คลินิกไตเทียมราชพฤกษ์ นครศรีธรรมราช

คลินิกไตเทียมราชพฤกษ์ นครศรีธรรมราช การรักษาฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม

Ratchapruek dialysis clinic
คลินิกให้บริการรักษาบำบัดทดแทนไตโดยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
โดย นพ.กมล-พญ.เสาวลักษณ์ โฆษิตรังสิกุล
รับผู้ป่วยประกันสังคมและสปสช.

ภัยเงียบ ❗️ของโซเดียมแฝง
18/08/2025

ภัยเงียบ ❗️ของโซเดียมแฝง

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๘ขอพระองค์ท...
12/08/2025

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๘

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า คณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ คลินิกไตเทียมราชพฤกษ์ นครศรีธรรมราช

สิ่งสำคัญ ที่ ทาง คลินิก ย้ำเสมอมาคือ คุณภาพ ของ น้ำ ที่ ใช้รักษา คนเรา จึง เฝ้า ติดตาม และ ปรับปรุงให้ น้ำที่ นำ มา ใช้...
05/08/2025

สิ่งสำคัญ ที่ ทาง คลินิก ย้ำเสมอมา

คือ คุณภาพ ของ น้ำ ที่ ใช้รักษา คน

เรา จึง เฝ้า ติดตาม และ ปรับปรุง

ให้ น้ำที่ นำ มา ใช้ฟอกเลือด คนไข้

ได้ เกณฑ์มาตรฐาน ปลอดเชื้อโรค

อยู่ เสมอมา และ ตลอด ไป

https://www.facebook.com/share/p/1DgGpVDjkE/?mibextid=wwXIfr
05/08/2025

https://www.facebook.com/share/p/1DgGpVDjkE/?mibextid=wwXIfr

10 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโรคไต

1. กินยาเบาหวาน ความดันมาก ๆ ทำให้เกิดโรคไต

❌ การไม่สามารถคุมความดันกับเบาหวานได้ต่างหาก ที่ทำให้เกิดโรคไต และปัจจุบันยาเบาหวานบางตัว (SGLT2i, GLP-1) และยาลดความดันบางตัว (RASi, ns-MRA) มีการศึกษาชัดเจนว่าชะลอไตเสื่อมได้

2. ค่า eGFR ยิ่งสูงยิ่งดี ไตยิ่งเสื่อมช้า

❌ ไม่จริงเสมอไป ในคนที่เป็นโรคไตเรื้อรังแล้วเช่นคนที่เป็นเบาหวานลงไตหรือคนอ้วน ค่า eGFR ที่สูงไปอาจจะบ่งบอกภาวะไตทำงานมากกว่าปกติ การดูค่า eGFR ต้องดูร่วมกับโปรตีนร่วมในปัสสาวะเสมอ ถ้าค่าโปรตีนรั่วสูงบ่งบอกว่าไตมีแนวโน้มเสื่อมเร็ว ในทางตรงกันข้าม ยาในข้อที่ 1 หลายตัว ช่วงที่ใช้ยาตอนแรก ๆ ค่าไตจะลดลงมาเล็กน้อย เพราะมันช่วยแก้ภาวะที่ไตทำงานมากกว่าปกติ ไตจะได้อยู่กับเราได้นานขึ้นๆ

3. โรคไตควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เพราะทำลายไต

❌ โพแทสเซียมไม่ได้ทำลายไต ตรงกันข้ามโพแทสเซียมมีแนวโน้มจะช่วยป้องกันโรคไต, โรคความดันโลหิตสูงได้ *โรคไตระยะ 1-3 ที่ไม่ได้มีโพแทสเซียมสูง สามารถกินได้โดยปลอดภัยแถมได้ประโยชน์* แต่หลีกเลี่ยงในคนที่ไตระยะ 4-5 หรือมีโพแทสเซียมสูงแล้ว เพราะโพแทสเซียมที่สูงไปจะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้

4. โรคไตห้ามกินกาแฟ

❓จริงๆ กาแฟดำ มีฟอสฟอรัสไม่สูงมากกินได้ มีงานวิจัยหลายงานที่บ่งบอกว่าการกินกาแฟดำไม่เกินวันละ 1-2 แก้วต่อวันให้ผลดีต่อไตและหัวใจ แต่ต้องรอข้อสรุปที่ชัดเจนต่อไป ในไตระยะท้าย ๆ อาจจะต้องระวังเนื่องจากคาเฟอีนบางส่วนขับออกทางไต อาจจะต้องปรับปริมาณกาแฟที่รับประทาน พิจารณาลดถ้ามีอาการใจสั่น ถ้าฟอสฟอรัสสูงมากอาจจะเลี่ยงกาแฟชงสำเร็จรูป

5. การฟอกทางเส้นเลือดดีกว่าการฟอกไตทางช่องท้อง

❌ ข้อมูลปัจจุบันไม่แตกต่างกัน และการฟอกไตทางช่องท้องในคนไข้ที่ยังมีปัสสาวะ จะมีแนวโน้มรักษาปัสสาวะที่เหลืออยู่ได้ดีกว่า

6.โรคไตต้องกินไข่ขาวเสริม

❌ การกินไข่ขาวเสริมไม่ได้ช่วยโรคไตเลย โดยทั่วไปแล้วคำแนะนำของโรคไตก่อนฟอกไตคือจำกัดโปรตีน 0.6-0.8 กรัม/นน ตัว/วัน การกินไข่ขาวก็เปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนเหมือนอันอื่นทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่าไข่ขาวมีคลอเรสตอรอลต่ำ มีฟอสฟอรัสต่ำ จึงเป็นโปรตีนที่ดีกับคนไข้ที่ฟอกแล้วในกรณีที่ต้องกินโปรตีนเสริม แต่สำหรับคนที่ยังไม่ได้ฟอก ไม่จำเป็นต้องกินไข่ขาวเสริมและสามารถปรับการกินโปรตีนจากอาหารทั่วไปอย่างเหมาะสม

7.ค่า creatinine ที่สูงขึ้นในคนที่ออกกำลังกายต้องหยุดออกกำลังกาย

❌ ต้องแยกภาวะที่ออกกำลังกายอย่างหนักจนเกิดกล้ามเนื้อสลายออกไปก่อน ซึ่งอาจจะมีอาการปวด ปัสสาวะสีโค้ก มีค่ากล้ามเนื้อสลายในเลือดเพิ่มขึ้น แต่สำหรับคนที่ไม่มีอาการ เวลาเรามีกล้ามเนื้อมากขึ้น ค่า creatinine อาจจะสูงขึ้นได้โดยที่การทำงานของไตไม่ได้แย่ลง ซึ่งในกรณีนี่ควรตรวจ serum cystatin-C เพื่อประเมินการทำงานของไตร่วมด้วย ซึ่งถ้า eGFRcr-cys ปกติ ก็แปลว่าไตไม่ได้เสื่อม

8.ถ้าฟอกไตแล้วยังไงก็ไม่ฟื้น ต้องฟอกตลอดไป

❓ ต้องแยกว่าไตวายมีสองกรณี 1. ไตวายฉับพลัน 2. ไตวายเรื้อรัง ถ้ามีภาวะไตวายฉับพลันอยู่ อาจจะเกิดจากสาเหตุใดก็แล้วแต่ ไตอาจจะฟื้นได้ อาจจะสามารถหยุดฟอกได้ การฟอกไตสำหรับไตวายฉับพลันเป็นขั้นตอนหนึ่งของการช่วยชีวิตให้พ้นจากภาวะวิกฤตช่วงนั้นเพื่อรอไตฟื้น ส่วนไตเรื้อรังโอกาสฟื้นตัวจะน้อยกว่า

9.การกินน้ำปริมาณมาก ๆ ดีกับไต

❓น่าสนใจว่าปัจจุบันงานวิจัยที่แนะนำให้กินน้ำปริมาณมาก ๆ พบว่าไม่ได้ช่วยชะลอไตเสื่อมเลย อย่างไรก็ตามการดื่มน้ำวันละสองลิตรต่อวันในคนไข้ที่ยังมีปัสสาวะปกติอาจจะช่วยลดการขาดน้ำได้ แต่การดื่มน้ำมากกว่านี้หรือคนไข้ที่เริ่มมีปัญหาในการขับน้ำ (ระยะ 4-5) อาจจะต้องระมัดระวังภาวะโซเดียมต่ำ เกิดจากการกินน้ำมากเกินไปจนทำให้โซเดียมในเลือดเจือจาง ภาวะนี้ถ้าเป็นรุนแรงจะอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

10. ปวดหลังบ่อย ๆ เท่ากับไตเสื่อม

❌ ส่วนใหญ่ปวดหลังคือปวดกล้ามเนื้อกับกระดูก ถ้าปวดบริเวณสีข้างอาจจะเป็นตำแหน่งของไต แต่เป็นอาการของติดเชื้อที่กรวยไต หรือนิ่ว หรืออาการอักเสบบางอย่าง ส่วนใหญ่โรคไตเรื้อรังจะไม่มีอาการปวด อาการเริ่มต้นอาจจะไม่มีอาการหรือมาด้วยปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน อาการปัสสาวะเป็นฟองต้องตรวจยืนยันว่าเป็นโปรตีนรั่วหรือไม่ ถ้าเป็นอาจจะเป็นโรคไตกลุ่มเนฟโฟรติก ซึ่งมีการรักษาเฉพาะ

01/08/2025

มัม ลาโคนิค ป่วยโรคไตสุดท้ายน้ำท่วมปอดเพราะไม่ยอมฟอกไต!!!

เป็นอีกหนึ่งศิลปินชื่อดังในยุค 90 อย่างคุณมัมลาโคนิคเจ้าของบทเพลง"เติมใจให้กัน" ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้มีการอัพเดทข่าวว่าคุณมัม ได้ Admit ICU อย่างเร่งด่วนเนื่องจากภาวะน้ำท่วมปอด เพราะมีอาการหายใจไม่ออกและหมดสติ ตามข่าวที่ทุกคนทราบกันแล้ว แหล่งข่าวยังบอกอีกว่า คุณมัม มีโรคประจำตัวเป็นโรคไตอยู่แล้วตั้งแต่ปี2562 แต่ปฏิเสธการรักษาจนกระทั้งปัจจุบันเกิดเหตุการณ์นี้... หมอก็ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดีนะคะ

หมอจะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับภาวะไตเรื้อรังและการฟอกไตค่ะ น่าจะเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่ได้เห็นข่าวของคุณมัมหรือเป็นผู้ที่เป็นโรคไตเองแล้วลังเลว่าจะฟอกหรือไม่ฟอกไต

ไตเรื้อรังมีทั้งหมด 5 ระยะและระยะสุดท้ายนั้นคือระยะที่ต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีที่เรียกว่าการบำบัดทดแทนไตหรือที่เราเคยได้ยินกันว่าการฟอกไตนั่นเอง

เนื่องจากการทำงานของไตที่ต่ำกว่า 15% ไม่สามารถทำให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างปกติ "ของเสีย" จะเริ่มคั่งทำให้บางครั้งมีภาวะซึม สับสน

"น้ำ"ที่ไม่สามารถขับออกได้เพียงพอก็จะสะสมตามร่างกายต่างๆ โดยเฉพาะที่ปอดทำให้เกิดภาวะ"น้ำท่วมปอด" เหมือนข่าวนักร้องดังข้างต้น

อาการของน้ำท่วมปอด คือ
- หายใจไม่ออก
- นอนราบไม่ได้
- รู้สึกแน่นหน้าอกหรือ
- ไอบางครั้งอาจจะมีเลือดปนออกมาเป็นฟองชมพูร่วมด้วย

ภาวะดังกล่าวสามารถแก้ไขได้โดย
: การเตรียมตัวฟอกไตตั้งแต่ระยะที่ 4
โดยมีการเตรียมเส้นเลือดให้พร้อมหรือถ้าจะฟอกไตทางหน้าท้องก็ต้องมีการวางสายให้พร้อม

เนื่องจากภาวะน้ำท่วมปอดเป็น "ภาวะฉุกเฉิน" เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้สูงและต้องนอนโรงพยาบาลนาน อาจจะมีข้อแทรกซ้อนอย่างเช่นปอดอักเสบติดเชื้อได้

ดังนั้นเมื่อคนไข้หรือญาติได้รับข้อมูลจากคุณหมอโรคไตประจำตัวแล้วว่าเข้าสู่ระยะที่ 4 หรือระยะที่ 5 สิ่งแรกที่ควรทำคือการเตรียมตัวเพื่อการฟอกไต ไม่ใช่การหลบหนีความจริงหรือหลีกเลี่ยงการฟอกไต จนนำมาถึงภาวะการเกิดน้ำท่วมปอดและต้องฟอกไตฉุกเฉิน

ทั้งนี้เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและอายุขัยที่ยืนยาวของตัวผู้ป่วยเองค่ะ

#ด้วยรักและห่วงไต
#ด็อกเตอร์คิดนี่👩‍⚕️
ขอบคุณภาพจาก sanook.com

เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ...
28/07/2025

เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า คณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ คลินิกไตเทียมราชพฤกษ์ นครศรีธรรมราช

https://www.facebook.com/share/p/19gkyJoK2c/?mibextid=wwXIfr
24/07/2025

https://www.facebook.com/share/p/19gkyJoK2c/?mibextid=wwXIfr

Plasmapheresis (พลาสมาเฟอเรซิส) คือ กระบวนการทางการแพทย์วิธีหนึ่งเพื่อกรองของเสียบางชนิดออกจากเลือด ระยะหลังนี้อาจได้ยินการกล่าวถึงวิธีการนี้ในหลายชื่อ เช่น การเปลี่ยนถ่ายพลาสมา, การเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง, การกรองพลาสมา ฯลฯ วิธีการนี้มีจุดประสงค์สำคัญ คือ กรอง “ของไม่ดี” ออกจากเลือดหรือร่างกายของผู้ป่วย ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การกรองแอนติบอดี้ ที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคทางระบบประสาท (เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง Myasthenia gravis, โรค Guillain-Barré syndrome, โรค Neuromyelitis optica (NMO)), โรค Multiple sclerosis (MS), โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ในระยะรุนแรง, โรคธัยรอยด์เป็นพิษขั้นรุนแรง, โรค Thrombotic Thrombocytopenic Purpura (TTP) และ โรคไตอักเสบบางชนิด ออกจากพลาสมา เพื่อลด “แอนติบอดี้” ที่ไหลเวียนอยู่ในเลือดออกจากเลือดของผู้ป่วย เมื่อระดับแอนติบอดี้ต่ำลง อาการต่าง ๆ ของโรคก็จะดีขึ้น

Plasmapheresis เป็นหลักการเดียวกับการฟอกเลือดหรือการล้างไตในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง แต่จะกรองสารพิษหรือของเสียที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่กว่าการฟอกเลือด ถือเป็นหัตถการเพื่อการรักษาที่มีประโยชน์ ซึ่งเรียกว่า Therapeutic plasmapheresis ข้อบ่งชี้ในการเลือกทำการรักษาด้วยวิธีนี้มีหลายข้อ ซึ่งสมาคม American Society for Apheresis (ASFA) ได้กำหนดและแบ่งเป็นหมวดหมู่ 1, 2, 3, 4 ตามประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้วิธีการรักษานี้ ซึ่งแพทย์ผู้ดูแลรักษาผู้ป่วย ควรเลือกจากข้อบ่งชี้ในหมวดหมู่ 1 และ 2 เป็นหลัก คือ มีประโยชน์ชัดเจน ช่วยลดอาการของโรคได้ชัดเจน เทียบกับวิธีการรักษาอื่น ๆ แล้ววิธีนี้มีประโยชน์มากกว่าชัดเจน เป็นต้น ส่วนข้อบ่งชี้ในลำดับอื่น ๆ เช่น หมวดหมู่ 3 จะหมายถึงทำแล้วได้ประโยชน์ไม่ชัดเจน ยังไม่มีความจำเป็น ไม่ได้เป็นทางเลือกหลัก หรือควรพิจารณาวิธีอื่นก่อน ส่วนหมวดหมู่ 4 เป็นกลุ่มโรคที่ไม่แนะนำให้ทำ plasmapheresis

วิธีการทำ plasmapheresis ใช้เครื่องมือคล้ายกับเครื่องฟอกเลือด การใส่สายสวน (double lumen catheter) เข้าหลอดเลือดดำจำเป็นต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากเป็นสายสวนขนาดค่อนข้างใหญ่ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขณะใส่สายสวนได้ เช่น เกิดการห้อเลือดขนาดใหญ่ เกิดฟองอากาศชั้นใต้ผิวหนัง (subcutaneous air embolism) หรืออาจเกิดการติดเชื้อซึ่งอาจรุนแรงจนเกิดการติดเชื้อในกระแสโลหิตได้ นอกจากนั้นกระบวนการกรองพลาสมา ยังอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของระบบไหลเวียนโลหิตได้ด้วย เช่น ความดันโลหิตตกรุนแรง สมดุลเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ ฯลฯ ซึ่งเคยมีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตจากการรักษาด้วยวิธีนี้ในต่างประเทศด้วย

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้บริการการรักษาผู้ป่วยด้วยวิธี plasmapheresis โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญและข้อบ่งชี้ทางการแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยสามารถให้บริการผู้ป่วยได้ทั้งที่สาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ และภาควิชาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด ทำให้สามารถดูแลรักษาผู้ป่วยโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมาโดยตลอด และคณะฯ ใคร่ขอเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการรักษาด้วยวิธีนี้และใคร่ขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำกระบวนการนี้ไปใช้กับผู้ที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ เนื่องจากยังไม่พบหลักฐานข้อมูลทางการแพทย์ที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ชัดเจนจากการให้การรักษาด้วยวิธีนี้ในกลุ่มที่สุขภาพแข็งแรงเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นการมีอายุขัยยืนยาว การเสริมสร้างความงามหรือรูปลักษณ์ เมื่อเทียบกับโอกาสที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการทำหัตถการ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกระบวนการรักษาด้วยวิธีนี้ ขอให้ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเพื่อให้เกิดประโยชน์และความปลอดภัยสูงสุดกับทุกคน

ขอบพระคุณข้อมูลจาก ศ.เกียรติคุณ นพ.เกรียงศักดิ์ วารีแสงทิพย์ สาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และนายกสมาคมอะเฟอรีซิส (ประเทศไทย)

#โปรดใช้วิจารณญาณ #ข้อบ่งชี้เพื่อความปลอดภัย #สาระดีดี #ศิริราชทำด้วยใจ #เพื่อคนไทยสุขภาพดี

5 วิธีกิน สุขภาพดีฟินเฟ่อร์Cr. สสส Thaihealth
21/07/2025

5 วิธีกิน สุขภาพดีฟินเฟ่อร์

Cr. สสส Thaihealth

https://www.facebook.com/share/1B9UXb5UTN/?mibextid=wwXIfr
20/07/2025

https://www.facebook.com/share/1B9UXb5UTN/?mibextid=wwXIfr

คนไข้บอกปัสสาวะเป็นฟองแต่ไม่เจอโปรตีนรั่ว ?

เคยเจอไหมครับ ที่คนไข้มาด้วยปัสสาวะเป็นฟอง แต่ตรวจทุกอย่างแล้วก็ปกติ ตรวจไตปกติ ตรวจปัสสาวะก็ไม่เจอโปรตีนรั่ว คนไข้ส่วนมากเวลาตรวจไม่พบก็มักจะพยายามไปหาแพทย์คนถัดไปอีก จนสุดท้ายอาจจะไปจบที่การรักษาแพทย์ทางเลือก

อย่างแรกเลย

ปัสสาวะเป็นฟอง ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของไตทั้งหมด เรามักจะบอกให้คนไข้มาพบแพทย์ “ถ้า” มีปัสสาวะเป็นฟอง เพราะจะได้ตรวจโปรตีนในปัสสาวะ ซึ่งอาจจะบ่งบอกโรคไตโกลเมอรูลัสหรือโรคไตเนฟโฟรติกซึ่งบางโรคการรักษาช้า อาจจะทำให้ไตเสื่อมถาวรได้

ดังนั้นที่เรากลัวคือโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ไม่ใช่ ปัสสาวะเป็นฟองทุกราย

ปัญหาคือ ”ปัสสาวะเป็นฟอง“ ค่อนข้าง subjective มาก ๆ มีการศึกษานึงที่ศึกษาคนไข้ที่มาด้วยอาการปัสสาวะเป็นฟอง พบว่ามีประมาณ 20-40% เท่านั้นที่ตรวจพบโปรตีนรั่วในปัสสาวะจริง ๆ (โปรตีนรั่ว ที่ทำให้ปัสสาวะเป็นฟองมักจะเกิน 500 mg ขึ้นไป)

แล้วถ้าไม่ใช่โปรตีนรั่วในปัสสาวะ อะไรที่ทำให้ปัสสาวะเป็นฟอง

ฟองในปัสสาวะเกิดจากอากาศไปถูกกักในน้ำปัสสาวะ ดังนั้นถ้าปัสสาวะแรงๆ ใส่โถ ทุกคนจะมีฟองอยู่แล้ว แต่ฟองนั้นจะแตกง่าย มันหายไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่เราปล่อยมันทิ้งไว้

สิ่งที่ทำให้มันไม่หายไปคือ สาร surfactant ที่เคลือบในฟองอากาศ สาร surfactant นี้มีทั้งส่วนที่เป็น hydrophilic และ hydrophobic เวลาอยู่ในน้ำมันจึงฟอร์มเป็นฟองได้

สาร surfactant นั้นมาจากไหน

1. โปรตีนในปัสสาวะ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นแอลบูมินซึ่งพบในโรคไตโกลเมอรูลัส กรดอะมิโนในโรคไต Fanconi syndrome หรือ โรค multiple myeloma ก็สามารถพบได้

2. สบู่ น้ำยาล้างห้องน้ำต่างๆ

3. สารฟอสโฟลิปิดจากพวกเซลล์ที่หลุดออกมา เช่น ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

4. สารเมตะบอไลต์บางอย่างของร่างกาย ที่ถูกขับออกมาในปัสสาวะ เราพบว่ามีสารอย่างน้อย 16 ชนิดที่ถูกขับมาในปัสสาวะ อาจจะสัมพันธ์กับอาหาร, ยาบางชนิด, พันธุกรรม หรือภาวะ cholestasis

ปัจจุบันยังไม่พบว่าการเกิดปัสสาวะเป็นฟอง ชนิดที่ไม่ใช่โปรตีน สัมพันธ์กับการเสื่อมของไตและยังไม่มีคำแนะนำให้หาสาเหตุของปัสสาวะเป็นฟองชนิดที่ไม่ใช่โปรตีน

สรุป
1. ปัสสาวะเป็นฟองจริงหรือไม่ -> ให้ปัสสาวะอย่าแรงมาก แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ดูว่าฟองหายหรือไม่
2. เช็คก่อนว่าไม่ได้มีพวกน้ำยาทำความสะอาดเคลือบบริเวณโถ
3. ถ้าตรงกับสองข้อแรก แนะนำควรรีบพบแพทย์ ตรวจโปรตีนรั่วในปัสสาวะเพราะอาจจะเป็นอาการของโรคไตโกลเมอรูลัสได้
4. แพทย์ควรส่งตรวจดูโปรตีนรั่ว (urine protein-to-creatinine ratio) ไม่ควรตรวจแค่แอลบูมินเพราะอาจจะหลุดบางโรคที่ไม่ใช่โรคไตโกลเมอรูลัส
5. ถ้าไม่พบโปรตีนรั่ว แนะนำคนไข้ว่ายังไม่ต้องทำอะไร ทำใจให้สบาย คนไข้ยังไม่ได้มีอาการทางไตอะไร

อ้างอิง
1. Kang KK et. al. Clinical Significance of Subjective Foamy Urine, https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC3539097/
2. Khitan ZJ, Glasssock RJ. Foamy Urine. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC6832055/

ที่อยู่

อาคารพาณิชย์ ม. ราชพฤกษ์2(ติดคุมองราชพฤกษ์) ถ. พัฒนาการคูขวาง
Amphoe Muang Nakhon Si Thammarat
80000

เวลาทำการ

จันทร์ 06:30 - 17:00
อังคาร 06:30 - 17:00
พุธ 06:30 - 17:00
พฤหัสบดี 06:30 - 17:00
ศุกร์ 06:30 - 17:00
เสาร์ 06:30 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกไตเทียมราชพฤกษ์ นครศรีธรรมราชผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง คลินิกไตเทียมราชพฤกษ์ นครศรีธรรมราช:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram