สามแยก เภสัช

สามแยก เภสัช -ร้านขายยา
-ให้คำปรึกษาในการใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยเภสัชกร

20/08/2025

กินผักแล้วท้องอืด ปวดท้อง ท้องเสียบ่อย ?
ระวัง 5 ผัก FODMAPs สูง!
เชื่อว่าเราทุกน่าเคยได้ยินมาแหละ ว่ากินผักเพิ่มเพราะคิดว่าช่วยให้ถ่ายดี
แต่ผักบางอย่างกินแล้ว ระบบกินแล้วกลับรู้สึกท้องขับถ่ายไม่ดี แถมแย่ลงอีก ท้องอืด แน่นท้อง หรือบางทีก็ปวดท้อง ถ่ายเหลวซะงั้น?
สาเหตุอาจมาจากผักบางชนิดที่มี FODMAPs เยอะ ชื่อฟังดูซับซ้อน แต่จริงๆ คือพวกน้ำตาลหรือคาร์บที่ร่างกายย่อยไม่หมด
มันจะลงไปถึงลำไส้ใหญ่แล้วโดนแบคทีเรียหมักต่อ ทำให้เกิดแก๊ส ดึงน้ำเข้าลำไส้ จนเรารู้สึกแน่นพุง หรือระบบขับถ่ายรวน
สำหรับคนที่เป็นลำไส้แปรปรวนหรือ IBS (Irritable Bowel Syndrome) รวมถึงคนที่มีปัญหาระบบย่อยอาหารบางอย่าง อาจมีอาการที่พูดมาชัดเจน
เดี๋ยวเล่าให้ฟังว่า 5 ผักนี้ทำไมบางคนกินแล้วอาจ “ยิ่งถ่ายแย่” ไม่ได้ช่วยดีขึ้นอย่างที่คิด

1. หอมใหญ่
หอมใหญ่กินแล้วหอม หวาน อร่อยจริง แต่ดันมีน้ำตาลบางชนิดที่ร่างกายเราย่อยไม่หมด (พวกฟรักแทน) เลยไปหมักต่อในลำไส้ กลายเป็นแก๊สเพียบ
หลายคนเคยน่าจะเคยเป็น กินสลัดใส่หอมดิบ หรือยำที่ใส่หอมใหญ่เยอะๆ บางคนอาจไม่สบายท้องจนนอนไม่ได้เลยนะ
ถ้าอยากกิน ใช้ต้นหอม (ส่วนเขียว) แทนหอมใหญ่
หรือเอาหอมไปผัดกับน้ำมันให้หอม แล้วตักหอมออก เหลือแต่น้ำมันกลิ่นหอม

2. กระเทียม
กระเทียมช่วยให้อาหารอร่อยขึ้นเยอะ ยิ่งเมนูไทย ยิ่งมีกระเทียมนะ
แต่ก็มีน้ำตาลย่อยยากเหมือนหอมใหญ่ แถมมีสารกำมะถันที่ทำให้แก๊สเยอะขึ้นอีก
ถ้าชอบกระเทียม หรืออยากกินจริง แนะนำแบบนี้นะ
ใช้น้ำมันหมักกระเทียม (garlic-infused oil) เพื่อให้ได้กลิ่นและรส แต่ไม่เอากลีบสด
และลดปริมาณลง ไม่ต้องใส่เป็นกำๆ

3. กะหล่ำดอก / กะหล่ำปลี
หายคนไม่รู้นะว่า ผักตระกูลกะหล่ำเป็นตัวแก๊ส เพราะมีทั้งฟรักแทนและแมนิทอลสูง
กินมากเกินไปทำให้ท้องอืดได้ง่าย บางคนกินกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา แล้วปวดท้องก็มี
ใครที่มีเรื่องของลำไส้แปรปรวน ลองกินในปริมาณน้อยลองดูนะ

4. เห็ดบางชนิด – เห็ดหอมตัวดี
เห็ดบางชนิด อย่างเช่น เห็ดหอม เห็ดพอร์โทเบลโล และเห็ดแชมปิญอง
มีน้ำตาลแมนิทอลสูง ซึ่งย่อยยากและหมักง่าย กินเยอะอาจทำให้ท้องป่องหรือปวดท้องได้
ซึ่งอาหาร เช่น ซุปเห็ดครีมหรือผัดเห็ด ก็เป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นอาการยอดฮิต

อันนี้ต้องระวังนะ เลือกเห็ดนางฟ้า เห็ดเข็มทอง หรือเห็ดชิเมจิแทนก็ได้
ถ้ากินเห็ดหอม ให้กินน้อยๆ แล้วดูว่าท้องโอเคไหม

5. หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งดูเป็นผักสายคลีนที่มักอยู่ในเมนูสุขภาพ แต่มีฟรุกโตสและฟรักแทนสูง
ทำให้บางคนท้องอืดหรือถ่ายไม่ดี หน่อไม้ฝรั่งเราก็จะนึกถึงสเต๊กเนื้อ ฟังดูดีมาก
แต่บางคนกินเสร็งยังไม่ทันออกจากร้านเลย อาการลำไส้แปรปรวนมาแล้วนะ
ถ้าชอบจริงๆ ลดปริมาณลงนะ กินแค่ไม่กี่ก้านต่อมื้อ
หรือสลับกับผักอื่นที่อ่อนโยนต่อท้อง เช่น แตงกวา แครอต ผักโขม

ผักคือของดี แต่ถ้ากินแล้วรู้สึกท้องอืด ปวดท้อง หรือระบบขับถ่ายรวน
ควรสังเกตว่ามี 5 ผักที่ผมบอกไหม ไม่งั้นลองงลดปริมาณหรือเปลี่ยนไปกินผักที่ลำไส้ย่อยง่ายแทน
ผักที่ลำไส้ชอบ (FODMAP ต่ำ)
✅แครอต
✅แตงกวา
✅ฟักทอง
✅ผักโขม
✅มะเขือเทศ
✅พริกหวาน

เคล็ดลับง่ายๆ
•สลับกินผักหลายชนิด ไม่เน้นผักชนิดเดียวเยอะเกินไป
•ถ้ารู้ว่าลำไส้ไม่ถูกกับผักบางชนิด ก็กินให้น้อยลง ไม่จำเป็นต้องงดตลอดชีวิต
•ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะไฟเบอร์ต้องใช้น้ำช่วยให้ขับถ่ายได้ดี
•จดบันทึกอาการหลังมื้ออาหาร จะได้รู้ว่าตัวกระตุ้นคืออะไร

ฝากด้วยนะ FODMAPs เป็นปัญหาสำหรับคนที่มี IBS หรือระบบย่อยอาหารไว แต่สำหรับคนทั่วไป ผักเหล่านี้ยังเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
แต่ถ้าคุณมีอาการผิดปกติหลังทาน ลองสังเกตและปรับลดปริมาณ เลือกผักที่ลำไส้คุณถูกใจ ระบบขับถ่ายก็จะดีขึ้นโดยไม่ต้องงดผักทั้งหมด

รู้จักเลือกผัก เลี่ยงตัวที่ลำไส้เราไม่ชอบ แค่นี้ชีวิตและลำไส้ก็จะดีขึ้นเยอะครับ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะ

ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ
20/08/2025

ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ

มาจ้าๆ แม่ๆ พ่อๆ แพมเพิสเด็ก  🎉ลดล้างสต๊อค ⚡️ถึง 25 สิงหาคมนี้เท่านั้น หรือ จนกว่าของจะหมด
16/08/2025

มาจ้าๆ แม่ๆ พ่อๆ แพมเพิสเด็ก 🎉ลดล้างสต๊อค ⚡️ถึง 25 สิงหาคมนี้เท่านั้น หรือ จนกว่าของจะหมด

15/08/2025

🛎 โรคซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อชนิดสไปโรคีตที่เรียกว่า 𝘛𝑟𝘦𝑝𝘰𝑛𝘦𝑚𝘢 𝘱𝑎𝘭𝑙𝘪𝑑𝘶𝑚 เชื้อนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อเมือกเช่น ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ ปาก เยื่อบุตา หรือทางผิวหนังที่มีแผล เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะเข้ากระแสเลือดและไปจับตามอวัยวะต่าง ๆ ทำให้เกิดโรคตามอวัยวะ
โดยคนเราได้รับเชื้อโรคได้ 3 ทางหลัก ๆ ได้แก่
📍 1. ทางเพศสัมพันธ์ โดยเชื้อโรคสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยผ่านทางเยื่อบุช่องคลอด ท่อปัสสาวะ
📍 2. จากแม่สู่ลูก เชื้อสามารถติดจากแม่ไปสู่ลูกขณะตั้งครรภ์และขณะคลอดได้
📍 3. การติดต่อทางอื่น หากผิวหนังที่มีแผลสัมผัสกับแผลที่มีเชื้อก็ทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นได้ อย่างไรก็ตามเชื้อชนิดนี้จะไม่ทนต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการสัมผัสมือหรือการนั่งโถส้วมจะไม่ติดต่อ
✅ อาการและอาการแสดง แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะแรก ระยะที่สอง ระยะแฝง และระยะที่สาม
🛎 ระยะแรก ผู้ที่ได้รับเชื้อซิฟิลิสอาจไม่มีอาการเลยก็ได้ หากมีอาการจะเริ่มปรากฏหลังได้รับเชื้อ 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือน โดยจะปรากฎอาการของ ซิฟิลิสระยะแรกก่อน ได้แก่ตุ่มแดงแตกเป็นแผลที่บริเวณเชื้อเข้า ขอบแผลจะมีลักษณะแข็ง นูนและไม่เจ็บ หรือที่เรียกว่า แผลริมแข็ง มักพบได้ที่บริเวณอวัยวะเพศชาย อัณฑะ ทวารหนัก ช่องคลอด ริมฝีปาก แผลจะเป็นอยู่ 1-5 สัปดาห์และหายไปเอง หลังจากแผลหายเชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือดเกิดเป็นซิฟิลิสระยะที่สอง
🛎 ซิฟิลิสระยะที่สอง จะมีอาการตามระบบต่าง ๆ เช่น ผื่นตามผิวหนัง ปวดตามข้อ ต่อมน้ำเหลืองโต ตุ่มที่บริเวณอวัยวะเพศ ซอกพับ ขาหนีบ ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ ซิฟิลิสระยะนี้จะพบผลเลือดเป็นบวกได้ อาการเหล่านี้จะเป็นนาน 1-3 เดือน และจะหายไปได้เอง อาจเป็นซ้ำได้
🛎 หลังจากนั้นตัวโรคจะเข้าสู่ระยะแฝงซึ่งเป็นระยะที่ผู้ป่วยไม่มีอาการของโรค แต่ตรวจเลือดจะพบผลบวก ช่วงนี้กินเวลา 2-30 ปี หลังจากได้รับเชื้อ ในผู้ป่วยหญิงหากตั้งครรภ์เชื้อจะสามารถติดต่อไปยังลูกได้ ดังนั้นจึงควรตรวจเชื้อซิฟิลิสในผู้ที่ตั้งครรภ์ทุกรายแม้จะไม่มีอาการ
🛎 ซิฟิลิสระยะที่สาม เป็นระยะที่เชื้อโรคจะทำลายอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ หลอดเลือด นัยน์ตา สมอง ทำให้ตาบอด เกิดความผิดปกติของระบบประสาท หากรักษาไม่ทัน อวัยวะต่าง ๆ จะถูกทำลายโดยไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้
#คำแนะนำจากแพทย์
หากโรคได้รับการรักษาในระยะแรกหรือระยะที่สองจะทำให้ผลการรักษาดี มีโอกาสกลับเป็นซ้ำน้อย หากปล่อยไว้จนถึงระยะที่สามซึ่งเป็นระยะที่อวัยวะบางระบบของร่างกายถูกทำลายไปแล้ว ผลการรักษาจะไม่ดีเท่าที่ควร
ที่มาข้อมูล https://dst.or.th/Publicly/Articles/936.23.12
#ซิฟิลิส #โรคติดต่อ #แพทย์ผิวหนัง #สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
อย่าลืมกดถูกใจและกดติดตามเพื่อที่จะไม่พลาดความรู้ดีดีเรื่องผิวหนัง
Facebook : https://www.facebook.com/allaboutskin.thaiderm456
YouTube : https://www.youtube.com/
TikTok : https://www.tiktok.com/

ทรงพระเจริญ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม
12/08/2025

ทรงพระเจริญ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม

10/08/2025

❌ เลิกได้เลิก! อย่ากินยาดักไข้ก่อนป่วย 💊
หลายคนเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะป่วย หรือเพิ่งตากฝนมาหมาดๆ บางคนอาจจะรีบกินยาพาราเซตามอลหรือยาลดไข้ในทันที โดยมีความเชื่อว่าให้กินยาดักไข้เสียก่อนจะได้ไม่เป็นไข้ในภายหลัง แต่จริงๆ แล้วยาพาราเซตามอลและยาลดไข้นั้นมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวดและลดไข้หลังอาการเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น และไม่ได้มีสรรพคุณในการป้องกันโรคล่วงหน้าแต่อย่างใดค่ะ
ดังนั้น การกินยาดักไข้ตอนที่ยังไม่มีอาการ จึงไม่สามารถช่วยป้องกันการเป็นไข้ได้เลย แถมยังอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายมากขึ้นด้วยซ้ำหากเรากินยาพร่ำเพรื่อโดยไม่จำเป็นติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยเฉพาะ “ยาพาราเซตามอล” (500 มิลลิกรัม) หากกินเกินวันละ 8 เม็ด ต่อเนื่องเกิน 5 วัน อาจส่งผลทำให้ตับทำงานหนัก เซลล์ตับถูกทำลาย จนอาจเป็นตับอักเสบได้ในที่สุดค่ะ
แล้วหากคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะป่วย หรือเพิ่งตากฝนมาหมาดๆ ควรทำอย่างไรบ้าง? เรามีวิธีดีๆ ที่ช่วยป้องกันไข้โดยไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกายมาฝากกันค่ะ
✅ ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ จะช่วยลดอาการเจ็บคอและคัดจมูก และสามารถช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ดี
✅ หากเริ่มมีอาการเจ็บหรือระคายเคืองในลำคอ หรือมีเสมหะในคอมาก ให้กลั้วคอด้วยน้ำผสมเกลือเจือจางเล็กน้อย จะช่วยลดอาการได้
✅ ทานวิตามินซี เนื่องจากวิตามินซีนั้นจะช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายของคุณสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น
✅ นอนพักผ่อนให้มากๆ เพราะการนอนคือวิธีการฟื้นฟูร่างกายที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคเพื่อต่อสู้กับอาการเจ็บป่วย
✅ หากมีไข้สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป จึงค่อยรับประทานยาลดไข้ตามอาการ และเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น ซึ่งจะช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ดีมากค่ะ
ทั้งนี้ หากกินยาลดไข้หวัดแล้วไม่หายใน 3 วัน มีไข้สูงเกิน 39.5 °C มีอาการปวดรุนแรง หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย ก็ควรเข้าพบแพทย์ เพราะอาจเกิดจากสาเหตุหรือโรคอื่นๆ ที่ทำให้เกิดไข้สูง เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ก็เป็นได้ค่ะ
#อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ #กินยาดักไข้ #พาราเซตามอล #ยาลดไข้

10/08/2025
03/08/2025

มะเร็งยิ่งตรวจเจอเร็ว ยิ่งมีโอกาสรอด

วันนี้ลุงลองทำ infographic มาเปรียบเทียบให้ดู ว่าการตรวจเจอมะเร็งในระยะที่ 1 กับระยะที่ 4 โอกาสรอดต่างกันแค่ไหน (ข้อมูลต้นทางจะใช้ว่าระยะแพร่กระจาย ซึ่งมะเร็งส่วนใหญ่นับเป็นระยะที่ 4 ซึ่งคนไทยคุ้นเคยกว่า)

จะเห็นว่ามะเร็งแต่ละชนิด มีระดับความอันตรายไม่เท่ากัน บางชนิดถ้าตรวจเจอระยะที่ 1 โอกาสหายเยอะมากถึง 99% เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งไทรอยด์ และมะเร็งต่อมลูกหมาก บางชนิดถ้าปล่อยจนถึงระยะที่ 4 โอกาสรอดน้อยมาก เพียง 3% เท่านั้นเองครับ เช่น มะเร็งตับ และมะเร็งตับอ่อน

แล้วใครล่ะ ?? ที่ควรตรวจคัดกรองเป็นประจำ ลองเช็กลิสต์ดูครับ
✅มีญาติใกล้ชิดเป็นมะเร็ง
✅อายุมากกว่า 40-50 ปี
✅สูบบุหรี่
✅ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
✅ติดเชื้อ HPV

ซึ่งลุงมีความเห็นว่า ปัจจัยความเสี่ยงที่เราเห็นได้ชัดที่สุด คือจำนวนญาติใกล้ชิดที่เป็นมะเร็ง เช่น ถ้าในตระกูลเราเป็นมะเร็งเต้านม 5 คน เราก็ควรจะต้องตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเป็นประจำนั่นเองครับ

ส่วนปัจจัยอื่น ๆ เช่น การสูบบุหรี่ หรือการติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ เป็นปัจจัยส่วนบุคคล ซึ่งใครไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ควรไปตรวจโรคเอาไว้

แน่นอนว่าการสังเกตตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ การสัมผัสเจอก่อนเนื้อแปลก ๆ หรือมีอาการทางร่างกาย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบเหตุ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงได้เช่นกันคร๊าบ

Ref.
https://bitly.cx/ZEAU1
https://bitly.cx/OeVsk

02/08/2025

🩺 โรคไม่ได้มาเพราะดวง...แต่มาจากสิ่งที่เราทำซ้ำทุกวัน! 😱
━━━━━━━━━━━━━━━
🔹 1. ความดัน เบาหวาน ไขมันสูง → มาจาก "การกินเกินความจำเป็น"
▪️ ไม่ใช่แค่ "ของหวาน" ที่ทำลายสุขภาพ
▪️ แต่การกินมากเกินความหิว + พฤติกรรมกินตามอารมณ์ → คือจุดเริ่มต้น

🔹 2. หมอนรองกระดูกทับเส้น ปวดหลังเรื้อรัง → มาจาก "ความล้าเรื้อรัง"
▪️ ร่างกายไม่ได้พัก กล้ามเนื้อหลังถูกใช้งานเกิน
▪️ จนสะสมเป็นอาการที่แก้ยากในอนาคต

🔹 3. โรควิตกกังวล → มาจาก "การคิดมากไป"
▪️ สมองไม่เคยหยุดวิเคราะห์
▪️ ยิ่งกลัวล่วงหน้า ยิ่งเหนื่อยโดยไม่จำเป็น

🔹 4. โรคซึมเศร้า → มาจาก "การจมอยู่กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ซ้ำซาก"
▪️ คิดวนในมุมที่ไม่มีทางออก
▪️ ยิ่งเก็บ ยิ่งสะสม ยิ่งกลายเป็นความรู้สึกไร้ค่า

🔹 5. นอนไม่หลับ → มาจาก "ความกังวลและใจที่ไม่ยอมปล่อยวาง"
▪️ ร่างกายเหนื่อย แต่ใจยังวนอยู่กับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
▪️ ความเครียดเรื้อรังทำลายฮอร์โมนการนอน

🔹 6. โรคกระเพาะ / กรดไหลย้อน → มาจาก "ความโกรธสะสม"
▪️ โกรธจนแน่นท้อง นอนไม่หลับ กินไม่ลง
▪️ ความโกรธไปกระทบการย่อยอาหารโดยตรง

🔹 7. ไตไม่ดี / ปัสสาวะผิดปกติ → มาจาก "ความกลัวฝังลึก"
▪️ กลัวทุกเรื่อง กลัวล้มเหลว กลัวไม่พอ
▪️ ร่างกายตีความเป็น “ภัย” และสะสมไว้ที่ไต

🔹 8. ก้อนซีสต์ เต้านมผิดปกติ → มาจาก "การเก็บอารมณ์ไว้ในใจ"
▪️ ไม่แสดงออก ไม่พูด ไม่ระบาย
▪️ พลังงานอารมณ์ตกค้าง จนกายสะสมเป็นก้อน

━━━━━━━━━━━━━━━
🧠 สิ่งที่ควรจำไว้เสมอ:
📍 "โรคที่เกิดวันนี้ ไม่ได้เกิดแค่เมื่อวาน — แต่มาจากสิ่งที่คุณสะสมมานาน"

29/07/2025

โรคมือ เท้า ปาก กำลังระบาด
ช่วงนี้มีมาที่คลินิกบ่อย หลายเคสแล้ว มีทั้งเด็กและเด็กโต ล่าสุด 9 ขวบ ผู้ปกครอง คนใกล้ชิด โรงเรียน หมั่นสังเกตเด็กๆด้วยน้า
👨‍⚕️👩‍⚕️ ข้อมูลโรคมือเท้าปาก 🩺💉
✳️ โรคมือ เท้า ปาก

➡️ เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส มักพบในเด็กเล็กและมีการระบาดในช่วงฤดูฝน

⏩️ อาการที่พบบ่อยคือมีไข้ เป็นแผลในปาก มีตุ่มน้ำใสตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า และลำตัว

⏯️ โรคนี้ติดต่อจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำลาย น้ำมูก หรืออุจจาระ

❇️ อาการ:
➡️ ไข้: เด็กอาจมีไข้สูง 39 องศาเซลเซียส หรือมีไข้ต่ำๆ
➡️ แผลในปาก: มีลักษณะเป็นตุ่มแดงหรือตุ่มน้ำใสในปาก บริเวณลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก ทำให้เจ็บและทานอาหารลำบาก
➡️ ตุ่มน้ำใส: พบตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า อาจมีตามลำตัว แขน และขา
➡️ น้ำลายไหล: เนื่องจากเจ็บแผลในปาก
➡️ ไม่ยอมทานอาหาร: จากอาการเจ็บปาก

🤕 การติดต่อ:
👉 สัมผัสโดยตรง: กับน้ำลาย น้ำมูก หรืออุจจาระของผู้ป่วย
👉 สัมผัสทางอ้อม: ผ่านของเล่นหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ
👉 การหายใจ: การไอ จาม รดกัน

💊 การรักษา:
💉 รักษาตามอาการ: ส่วนใหญ่โรคจะหายได้เองภายใน 7-10 วัน
💉 ลดไข้: ให้ยาพาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน
💉 ยาชาเฉพาะที่: สำหรับทาหรือพ่นในช่องปาก เพื่อลดอาการเจ็บ
💉 ดูแลโภชนาการ: ให้ทานอาหารอ่อนๆ หรืออาหารเหลว เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือไอศกรีม และให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
💉 พักผ่อนให้เพียงพอ: เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว
💉 พบแพทย์: หากมีอาการรุนแรง เช่น ซึมลง หายใจหอบ หรือชัก ควรไปพบแพทย์ทันที

😷 การป้องกัน:
✅ หมั่นล้างมือ: ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ หรือก่อนรับประทานอาหาร
✅ หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน: เช่น แก้วน้ำ ช้อน หรือของเล่น
✅ ทำความสะอาดของเล่น: และสิ่งของเครื่องใช้ของเด็กเป็นประจำ
✅ สวมหน้ากากอนามัย: เมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก
✅ หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในที่แออัด: โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาด
✅ หากลูกป่วย: ให้หยุดเรียนและพักผ่อนที่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
✅ แจ้งโรงเรียน: หากลูกป่วย เพื่อให้ทางโรงเรียนได้เฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด

25/07/2025

เมื่อวานคุณพ่อจูงมือหนุ่มน้อย อายุ10ปี มาที่ร้าน เพื่อให้ช่วยดูลิ้น คุณพ่อบอกว่าอยู่ดีๆลิ้นก็เป็นแบบนี้ และแตก คุณพ่อได้ถ่ายรูปลิ้นก่อนแตกให้เภสัชดูด้วย ซึ่งก็เป็นตามรูปค่ะ
เภสัชซักประวัติ พบว่า ก่อนหน้านี้ เด็กมีไข้ แต่ไข้ไม่สูง และเจ็บคอมาก่อน และปฎิเสธผื่นที่ตัว
ในเด็กที่มีไข้และเจ็บคอมาก่อน ตามมาด้วยลิ้นสตรอเบอรี่ ทำให้เภสัชนึกถึง โรคไข้อีดำอีแดง ซึ่งเป็นโรคที่เจอในเด็กช่วงอายุ 5-15ปี ร้านยาหน้าโรงเรียนเจอไม่บ่อย แต่ก็ไม่น้อยเลยค่ะ
ไข้อีดำอีแดง หรือเรียกว่า Scarlet fever เกิดได้จากเชื้อแบคทีเรีย GAS
โรคนึ้ติดต่อกันได้โดยการหายใจ สูดละอองฝอยน้ำลาย หรือการสัมผัส น้ำมูก น้ำลายของผู้ติดเชื้อ อาการคือ ไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ กลืนลำบาก มีผื่นแดงหยาบคล้ายกระดาษทราย มักเริ่มจากหน้าอก ลำตัว ตามมาด้วยลิ้นสตรอเบอรี่ตามรูปเลยค่ะ ลิ้นสตรอเบอรี่เกิดจากการอักเสบของลิ้น ทำให้มีลักษณะเป็นฝ้าสีขาวปกคลุมลิ้น และเกิด hypertrophy ของ fungiform papillaeเป็นตะปุ่มตะป่ำ ดูคล้ายผิวสตรอเบอรี่
ภาวะแทรกซ้อนหากคนไข้ได้รับการดูแลไม่ถูกวิธีคือ โรคหัวใจรูมาติก และไตอักเสบ
รักษาโดยใช้ยาปฎิชีวนะ นาน10วันค่ะ
เคสนี้เภสัชแนะนำคุณพ่อพบคุณหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายและตรวจผลlabเพิ่มเติมค่ะ

นอกจากไข้อีดำอีแดงแล้วลิ้นสตรอเบอรี่ยังพบได้ในโรคคาวาซากิ และเด็กที่ขาดวิตามินบี12 ได้ด้วยนะคะ ซึ่งอาการทั้ง3 โรคแตกต่างกันค่ะ แต่เราจะเห็นลิ้นสตรอเบอรี่แบบเดียวกัน
หมายเหตุ: รูปได้รับการอนุญาตให้เผยแพร่โดยคุณพ่อของน้องแล้วค่ะ
#แสงทองเภสัชหาดใหญ่
#ไข้อีดำอีแดง
#ร้านยาหน้าโรงเรียนแสงทอง

ที่อยู่

59/4 หมู่ 2 ต.ทุ่งควายกิน
Amphoe Klaeng
21110

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 21:00
อังคาร 08:00 - 21:00
พุธ 08:00 - 21:00
พฤหัสบดี 08:00 - 21:00
ศุกร์ 08:00 - 21:00
เสาร์ 08:00 - 21:00
อาทิตย์ 08:00 - 21:00

เบอร์โทรศัพท์

+66928961598

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สามแยก เภสัชผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram