจนวินาทีสุดท้าย


เพราะการ “ไม่ยื้อ”
บางครั้ง…คือการ “ให้” ที่ลึกซึ้งที่สุด
คือการให้เกียรติ
ให้ความสงบ
ให้ความรัก
และให้ความเข้าใจใน “ความพอ” ที่ชีวิตควรจะมี


ถ้าวันหนึ่งคุณต้องตัดสินใจแทนคนที่คุณรัก
จงรู้ไว้ว่า…ไม่ว่าเลือกทางไหน
ขอเพียงคุณตั้งอยู่บน “ความรักและความปรารถนาดี”
คุณ…ไม่ผิดเลยครับ


ด้วยความเข้าใจและความเคารพในทุกครอบครัว

นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ (หมอเก่ง)
อายุรแพทย์
โรงพยาบาลผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู Chersery Home International

🏥 สอบถามรายละเอียด / นัดหมาย 👇🏼
☎️ 𝐓𝐞𝐥 : 𝟬𝟴𝟰𝟮𝟲𝟰𝟮𝟲𝟰𝟲
💚 𝐋𝐢𝐧𝐞 : https://lin.ee/M3iUqHe
📲 𝗜𝗚 : instagram.com/cherseryhomehospital
🌐 𝐖𝐞𝐛𝐬𝐢𝐭𝐞 : www.cherseryhome.com
📱 𝗧𝗶𝗸𝘁𝗼𝗸 : https://www.tiktok.com/
🎥 𝗬𝗼𝘂𝘁𝘂𝗯𝗲 : https://www.youtube.com/

#หมอเก่งดูแลด้วยใจ
#ทางเลือกในวาระสุดท้าย
#ผู้สูงวัยกับคุณภาพชีวิต
#เจาะคอหรือไม่เจาะคอ
#เข้าใจเพื่อไม่รู้สึกผิด
#ดูแลประคับประคอง # ดูแลผู้สูงอายุ
#คลินิกลดปวด #ปวดกล้ามเนื้อ
#เฌ้อสเซอรี่โฮม
#กายภาพบำบัด #คลินิกกายภาพ #เวชศาสตร์ฟื้นฟู #ศูนย์กายภาพบำบัด
#ศูนย์กายภาพ #กายภาพบำบัดใกล้ฉัน #ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู

ที่อยู่

552 ม. 3 ถ. เพชรเกษม, , ต. ควนลัง อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา
Amphoe Hat Yai
90110

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 12:00
อังคาร 08:00 - 12:00
พุธ 08:00 - 12:00
พฤหัสบดี 08:00 - 12:00
ศุกร์ 08:00 - 12:00
เสาร์ 08:00 - 12:00

เบอร์โทรศัพท์

+66824370433

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิคหมออุมา/คลินิคแพทย์หญิงอุมาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง คลินิคหมออุมา/คลินิคแพทย์หญิงอุมา:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram