เค พริส บายฟาร์มาซิส K PRIS BY PHARMACIST

09/12/2018

ลูกหม่อน หรือ มัลเบอร์รี สุดยอดผลไม้ที่ 40+ควรเลือกทานค่ะ

24/11/2018

4 วิธีออกกำลังกายอย่างปลอดภัยของคนวัย 50+

เมื่ออายุมากขึ้น สภาวะร่างกายที่เสื่อมถอย กล้ามเนื้อต่างๆก็จะฝ่อลีบเล็กลงทำให้เหยียดตัวยากขึ้น ส่วนข้อต่อต่างๆก้อเริ่มเสื่อมทำให้เจ็บปวดเวลาเคลื่อนไหว รวมถึงฮอร์โมนที่แปรปรวนก็มีส่วนทำให้ปวดหัวศีรษะบ้าง มึนงงทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้มได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจทำให้กระดูกที่เริ่มบางอาจแตกหรือหักได้ง่ายขึ้น

แต่อาการข้างบนก็ไม่ใช่เหตุผลในการหยุดออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายยังคงให้ผลดีกับร่างกาย คือช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุน ควบคุมระดับคลอเลสเตอรอลในกระแสเลือดและช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่หัวใจ ........................................
หลักการออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ จาก พ.ญ.สุขจันทร์ พงษ์ประไพ มีดังนี้ค่ะ

1. อย่าหักโหมมากจนทำให้เกิดความเจ็บปวด ตามกล้ามเนื้อหรือข้อ ทำน้อยๆ แต่ทำให้บ่อยขึ้นจะดีกว่า

2. หลีกเลี่ยงกีฬาที่มีการกระโดด, วิ่ง หรือบิดตัวทันทีทันใด

3. หลีกเลี่ยงการยกน้ำหนัก หรือก้มๆเงยๆ หรือแอ่นหลังมากๆ

4. ความหนักของการออกกำลังกาย ไม่ควรเกินร้อยละ 60 ของชีพจรสูงสุด สำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน และไม่ควรเกินร้อยละ 25 ของชีพจรสูงสุด สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ถ้าออกกำลังกายหนักเกินไปหัวใจอาจทำงานไม่ไหว เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ (ชีพจรสูงสุด = 220-อายุ)

5. ควรอบอุ่นร่างกายทุกครั้งก่อนออกกำลังกาย ด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ และหลังจากออกกำลังกายแล้วทันที ควรมีการผ่อนคลายด้วยการเดิน หรือสะบัดแขนขาเบาๆ เพราะถ้าออกกำลังกาย แล้วหยุดทันทีเลือดอาจไปกองคั่งอยู่ที่ปลายเท้า และอวัยวะภายในทำให้เลือดกลับสู่หัวใจน้อยลง เกิดอาการเป็นลมหรือวูบได้ง่าย

6. ถ้ามีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคข้อเสื่อม โรคหัวใจ เป็นต้น ปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย........................................
สำหรับวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับคนวัย 50++ได้แก่

1. #เดินเร็ว การเดินเร็วครั้งละ 10 นาที เพียงวันละ 3 ครั้ง จะช่วยลดความรู้สึกอยากอาหารและกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงานร่างกาย (แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเดินเร็วถึงขั้นหายใจเหนื่อยหอบ จนแทบจะไม่สามารถพูดหรือร้องเพลงไปด้วยได้) ส่วนท่าเดินที่ถูกต้องคือหลังตรง การก้าวไม่ควรยาวเกินไป ควรก้าวสั้นๆแต่ก้าวถี่ มีการแกว่งแขนประกอบ ไม่ก้มหน้า

2. #วิ่งจ็อกกิ้ง ช่วยบริหารปอด และกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย อย่างไรก็ตามควรวิ่งให้พอเหมาะกับสภาพร่างกายของตนเอง

