ฝังเข็ม ยาจีน สิงห์บุรี De Orange TCM เดอ ออเรนจ์ ทีซีเอ็ม

ฝังเข็ม ยาจีน สิงห์บุรี De Orange TCM เดอ ออเรนจ์ ทีซีเอ็ม แพทย์แผนจีน ฝังเข็ม ครอบแก้ว ยาจีน กัวซา

05/07/2025

EP63**สัญญาณไตวายก่อนวัย ใครพร้อมยกมือขึ้น🥹

✅ 9 สัญญาณที่กำลังบอกว่า “ไตของคุณอาจเริ่มมีปัญหา”

1.ตื่นมาก็เหนื่อย เพลียทั้งวัน
🧠 อาจบ่งถึง “ชี่ไตพร่อง (肾气虚)” ในมุมจีน หรือการกรองเสียของไตเริ่มเสื่อม → ของเสียคั่งในเลือด ทำให้รู้สึกเพลียไม่สดชื่นแม้นอนเต็มที่

2.ปัสสาวะกลางคืนบ่อย (เกิน 2 ครั้ง/คืน)
🛌 ปกติร่างกายควรหลั่ง ADH (ฮอร์โมนยับยั้งการปัสสาวะ) มากเวลากลางคืน ถ้าไตเสื่อม ฮอร์โมนทำงานผิด สมดุลน้ำเสีย → ปัสสาวะบ่อย เป็นอาการของ “ไตหยางพร่อง (肾阳虚)” ทำให้พลังควบคุมกระเพาะปัสสาวะอ่อนแอ

3.ขาบวม ตาตุ่มบุ๋มตอนเย็น ๆ
💧 ไตทำหน้าที่ขับของเหลว → ถ้ากรองน้ำไม่ได้ดี จะเกิด “น้ำคั่ง” โดยเริ่มบวมจากปลายเท้าเป็นอาการที่มาจาก “水湿困脾” น้ำและความชื้นติดขัด มีพื้นฐานมากจากหยางอวัยวะไตและม้ามพร่อง

4.เบื่ออาหาร คลื่นไส้แต่ไม่รู้สาเหตุ
🧬 เมื่อไตเสื่อม ของเสีย (ยูเรีย ฯลฯ) คั่งในเลือด → ส่งผลต่อระบบย่อย “ชี่ไตไม่ส่งเสริมม้าม” ทำให้ระบบย่อย (脾胃) อ่อนแรงตาม

5.คันผิวเรื้อรัง ตรวจเลือดก็ปกติ
🩸 เป็นอาการจาก “สารพิษคั่งเรื้อรังในเลือด” แม้ค่าการทำงานของไตจะยังไม่ตก แพทย์จีนมองว่าเลือดไม่ชุ่ม ผิวแห้ง และ “ลมเลือดคั่ง (血风)” ก่อคันเรื้อรัง

6.ผิวแห้ง สีคล้ำ มีจุดดำรอบตา
🌚 ไตควบคุมผิวหนังส่วนลึก (深层滋养) และ “เปิดทวารที่ใบหน้า” → ผิวดำคล้ำ บริเวณรอบตาเป็นจุดดำ เป็นอาการแสดงของ “肾虚精亏” (สารจิงพร่อง ไตพร่องเรื้อรัง

7. ปัสสาวะมีฟอง หรือมีกลิ่นแรง
💦 ฟองในปัสสาวะ = โปรตีนรั่วจากไต
กลิ่นแรง = ของเสียไนโตรเจนคั่ง
แพทย์จีนสอดคล้องกับ“湿热下注” (ชื้นร้อนลงล่าง) หรือ “肾失固摄” (ไตควบไม่อยู่)

8.ความดันสูงโดยไม่ทราบสาเหตุ
💣 ความดันมักขึ้นจากการคั่งเกลือ–น้ำ → ไตเป็นอวัยวะควบคุมความดันโดยตรง
แพทย์จีนมองว่า “肾虚不能纳气” → พลังไตอ่อน → เส้นลมปราณตึงขึ้นดันหัวใจ

9.เคยใช้ยาแก้ปวดหรือสมุนไพรแรง ๆ ต่อเนื่องนาน
💊 พวก NSAIDs, สมุนไพรขับปัสสาวะแรง ๆ → ทำลายไตโดยตรง
แพทย์จีนมองว่าถือเป็น “ยาร้อน–ยาขม–บั่นทอนไต” → ทำให้สารจิงพร่องและชี่อ่อนแอ

📍แล้วถ้ามีความเสี่ยงแล้วต้องตรวจไต ต้องทำอย่างไร?

🧪 ค่าตรวจไต…ดูจากอะไรบ้าง? แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่า “ผิดปกติ”?
1. ครีเอตินิน (Creatinine)
เป็นของเสียที่ไตต้องกรองออกจากเลือด ยิ่งค่าสูง ยิ่งแปลว่าไตทำงานหนัก
– ถ้าเป็นผู้ชาย ปกติควรอยู่ราว 0.7 ถึง 1.3 mg/dL
– ถ้าเป็นผู้หญิง ควรอยู่ประมาณ 0.6 ถึง 1.1 mg/dL
ถ้าเกินจากนี้ ไตอาจเริ่มมีปัญหาแล้ว

2. ค่า eGFR (Estimated GFR)
เป็นค่าที่คำนวณจากครีเอตินินร่วมกับอายุ เพศ และเชื้อชาติ
ยิ่ง eGFR ต่ำ ยิ่งแสดงว่าไตกรองของเสียได้น้อย
– ถ้าอยู่ มากกว่า 90 ถือว่าปกติ
– ถ้าเหลือ ต่ำกว่า 60 ติดต่อกันนานเกิน 3 เดือน ถือว่า “ไตเสื่อม”
– ถ้าต่ำกว่า 15 อาจต้องเข้าสู่กระบวนการฟอกไต

3. BUN (Blood Urea Nitrogen)
เป็นตัวบอกของเสียจากการย่อยโปรตีน ถ้าสูง แปลว่าไตขับยูเรียได้น้อย
– ค่าปกติจะอยู่แถว ๆ 7 ถึง 20 mg/dL
– ถ้าเกิน 20 โดยเฉพาะถ้าร่วมกับครีเอตินินสูง อาจบ่งชี้ไตทำงานผิดปกติ

4. ตรวจปัสสาวะ (Urinalysis)
ใช้ดูหลายอย่างเลย เช่น
– ถ้ามี โปรตีนในปัสสาวะ แม้เพียงเล็กน้อย (เช่น trace, +) ก็อาจเริ่มมีภาวะไตรั่ว
– ถ้ามีเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะแปลว่าอาจมีการอักเสบในไต
– ถ้าปัสสาวะมีกลิ่นแรง มีฟองมาก หรือลักษณะขุ่น ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าไตไม่สมดุล

5. ความดันโลหิต
ความดันสูงสามารถทำลายเส้นเลือดฝอยในไตได้โดยตรง
– ถ้าเกิน 140/90 mmHg และเป็นบ่อย ๆ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อไตเสื่อมแบบไม่รู้ตัว การควบคุมความดันจึงสำคัญมากต่อการป้องกันโรคไต

😭ส่วนพฤติกรรมแบบนี้…ระวัง “ไตวายไม่รู้ตัว”นะครับ!

ลองเช็กดูว่าคุณมีพฤติกรรมแบบนี้หรือเปล่า?

1.กินเค็มเป็นนิสัย

อาหารรสจัด น้ำปลาตักไม่ยั้ง ซุปก้อน–ผงปรุงรสทุกมื้อ
➡️ โซเดียมสะสมทำให้ความดันสูง ไตต้องกรองเกลือเยอะขึ้น เสี่ยงไตพัง
📍 แพทย์จีนถือว่า “เกลือรสเค็มเป็นธาตุน้ำ” ถ้ากินมากเกิน ทำร้ายไตโดยตรง

2.ดื่มน้ำน้อย

วัน ๆ ดื่มแต่น้ำหวาน กาแฟ ชา แต่ลืมน้ำเปล่า
➡️ ปัสสาวะข้น ไตต้องทำงานหนัก ของเสียตกค้างง่าย
📍 ตามหลักจีน “น้ำคือหยิน” ดื่มน้ำน้อย = หยินพร่อง
ไตหยินพร่อง = เสื่อมเร็ว

3.ใช้ยาแก้ปวดบ่อยโดยไม่จำเป็น

ทั้งยาแก้ปวดข้อ ยาแก้ไมเกรน หรือพาราต่าง ๆ
➡️ กลุ่ม NSAIDs ทำลายหลอดเลือดฝอยในไตโดยตรง
📍 ยาร้อนทำร้าย “สารจิงของไต” ตามแพทย์จีน

4.สมุนไพรบางชนิดที่กินต่อเนื่องโดยไม่มีคำแนะนำ

เช่น สมุนไพรขับปัสสาวะ ขับลม หรือยาลูกกลอนแรง ๆ
➡️ มีรายงานว่าทำให้เกิด “พิษต่อไต” โดยเฉพาะแบบแอบแฝง
📍 ยาขมจัด–เย็นจัด ทำลายพลังหยางของไตได้เช่นกัน

5.ดื่มแอลกอฮอล์หนักเป็นประจำ

➡️ ตับและไตต้องรับภาระขับพิษพร้อมกัน
ไตเสียไปเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว
📍 จีนมองว่า “สุราร้อน ไฟเข้าไต” ทำให้เกิดภาวะ “ไตร้อน–หยางพร่องตาม”

6.พักผ่อนไม่พอ นอนดึกเรื้อรัง

➡️ ไตเป็นอวัยวะที่ชอบ “การพัก” เพราะเกี่ยวข้องกับสารจิง (พลังชีวิตดั้งเดิม)
📍 ถ้านอนดึก–ทำงานหักโหมมาก ๆ จะทำให้ “ไตพร่องก่อนวัย”

7.ไม่เคยตรวจสุขภาพเลย

➡️ ไตเสื่อมระยะแรกมักไม่มีอาการ
กว่าจะรู้ ก็อาจเข้าสู่ระยะ “ไตวายเรื้อรัง” ไปแล้ว

🌐โรคไตไม่ไกลตัวแล้วนะครับ ปัจจัยการใช้ชีวิตประจำวันถือว่าเป็นความเสี่ยงมาก และเมื่อเป็นโรคไตแล้วจะย้อนกลับมาเพื่อให้แข็งแรงเหมือนเดิมเป็นไปได้ยากมากครับ

หมอแมนอยากให้ทุกคน รีบดูแลตัวเองตั้งแต่ต้นก่อนที่จะสายเกินไป อย่าให้ถึงต้องฟอกไตเลยนะครับ❤️

#สัญญาณโรคไต
#โรคไตใกล้ตัวมากกว่าที่คิด
#หมอแมนแพทย์จีน

👍
04/07/2025

👍

EP62** 🦴 กระดูกงอกแคลเซียมเกาะ สัญญาณอันตราย

“กระดูกงอก” ไม่ใช่โรค
แต่มันคือ สัญญาณว่า ร่างกายกำลังพยายามซ่อมแซมอะไรบางอย่างผิดวิธี

ในอีพีนี้ หมอจะพามาเจาะลึกว่า
✅ กระดูกงอกจริง ๆ คืออะไร?
✅ ทำไมร่างกายถึงต้องสร้างขึ้นมาเอง?
✅ ใครเสี่ยงบ้าง?
✅ แพทย์จีนมองยังไง และรักษาได้ไหม?

ทั้งหมดนี้…จะทำให้คุณเข้าใจว่า
“ถ้ารู้ทันร่างกายตั้งแต่เริ่มต้น เราอาจไม่ต้องเจ็บถึงขั้นสุดท้ายก็ได้ครับ”


☯️แพทย์จีนมองกระดูกงอก–แคลเซียมเกาะอย่างไร?

ในมุมของแพทย์จีน “กระดูกงอก” หรือ “แคลเซียมเกาะตามข้อ” ไม่ได้มองว่าเป็นแค่เรื่องของกระดูกเสื่อมหรืออายุมากขึ้นเท่านั้น แต่เป็น ผลปลายเหตุจากความไม่สมดุลภายในของร่างกาย โดยเฉพาะระบบพลัง “ไต ตับ เลือด และชี่”

อันดับแรก แพทย์จีนเชื่อว่า “ไตเป็นรากของกระดูก” (肾主骨) ถ้าไตพร่อง ไตอ่อนแรง พลังในการหล่อเลี้ยงไขกระดูกก็ลดลง กระดูกจะเริ่มแห้ง เสื่อม และพยายามซ่อมตัวเองโดยการ “งอก” เพิ่ม ซึ่งการงอกนี้มักเป็นแบบผิดธรรมชาติ เป็นลักษณะกระดูกงอกหรือมีแคลเซียมสะสมผิดตำแหน่ง

ในขณะเดียวกัน ตับในแพทย์จีนควบคุมเส้นเอ็น (肝主筋) ถ้าพลังตับติดขัด หรือเลือดตับไหลเวียนไม่ดี เส้นเอ็นที่ยึดกระดูกก็จะหดเกร็งผิดปกติ ทำให้กระดูกถูกดึงหรือกดในทิศทางไม่เหมาะสม เกิดแรงเสียดในข้อจนมีการสร้างกระดูกงอกเป็นการตอบสนองของร่างกาย

อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญมากคือ ภาวะ ชี่และเลือดติดขัด หรือที่เรียกว่า “气滞血瘀” ซึ่งเป็นการไหลเวียนพลังและเลือดที่ไม่ลื่นไหล ทำให้เกิดการสะสมตกตะกอนของเสียในข้อต่อ เกิดเป็น “痹症” หรือภาวะข้อยึด ติด ปวด บวม และเป็นรากของปัญหาแคลเซียมเกาะตามข้อ

ตำแหน่งที่เกิดกระดูกงอกก็มักจะสะท้อนถึงภาวะภายใน เช่น
ถ้าเป็นที่เข่า มักสัมพันธ์กับไตพร่องและเลือดติดขัด
ถ้าเป็นที่ต้นคอหรือหลังส่วนล่าง อาจเกี่ยวกับพลังตับติดขัด เส้นตึงเรื้อรัง หรือท่าทางที่ทำให้ชี่ไหลเวียนผิดทาง

🌐ในมุมวิทยาศาสตร์ กระดูกงอกคือการที่ข้อต่อเสื่อม แล้วร่างกายพยายามสร้างเนื้อกระดูกเพิ่มเพื่อลดแรงกระแทก แต่กลายเป็น “งอกผิดที่” ซึ่งทำให้ข้อยึดหรือเส้นประสาทถูกกดทับร่วมด้วย เช่น ในคอ ในหลัง หรือข้อเข่า

และบางครั้งแคลเซียมที่เกาะผิดที่ อาจมีรากเหง้ามาจาก ความเป็นกรดในเลือด (acidic pH) เช่น การกินโปรตีนจัด เครียดเรื้อรัง หรือดื่มน้ำน้อย ซึ่งล้วนแต่ไปกระตุ้นให้แคลเซียมหลุดจากกระดูกมาเกาะตามเนื้อเยื่อต่าง ๆครับ

****

🦴 ผลเสียของกระดูกงอก–แคลเซียมเกาะต่อร่างกาย

✅ 1. ปวด–ตึง–ชา–ข้อยึดติด

📌 สาเหตุ:
เมื่อมีกระดูกงอกหรือแคลเซียมเกาะบริเวณข้อหรือเส้นเอ็น
มันจะไปกดหรือขัดการเคลื่อนไหวของข้อ → เกิดแรงเสียด
→ ทำให้เกิดการอักเสบ ปวดตึง และข้อติดแบบเรื้อรัง

🧠 ในมุมแพทย์จีน:
คือภาวะ “痹症” (ข้ออุดตัน) หรือ “瘀阻经络” (เลือดคั่งในเส้น)
→ ทำให้ชี่เลือดไหลเวียนไม่ได้ → ปวดแบบตื้อ ๆ หน่วง ๆ

✅ 2. กดทับเส้นประสาท

📌 สาเหตุ:
กระดูกงอกบริเวณ คอ หรือเอว สามารถกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง
ทำให้เกิดอาการ “ปวดร้าว–ชาตามแขนหรือขา” และในรายรุนแรง
อาจถึงขั้นอ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ หรือเคลื่อนไหวผิดปกติ

🧠 ในแพทย์จีน:
เรียกว่า “络脉瘀阻” (เส้นลมปราณตื้นถูกอุดตัน) + “肾亏筋弱” (ไตพร่อง กล้ามเนื้อ–เส้นอ่อนแรง)

✅ 3. ความยืดหยุ่นลดลง–กล้ามเนื้อทำงานผิดจังหวะ

📌 สาเหตุ:
เมื่อข้อเคลื่อนไหวได้ไม่สุดช่วง หรือมีแรงกดที่จุดหนึ่งตลอดเวลา
กล้ามเนื้อจะต้องทำงานชดเชยแบบผิดธรรมชาติ → เกิดพังผืด กล้ามเนื้อเกร็งเรื้อรัง
→ กลายเป็นอาการปวดเรื้อรังแบบ “กล้ามเนื้อ–พังผืด” (myofascial pain)

🧠 ในแพทย์จีน:
คือภาวะ “筋脉拘急” (เส้นเอ็นหดเกร็ง) มักสัมพันธ์กับตับที่ตึงเครียดและเลือดพร่อง

✅ 4. กระทบระบบพลังภายใน (ในมุมแพทย์จีน)

แม้บางคนยังไม่มีอาการรุนแรง แต่ถ้ามีแคลเซียมเกาะผิดที่หรือกระดูกงอกเรื้อรัง
ถือเป็นสัญญาณว่า “ระบบไต–ตับ–เลือด–ชี่ เริ่มพร่องหรือติดขัด”

⚠️ ถ้าไม่ดูแลอวัยวะภายในร่วมด้วย…
→ อาจนำไปสู่ปัญหาอื่น เช่น
• ปวดเข่า เดินลำบาก
• ปวดหลังเรื้อรัง นอนไม่หลับ
• ชี่ตับติดขัด → วิตก เครียดง่าย
• ไตพร่อง → ปัสสาวะบ่อย เหนื่อยง่าย หลงลืม

✅ 5. เสี่ยงต่อข้อเสื่อมถาวร–ต้องผ่าตัด

ถ้ากระดูกงอกไปขัดหรือทำลายผิวข้อมากขึ้นเรื่อย ๆ
→ จะเกิดการสึกของกระดูกอ่อน
→ ข้อจะเสื่อมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้าย…ต้อง “ผ่าตัดเปลี่ยนข้อ” หรือ “ผ่าตัดเอากระดูกงอกออก”

🧠 ซึ่งแพทย์จีนมักเน้น “ไม่ให้ถึงจุดนั้น”
โดยฟื้นฟูตั้งแต่ระดับพลังชี่ ปรับสมดุลอวัยวะ และคลายพังผืดเส้นเอ็นก่อนจะพัฒนาไปถึงจุดผ่าตัด

****

👀แล้วใครเสี่ยง “กระดูกงอก–แคลเซียมเกาะ” มากที่สุด?
คนที่เสี่ยงกระดูกงอก–แคลเซียมเกาะ มักมี 3 ปัจจัยหลักร่วมกันคือ
✅ ใช้งานข้อผิดวิธีหรือหนักเกิน
✅ ร่างกายเริ่มเสื่อมหรือไตพร่อง
✅ ระบบชี่เลือดและน้ำในข้อไม่ไหลเวียนดี

1. คนวัยกลางคนขึ้นไป (40 ปีขึ้นไป)

🔍 ทำไมเสี่ยง?
-อายุเพิ่ม → การซ่อมแซมข้อ-กระดูกช้าลง
-กระดูกอ่อนเสื่อมตามวัย → ร่างกายสร้างเนื้อกระดูกใหม่ผิดจุด
-ในแพทย์จีน: พลังไตเสื่อมลงตามอายุ

2. คนที่ใช้งานข้อมาก ซ้ำ ๆ ผิดท่า

เช่น: ครู ยืนสอนนาน, พนักงานโรงงาน, คนยกของ, นักกีฬา

🔍 ทำไมเสี่ยง?
-ข้อถูกกด-เสียดตลอด → ร่างกายตอบสนองด้วยการสร้าง “กระดูกงอก” เพื่อรองรับแรงกด
-ในแพทย์จีน: “气滞血瘀” ชี่ติดขัด เลือดคั่งที่ข้อ → เกิดการแข็งตัวของสารน้ำในข้อ

3. คนที่มีปัญหาชี่ตับติดขัด – เส้นเอ็นตึง – ท่าทางผิด

เช่น: นั่งจ้องคอมนาน เกร็งคอ ไหล่แข็ง

🔍 ทำไมเสี่ยง?
-เส้นเอ็นที่ตึงผิดปกติ จะดึงข้อผิดแนว → ข้อถูกกระตุ้นให้เสื่อมไว
-แพทย์จีนมองว่า “肝气郁结” (พลังตับติดขัด) ทำให้เส้นเอ็นหด-เกร็ง นำไปสู่การดึงข้อแบบผิดธรรมชาติ

4. คนที่เป็นโรคข้อเสื่อม หรือกระดูกพรุนอยู่แล้ว

🔍 ทำไมเสี่ยง?
-เมื่อข้อเริ่มเสื่อม ร่างกายจะพยายาม “ซ่อมแซม” โดยสร้างกระดูกใหม่ → แต่งอกผิดที่
-ในคนที่กระดูกพรุน ระบบเผาผลาญแคลเซียมผิดปกติ → แคลเซียมไปเกาะผิดจุด

🧠 ในแพทย์จีน: “肾虚骨弱 + 痰湿内生” → ไตพร่อง + ความชื้นสะสม → แคลเซียมไม่เคลื่อนดี

5. คนที่กินอาหารเค็มจัด–โปรตีนจัด–ของเย็นจัด

🔍 ทำไมเสี่ยง?
-เค็มจัด = ภาระของไต
-โปรตีนจัด = เพิ่มกรดยูริก → การอักเสบเรื้อรัง
-เย็นจัด = ชะลอการไหลเวียนเลือดในข้อ
-ส่งผลให้เกิดการตกผลึก เกาะแข็งในข้อต่อ (คล้าย “痰湿凝结” ในแพทย์จีน)

6. คนดื่มน้ำน้อย–ออกกำลังกายหนัก–เสียเหงื่อแต่ไม่ชดเชย

🔍 ทำไมเสี่ยง?
-ขาดน้ำ = น้ำในข้อแห้ง = ผิวข้อสึกเร็ว
-กล้ามเนื้อ–เส้นเอ็นตึงง่าย
-ระบบชี่เลือดไม่ไหลเวียนดี → กระตุ้นภาวะเลือดคั่ง + ความชื้นเกาะ → กลายเป็นแคลเซียมเกาะ

7. ผู้ที่มีภาวะเลือดคั่ง–ความชื้นในร่างกายสูง (湿重血瘀体质)

🔍 ทำไมเสี่ยง?
-เป็นพื้นฐานที่พบในคนอ้วน เหนื่อยง่าย หนักตัว บวมง่าย
-ร่างกายเคลื่อนไหวไม่คล่อง ระบบกำจัดของเสียอ่อนแรง
-ในแพทย์จีน: ความชื้นและเลือดคั่งทำให้เกิด “痰瘀互结” → สะสมเป็นก้อนแข็ง กระดูกงอก หรือแคลเซียมเกาะ

****

📚แพทย์จีนรักษากระดูกงอก–แคลเซียมเกาะอย่างไร?

“รักษาทั้งรากเหตุภายใน และอาการภายนอก”

🔬แนวคิดหลักในการวินิจฉัย

แพทย์จีนไม่มองแค่จุดที่มีกระดูกงอกหรือแคลเซียมเกาะ แต่จะวิเคราะห์ลึกไปถึง “สมดุลภายในของร่างกาย” เช่น
- ไตพร่อง → 骨失濡养 (กระดูกขาดการหล่อเลี้ยง)
- ตับติดขัด → 筋脉拘急 (เส้นเอ็นตึง ดึงข้อผิดแนว)
- ชี่ติด–เลือดคั่ง → 气滞血瘀 (ทำให้เลือดติดค้างสะสม)
- เสมหะ–ความชื้นสะสม → 痰湿凝结 (แคลเซียมเกาะข้อเป็นก้อนแข็ง)

🔶 แนวทางการรักษา
แพทย์จีนจะ “รักษาองค์รวม” ตามหลักการต่อไปนี้:

1️⃣ 疏通经络 – เปิดเส้นลมปราณ ลดอาการอุดตัน

📍 หัตถการที่ใช้:
-ฝังเข็ม (针灸) → กระตุ้นจุดที่เกี่ยวข้องกับข้อต่อ ไต ตับ เลือด และจุดเฉพาะที่มีการอักเสบ
-ทุยหน่า (推拿) → คลายเส้น คลายกล้ามเนื้อที่ดึงข้อ
-ครอบแก้ว (拔罐) → ดูดเลือดคั่ง เส้นตึง ความชื้นสะสม
-อาจเสริมด้วยเข็มอุ่น (温针) หรือเข็มไฟฟ้า (电针) ในรายที่มีข้อยึดหรือติดมาก

📍 จุดฝังเข็มที่นิยมใช้:
-阿是穴 (จุดที่ปวดตรง ๆ)
-肾俞、命门、委中、阳陵泉、足三里、太冲
-บางกรณี ใช้董氏奇穴 เช่น 大白、灵骨、正宗、开宫

2️⃣ 补肾强骨 – บำรุงไต เสริมกระดูก

📍 แนวทางสมุนไพร:ใช้ยาจีนที่มีสรรพคุณบำรุงไต เสริมไขกระดูก เช่น
杜仲(ตู้จ้ง) 续断(สวี้ต้วน) 骨碎补(กู่สุ่ยปู่)
巴戟天(ปาจี้เทียน)淫羊藿(หยินหยางฮั่ว)

✳️ สูตรที่ใช้บ่อย: 骨刺丸、六味地黄丸 ปรับตามอาการ

3️⃣ 活血化瘀 – กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ละลายเลือดคั่ง

📍 แนวทางสมุนไพร:ใช้สมุนไพรขับเลือดคั่ง เช่น
丹参(ตานเสิน) 川芎(ชวนซยง)红花(หงฮวา)
乳香、没药(หรู่เซียง ม่อเย่า)

✳️ ช่วยลดปวด ลดการบวมอักเสบ และเร่งสลายก้อนแข็งบริเวณข้อ

4️⃣ 祛痰利湿 – ขับเสมหะ–ความชื้น ลดการตกตะกอนแคลเซียม

📍 แนวทางสมุนไพร:สมุนไพรละลายเสมหะและความชื้น เช่น 苍术(ชางจู๋)茯苓(ฝูหลิง)泽泻(เจ๋อเซี่ย)
薏苡仁(อี้อี่เหริน) 黄柏(หวงไป๋)

✳️ เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะตัวบวม หนัก ล้า มีเสมหะในข้อหรือไขมันเกาะ

5️⃣ 调肝理筋 – ปรับพลังตับ คลายเส้นตึง ลดแรงดึงกระดูก

📍 แนวทางสมุนไพร:ใช้สมุนไพรผ่อนตับ คลายเส้นเอ็น เช่น
柴胡(ไช่หู) 白芍(ไป๋สาว)天麻(เทียนหมา)
钩藤(โกวเถิง)

✳️ เน้นในคนที่มีอาการเกร็ง คอตึง หลังแข็ง เครียดง่าย

🧩 การปรับสมดุลวิถีชีวิต

แพทย์จีนจะเน้นให้คนไข้ปรับพฤติกรรมควบคู่ เช่น
- ลดอาหารเย็นจัด เค็มจัด ไขมันสูง
- ดื่มน้ำอุณหภูมิห้องสม่ำเสมอ
- เคลื่อนไหวร่างกายแบบพอดี เช่น ชี่กง โยคะแบบจีน
- นอนหลับพักผ่อนตรงเวลา
- ฝึกหายใจ–สมาธิเพื่อปรับพลังตับ

📍ดังนั้นกระดูกงอก–แคลเซียมเกาะ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคร้ายนะครับ แต่มันคือผลจากการใช้งานที่ผิดซ้ำ ๆ บวกกับระบบภายในที่เริ่มติดขัดหรือเสื่อมลงโดยไม่รู้ตัว

ในมุมแพทย์จีน หมอจีนจะไม่ได้มองแค่จุดที่มีปัญหา
แต่จะดูทั้งร่างกายว่าไตอ่อนแอหรือไม่ ชี่ตับตึงตึดขัดหรือเปล่า เลือดไหลเวียนดีไหม เส้นเอ็นเกร็งเรื้อรังหรือเปล่า
แล้วจึงค่อยปรับสมดุลผ่านการฝังเข็ม สมุนไพร และปรับพฤติกรรมนะครับ

สำหรับหมอแมนจะเตือนคนไข้เสมอว่ากระดูกงอกเกิดเพราะเมื่อร่างกายเริ่มซ่อมตัวเองผิดทาง หน้าที่ของเราในฐานะเจ้าของร่างกาย…ไม่ใช่หาหมอเพื่อแค่ “รักษา”
แต่ต้อง “ฟื้นฟูให้มันกลับมาซ่อมได้ถูกต้องอีกครั้ง”ครับ✨

#กระดูกงอกแคลเซียมเกาะ
#ปวดคอปวดหลังอย่าชะล่าใจ
#หมอแมนแพทย์จีน

25/06/2025

EP60** โรคตาสะท้อนความอ่อนแอของตับ☯️

เมื่อศาสตร์แพทย์จีนเชื่อมกับมุมมองวิทยาศาสตร์ จะน่าทึ่งแค่ไหนกันนะ? 🤔

วันนี้ผมอยากชวนทุกคนมามองลึกลงไปที่… “ดวงตา” ของเรากันครับ 👁️
อย่าคิดว่าตาแค่ไว้ดูโลกภายนอกนะครับ เพราะจริง ๆ แล้ว มันอาจสะท้อน “ภายใน” ของเราได้ชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

👉 ในมุมมองของแพทย์จีน

มีคำกล่าวที่ลึกซึ้งมากว่า
“ตับเปิดทวารที่ตา” (肝开窍于目)
พูดง่าย ๆ ก็คือ ดวงตา คือหน้าต่างของตับนั่นเองครับ

💡 ถ้าตับแข็งแรง เลือดไหลเวียนดี พลังหยางมีพอ
→ ตาก็จะดูใส ชุ่มชื้น มีประกาย
แต่ถ้าตับอ่อนแอ เลือดพร่อง ชี่ติดขัด
→ ตาก็จะเริ่มฟ้องออกมา เช่น ตาแห้ง มัว เหลือง หรือมองไม่ชัด

เพราะอะไร?
เพราะ “ตับ” มีหน้าที่สำคัญในร่างกาย 2 อย่างเลยครับ
- เก็บเลือด (藏血)
- ควบคุมการไหลเวียนของพลังและอารมณ์ (疏泄)

และ “ดวงตา” เป็นอวัยวะที่ใช้เลือดเยอะมาก โดยเฉพาะบริเวณ “จอประสาทตา”
ถ้าตับส่งเลือดมาไม่พอ หรือพลังติดขัด
→ ตาก็จะเริ่มมีอาการพร่ามัว แห้ง เห็นแสงแฟลช หรือมีจุดดำลอยไปมาได้เลย

🔍 แล้วแพทย์จีน…ตรวจดวงตาอย่างไร?

การตรวจดวงตาในศาสตร์แพทย์จีน ไม่ได้ใช้เครื่องมือหรือเลเซอร์นะครับ
แต่ใช้ “การสังเกต” อย่างลึกซึ้ง ผสมกับการซักประวัติ การแมะ และการดูองค์รวมของผู้ป่วย

👁‍🗨 สิ่งที่แพทย์จีนจะสังเกตจากตา ได้แก่:
• ความใสของตาดำ:
ถ้าตาดำขุ่นมัว อาจสะท้อนถึงพลังไตหรือตับพร่อง
• ตาขาว (sclera):
ถ้าออกเหลือง → สงสัยภาวะร้อนชื้นในตับ–ถุงน้ำดี
ถ้าเห็นเส้นเลือดฝอยชัด → อาจมีภาวะพลังชี่ติดขัดหรือมีไฟในตับ
• ลักษณะหนังตา:
บวม → มักเกี่ยวกับม้าม–ไตพร่อง หรือระบบน้ำเสียสมดุล
ตก–ล้า → บ่งชี้เลือดตับพร่อง
• การกะพริบตา / ความไวของการตอบสนองแสง:
ตากระพริบช้า–ช้าเกินไป → พลังชี่ตับเคลื่อนไหวช้า
ไวเกินไป → มีภาวะหยางตับแกร่งหรือมีลมขึ้นบน

🗣 แพทย์จีนยังใช้การซักถามอาการร่วมด้วย เช่น
• มองไม่ชัดตอนกลางคืน (เลือดตับพร่อง?)
• ตาแห้งแสบตอนบ่าย–ค่ำ (หยางพร่อง?)
• เห็นจุดดำลอยไปมา (เลือดไหลเวียนไม่ดี?)
• ปวดตา ปวดขมับเวลาคิดมาก (พลังตับตึง?)

👂 บางกรณีจะมีการตรวจ “ชีพจร” และ “ลิ้น” ร่วมด้วย เพื่อดูภาวะเลือด พลัง และไฟในร่างกาย

💬 กล่าวได้ว่า…
การตรวจดวงตาในแบบแพทย์จีนนั้น คือการ “อ่าน” ความเปลี่ยนแปลงของพลังภายในผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “ตา” นี่แหละครับ

🔬 แล้วทางฝั่งวิทยาศาสตร์ล่ะ?

ดวงตาในมุมมองวิทยาศาสตร์คืออวัยวะที่เชื่อมตรงกับ “สมอง” และ “ระบบเลือด” โดยเฉพาะจอประสาทตาที่ต้องการเลือดไปเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง

ทีนี้ “ตับ” ก็เข้ามาเกี่ยวข้องในหลายมิติเลยครับ เช่น:

1️⃣ ตับสะสมวิตามิน A
→ วิตามิน A สำคัญต่อการมองเห็นในที่มืด และช่วยให้ตาชุ่มชื้น
→ ถ้าตับไม่ดี ขาดวิตามิน A → ตาแห้ง มองไม่ชัดตอนกลางคืน (night blindness)

2️⃣ ตับช่วยกรองของเสียจากเลือด
→ ถ้าตับล้างพิษไม่ดี → ของเสียสะสมในเลือด
→ เกิดตาขาวเหลือง, ตาขุ่น, เส้นเลือดฝอยในตาขาวเห็นชัด

3️⃣ ตับควบคุมการไหลเวียนเลือดไปจอประสาทตา
→ ถ้าเลือดไปเลี้ยงไม่พอ → เสี่ยงจอประสาทตาเสื่อม, ความดันตาสูง

📍โรคตับที่กระทบดวงตาโดยตรง
• ไวรัสตับ / ตับอักเสบเรื้อรัง → ตาเหลือง มองมัว
• ตับแข็ง / ตับวาย → ตาแห้ง แสบตา จุดดำลอย
• ไขมันพอกตับ → เปลือกตาหนัก ตาล้า บางคนมีไขมันสะสมที่เปลือกตา (xanthelasma)

🌐สำหรับงานวิจัยก็มีมากมายหลากหลายเช่น
• นักวิชาการแพทย์จีนสมัยใหม่ได้พัฒนากรอบแนวคิด “ตับ‑ตา​ biological axis” โดยชี้ว่าตับและดวงตาเชื่อมโยงกันผ่านระบบเมตาบอลิซึม การอักเสบ ปฏิกิริยาออกซิเดชัน และวงจรร่างกายรวม
• ผู้ป่วยตับแข็ง (cirrhosis) มักมีภาวะขาดวิตามิน A ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาการมองเห็นตอนกลางคืนไม่ชัด (night blindness) และตาแห้ง (“xerophthalmia”) 
• ผู้ป่วย Primary Biliary Cholangitis (PBC) มีอาการตาแห้งในผู้ป่วยถึง 20–70% ซึ่งสัมพันธ์กับโรค autoimmune จนมีรายงานปัญหาตาในภาวะนี้
• งานวิจัยระบาดวิทยาระบุว่า โรคตับและโรคตาเป็นปัจจัยเสี่ยงซึ่งกันและกัน (bidirectional effects) และแนะนำให้ผู้มีอาการตาทำการตรวจตับอย่างครบถ้วน
• ตับเป็นแหล่งสะสมวิตามิน A ในรูป retinol สร้าง retinal ที่จำเป็นสำหรับโปรตีน rhodopsin ในแท่งรับแสงของตา — ขาดวิตามิน A จึงนำไปสู่ปัญหาการเห็นในที่มืดและเยื่อบุตาแห้ง
• ผลศึกษาในผู้ป่วย PBC/Crohn’s ที่มีภาวะขาดวิตามิน A พบว่า เมื่อให้ retinol ภายใน 8 วัน พบการฟื้นฟูการปรับมืดของตา (dark adaptation) อย่างชัดเจน
• ตับยังช่วยสังเคราะห์อัลบูมิน รักษาแรงดันเลือด และกรองของเสีย — ซึ่งสำคัญต่อสุขภาพหลอดเลือดเล็กในตา เช่น เยื่อบุตา ซึ่งในผู้ป่วยตับเสียอาจพบตาขาวซีดหรือแดงผิดปกติ
• ตาเหลือง (jaundice) เกิดจากบิลิรูบินสูงในเลือดสะสม 
• ตาแห้ง (xerophthalmia) พบบ่อยใน PBC และตับเสื่อม 
• กลางคืนมองไม่ชัด (night blindness) เกิดจากการขาดวิตามิน A ในตับ ผู้ป่วยตับเรื้อรังเกินกว่าครึ่งขาดวิตามิน A อย่างรุนแรง
• งานศึกษาด้าน TCM แนะนำให้ “护肝明目 – บำรุงตับเพื่อรักษาดวงตา” และใช้สูตรสมุนไพรร่วมเช่น Longdan Xiegan Tang ในการลดการอักเสบตา 
• งาน AREDS/AREDS2 ให้ข้อมูลว่าการเสริมวิตามิน C, E, Zinc, Beta‑carotene (วิตามิน A กลุ่ม provitamin) สามารถช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตาในโรค macular degeneration ได้ประมาณ 25% เป็นต้น

😣 ปัจจัยที่ทำร้ายตับและตา (แบบไม่รู้ตัว)
• จ้องหน้าจอนาน ๆ อ่านหนังสือในที่แสงน้อย
• นอนดึก พักผ่อนไม่พอ → เลือดตับพร่อง
• ความเครียดสะสม → พลังตับตึงขึ้นศีรษะ → ปวดตา ปวดขมับ
• ขาดสารอาหาร → วิตามิน A, C, E, ลูทีน, ซิงค์
• โรคเบาหวาน / ความดัน → ทำลายหลอดเลือดตาโดยตรง

💡 แล้วเราจะบำรุงตับ–บำรุงตาอย่างไรดี?
• 🥬 กินอาหารดีต่อตับและตา:
ผักโขม แครอท ตับไก่ เก๋ากี้ ตำลึง ฟักทอง
• 🍵 ดื่มชาสมุนไพรเย็นตับ:
เช่น เก๊กฮวย ชามะลิ ใบหม่อน
• 🌿 ใช้สมุนไพรบำรุงตับเลือด:
ตังกุย โกฐเชียง โซ่วอู่
• 👣 กดจุดฝังเข็มบำรุงตับ–ตา:
เช่น จุด ไท้ชง (太冲) และ จิงหมิง (睛明)
• 🧘‍♂️ พักสายตา ผ่อนคลายอารมณ์:
ฝึกสมาธิ – ลดพลังตับที่ตึงขึ้นสู่ดวงตา
• 🛌 นอนก่อนห้าทุ่ม – พักตาทุก 30 นาทีเมื่อจ้องจอ

✨ สรุปส่งท้ายครับ

หมออยากเตือนว่า
ดวงตาใส ไม่ได้แปลว่าแค่พักผ่อนพอนะครับ แต่มันคือผลลัพธ์ของ “เลือดที่ดี” และ “ตับที่แข็งแรง”

✅ ถ้าตับดี → เลือดไหลดี → ดวงตาก็จะสดใส
❌ ถ้าตับอ่อนแอ → ตาก็จะแห้ง มัว แสบ หรือมีปัญหาตามมา

เพราะงั้น… ถ้าอยากมีตาสวยใส อยู่กับเราไปนาน ๆ
อย่าลืมดูแลตับให้ดีตั้งแต่วันนี้นะครับ 💚

#ตากับตับในมุมแพทย์จีน
#สุขภาพตาเริ่มที่ตับ
#หมอแมนแพทย์จีน
#แพทย์จีนเวชศาสตร์ฟื้นฟู

21/06/2025

EP57**คืนนี้ต้องหลับอย่างมีคุณภาพให้ได้🛌✨
💬 “หมอ…คืนนี้ต้องนอนหลับให้ได้จริง ๆ จะทำยังไงดี?”

🤔เป็นคำถามที่หมอได้ยินบ่อย…
ในวันที่หัวใจไม่สงบ สมองไม่หยุดคิด ร่างกายก็พลิกตัวไม่รู้จบ

☯️ในมุมแพทย์จีน การหลับให้ลึก ไม่ได้เริ่มตอนเข้านอน
แต่มันเริ่มตั้งแต่ “บ่ายโมง” ของวันนั้น…

❤️ถ้าเสินไม่สงบ พลังหยางไม่ลง หยินไม่พอ…
คุณจะไม่หลับ แม้เตียงจะนุ่มแค่ไหนก็ตาม

วันนี้หมอแมนเลยรวม “10 เคล็ดลับหลับลึกฉบับแพทย์จีน”
📍ตั้งแต่บ่ายถึงก่อนเข้านอน — สำหรับทุกคนที่ “ต้องหลับให้ได้คืนนี้” 🛌🌿

✨ “คืนนั้นที่หลับได้…เช้าวันใหม่ก็เปลี่ยนไปทั้งวัน” ✨
ถ้าคืนนี้ต้องนอนให้หลับจริง ๆ — แฮปปี้รวมให้แล้ว!
เคล็ดลับหลับลึกแบบแพทย์แผนจีน ตั้งแต่ บ่ายยันก่อนนอน
เพื่อให้ หัวใจสงบ–เสินมั่น–พลังหยินไหลลื่น 🛌🌙



🕑 ตั้งแต่บ่าย (หลัง 14.00 น.)

☕ 1. งดชา–กาแฟ–โกโก้–ชาเขียว

คาเฟอีนจะอยู่ในร่างกายอีก 6–8 ชม. ทำให้ “เสิน” ไม่สงบ

🍽️ 2. งดของหวานจัด–มันจัด–ของทอด

ทำให้ “ชื้นร้อน” ขึ้นกวนหัวใจ → หลับยาก กระสับกระส่าย

🌿 3. ดื่ม “ชาดอกไม้เบา ๆ” เช่น ชาดอกกุหลาบ + พุทราจีน

ช่วยสงบจิต บำรุงเลือดหัวใจ ทำให้เสินนิ่ง

☀️ 4. เดินเบา ๆ 10–15 นาที ช่วงบ่าย

กระตุ้นการไหลเวียนชี่–เลือด → ช่วยให้พลังสงบตอนเย็น



🕠 เย็น–หัวค่ำ (17.00–20.00 น.)

🍲 5. กินอาหารเบา–ย่อยง่าย–อุ่น

เช่น ข้าวต้ม ซุปปลา ผัดฟักทอง ไม่ควรอิ่มเกิน 70%

🚫 6. งดดูข่าว–คุยงาน–เรื่องเครียด

เพราะตับจะเก็บอารมณ์ค้าง ทำให้ “ชี่ตับ” ติดขัดตอนหลับ

🧘‍♀️ 7. หายใจลึก 10 นาที + สวดมนต์/ภาวนาเบา ๆ

ช่วยปรับ “ชี่ปอด–หัวใจ” ให้ราบรื่นก่อนหลับ



🛁 ก่อนนอน (20.30–22.00 น.)

🛀 8. แช่เท้าในน้ำอุ่น + ขิง หรือเกลือ

ขับหยางลงล่าง → เสินลงหัวใจ → หลับลึก

🧴 9. ทาน้ำมันหอมอุ่น ๆ ที่จุด ซานอินเจียว (SP6) และ หัวใจถานจง (CV17)

จุดฟื้นพลัง “หยิน” และปลุกสมาธิภายใน

🕯️ 10. ปิดไฟให้สนิทห่างมือถือ + ใช้กลิ่นหอมสงบ เช่นลาเวนเดอร์ หรือไม้จันทน์

ลดคลื่นสมอง → เข้าสู่คลื่นอัลฟา → หลับง่ายขึ้น



📌 ถ้านอนไม่หลับเพราะ “จิตไม่กลับเข้าหัวใจ” ให้ลองนวดจุด Shenmen (神门)
ถ้านอนไม่หลับเพราะ “คิดไม่หยุด” → นวดจุด Yintang (印堂) ระหว่างคิ้ว



💚 คืนนี้…ไม่ต้องฝืนหลับ แต่ สร้างสภาพแวดล้อมที่เสินจะยอมสงบเอง
แล้วเช้าพรุ่งนี้…คุณจะตื่นแบบ “ฟื้นชี่” จริง ๆ 🌄

#หมอแมนแพทย์จีน
#หลับดีมีคุณภาพ
#เทคนิคหลับดี

13/06/2025

🧬 EP55**สัญญาณร่างกายย้อนวัย❤️
ย้อนวัยไม่ใช่แค่ดูเด็ก…แต่ร่างกายต้องตอบกลับแบบนี้!

“หมอแมนคะ…หมอว่าพี่ดูเด็กลงมั้ย?”
คำถามจากคนไข้ประจำที่เพิ่งเริ่มฝังเข็ม+กินอาหารตามธาตุมาได้ 2 เดือน 🥹

😂หมอเองก็หัวเราะแล้วตอบไปว่า…
“ผิวดูใสขึ้น ผมหยุดร่วงแล้ว แต่ที่หมออยากให้ดูยิ่งกว่านั้น…คือ สัญญาณที่ร่างกายส่งกลับ เวลามันเริ่มฟื้นจริง ๆ”

🍀สำหรับหลายคนเข้าใจว่า ดูอ่อนเยาว์ = ต้องฉีด ต้องทา ต้องเติมสารอะไรเข้าไป
แต่ความจริงแล้ว…การย้อนวัยที่แท้จริง มันเริ่มที่ “ร่างกายเริ่มซ่อมตัวเองได้”
วันนี้หมอเองจะมาบอกวิธีการสังเกตตัวเองว่าการดูแลสุขภาพของเรามาถูกทางแล้วหรือยัง
📍และนี่คือ 10 สัญญาณที่หมอแมนอยากให้ทุกคนสังเกต

☯️🍀☯️

🌿 10 สัญญาณ…ร่างกายคุณกำลังย้อนวัยอย่างแท้จริง

1. หลับลึก ตื่นแล้วสดชื่น😴

ถ้าก่อนหน้านี้ตาค้าง ตื่นง่าย ฝันเยอะ แล้วตอนนี้กลับหลับง่าย ตื่นมาสดใส
นั่นแปลว่า หัวใจสงบ เสินมั่นคง แล้วล่ะ

2. ใจนิ่งขึ้น เครียดน้อยลง❤️

ไม่ใช่ว่าโลกใจดีขึ้น…แต่ พลังตับไม่ติดขัด จึงทำให้คุณใจเย็นลงโดยไม่ต้องพยายาม

3. ผิวใส ผมร่วงน้อย 🥰

ไตเริ่มฟื้น เลือดเริ่มเดิน…รากผมเริ่มยึด
ไม่ต้องแค่ดู “หน้าเด็ก” เพราะผมไม่บางต่างหากที่ดูเด็กจริง!

4. ขับถ่ายดี อุจจาระสวย 💩

คนที่ “ถ่ายสวย” = ม้ามทำงานดี
ไม่มีชื้นสะสมในลำไส้ = ไม่มีของเสียตกค้างก่อโรคในอนาคต

5. หายใจโล่งขึ้น 🫁

จมูกไม่ตันง่าย ไม่คัดจมูกตอนฝนตก
แสดงว่า ปอด–ไตทำงานดี และเวยชี่ (ภูมิ) กลับมา

6. มือเท้าอุ่น 👋🦶

ถ้าเคยเย็นเฉียบแล้วตอนนี้เริ่มอุ่น
ไม่ใช่แค่เลือดไหลเวียนดี แต่หมายถึง “หยางชี่เริ่มคืน”

7. ไม่หิวบ่อย แต่พลังเต็ม 💪

แปลว่า กินแล้วใช้พลังได้จริง ม้ามย่อยเก่ง ดูดซึมดี ไม่ต้องกินเยอะ

8. สมองปลอดโปร่ง ตาใส 👀🧠

ชี่พุ่งถึงสมอง ตับหล่อเลี้ยงดวงตา
อาการเบลอ สมาธิสั้น เริ่มหาย

9. ฟื้นตัวเร็วหลังออกกำลัง 🥱

เคยเมื่อยเป็นวัน ๆ ตอนนี้ล้าแล้วฟื้นไว
แปลว่าเลือดเดินดี ไม่มี “พลังตกค้าง” เหมือนเมื่อก่อน

10. ผลเลือดดีขึ้น 🩸

LDL ลด น้ำตาลดีขึ้น ภูมิสูง
สัญญาณจากภายในที่ยืนยันว่า “ร่างกายคุณตอบสนองต่อการดูแล”

☯️❤️❤️

💬 หมอแมนอยากให้ทุกคนเลิกดูแค่ “หน้ากระจก”
เพราะบางครั้งที่คุณยังไม่เห็นริ้วรอย แต่ภายในอาจจะโทรมกว่าที่คิด

แต่ถ้าร่างกายตอบกลับมาด้วย 10 สัญญาณนี้
นั่นแปลว่า…คุณกำลังย้อนวัยอย่างแท้จริงครับ

📚☯️📚

🧡 อย่าลืมนะครับ…การย้อนวัย ไม่ได้เริ่มที่การ “เพิ่ม” อะไร
แต่เริ่มที่การ “ฟื้น” พลังที่มีอยู่แล้ว ให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง 🌿

#หมอแมนแพทย์จีน
#ชะลอวัยจากภายใน
#ย้อนวัยแบบแพทย์จีน
#ฟื้นหยางชี่ฟื้นพลังชีวิต
#หมอจีนเล่าเรื่องง่ายๆ

08/06/2025

😷 ทำไมเป็นหวัดแล้ว ชอบไอตอนกลางคืน?


ไม่สิ ก่อนจะถึงตอนกลางคืน
ต้องถามก่อนว่า ทำไม “หวัด” ถึงทำให้เราไอ?


🦠 ไวรัสหวัดเจาะเข้าทางเดินหายใจส่วนบน → อักเสบ
▪️ โพรงจมูกอักเสบ → น้ำมูกไหลแน่นจมูก
▪️ คอหอยอักเสบ → กลืนน้ำลายเจ็บจี๊ด
▪️ กล่องเสียง/หลอดลมอักเสบ → ไอเป็นชุด

👃 กล่องเสียง & หลอดลมส่วนบน
เป็นจุดที่มี “เซนเซอร์ตรวจจับศัตรู”
พอเจออะไรน่าสงสัย → ส่งสัญญาณไอทันที


ผลจากการอักเสบ ทำให้…
🔸 ผนังหลอดลมบวม
🔸 หลั่งเมือกมาก
→ กระตุ้น “วงจรไอ” แบบไม่หยุดยั้ง


😩 บางคนหายหวัดแล้ว ยังไอไม่หยุด
เพราะวงจรไอมัน “ไวผิดปกติ” แล้วนั่นเอง
นิดหน่อยก็ไอ → Post-infectious cough syndrome


🌌 แล้วทำไม… ถึงชอบไอตอนกลางคืน?
เพราะมันมีตัวช่วยเร่งหลายอย่าง!

1️⃣ ท่านอน → น้ำมูกไหลลงคอแบบ free fall → กระตุ้นไอ
2️⃣ Cortisol ต่ำตอนกลางคืน → การอักเสบสูงขึ้น
3️⃣ ตอนหลับจะไม่ไอ → เมือกสะสมไว้ พอตื่นมาไอทีเดียว
4️⃣ อากาศเย็น แห้ง → ทำให้เยื่อบุแห้ง เจอแรงถูจากลม → ไอจ้าาาา 💨


💡 วิธีบรรเทาอาการไอตอนดึก
✅ หนุนหัวให้สูง (2–3 หมอน)
✅ ถ้ามีกรดไหลย้อน → นอนตะแคงซ้าย
✅ จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ 🌡
✅ เลี่ยงแอร์จ่อหน้า / ปิดโหมด dry ❄️
✅ ล้างจมูกก่อนนอน ช่วยลดน้ำมูกไหลลงคอ
✅ งดควัน 🚬 น้ำหอมฉุน อาหารทอดมัน
✅ ถ้าใช้ Enalapril แล้วไอ → ปรึกษาแพทย์เปลี่ยนยา
✅ ออกกำลังกายช่วยได้ ถ้าไหวนะ ถ้าทนได้ให้เพิ่มความหนักดูค่ะ ปัญหาที่เจอบ่อยคือ ช่วงหายใจแรงๆ จะไอหนักมากขึ้น ให้เอาเท่าที่ทำได้
✅ หากไอเยอะ ไอนานกว่า 1-2 สัปดาห์ ให้ไปหมอตรวจเถิด

08/06/2025

EP53**พระนางหรูอี้ผู้โศกเศร้าสู่โรคปอดเรื้อรัง
จงจำไว้ว่า“ผู้ชายห่วย ๆ ไม่ควรได้พื้นที่ใน ‘ปอด’ ของเรา”

🪷 พระนางหรูอี้: ความเศร้าที่ฝังอยู่ในปอด และลำไส้ที่ไม่มีใครรู้ว่าเจ็บ

สวัสดีครับfcที่รักทุกท่าน 🙏
หมอแมนเองครับ วันนี้หมอขอมาแบบมีอินเนอร์หน่อย เพราะเป็นตอนพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจมาจากซีรีส์จีนในตำนานที่ดูแล้วน้ำตาซึมหลายรอบ — หรูอี้จ้วน หรือชื่อไทยที่หลายคนเรียกกันว่า จอมนางเคียงบัลลังก์

หมอขอสารภาพตรงนี้เลยว่า…หมอเป็นแฟนตัวยงของพระนางหรูอี้ครับ
👸ไม่ใช่แค่เพราะนางสง่างามเฉียบขาด หรือเพราะฝ่าบาท (ที่หล่อแต่ใจร้าย) แต่เพราะเรื่องนี้ตีแผ่ “บาดแผลที่มองไม่เห็น” ได้อย่างลึกซึ้งเหลือเกิน

หลายคนอาจจะบอกว่า “เธอก็อยู่สุขสบายดีในวังนี่นา”
แต่หมอกลับมองว่า…สุขที่ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย ไม่กล้าหายใจเต็มปอด มันไม่ใช่สุขที่แท้จริง

และด้วยอินเนอร์ของหมอที่ดูเรื่องนี้มาเกือบ 3 รอบ (แล้วก็ยังร้องไห้🥹อยู่ดี )
หมอเลยอยากชวนทุกคนมาส่อง “ร่างกายของหรูอี้” ผ่านสายตาของหมอจีน☯️ ว่าความเงียบ ความกล้ำกลืน และความเศร้านั้น มันซ่อนอยู่ตรงไหนบ้าง…

🛕ในวังหลวงที่เสียงเบาดังที่สุดในโลก…
พระนางหรูอี้ไม่ได้ตายเพราะยาพิษ หรือการโดนกลั่นแกล้ง
แต่ตายจาก “ความเงียบ”
เธอเงียบเกินไป…จนแม้แต่ปอดก็ไม่กล้าหายใจเต็มที่

ในมุมของหมอ ถ้าเราส่องเข้าไปดูร่างกายของพระนาง
เราจะพบว่าความเศร้าที่เธอแบกไว้ ไม่ได้เกาะอยู่แค่ในใจ
แต่มันซ่อนอยู่ใน “ปอด” และลึกไปถึง “ลำไส้ใหญ่”

พระนางไม่ได้สิ้นพระชนม์จากโรคร้ายแรงทันที แต่ทรง “สิ้นพระชนม์อย่างเงียบ ๆ” เมื่ออายุประมาณ 47 ปี

ปีที่ 13 แห่งรัชกาลเฉียนหลง (ค.ศ. 1748) พระนางทรงถูกปลดจากฐานะฮองเฮา
และปีที่ 20 ของรัชกาล (ค.ศ. 1755) จึงสิ้นพระชนม์

📖 《清史稿》 บันทึกไว้อย่างเรียบง่ายว่า
“后既废,居永寿宫,病终,年四十七岁。”
(หลังจากถูกปลด ดำรงอยู่ในตำหนักหยงโซ่ว และสิ้นพระชนม์ด้วยอาการเจ็บป่วย อายุ 47 ปี)

☯️🍀☯️

🫁 ปอดคือที่อยู่ของความเศร้า

ในศาสตร์แพทย์จีน เราเข้าใจมานานว่า
ปอดเป็นอวัยวะที่เก็บพลังแห่งความเศร้า

📖 《灵枢·本神》 บอกไว้ว่า “ปอดเก็บ魄 (พลังชีวิตด้านร่างกาย) และควบคุมอารมณ์โศกเศร้า”
📖 《素问》 ว่า “悲伤者,气消也” — ความเศร้าทำให้พลังชีวิตหดหาย
📖 《黄帝内经》 ย้ำชัดว่า “肺与大肠相表里” — ปอดและลำไส้ใหญ่สัมพันธ์กันโดยตรง

ถ้าปอดหดตัวเพราะความเศร้า… ลำไส้ใหญ่ก็เคลื่อนไหวไม่ดี
ขับถ่ายไม่ได้… ทั้งของเสียในกาย และของเสียในใจ

💩 ลำไส้คือทางออกของความรู้สึก

ในศาสตร์แพทย์จีน ลำไส้ใหญ่ไม่ใช่แค่อวัยวะขับถ่าย
แต่มันคือ “ประตูระบาย” ของทั้งร่างกายและจิตใจ

📖 《黄帝内经》 ว่า “肺与大肠相表里” — ปอดกับลำไส้ใหญ่สัมพันธ์กันโดยตรง
📖 ปอดหดเพราะเศร้า → ลำไส้ก็หยุดเคลื่อนไหว
📖 ใจไม่ปล่อยวาง → ของเสียในกายก็ปล่อยไม่ออก

ถ้าลำไส้ไม่ขับถ่าย…
มันอาจไม่ใช่แค่ปัญหาระบบย่อย
แต่มันคือ “ความรู้สึกที่ยังไม่ได้ระบาย” นั่นเอง

🍀☯️🍀

🌿 แล้ววิทยาศาสตร์ก็มายืนยัน… (ขยายความเชิงลึก)

📍 1. ปอดคือแหล่งผลิตเกล็ดเลือดหลักของร่างกาย

(Lefrançais et al., Nature, 2017)

🔬 การทดลองในหนูทดลองโดยใช้เทคนิค imaging แบบ in vivo
พบว่า มากกว่า 50% ของเกล็ดเลือดทั้งหมดในร่างกายถูกผลิตที่ “ปอด” ไม่ใช่ไขกระดูกเพียงอย่างเดียว

และปอดยังมี “hematopoietic progenitor cells” — เซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลือด — แทรกอยู่ในผนังหลอดเลือดฝอยบริเวณถุงลม

📌 นี่เปลี่ยนความเข้าใจเดิมของชีววิทยาทางการแพทย์โดยสิ้นเชิง
จากเดิมที่เราเคยเชื่อว่าเกล็ดเลือดเกิดเฉพาะในไขกระดูกเท่านั้น
กลายเป็นว่า “ระบบทางเดินหายใจ” ก็มีบทบาทในระบบเลือด–ภูมิคุ้มกันด้วย!

🍀☯️🍀

📍 2. ลำไส้คือแหล่งผลิตเซโรโทนินหลักของร่างกาย

(Sapienza Università di Roma, 2024)

🧠 เซโรโทนิน (Serotonin) หรือ 5-HT เป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ
อารมณ์ ความสุข การนอน การย่อย และระบบภูมิคุ้มกัน

🧪 แต่งานวิจัยระบุว่า กว่า 90% ของเซโรโทนินในร่างกายไม่ได้ถูกสร้างที่สมอง
แต่ถูกผลิตโดย เซลล์ Enterochromaffin (EC cells) ในผนังลำไส้เล็ก

เซโรโทนินเหล่านี้จะถูก “จับเก็บ” โดยเกล็ดเลือดที่ไหลผ่านหลอดเลือดฝอยบริเวณผนังลำไส้ → ส่งเข้าสู่กระแสเลือด

🍀☯️🍀

🔄 แล้วเกล็ดเลือดพาเซโรโทนินไป “กระตุ้นสมอง” ได้อย่างไร?

🧬 แม้เซโรโทนินในเลือดจะ “ไม่สามารถข้ามกำแพงเลือดสมอง (BBB)” ได้โดยตรง
แต่เกล็ดเลือดอาจมีบทบาท ในการส่ง “สัญญาณทางชีวเคมี” (neurohumoral signals)
เช่น การปล่อยสารที่ไปกระตุ้นเส้นประสาทเวกัส (Vagus nerve)
หรือกระตุ้น astrocytes ในสมองให้ผลิตเซโรโทนินของตัวเองเพิ่มขึ้น

📌 กล่าวคือ: เซโรโทนินที่ผลิตในลำไส้ → ถูกเก็บโดยเกล็ดเลือด → ส่งสัญญาณไปสมองทางอ้อม
แม้ไม่ข้าม BBB ตรง ๆ แต่ “มีผลต่อสมองแน่นอน”

📚☯️📚

🧠 สรุปกลไกแบบ Step-by-Step:
1. ลำไส้ผลิตเซโรโทนิน → ผ่าน EC cells
2. เกล็ดเลือดจากปอด → ไหลเวียนในหลอดเลือดลำไส้ → จับเก็บเซโรโทนิน
3. เกล็ดเลือดเดินทางทั่วร่างกาย รวมถึงบริเวณสมอง
4. เกล็ดเลือดปล่อยสารกระตุ้น → ระบบประสาทรับรู้ → สมองตอบสนอง → ปรับอารมณ์
5. ถ้าปอดอ่อนแอ → เกล็ดเลือดลด → วงจรการปรับอารมณ์เสียสมดุล

🔬📚🔬

📌 การมองปอด–ลำไส้–สมอง เป็น “สามเหลี่ยมชีววิทยา–อารมณ์”
จึงสอดคล้องอย่างเหลือเชื่อกับแพทย์จีนที่บอกว่า “肺与大肠相表里” (ปอดกับลำไส้ใหญ่สัมพันธ์กันภายใน–ภายนอก)
และความเศร้าทำให้ “气消” = ปอดหด → ระบบการเคลื่อนไหวภายในหยุดลง

❤️🥹❤️

🔁 แล้วถ้าปอดอ่อนแอเพราะเศร้า?

→ สร้างเกล็ดเลือดได้น้อย
→ เซโรโทนินเดินทางไม่ถึงสมอง
→ สมองซึม อารมณ์เศร้าเรื้อรัง
→ วนลูปเป็น “วงจรเศร้า” ที่ทั้งใจ สมอง และลำไส้ ถูกขังอยู่ด้วยกัน

ในทางแพทย์จีน นี่คือภาวะที่เรียกว่า:
肺气虚合大肠失宣 — ปอดพร่อง ลำไส้หยุดเคลื่อนไหว
อาการที่ตามมา: แน่นอก อ่อนแรง ขับถ่ายไม่ดี ใจหม่นโดยไม่รู้ตัว

👸☯️👸

🪞 พระนางหรูอี้…ไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์

เธออาจเป็นตัวแทนของใครหลายคนในวันนี้
ที่ “เงียบไว้” มากเกินไป
เงียบจนไม่มีแรงหายใจ
เงียบจน “เกล็ดเลือดไม่กล้าขนความสุขไปถึงสมอง”

🥸☯️🥸

🎯 หมอแมนแพทย์จีนขอฝากไว้ว่า…

ปอดกับลำไส้…ไม่ได้เชื่อมกันแค่ทางกายภาพ
แต่เป็นอวัยวะที่ทำงานร่วมกันเพื่อ “ระบายความรู้สึก”

ถ้าปอดหด — ลำไส้จะนิ่ง — ใจจะอั้น
และคุณจะเหนื่อยแบบที่ไม่มีใครเห็นจากข้างนอก

หมออยากให้คุณหายใจให้เต็มอีกครั้ง
กล้าพูดในสิ่งที่เคยกลืน
กล้าระบายผ่านทั้งลมหายใจ… และการปล่อยของเสียจากภายใน

🥹อย่าเศร้าอย่างหรูอี้
แต่ขอให้คุณ “หายใจให้ลึก–ปล่อยวางให้เป็น–เริ่มใหม่อย่างเบาสบาย”

🙏🙏ขอบคุณอาจารย์ดลเพจอนาโตมี่มีกรี๊ดด้วยครับที่แนะนำงานวิจัยดีดีให้นำมาเชื่อมโยงกับบทความนี้

#ซึมเศร้า
#หมอแมนแพทย์จีน
#โรคปอด

07/06/2025

EP52**ไขมันในเลือดสูงหายได้จริงหรือ?🧠
📚ปล.บทความนี้เหมาะสำหรับแพทย์แผนจีนหรือผู้ที่มีความรู้พื้นฐานทางการแพทย์แผนจีน

🔬สวัสดีครับทุกคนรู้มั้ยว่าไขมันในเลือดสูงทำไมถึงเป็นโรคที่รักษายากรักษาเย็นกินยาก็แล้วควบคุมอาหารก็แล้วก็ยังไม่ลงสักทีวันนี้หมอแมนมีคำตอบครับ
เวลาเราตรวจสุขภาพ ในแพทย์ปัจจุบัน เราวัดไขมันในเลือดด้วยตัวเลข—LDL, HDL, Triglyceride หากสูงก็รับยากันไปตามระเบียบ แต่ในศาสตร์แพทย์จีน ไขมันในเส้นเลือด จะไม่ใช่แค่ของเสียในกระแสเลือดครับแต่ หมายถึง “สารที่เกิดจากการที่ร่างกายเสียสมดุล และจัดการตัวเองไม่ได้”
เป็น เสมหะที่มองไม่เห็น (无形痰) เป็น ชื้นที่ซ่อนอยู่ในระบบ (内湿) เป็น เลือดคั่งที่ไหลไม่สะดวก (瘀血)

🤔จึงพูดง่าย ๆ คือ ไม่ใช่แค่ “กินของมันแล้วไขมันพอก”
แต่ เป็นเพราะ “กินแล้วร่างกายไม่สามารถแปรสภาพและขับออกได้ต่างหาก” หรือเกิดจากกลไกของอวัยวะมีปัญหานั่นเอง

ก่อนอื่นมารู้จักต้นเหตุของไขมันในเลือดสูงกันก่อนนะครับ ซึ่งแพทย์จีนมองสิ่งนี้เกิดจากองค์ประกอบสามอย่างด้วยกัน

🟠1.“เสมหะที่มองไม่เห็น” (无形痰, อู๋สิงถาน)

ในแพทย์จีน “痰” (เสมหะ) ไม่ได้หมายถึงแค่ของเหนียว ๆ ในลำคอ
แต่คือ สารเหนียวหนืดตกค้างในร่างกายที่เกิดจากการย่อยไม่สมบูรณ์ เช่น ไขมันตกค้าง, น้ำเหลืองข้น, หรือคราบเหนียวในหลอดเลือด

เมื่อเสมหะไม่รวมตัวเป็นก้อน หรือยังไม่ก่ออาการเด่นชัด แพทย์จีนเรียกว่า “เสมหะที่มองไม่เห็น” – คือยังไม่มีรูปร่าง แต่มีพลังของความอุดตันและความขุ่นมัวแฝงอยู่

📖 คัมภีร์《诸病源候论》บันทึกไว้ว่า:
“百病多由痰作祟” – “โรคทั้งหลาย ส่วนมากมีเสมหะอยู่เบื้องหลัง”

ตัวอย่างในมุมชีววิทยา:
เช่น ไขมันที่เกาะผนังหลอดเลือดชั้นใน แต่ยังไม่ตีบ → เสมหะที่มองไม่เห็น
หรือ โปรตีนอักเสบในระบบน้ำเหลือง → เสมหะไร้รูปร่าง
จะแสดงออกในคนที่ยังไม่อ้วน แต่ค่า LDL, triglyceride ขึ้นสูง → แสดงว่ามี “อู๋สิงถาน” ในตัว

🔵2.“ชื้นที่ซ่อนอยู่ในระบบ” (内湿, เน่ยชื่อ)

“湿” หรือ “ความชื้น” ในแพทย์จีน เป็นพลังที่เหนียว หนัก เคลื่อนไหวช้า และมีแนวโน้ม “ขังอยู่ในที่ลึก”
โดยเฉพาะในผู้ที่กินมัน หวาน เย็น นอนน้อย หรือเครียดสะสม → ระบบย่อยและลำไส้เริ่มขาดไฟธาตุในการแปรสภาพของเหลว → เกิด “ชื้นสะสมในลำไส้–ม้าม–ตับ”

คำว่า “内湿” จึงหมายถึง ความชื้นที่ไม่แสดงอาการออกมาเป็นชัดเจน เช่น ไม่บวมน้ำ แต่รู้สึกหนักเนื้อ เหนื่อยง่าย ท้องอืด หรืออารมณ์หน่วง

ในมุมวิทยาศาสตร์:
เช่น ระบบน้ำเหลืองข้น → ดูดซึมช้า → ดูเหมือน “ของเสียล้นระบบ”
หรือ ภาวะ “ลำไส้รั่ว” (Leaky Gut) → อนุภาคน้ำ + ไขมัน + เชื้อโรค รั่วเข้าสู่เลือด → ร่างกายสร้างโปรตีนอักเสบ

👉 สิ่งเหล่านี้รวมกันคือ “ชื้นภายใน” ที่ไม่ปรากฏบนผิวหนัง แต่ทำลายสมดุลภายในเงียบ ๆ

🟣3.“เลือดคั่งที่ไหลไม่สะดวก” (瘀血, อวีเสวี่ย)

เมื่อเสมหะและความชื้นสะสมมากขึ้น → การไหลเวียนของชี่และเลือดจะเริ่มติดขัด
และเมื่อติดขัดนานเข้า จะเกิด “瘀血” หรือ “เลือดคั่ง” — คือเลือดที่ไหลช้า ข้น ไม่ยืดหยุ่น หรือไม่กระจายไปเลี้ยงเนื้อเยื่ออย่างสม่ำเสมอ

📖 《医宗金鉴》กล่าวไว้ว่า:
“痰不去,瘀难消;瘀不散,痰更聚。”
(เสมหะไม่หาย → เลือดคั่งไม่กระจาย / เลือดคั่งยังอยู่ → เสมหะยิ่งรวมตัว)

ตัวอย่างในมุมชีววิทยา:
เช่น การอักเสบเรื้อรังในหลอดเลือด → ทำให้เลือดไหลเวียนช้าลง
หรือ เซลล์ไขมันเกาะผนังหลอดเลือด → กดเบียดทำให้เลือดเดินไม่สะดวก
ทำให้เกล็ดเลือดเกาะตัวง่าย → เกิด micro-clots → ภาวะเลือดคั่งระดับจุลภาค

🔁 โดยทั้ง 3 สิ่งนี้เกี่ยวกัน

เมื่อชื้นสะสม → ย่อยไม่ดี → เสมหะมองไม่เห็นเกิดขึ้น
เสมหะเกาะทางเดินเลือด → การไหลเวียนช้าลง → เกิดเลือดคั่ง
เลือดคั่งอยู่ → ยิ่งสะสมชื้น → กลายเป็นวงจร “痰湿瘀” ที่ทำให้ไขมันในเลือดสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว

นี่คือเหตุผลที่แพทย์จีนไม่รักษาแค่ “ลดไขมัน”
แต่เน้น “ลดชื้น ขจัดเสมหะ กระตุ้นการไหลเวียน” พร้อมกัน
จึงมักเลือกยาแบบ “สลายอย่างอ่อนโยน แต่ลึกถึง อวัยวะ”

🫀 ความเข้าใจแบบแพทย์จีน: เสมหะ–ชื้น–เลือดคั่ง นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์กับการทำงานของอวัยวะดังต่อไปนี้ครับ
☯️ม้าม (脾) คือพระเอกที่ควบคุมการย่อย ดูดซึม และลำเลียงสารอาหาร
ถ้าม้ามพร่อง ระบบแปรรูปไขมันจะอ่อนแรง → เกิดสารเหนียวข้นที่เรียกว่า “เสมหะ”
☯️ตับ (肝) ควบคุมการไหลเวียนของชี่ และน้ำดีในมุมวิทยาศาสตร์
ถ้าพลังตับติดขัด (肝郁) ไขมันจะถูกขับออกยาก → เกิดการสะสม
โดยเสมหะและเลือดคั่ง มักพัวพันกันในระยะยาว → คราบไขมันในหลอดเลือด
หรือคราบพอกในผนังหลอดเลือดจากภาวะหลอดเลือดแข็ง (atherosclerotic plaque)

คัมภีร์《景岳全书》กล่าวไว้ว่า:

“肥人多痰,痰人多湿,湿聚成痰,痰聚成病。”
(คนอ้วนมีเสมหะมาก เสมหะมากมีความชื้น ความชื้นรวมตัวกลายเป็นเสมหะ และเสมหะก็กลายเป็นโรค)

🧬 มุมมองวิทยาศาสตร์: เมื่อเสมหะจีนคือไขมันชีวภาพ

แม้คำว่า “เสมหะ” ของจีนจะฟังดูลอย ๆ
แต่งานวิจัยในช่วง 10 ปีหลัง เริ่มพบว่าแนวคิดแพทย์จีนมีความสอดคล้องกับระบบ Lipid metabolism อย่างน่าสนใจ
📍 ปี 2016 งานวิจัยจาก Beijing University of Chinese Medicine วิเคราะห์ผู้ป่วยไขมันในเลือดสูงในมุมแพทย์จีน พบว่า กว่า 70% มีลักษณะ “เสมหะชื้น” ร่วมกับพลังม้ามพร่อง และตอบสนองดีต่อสูตรสมุนไพรที่ขับชื้น ขจัดเสมหะ
📍ในปี 2020 วารสาร Frontiers in Pharmacology รายงานว่า สมุนไพรจีนกลุ่มขับเสมหะ เช่น 泽泻 (Alisma), 茯苓 (Poria), 山楂 (Hawthorn) สามารถลดระดับ triglyceride และ LDL ได้จริงผ่านการกระตุ้น AMPK pathway ซึ่งเป็นกลไกหลักในการเผาผลาญไขมันระดับเซลล์
📍ส่วน 丹参 (Danshen) ซึ่งใช้ละลายเลือดคั่งในแพทย์จีน ก็มีงานวิจัยว่า ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด โดยลดการอักเสบของผนังหลอดเลือดผ่านกลไกการยับยั้ง NF-κB และ TGF-β

📚นั่นหมายความว่า…
“เสมหะ” ที่เราเคยเข้าใจว่าเป็นแค่ลมลอยในตำรา กลับตรงกับ “ไขมันส่วนเกิน + โปรตีนอักเสบ + คราบหลอดเลือด” ที่มองเห็นได้จริงในจุลชีววิทยา

💡 ดังนั้น…รักษาไขมันในเลือดสูงแบบแพทย์จีน ไม่ได้แค่ล้างไขมัน

แต่คือ “การซ่อมระบบทั้งระบบ” ประกอบด้วย
✅ซ่อมม้าม → ให้ย่อยและลำเลียงไขมันได้
✅ปรับตับ → ให้การขับไขมันออกดีขึ้น
✅ขจัดเสมหะที่ไม่ใช่แค่ในทางเดินหายใจ แต่คือเสมหะในหลอดเลือด ตับ ลำไส้
✅เพิ่มพลังชี่ → ให้ร่างกายมีแรงขับของเสียเอง

🎯 หมอแมนแพทย์จีนสรุปให้:

“แพทย์จีนไม่สนใจตัวเลขไขมันเท่ากับการดูว่า…
ทำไมร่างกายคุณถึงไม่สามารถจัดการไขมันได้
เพราะเมื่อระบบม้าม–ตับ–เลือดไหลเวียนดี
ร่างกายจะเคลียร์ไขมันได้เอง โดยไม่ต้องสู้กับมันทุกวัน”

🩺 ทุกคนรู้แล้วใช่ไหมครับว่า… โรคไขมันในเส้นเลือดสูง ไม่ใช่เรื่องของตัวเลขในผลแล็บเท่านั้น

👉เพราะเบื้องหลังของภาวะนี้ ซ่อนความซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของอวัยวะภายในอย่างลึกซึ้ง
ไม่ว่าจะเป็นม้ามที่ย่อยไขมันไม่ดี ตับที่ขับของเสียช้า หรือเลือดที่เริ่มไหลเวียนติดขัด

🥸ดังนั้น…
ถ้าเรารักษาโดยเน้นแค่ “ลดไขมันในเลือด” ด้วยยาเพียงอย่างเดียว
แต่อวัยวะภายในยังอ่อนล้า ระบบเผาผลาญยังรวนอยู่
การรักษาก็อาจเหมือนแค่ซับน้ำที่พื้น โดยไม่หยุดก๊อกที่รั่ว

❤️ถ้าทุกท่านอยากลดไขมันในเส้นเลือดให้ได้ผลอย่างแท้จริง หมอขอชวนมองกลับมาที่ “ต้นทาง”ลองฟื้นฟูระบบภายในแบบที่แพทย์แผนจีนทำที่เน้น ปรับม้ามให้แข็งแรง ขจัดเสมหะที่มองไม่เห็น กระตุ้นตับให้ลำเลียงของเสียได้ไหลลื่นและปล่อยให้ร่างกายค่อย ๆ กลับคืนสมดุลของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติครับ

#ไขมันในเลือดสูง



#หมอแมนแพทย์จีน

ที่อยู่

Amphoe Muang Sing Buri

เวลาทำการ

เสาร์ 10:00 - 16:00
อาทิตย์ 09:00 - 15:00

เบอร์โทรศัพท์

+66982326959

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ฝังเข็ม ยาจีน สิงห์บุรี De Orange TCM เดอ ออเรนจ์ ทีซีเอ็มผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์