10/07/2025
**“อาสาฬหบูชา..วันพระตถาคตปรากฏตัว”**
ณ สถานที่อันเต็มไปด้วยหมู่แมกไม้ใบดกหนาป่ารกทึบ เต็มไปด้วยฤาษี โยคี นักบวช ผู้บำเพ็ญตบะ และเต็มไปด้วยหมู่สัตว์นานาชนิด โดยเฉพาะ เก้ง กวาง ซึ่งมีจำนวนมากเป็นพิเศษ
สถานที่แห่งนี้ ถึงแม้จะอยู่ในเขตแดนแห่งเมืองพาราณสี แต่ทว่ากลับมีความพิเศษแตกต่างจากที่แห่งอื่น เพราะแม้จะมีสถานะเป็นเมืองเล็กๆที่มีคูน้ำล้อมรอบอยู่ถึง ๒ ชั้น (ทั้งภายในภายนอก) แต่กลับไม่มีเจ้าผู้ครองเมืองดังเช่นเมืองอื่นๆ ดังนั้นเมืองนี้จึงเป็นเมืองที่ชาวบ้านปกครองกันเองมาโดยตลอด
ภายในเขตคูน้ำชั้นในนั้น จะเป็นที่อยู่อาศัยของพวกฤาษี ตลอดถึงนักบวชนักพรตผู้มีความรู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยาสมุนไพรต่างๆ เวลาชาวบ้านเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะพากันมาพึ่งพาหยูกยากันที่นี่
ทั้งนักบวชและญาติโยมต่างก็พึ่งพาอาศัยกันและกัน โดยญาติโยมนั้นต้องพึ่งพาเรื่องหยูกยาการรักษาจากนักบวช ส่วนนักบวชเองก็พึ่งพาอาหารบิณฑบาตจากญาติโยม
ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงมีชื่อเสียงในด้านเป็นที่อยู่ของพวกฤาษีผู้บำเพ็ญตนบำเพ็ญประโยชน์ แถมยังเป็นเขตอภัยทานสำหรับหมู่สัตว์ที่อาศัยอยู่อีกด้วย เพราะว่าไม่มีใครหน้าไหนเลย ที่จะกล้ารุกล้ำเข้าไปล่าสัตว์ในภายในบริเวณป่าแห่งนี้ เพราะเกรงบารมีของเหล่าฤาษี ชาวบ้านชาวเมืองเหมือนจะรู้ๆกันไปโดยปริยายว่าเป็นเขตที่ควรงดเว้นการล่าสัตว์ในทุกกรณี
ผืนป่าแห่งนี้จึงถูกขนานนามว่า “ #ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน” อันหมายถึงป่าซึ่งเป็นที่อาศัยอยู่ของเหล่าฤาษีและเก้งกวางนั่นเอง
เกริ่นมาซะยืดยาว ก็เพื่อจะเล่าให้ฟังว่า…วันหนึ่งในอดีต เมื่อประมาณ ๒,๖๐๐ ปีก่อน ซึ่งเป็นวันที่ตรงกับวันอาสาฬหบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ได้มีนักบวชรูปหนึ่ง เดินทางมาปรากฏตัวยังสถานที่แห่งนี้ พร้อมกับประกาศสัจธรรมที่ท่านพึ่งได้บรรลุมาหมาดๆให้แก่ฤาษี ๕ ตนได้สดับตรับฟังเป็นครั้งแรก จนเกิดความรู้แจ้งเห็นจริงตาม
ซึ่งนักบวชรูปที่ว่านี้ ก็คือผู้ที่ถูกขนานนามในเวลาต่อมาว่า “ #พระสัมมาสัมพุทธเจ้า_หรือพระตถาคตเจ้า” ของชาวพุทธเรานั่นแล..
หมาดๆ-ตรัสรู้ทรงตรวจดูซึ่งหมู่สัตว์
ดุ่มๆ-เดินเลาะลัดด้วยรู้ชัดอัชฌาศัย
ด้อมๆ-เหล่าฤาษีเอ๊ะท่าทีผู้มาไกล
นั่นๆ-มิใช่ใคร เขาผู้ไม่บำเพ็ญตน
พุทธะอุบัติแล้ว
ใยมิแคล้วจะสับสน
แสดงธรรมย้ำกมล
แจงเหตุผลพ้นโลกีย์
ครั้งแรกจึงแฮกหมาน
ปัญญาญาณบารมี
โกฑัญญ์พระฤาษี
จึงดวงดีได้ดวงธรรม
ขอบวชตามพระองค์
จึงเกิดสงฆ์ผู้เลิศล้ำ
ปฐมเทศนาธรรม
ณ ภาพจำ “ป่าสวนกวาง”..
#เรียบเรียงและแต่งกลอนโดยท่านอาจารย์อุดร
กราบ กราบ กราบ สาธุค่ะ