3. #โยคะ สำหรับบางคนอายุที่มากขึ้นจะรู้สึกว่ายิ่งวิ่งจะยิ่งปวด เพราะการวิ่งทุกครั้งจะมีการลงน้ำหนักไปที่ขาและส้นเท้ามากเกินไป โยคะก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเนื่องจากไม่ใช้แรงและการขยับเขยื้อนมากโดยจะใช้วิธีการเคลื่อนไหวของร่างกายที่อยู่กับที่ ซึ่งเหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องกระดูก โยคะทำให้รู้สึกสบายตัวและผ่อนคลายมาก ๆ และอาจรู้สึกว่าไม่เหนื่อยเกิน

4. #ลีลาศ เป็นการออกกำลังกายที่ให้ความเพลิดเพลิน สนุกสนาน และยังสามารถช่วยควบคุมน้ำหนักทำให้รูปร่างสวยงาม และยังช่วยลดน้ำตาลและไขมันได้อีกด้วยค่ะ

ยังมีการออกกำลังกายที่น่าสนใจอีกหลายวิธี ลองศึกษาและปฏิบัติตามวิธีที่ท่านถนัดและมีความสุขเมื่อได้ออกกำลังกายมากที่สุดค่ะ สุดท้ายอย่าลืมอบอุ่นร่างกาย 5-10 นาที ก่อนออกกำลังกาย และผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายทันทีอีก 5 นาทีนะค่ะ
........................................

ชอบโพสต์นี้กด👍กดแชร์

ฝากกด👍เพจหรือกดติดตามเพจ เพื่อสาระดีๆสำหรับคนวัย 40+ นะค่ะ........................................
ขอบคุณภาพถ่ายจาก
Yoga by KruLEK
และ ไลน์ พี่มณี

22/11/2018

4 วิธีลดอาการซึมเศร้าแบบง่ายๆสำหรับคนวัย 40+

โรคซึมเศร้าเป็นสาเหตุหลักของการฆ่าตัวตายในปัจจุบัน เมื่ออายุมากขึ้น สภาวะร่างกายที่เสื่อมถอย ฮอร์โมนหรือสารสื่อประสาทบางตัวก็ทำงานน้อยลง จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนวัย 40+ บางรายจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า นอกจากนี้ คนวัย 40+ ยังต้องพบเจอกับความเครียดจากครอบครัว เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรคซึมเศร้าแบบที่เรียกว่าไม่รู้ตัวกันเลยที่เดียว........................................
มาตรวจเช็คสัญญาณเตือนโรคซึมเศร้ากันดีกว่าค่ะ

1.ลืมตาตื่นเช้ามาก็พบว่าตัวเองรู้สึก หดหู่ เบื่อ ท้อแท้ ชีวิตนี้มีแต่ความทุกข์ เศร้า เหงา ย้อนไปคิดถึงอดีตก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆแล้วมองอนาคตก็ไม่สดใส คิดแล้วก้อหงุดหงิดจัง

2.ไม่อยากทำอะไรเลยขาดความสนใจสิ่งรอบข้าง ไม่แต่งตัว ไม่ต้องการพบปะ พูดคุยกับใคร อยากอยู่คนเดียว (บางคนทำตรงข้าม)

3.ไม่ค่อยมีสมาธิเวลาทำสิ่งต่างๆ จะทำอะไรก็ช้าผิดปกติ

4.รู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลาอยากแต่จะนอนๆมากขึ้น ขณะที่บางคนนอนน้อยลง นอนไม่ค่อยหลับ

5.ถ้าไม่รับประทานอาหารมากขึ้น ก็รับประทานน้อยลง

6.ชอบตำหนิตัวเอง เวลาทำพลาดเริ่มไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง สูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง

7.รู้สึกอยู่ไปก็ไร้คุณค่าพยายามฆ่าตัวตาย หนีไปจากโลกนี้ดีกว่า

ในคนปกติ อาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้เป็นบางครั้ง บางคราว จากอารมณ์ชั่ววูบ และหายไปเองในที่สุด แต่บนโลกของผู้ป่วยซึมเศร้า อารมณ์ #ความคิดที่กล่าวข้างต้นจะเกิดขึ้นซ้ำๆวนไปวนมา เหมือนการพายเรืออยู่ในอ่าง และเมื่อเป็นมากถึงขึ้นรุนแรงก็จะคิดฆ่าตัวตาย และลงมือฆ่าตัวตายในที่สุด........................................
วิธีการบำบัดอาการซึมเศร้าทางการแพทย์จะให้การรักษาด้วยการให้ยาที่ทำให้ฮอร์โมนที่สร้างความสุขในสมองเพิ่มขึ้น ร่วมกับยาต้านความวิตกกังวล วิธีนี้ให้ผลดีในช่วงเริ่มต้น คนไข้จะมีอาการซึมเศร้าน้อยลง
ในรายที่เป็นมาก และ
แพทย์พิจารณาถึงประโยชน์มากกว่าผลเสียที่จะได้รับ แพทย์จะกระตุ้นสมองด้วยการใช้ไฟฟ้า วิธีนี้เป็นการกระตุ้นสมองให้หลั่งฮอร์โมนให้อยู่ในระดับปกติ ทำให้คนไข้ลดอาการซึมเศร้าลงได้ และกลับมาเป็นปกติ วิธีนี้มีผลข้างเคียงคือ ความจำในอดีตของคนไข้บางส่วนอาจหายไปบ้าง
หลังจากที่คนไข้ได้รับการกระตุ้นไฟฟ้าที่สมองแล้ว คนไข้จำเป็นต้องทานยาต้านซึมเศร้า ร่วมกับ การทำจิตบำบัด คือ การคุยกับจิตแพทย์ จนแพทย์ประเมินว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น แพทย์จะค่อยๆลดระดับยาลง และนัดพบห่างขึ้น คนไข้จำเป็นต้องทานยาเพื่อรักษาระดับฮอร์โมนในสมองให้เป็นปกติ........................................
#ส่วนวิธีการธรรมชาติบำบัดอาการซึมเศร้าแบบไม่ใช้ยา เหมาะสำหรับคนที่เริ่มมีอาการ หรือ เป็นในระดับที่ไม่รุนแรง (ยังไม่มีความคิดฆ่าตัวตาย) มีดังนี้ค่ะ

1.ออกกำลังกาย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ครั้งละ 30 นาที เช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง เต้นแอโรบิค วิธีนี้จะช่วยเพิ่มฮอร์โมนสร้างสุข เช่นเอ็นโดฟิน เซโรโทนิน แต่ต้องออกเป็นประจำสม่ำเสมอนะค่ะเพราะ ฮอร์โมนที่กล่าวจะหลั่งออกมาตอนที่เราออกกำลังกาย และหมดไปภายใน 24 ชั่วโมง (การออกกำลังกายที่จะมีผลต่อการรักษาโรคได้นั้น จะต้องทำติดต่อกันอย่างน้อย 10 วันขึ้นไป เพื่อให้ร่างกายสามารถเพิ่มระดับซีโรโทนิน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองตัวสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้า สามารถลดระดับอาการโรคซึมเศร้า)

2. ปรับเปลี่ยนอาหาร ทานอาหารให้หลากหลาย มีหลายเมนูที่สามารถต้านซึมเศร้าได้เช่น ปลาทะเลย่าง ทานกับผักโขม และซุปบร๊อคโคลี่ หรือเมนูพื้นบ้านอย่างห่อหมกปลาทะเลทานกับกะหล่ำปลี

3. ปฏิบัติธรรมเจริญสติแบบง่ายๆโดยการสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆและหายใจออกยาวๆ ระหว่างปฏิบัติให้ปล่อยวางความคิดต่างๆ ไม่พิจารณา ไม่ตัดสิน กายและจิตมีสมาธิอยู่ที่ลมหายใจ

4. ทำอารมณ์ของเราให้ดีและแจ่มใสเสมอ โดยมองโลกในมุมบวก เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง ลดการเปรียบเทียบแข่งขันกับผู้อื่น ศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเอง ให้กำลังใจตัวเองในทุกการกระทำ........................................
หากสมาชิกครอบครัว40+วัยเงิน วัยทองท่านใด ปฏิบัติแล้ว หรือมีเทคนิคต้านเศร้าในแบบฉบับของตัวเอง แชร์กันเข้ามานะค่ะ........................................
ชอบโพสต์นี้กด👍กดแชร์

ฝากกด👍เพจหรือกดติดตามเพจ เพื่อสาระดีๆสำหรับคนวัย 40+ นะค่ะ........................................
ขอบคุณภาพถ่ายเมืองโซลยามค่ำคืนช่วงใบไม้ร่วงจาก
FB Napawan Natejamsri

21/11/2018

เมนูผักพื้นบ้านต้านกระดูกพรุนสำหรับคนวัยทอง

หญิงและชายที่มีอายุ 40ปีขึ้นไป เชื่อว่า ต้องเกิดอาการแสดง เช่น ร้อนวูบวาบ สะบัดร้อนสะบัดหนาว นอนไม่หลับ อารมณ์จะแปรปรวน อาการเหล่านี้ไม่น่ากลัว เพราะท่านสามารถมองเห็นและรับรู้อาการเหล่านี้และเป็นอาการที่จะนำท่านไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุในกรณีที่มีอาการขั้นรุนแรง ไม่สามารถ ทนทานได้

แต่เรื่องของกระดูก ถ้าเราไม่ได้รับการตรวจทางการแพทย์ เราจะไม่มีทางทราบภาวะที่มวลกระดูกลดลง กระดูกมีความเปราะบางมากขึ้นจากผลของฮอร์โมนเพศที่ลดลงเมื่ออายุเข้าเลข 5 สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการหกล้มซึ่งโอกาสที่ผู้หญิงวัยทองจะมีโอกาสกระดูกหักมากกว่าผู้ชาย ดังนั้นเมื่อเข้าสู่วัยทอง แคลเซียมจึงมีความจำเป็นมากสำหรับคนวัยนี้

ใบเหลียงเป็นผักพื้นบ้านราคาถูก ปลอดสารพิษ เป็นผักที่จัดว่ามีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงกระดูกและสายตา
ข้อมูลออกมาจากภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ว่า ผักเหลียงร้อยกรัมหรือหนึ่งขีดไม่รวมก้าน ให้เบต้าแคโรทีน สูงถึง 1,089 ไมโครกรัมหน่วยเรตินัล... สูงกว่าแครอท ราชินีแห่งวิตามินเอ ด้วยค่ะ

ทั้งแคลเซียมและวิตามินเอ ช่วยบำรุงกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุนได้เป็นอย่างดีค่ะ นอกจากนี้ เบต้าแคโรทีนหรือวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาเป็นอย่างดีค่ะ..................................
วิธีการปรุงอาหารก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยถึงแม้ผักเหลียงจะมีประโยชน์มากแต่ถ้านำผักเหลียงมาชุบแป้งทอด เราได้ความอร่อยที่มาพร้อมกับไขมันที่เป็นสาเหตุของโรคอ้วน นอกจากนี้น้ำมันที่ใช้ปรุงก็มีส่วนสำคัญ เราเลือกใช้น้ำมันรำข้าวในการทำใบเหลียงผัดไข่

น้ำมันรำข้าวเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวหรือที่เรียกว่าเชิงเดี่ยว ช่วยลดแอลดีแอลคอเลสเทอรอล (LDL) และเพิ่มระดับเอชดีแอลคอเลสเทอรอล (HDL)

ทานใบเหลียงผัดไข่เป็นอาหารค่ำเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรงและเอร็ดอร่อยกันค่ะ

มีประโยชน์กด👍กดแชร์

20/11/2018

https://www.facebook.com/758224404509773/posts/788201651512048/

เมนูเซ็ตปลาทะเลย่างกับผักโขม และซุปบล็อคโคลี่ช่วยต้านเศร้า อารมณ์แปรปรวน สำหรับคนวัย 40+

เมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยกลางคน ร่างกายเริ่มมีความผิดปกติจากฮอร์โมนทำให้มีอาการของคนวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ สมรรถภาพทางเพศลดลง อาการเหล่านี้เป็นอาการปกติเมื่อย่างเข้าสู่วัยกลางคน และเป็นแค่รบกวนชีวิตประจำวัน ที่บางคนก็ทนได้

บางรายอาจมีอาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย วิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน มากขึ้น จนคนรอบข้างสังเกตเห็นหรืออาจมีอารมณ์ หดหู่ ท้อแท้ และไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง เข้าข่ายซึมเศร้าวัยทอง

สาเหตุส่วนใหญ่มาจากความผิดปกติของฮอร์โมนเพศในร่างกายที่ลดลงทำให้การทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกทำงานผิดปกติไปด้วย สารสร้างความสุขทั้งหลาย เช่น เอ็นโดฟิน เซโรโทนิน ต่างพากันลดลง ในขณะที่ฮอร์โมนความเครียดเริ่มสร้างเพิ่มมากขึ้น คนวัยนี้จึงมีอารมณ์ที่ไม่ค่อยปกติมากนัก บางคนอาจเป็นถึงขั้นโรคซึมเศร้าได้เมื่อมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาร่วมด้วยเช่น การต้องสุญเสียสิ่งที่รักและทำใจไม่ได้

วิธีง่ายๆในกรณีที่มีอาการวัยทองไม่มากคือ การออกกำลังกายและปรับเปลี่ยนวิธีการทานอาหาร

วันนี้จึงขอนำเสนอเมนูสุขภาพจากผักเพื่อช่วยสร้างสมดุลย์ทางอารมณ์ ลดอาการซึมเศร้าในวัยทองกันค่ะ

เมนูเซ็ตต้านเศร้าสำหรับคนวัย 40+

1. #ปลาแซลมอนย่างกับผักโขม
2. #ซุปบล็อคโคลี่

อาหารเซ็ตนี้ได้โปรตีนจากปลาแซลมอนที่มีโอเมก้า-3 ช่วยบำรุงสมองและความจำปรับสมดุลย์ของฮอร์โมนสร้างสุข ส่วนผักโขมและบล็อคโคลี่ มีวิตามินโฟลิกที่สูงมาก มีรายงานมีการศึกษาชิ้นหนึ่งในประเทศจีนได้ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างอารมณ์ซึมเศร้ากับภาวะขาดวิตามินบี12 และโฟเลตในผู้ใหญ่วัยเกิน 55 ปี ดังนั้นการทานผักโขมและบล็อคโคลี่ช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ โดยช่วยเสริมการทำงานของกรดอะมิโนที่ซ่อมแซมเซลล์สมองให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพและหลั่งสารสร้างสุข ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย

สำหรับคนวัย 40 ปีที่มีปัญหาเรื่องข้ออักเสบ นิ่ว เกาต์ ร่วมด้วยแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทานผักโขมเนื่องจากผักโขมเป็นผักใบเขียวที่มีปริมาณสารออกซาเลตค่อนข้างสูง ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาเรื่องนิ่ว เกาต์ ข้ออักเสบรูมาตอยด์จึงควรหลีกเลี่ยง

โพสต์มีประโยชน์กด👍แล้วส่งต่อค่ะ

19/11/2018

4 ผลไม้ที่คนวัย 40+ ควรทานตอนเช้า ทำให้อารมณ์ดีและมีความสุขตลอดทั้งวัน

ทุกท่านทราบแล้วใช่หรือไม่ว่า วิตามิน บี 12 วิตามินซี ธาตุเหล็ก สังกะสี โปแตสเซียมในปริมาณสูง มีบทบาทสำคัญในการช่วยทำให้สมองสร้างสารเอ็นโดฟิน ที่ช่วยทำให้ร่างกายมีความสุข

เอ็นโดฟินหรือสารสร้างสุขตามธรรมชาติร่างกายจะมีกลไกการหลั่งสารนี้ออกมาตลอดเวลาทำให้เรามีความสุข

แต่เมื่ออายุมากขึ้นเกิดความไม่สมดุลย์ของฮอร์โมนเพศในร่างกายทำให้คนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปทั้งหญิงและชาย เริ่มมีอาการผิดปกติทั้งทางร่างกายและอารมณ์ (ผู้ชายส่วนใหญ่เริ่มมีอาการเมื่อเริ่มเข้าวัย 50+) ความไม่สมดุลย์ของฮอร์โมนเพศดังกล่าวส่งผลต่อการทำงานของสมองทำให้สร้างสารเคมีตัวอื่นๆในสมองผิดปกติด้วยเช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมคนวัย 40+ จึงมีอารมณ์แปรปรวน เข้าใจยาก เพราะส่วนหนึ่งเกิดจากสารเคมีในสมองผิดปกติเนื่องจากอายุมากขึ้นนั่นเอง

วิธีธรรมชาติที่ช่วยสร้างความสุขในยามที่ฮอร์โมนเพศและสารเคมีในสมองเริ่มผิดปกติ คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร..........................................................
วันนี้จึงขอแนะนำผลไม้ไทย 4 อย่างที่มีวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณสูงที่ช่วยกระตุ้นเอ็นโดฟินหรือสารสร้างสุขนะค่ะ

1. #กล้วย
กล้วยอุดุมไปด้วยธาตุโปตัสเซียม และ คาร์โบไฮเดรตในกล้วยจะทำให้เกิดสารเซโรโทนิน เป็นสารที่ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟินทำให้เรามีความสุข

2. #ฝรั่ง
ฝรั่งมีวิตามิน ซี ในปริมาณที่สูงมาก
วิตามินซีช่วยลดฮอร์โมนความเครียดและเพิ่มให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานดีขึ้น โดยเฉพาะลดระดับที่มากเกินไปของฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ถูกขับออกมาในขณะที่ร่างกายมีความเครียด เพื่อช่วยให้ร่างกายเพิ่มพลังในการต่อสู้กับความเครียด

3. #อะโวกาโด เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วย วิตามินซี วิตามินบี ธาตุโพตัสเซียม และธาตุเหล็ก ทานแล้วช่วยทำให้ร่างกายสร้างสารความสุขเช่นกัน

4. #สตอรเบอรี่
สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ที่มีปริมาณวิตามินซีสูงมาก ในปริมาณ 100 กรัมนั้น มีวิตามินซีสูงถึง 58 มิลลิกรัม ช่วยบำรุงสมองและทำให้มีความสุข

โพสต์มีประโยชน์กดไลค์กดแชร์ค่ะ

16/11/2018

4 วิธีเลือกบอกลาไขมันในเลือดสูงสำหรับคนวัย 40+++

พออายุเกิน 40 ปี ความเสี่ยงที่จะตรวจระดับไขมันในเลือดสูงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเพราะส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการเปลี่ยนระดับฮอร์โมนในร่างกายที่เป็นปัจจัยที่เราควบคุมด้วยตัวเองไม่ได้
แต่เราสามารถควบคุมไขมันในเลือดได้จากการกินอาหารค่ะ มาดูวิธีเลือกอาหารเพื่อบอกลาไขมันในเลือดสูงกันค่ะ

1. #เลือกทานปลาทะเล เช่น ปลาทู ปลากะพง ปลากระบอก ที่มีโอเมก้า-3 (Omega-3) ควรทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 200 กรัม หากหาปลาทะเลลำบาก สามารถทดแทนด้วย วอลนัท เมล็ดแฟล็กซ์ และน้ำมันมะกอก

2. #เลือกทานอะโวกาโด
ที่เป็นแหล่งของกรดไขมันชนิดดี (HDL) ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก เพราะมีคุณสมบัติในการช่วยลดไขมันเลว( LDL)ในหลอดเลือดได้ จึงช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในเส้นเลือด ช่วยลดโอกาสเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบและโรคหัวใจวาย
3. #ดื่มน้ำสมุนไพรปราศจากน้ำตาล เช่น น้ำกระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่หาง่ายมีสรรพคุณช่วยลดไขมันในเลือดได้อย่างรวดเร็ว

4. #เลือกเลิกและหลีกเลี่ยงการทานขนมอาหารจานด่วนที่มีไขมันทรานส์

ไขมันทรานส์เป็นไขมันผู้ร้าย พบมากในขนมเบเกอรี่ ร่างกายเอาไปใช้ประโยชน์ไม่ได้แถมเป็นโทษเพราะเมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะเพิ่มระดับไขมันเลว (LDL) และลดไขมันดี (HDL) ในเส้นเลือด ซึ่งนำไปสู่โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ รวมถึงโรคเบาหวาน

มีประโยชน์กดไลค์นะค่ะ

15/11/2018

13/11/2018

โปรดคิดถึงความรู้สึกของเด็กคนหนึ่งที่ต้องเติบโตขึ้นทุกวัน ต้องไปโรงเรียน ต้องตอบคำถามเพื่อน ต้องสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต้องอ่านข่าวที่สื่อเขียนถึงพ่อ แม่ของตนอย่างเจาะลึก จริงบ้าง เท็จบ้าง ในอนาคต

เชื่อว่าสมาชิกในครอบครัววัยเงิน วัยทอง เสพข่าวกันอย่างมีสติ อย่าตกเป็นเครื่องมือของสื่อ หรือนักการตลาดที่ฉวยโอกาสประโคมข่าวประเภทนี้เพื่อหวังผลทางธุรกิจ

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ศีล-ศรัทธา-ปัญญา และ จาคะเสมอกันจึงจะอยู่ร่วมกันยาวนาน เป็นคู่แท้ของกันและกัน

19/10/2018

https://www.facebook.com/758224404509773/posts/770611573271056/

UCEP คือสิทธิของคนไทยทุกคนเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิ์ใช้ได้กับ รพ ทุกแห่ง คุ้มครอง 72 ชั่วโมง ไม่ต้องจ่ายเงินเอง

UCEP ย่อมาจาก Universal Coverage Emergency Patients หมายถึง “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” ดังนั้นแม้จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่เราไม่มีสิทธิอะไรเบิกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กองทุนประกันสังคม หรือกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เราก็สามารถใช้สิทธิ UCEP ได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยที่จะได้รับความคุ้มครองต้องเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินเข้า ข่ายวิกฤตที่เกิดขึ้นนอกโรงพยาบาล (Pre-Hospital Patient ) ............................................................

6 อาการฉุกเฉินวิกฤตที่ต้องจำมีดังนี้

1) หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
2) หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง
3) ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม
4) เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง
5) แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด แบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
6) มีอาการอื่นร่วมที่มีผลต่อการหายใจระบบการไหลเวียนโลหิตและระบบสมองที่
อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต............................................................

ตัวอย่าง

ผู้สูงอายุเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น เฉียบพลัน ล้มลงและหมดสติ ผู้ดูแลนำส่งโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน แจ้งโรงพยาลขอใช้สิทธิ UCEP และมีสิทธิเบิกราชการได้ ทางโรงพยาบาลจะทำการเช็คสิทธิ์ตามหลักเกณฑ์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน และทำการรักษาฉุกเฉิน จนคนไข้มีอาการดีขึ้น พร้อมทำเรื่องส่งเข้ารักษาตัวตามสิทธิต้นสังกัด ผู้สูงอายุไม่ต้องจ่ายค่ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชน หากการรักษาไม่เกิน 72 ชั่วโมง แต่ถ้าผู้สูงอายุสมัครใจทำการรักษาต่อที่เดิม ค่าใช้จ่ายส่วนเกินจาก 72 ชั่วโมงผู้ป่วยต้องชำระเองทั้งหมด............................................................
อ้างอิง//
https://www.niems.go.th/th/Upload/File/256104091000232914_EtLeXFtU5mKNUd49.pdf

14/10/2018