Beauty with you By Luminesce

Beauty with you By Luminesce สินค้าเพื่อความงาม นวัตกรรมใหม่แห่งการต่อต้านความชราล่าสุดของโลก ด้วย growth factor stem cell สุขภาพและความงาม Beauty และอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ

21/04/2019
เคลลี แม็กกิลลิส (Kelly Mcgillis) นางเอกเรื่อง "ท็อปกัน" อายุมากกว่าทอม ครูซ 5 ปี เธอเกิดปี 2500 ครูซเกิดปี 2505 ตอนที่ ...
12/08/2018

เคลลี แม็กกิลลิส (Kelly Mcgillis) นางเอกเรื่อง "ท็อปกัน" อายุมากกว่าทอม ครูซ 5 ปี เธอเกิดปี 2500 ครูซเกิดปี 2505

ตอนที่ ท็อปกัน ฉาย เธออายุ 29 กำลังสวยปราดเปรียว ทอม ครูซ เพิ่งจะอายุ 24 ปี

ปัจจุบัน เคลลี แม็กกิลลิส อายุ 61 ปี เป็นคุณป้าเต็มตัว ส่วนทอม ครูซ อายุ 56 ยังวิ่งกระโดดข้ามตึกใน มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ภาค 6 อยู่เลย!

แล้วคุณจะหลีกเลี่ยงความแก่ชราได้อย่างไร❓❓❓

เมื่ออายุมากขึ้นความล่วงโรยก็กล้ำกรายเข้ามาในชีวิต👴👵👴👵👴👵

แต่คุณสามารถหยุดความล่วงโรย ความแก่ชรา รอยเหี่ยวย่น
ได้ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสเต็มท์เซลล์ ด้วยนวัตกรรม APT-200+ ลิขสิทธิ์1เดียวจากบริษัทเจอเนสส์โกลบอล

https://youtu.be/9PfGzoQJZjk

นิยามใหม่แห่งความอ่อนเยาว์

https://youtu.be/WOKU4-KgMbY

😇สนใจรับข้อมูลเพิ่มเติมและต้องการติดตามรับข้อมูล
ข้อคิด แนวคิด บทความดีๆ 👇👇👇
แอด Line ID :
(อย่าลืมใส่@ด้วยนะครับ)
หรือคลิ๊กแอดไลน์อัตโนมัติ
http://line.me/ti/p/%40xxa6966p หรือ
http://line.me/ti/p/QVLXKVm0TL

มีปัญหาแบบนี้ไหม❓❓❓อยากแก้ปัญหาเล่านี้เราช่วยได้ติดต่อเราสิ แล้วปัญหาแบบนี้จะหมดไป🌱 Fibrotic 🌱🥃 วันละ 1 ซอง ก่อนนอนทุกวั...
11/02/2018

มีปัญหาแบบนี้ไหม❓❓❓

อยากแก้ปัญหาเล่านี้เราช่วยได้

ติดต่อเราสิ แล้วปัญหาแบบนี้จะหมดไป

🌱 Fibrotic 🌱
🥃 วันละ 1 ซอง ก่อนนอนทุกวันเพื่อสุขภาพ
🍊รับประทานง่าย รสชาติอร่อย
👍พร้อมดูแลสุขภาพคุณแล้ววันนี้


😊 รับสมัครตัวแทนจำหน่าย
แบบไม่ต้องสต้อกสินคัา

☺️ สนใจติดต่อ รับข้อมูลเพิ่มเติม
เวบไซด์ www.anonpornlert.jeunesseglobal.com
หรือสอบถามสายด่วน อ.ธนิตพงศ์ 093-3946239

.....น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย.....พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระจักรีนิวัตฟ้า ธ สถิตในดวงใจไทยน...
26/10/2017

.....น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย.....

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระจักรีนิวัตฟ้า
ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์

น้อมถวายความอาลัย
เเละสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้

๙๙๙ข้าพระพุทธเจ้าแอดมินเพจและทีมงาน๙๙๙
๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐

13/10/2017
ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension)โรค หรือ ภาวะ ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) คือภาวะที่ความดันโลหิต (เลือด)ซีสโตลิค (Systoli...
10/09/2017

ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension)

โรค หรือ ภาวะ ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) คือภาวะที่ความดันโลหิต (เลือด)ซีสโตลิค (Systolic blood pressure) ต่ำกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท และ/หรือ ความดันโลหิตไดแอสโตลิค (Diastolic blood pressure) ต่ำกว่า 60 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งความดันโลหิตต่ำอาจต่ำเพียงความดันซีสโตลิค หรือ ไดแอสโตลิกตัวใดตัวหนึ่ง หรือต่ำทั้งสองตัวก็ได้ ซึ่งโดยทั่วไป แพทย์ไม่จัดความดันโลหิตต่ำเป็นโรค แต่จัดเป็นภาวะ

ภาวะความดันโลหิตต่ำเป็นภาวะที่ยังไม่มีการบันทึกอุบัติการณ์ที่แน่นอน เพราะเมื่อความดันโลหิตต่ำไม่มาก มักไม่ก่ออาการ และเมื่อมีอาการ ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์ด้วยอาการ เช่น วิงเวียน เป็นลม ไม่ได้มาด้วยเรื่องความดันโลหิตต่ำ ดังนั้น การจดบันทึกของโรงพยาบาล จึงมักไม่ได้ระบุว่า เป็นอาการจากความดันโลหิตต่ำ อย่างไรก็ตาม ภาวะความดันโลหิตต่ำ พบเกิดได้ทั้งสองเพศใกล้เคียงกัน และพบได้ในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กอ่อนไปจนถึงผู้สูงอายุ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ

อะไรเป็นสาเหตุและกลไกให้เกิดความดันโลหิตต่ำ?

โรค/ภาวะความดันโลหิตต่ำเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งมีกลไกการเกิดดังนี้

- ปริมาณน้ำ ของเหลว และ/หรือเลือด (โลหิต) ในการไหลเวียนเลือดลดลง จึงมีเลือดกลับเข้าสู่หัวใจน้อยลง หัวใจจึงเต้นบีบตัวลดลง ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง เช่น ภาวะขาดน้ำ และ/หรือขาดเกลือแร่ ภาวะเลือดออกรุนแรง ภาวะร่างกายเสียน้ำจากท้องเสียรุนแรง หรือจากมีแผลไหม้รุนแรง การลุกขึ้นทันทีจากท่านอนโดยเฉพาะเมื่อนอนนานๆ เมื่อไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย หรือเมื่อนั่งนานๆ (ปริมาณเลือดจะคั่งที่ขา เมื่อลุกขึ้นทันที เลือดจึงไหลกลับหัวใจได้น้อยความดันโลหิตจึงต่ำลงทันที) ซึ่งกลไกนี้ พบเป็นสาเหตุของความดันโลหิตต่ำได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุจากไม่ค่อยดื่มน้ำ เรียกภาวะความดันโลหิตต่ำจากกลไกนี้ว่า ภาวะความดันโลหิตต่ำหรือตกจากการเปลี่ยนท่/ความดันโลหิตต่ำเมื่อลุกยืน (Postural or Orthostatic hypotension)

- ภาวะโลหิตจาง เพราะส่งผลให้ความเข้มข้นของเลือดลดลงจากปริมาณเม็ดเลือดแดงลดลง ส่งผลให้ปริมาตรในภาพรวมของเลือดลง จึงส่งผลให้ความดันโลหิตลดต่ำลง

- ในบางคนภายหลังกินอาหารมื้อหลักปริมาณสูงมาก จึงส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงกระเพาะอาหาร และลำไส้เพิ่มขึ้น เกิดภาวะคล้ายมีเลือดคั่งในกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะกระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานเพิ่มขึ้น จึงขาดปริมาณเลือดโดยรวมในการไหลเวียนในกระแสโลหิต เลือดจึงกลับเข้าหัวใจน้อยลง ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตต่ำ เรียกภาวะความดันโลหิตต่ำจากกลไกนี้ว่า Postprandial hypotension

- จากโรคของประสาทอัตโนมัติ ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการบีบตัวของหลอดเลือด และการบีบตัวของหัวใจ จึงทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดขยาย เลือดจึงคั่งอยู่ในเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆเพิ่มขึ้น การไหลเวียนโลหิตจึงลดลง เลือดกลับเข้าหัวใจลดลง จึงส่งผลให้ความดันโลหิตต่ำ เช่น โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) และโรคความจำเสื่อมบางชนิด ซึ่งเรียก ภาวะความดันโลหิตต่ำจากกลไกนี้ว่า Neurogenic orthostatic hypotension

- จากภาวะติดเชื้อรุนแรงในกระแสโลหิต/เลือด (ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ/ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด) ส่งผลให้เกิดหลอดเลือดขยายตัวมากขึ้นพร้อมๆกัน รวมทั้งเกิดการล้มเหลวในการทำงานของหัวใจและปอด จึงส่งผลให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ

- จากการแพ้ยา หรือแพ้อาหาร หรือแพ้สารต่างๆอย่างรุนแรง ส่งผลให้หลอดเลือดทั่วตัวขยายตัวทันที และร่วมกับมีของเหลว/น้ำในเลือดซึมออกนอกหลอดเลือด จึงเกิดการขาดเลือดไหลเวียนในกระแสโลหิต ความดันโลหิตจึงต่ำลง เรียกภาวะความดันโลหิตต่ำจากกลไกนี้ว่า Anaphylaxis

- จากโรคหัวใจ หัวใจจึงบีบตัวเต้นผิดปกติ จึงลดแรงดันในหลอดเลือด ส่งผลให้ความดันเลือดต่ำ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ

- จากการตั้งครรภ์ มักเกิดในระยะ 6 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จากการที่ต้องเพิ่มเลือดหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ การไหลเวียนโลหิต หรือปริมาตรโลหิตในมารดาจึงลดลง ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตต่ำได้ แต่ร่างกายมารดามักปรับตัวได้เองเสมอเมื่อมารดามีสุขภาพแข็งแรง

- จากโรคของต่อมไร้ท่อซึ่งสร้างฮอร์โมนควบคุมการทำงาน ของหัวใจ ของหลอดเลือด และของเกลือแร่ต่างๆที่เป็นตัวอุ้มน้ำในหลอดเลือด จึงส่งผลถึงการไหลเวียนโลหิต จึงเกิดความดันโลหิตต่ำได้ เช่น โรคของต่อมไทรอยด์ โรคของต่อมหมวกไต หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในโรคเบาหวาน

- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาขับน้ำ/ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันโลหิตสูง ยาไวอะกรา (Vi**ra) หรือ ยาทางจิตเวชบางชนิด

- จากมีการกระตุ้นวงจรประสาทอัตโนมัติและสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของหลอดเลือด และหัวใจ ซึ่งเมื่อเกิดการกระตุ้นวงจรนี้ จะส่งผลให้หลอดเลือดและหัวใจทำ งานผิดปกติ ความดันโลหิตจึงต่ำลงได้ เรียกภาวะความดันโลหิตต่ำจากกลไกนี้ว่า Neurally mediated hypotension เช่น จากอารมณ์/จิตใจ (กลัวมาก ตกใจ เห็นภาพสยดสยอง หรือ เจ็บ/ปวดมาก) จากการยืน หรือ นั่งไขว่ห้างนานๆ การอยู่ในที่แออัด และ/หรืออบอ้าว การอาบ น้ำอุณหภูมิอุ่นจัด หรือการหยุดพักทันทีขณะออกกำลังกายอย่างหนัก

ใครบ้างมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตต่ำ?

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตต่ำ ได้แก่

1.ผู้สูงอายุ จากดื่มน้ำน้อย และจากไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย

2.ผู้มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคของต่อมไทรอยด์และภาวะซีด

3.กินยาบางชนิดโดยเฉพาะ ยาขับน้ำ/ยาขับปัสสาวะ ยาโรคความดันโลหิตสูง และยาโรคเบาหวาน

4.มีภาวะขาดน้ำ จากสาเหตุต่างๆ เช่น ท้องเสีย หรือ อาเจียน รุนแรง หรือภาวะลมแดด

โรคความดันโลหิตต่ำมีอาการอย่างไร?

อาการพบบ่อยของโรค/ภาวะความดันโลหิตต่ำ คือ

- วิงเวียน หน้ามืด เป็นลม

- ตาลาย/ตาพร่า

- คลื่นไส้ อาจอาเจียน

- มือ เท้าเย็น

- เหงื่อออกมาก

- ชีพจรเบา เต้นเร็ว

- หายใจเร็ว เหนื่อย

- กระหายน้ำ ตัวแห้ง ปัสสาวะน้อย เมื่อเกิดจากภาวะขาดน้ำ

- บางคนอาจมีอาการ เจ็บหน้าอก/ แน่นหน้าอก เมื่อเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจ

- อาจมีผื่นแดงขึ้นตามตัว หน้า ตัวบวม เมื่อเกิดจากการแพ้สิ่งต่างๆ

- อาจชักหมดสติ เมื่อความดันโลหิตต่ำมาก

แพทย์วินิจฉัยโรคความดันโลหิตต่ำได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยโรค/ภาวะความดันโลหิตต่ำได้จาก การวัดความดันโลหิต และวินิจฉัยหาสาเหตุได้จาก ประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยทั้งในอดีตและในปัจจุบัน ประวัติกินยาต่างๆ หรือ กินอาหาร หรือถูกสัตว์/แมลงต่อย การตรวจร่างกาย การตรวจวัดสัญญาณชีพ และการตรวจสืบค้นเพิ่มเติมต่างๆ ทั้งนี้ขึ้น กับอาการผู้ป่วย และดุลพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เมื่อสงสัยโรคหัวใจ หรือการตรวจเลือดดูค่าน้ำตาลเมื่อสงสัยภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจากโรคเบาหวาน เป็นต้น

รักษาโรคความดันโลหิตต่ำได้อย่างไร?

แนวทางการรักษาโรค/ภาวะความดันโลหิตต่ำ คือ การเพิ่มความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติตามสาเหตุ เช่น ให้น้ำและเกลือแร่ทางหลอดเลือดดำเมื่อเกิดจากภาวะขาดน้ำ การให้เลือดเมื่อเสียเลือดมาก หรือการให้ยาเพิ่มความดันโลหิต/ยาเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือด เมื่อเกิดจากหลอดเลือดขยายตัวผิดปกติ นอกจากนั้น คือ การรักษาสาเหตุ เช่น รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจเมื่อเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจ การปรับยาเบาหวานเมื่ออาการเกิดจากโรคเบาหวาน

โรคความดันโลหิตต่ำรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?

โดยทั่วไป โรค/ภาวะความดันโลหิตต่ำมักไม่รุนแรง คนส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ และไม่ทราบว่าตนเองมีความดันโลหิตต่ำ และเมื่อมีอาการ ภายหลังการพักผ่อน ผู้ป่วยมักกลับมามีความดันโลหิตปกติได้

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของโรค/ภาวะความดันโลหิตต่ำ ขึ้นกับสาเหตุ เช่น เมื่อเกิดจากดื่มน้ำน้อย ความรุนแรงต่ำ เมื่อเกิดจากเสียน้ำ เสียเลือดมาก ความรุนแรงสูงขึ้น หรือเมื่อเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ความรุนแรงจะสูงมาก

ผลข้างเคียงจากโรค/ภาวะความดันโลหิตต่ำ คือ สมองขาดเลือด อาจหมดสติ จึงเกิดการล้ม หรือ การชักได้

ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?

การดูแลตนเอง การพบแพทย์เมื่อมีโรคความดันโลหิตต่ำ ได้แก่

ปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาลแนะนำ

1.ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม

2.เคลื่อนไหวร่างกายเสมอ

3.เมื่อจะเปลี่ยนท่าทาง เช่น จากนอนเป็นยืน โดยเฉพาะผู้สูงอายุต้องค่อยๆเปลี่ยนท่าทาง จากนอนอาจต้องลุกนั่งพักสักครู่ก่อนแล้วจึงยืน จากนั่งอาจต้องยืนยึดจับสิ่งยึดเหนี่ยวให้มั่นคงก่อน จึงก้าวเดิน

4.หลีกเลี่ยงการยืนนานๆ แต่ถ้าเป็นอาชีพ อาจต้องใส่ถุงน่องช่วยพยุงหลอดเลือดไม่ให้เกิดการแช่ค้างของเลือด และไม่นั่งไขว่ห้างนานๆ เพื่อลดการเบียดทับหลอดเลือด จึงเพิ่มการไหลเวียนเลือด

5.กินยาต่างๆอย่างถูกต้อง และรู้จักผลข้างเคียงของยาที่กินอยู่

6.กินอาหารแต่ละมื้ออย่าให้ปริมาณมากเกินไป

7.ต้องจำให้ได้ว่าแพ้อะไร เพื่อการหลีกเลี่ยง

8.ดูแล รักษา ควบคุมโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ

ควรพบแพทย์เมื่อมีอาการของโรค/ภาวะความดันโลหิตต่ำบ่อยๆ ควรต้องหาสาเหตุ เพื่อการรักษาควบคุมโรคแต่เนิ่นๆ

อาการต่างๆเลวลง หรือ ไม่ดีขึ้นหลังดูแลตนเอง

อาการต่างๆรุนแรง โดยเฉพาะอาการทางการหายใจ และการแน่นเจ็บหน้าอก เพราะอาจเป็นอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ
กังวลในอาการ

ป้องกันโรคความดันโลหิตต่ำอย่างไร?

1.การป้องกันโรคความดันโลหิตต่ำ เช่นเดียวกับที่ได้กล่าวแล้วในหัวข้อการดูแลตนเองที่สำคัญ คือ

2.ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เมื่อไม่มีโรคที่ต้องจำกัดน้ำดื่ม

3.ระมัดระวังในการเปลี่ยนท่าทางโดยเฉพาะเมื่อต้องลุกขึ้นยืน เปลี่ยนท่าทางให้ช้าลง ทำทีละขั้นตอนเสมอ เช่น จากนอน เป็นนั่งพัก แล้วจึงค่อยลุกขึ้นยืน

4.รักษา และควบคุมโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง

5.ระมัดระวังการใช้ยาต่างๆ ไม่ซื้อยากินเองโดยไม่ปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อน และกินยาแต่ละชนิดควรต้องรู้ผลข้างเคียงจากยา

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์

CR: haamor

อ่านแล้วช่วยกันแชร์ด้วยนะครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน

"มาร่วมกันสร้างบุญด้วยการแบ่งปันความรู้"
เกิดชาติใดขอให้มีความมั่งคั่งเป็นคุณสมบัติประจำตัว

ติดตามเรื่องราวสุขภาพดีๆได้จาก

ด้วยรักและปรารถนาดี

ภัยร้ายแรง.....แต่เงียบเชียบ....จนผู้หญิงดูดาย มองข้ามไปอาการของโรคหัวใจที่เกิดกับผู้หญิงนั้นแตกต่างจากผู้ชาย ดังนั้นหลั...
01/09/2017

ภัยร้ายแรง.....แต่เงียบเชียบ....
จนผู้หญิงดูดาย มองข้ามไป

อาการของโรคหัวใจที่เกิดกับผู้หญิงนั้นแตกต่างจากผู้ชาย ดังนั้นหลักเกณฑ์การตรวจวินิจฉัยที่ได้ผลสำหรับผู้ชายเมื่อนำมาใช้วินิจฉัยในผู้หญิงจึงมักผิดพลาด ไม่สมบรูณ์ ไม่มีประสิทธิผล หรือ ทำให้รักษาสายเกินไป:

1. อาการของผู้หญิงจะไม่ค่อยเด่นชัด หรือรุนแรงน้อยกว่า
ต่างจากผู้ชายที่อาการจะเริ่มด้วยอาการเด่นชัดมากเช่น ชา หรือปวดรุนแรงบริเวณกลางอกด้านซ้าย (หรือบางครั้ง) ด้านขวา อาการของผู้หญิงอาจจะมีหลากหลายเช่น วิตกกังวล เครียด อาหารไม่ย่อย แน่นหน้าอก ตื่นกลางดึกและหายใจไม่ค่อยออก อ่อนล้า ปวดบริเวณต่ำกว่าไหล่ซ้ายลงไป หรือปวดบริเวณ ขากรรไกร ข้อศอก แขน โดยเฉพาะปวดแขนซ้ายพร้อมๆกับเจ็บบริเวณหน้าอก จุกแน่นในลำคอ หายใจขัด รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอยากอาเจียน มึนงง เหงื่อออกมากผิดปกติ เจ็บกลางอก

2. ผู้หญิงมักมีอาการโรคหัวใจช้ากว่าผู้ชาย (โดยสถิติผู้ชายมักมีโรคหัวใจด้วยอายุเฉลี่ยน้อยกว่าผู้หญิง 10ปี ) แต่หากเกิดอาการก็มักร้ายแรงกว่า ฟื้นตัวได้ยากกว่า เพราะเมื่ออายุมากขึ้นผู้หญิงมักมีปัญหาสุขภาพหลายๆด้านพร้อมๆกันเช่น ไขมันสูง ความดันสูง น้ำ้หนักเพิ่ม ฮอร์โมนเพศเสียสมดุลในวัยทอง นอกจากนี้แล้วยังวินิจฉัยได้ยากกว่าผู้ชายดูคล้ายกับโรคคนแก่ธรรมดาๆ หรือคล้ายๆอาการไขข้ออักเสบ

3. ผู้หญิงโชคดีเพราะมีตัวช่วย.....
ผู้ชายมักต้องเผชิญกับความเครียดในวัยทำงานมากกว่าผู้หญิงทำให้มีอุบัติการณ์โรคหัวใจมากกว่า เร็วกว่าผู้หญิง ต่างจากผู้หญิงที่โชคดีว่าในระหว่างวัยเลี้ยงดูลูก โดยธรรมชาติจะมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง เป็นตัวช่วยลด LDL และช่วยเพิ่ม HDL แต่ในวัยทองเมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง จึงขาดตัวช่วย.....ทำให้ LDLเพิ่มสูงขึ้น และ HDLลดต่ำลง
แต่ตัวช่วยดังกล่าวจะสูญหายไปหากผู้หญิงทานยาคุมกำเนิด.....การทานยาคุมกำเนิดทำให้อัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสูบบุหรี่ร่วมด้วยอัตราเสี่ยงก็ยิ่งทวีคูณ
มีข้อสังเกตุว่าโดยธรรมชาติร่างกายของผู้หญิงถูกสร้างขึ้นมาให้ทนทานต่อความเจ็บปวดได้มากเช่น ปวดประจำเดือน ตั้งครรภ์ คลอดลูก จึงมักทำให้ผู้หญิงค่อนข้างชาชิน จนมองข้ามอาการปวดเล็กๆน้อยๆบริเวณหน้าอกและหัวใจ

4. โครงสร้างหัวใจของผู้หญิงแตกต่างกับผู้ชาย
หัวใจของผู้ชายจะมีขนาดใหญ่กว่า กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงกว่า รองรับงานหนักฉุกเฉินได้มากกว่า
แต่หัวใจของผู้หญิงมีขนาดเล็กกว่า เส้นเลือดแดงมีขนาดท่อ(เส้นผ่าศูนย์กลาง)เล็กกว่า ดังนั้นหากเกิดตะกรันไขมันก็จะอุดตันได้ง่ายกว่า

5. อาการเจ็บหน้าอกในผู้ชายที่เกิดขึ้นหลังออกกำลัง จะทุเลาลงเมื่อได้พัก แต่อาการเจ็บหน้าอกของผู้หญิงจะเกิดขึ้นหรือจะหายไปอย่างไม่มีสาเหตุชัดเจน และถึงแม้ได้พักแล้วอาการอาจไม่ดีขึ้น ดังนั้นบ่อยมากที่อาการเจ็บหน้าอกในผู้หญิงมักถูกวินิจฉัยสับสนกับอาการปวดกระเพาะและลำไส้ ผู้หญิงจึงมักมีอาการเจ็บหน้าอกเล็กน้อยแต่เรื้อรัง( chronic lower-grade angina symptoms )ไม่เหมือนผู้ชายที่มักเกิดอาการแบบฉับพลัน

6.ผู้หญิงมักตีค่า....ให้ค่า.... ของอารมณ์ความเครียด ขาดความสุข ว่าเป็นปัญหา “หัวใจ” ดังนั้นการตระหนักถึงปัญหาและอาการจึงซับซ้อนมากกว่า (หรือเอา “โรคหัวใจ” ไปปนเปกับอารมณ์และความสุขใจ-ทุกข์ใจมากกว่า) ต่างจากผู้ชายที่พอเกิดอาการขึ้นมาก็ฟันธงได้ทันทีว่าเป็น “โรคหัวใจ”แล้ว
แต่ก็ยังนับว่าเป็นโชคดีของผู้หญิงที่มักสนใจดูแลตัวเองมากกว่าผู้ชาย พร้อมที่จะไปปรึกษา ตรวจร่างกายเมื่อรู้ว่าเกิดความผิดปกติขึ้นแล้ว

เขียนโดย อายุรแพทย์โรคหัวใจ Dr.Stephen Sinatra

Cr:wellness2012

อ่านแล้วช่วยกันแชร์ด้วยนะครับเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับผู้คนครับ

ทุเรียนเทศ รักษา โรคมะเร็ง ได้ จริงหรือ?ต้องขอบอกเลยว่า ในช่วงนี้กระแสของทุเรียนฟีเว่อร์ก็ยังคงไม่หายไป ซึ่งนอกจากทุเรีย...
24/06/2017

ทุเรียนเทศ รักษา โรคมะเร็ง ได้ จริงหรือ?

ต้องขอบอกเลยว่า ในช่วงนี้กระแสของทุเรียนฟีเว่อร์ก็ยังคงไม่หายไป ซึ่งนอกจากทุเรียน และทุเรียนเผาแล้ว ยังมี ทุเรียนเทศ นี่แหละ ที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน จนมีข่าวออกมาว่า สรรพคุณของทุเรียนเทศที่เป็นเหมือนสมุนไพรเนี่ย สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี ข่าวนี้จะจริงเท็จแค่ไหน มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ทุเรียนเทศ (Annona muricata L.) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กสูงประมาณ 5-6 เมตร อยู่ในวงศ์ Annoancaeae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับน้อยหน่า ถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกาเขตร้อน ทางภาคใต้ของไทยเรียก ทุเรียนน้ำ ภาคกลางเรียก ทุเรียนแขก ผลมีสีเขียวรูปกลมรี มีหนามนิ่มที่เปลือก รสชาติเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย ภาคใต้นิยมนำผลอ่อนมาทำแกงส้ม เชื่อม และคั้นทำเครื่องดื่ม เมล็ดใช้เบื่อปลาและเป็นยาฆ่าแมลงได้ ส่วนใบมีสรรพคุณทางยาใช้รักษาโรคผิวหนัง แก้ไอ ปวดตามข้อ และความดันโลหิตสูง
จากรายงานการวิจัยของต่างประเทศ พบว่า สารสกัดจากใบทุเรียนเทศมีฤทธิ์ระงับปวด ต้านการอักเสบ ลดน้ำตาล และไขมันในเลือดสัตว์ทดลองที่เป็นเบาหวานได้ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดี มีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งหลายชนิดได้ดีโดยไม่ทำอันตรายต่อเซลล์ปกติ เช่น เซลล์มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน ต่อมลูกหมาก มีผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า สารสกัดใบทุเรียนเทศแสดงความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งผิวหนังคน โดยมีค่า IC50 = 29.2 และ 30.1 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ตามลำดับ ในขณะที่มีค่า IC50 ต่อเซลล์ปกติเท่ากับ 52.4 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ซึ่งบ่งชี้ถึงความแตกต่างในความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติอย่างชัดเจน

จากการเหนี่ยวนำให้เกิดมะเร็งผิวหนังในสัตว์ทดลอง พบว่า สารสกัดด้วยเอทานอลของใบทุเรียนเทศสามารถยับยั้งการเจริญของก้อนเนื้องอกผิวหนังชนิด papilloma ในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยสารก่อมะเร็งได้ถึง 100% นอกจากนี้ ยังมีรายงานการให้สารสกัดทุเรียนเทศทางปากแก่หนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นมะเร็งตับอ่อน พบว่า กลุ่มที่ได้รับสารสกัดทุเรียนเทศขนาด 50 และ 100 มก./กก. เป็นเวลา 35 วัน มีการเจริญเติบโตของมะเร็งตับอ่อนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยสารสกัดขนาดต่ำยับยั้งได้ดีกว่าขนาด 100 มก./กก สารสกัดยังสามารถลดอุบัติการณ์การแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ได้แก่ ตับ ต่อมน้ำเหลืองและรังไข่ ได้อย่างมีนัยสำคัญ จากการแยกสารสำคัญที่มีผลต่อเซลล์มะเร็งพบว่า คือสารกลุ่ม annonaceous acetogenins

อย่างไรก็ตามมีข้อมูลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าสาร annocacin ที่มีอยู่ในพืชชนิดนี้มีพิษต่อเซลล์ประสาทเพาะเลี้ยงชนิดโดปามิเนอร์จิก และเมื่อให้สารแอนโนนาซินเข้าหลอดเลือดดำ และเข้าสู่สมองของหนูแรท พบว่า หนูมีความผิดปกติของเซลล์สมองที่ basal ganglia และก้านสมอง และมีการลดลงของจำนวนเซลล์ประสาทชนิดโดปามิเนอร์จิกในบริเวณ substantia nigra ร่วมกับการเพิ่มขึ้นของเซลล์ค้ำจุน ซึ่งลักษณะของรอยโรคที่พบในสมองสัตว์ทดลอง คล้ายคลึงกับในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ส่วนผลการศึกษาความเป็นพิษในสัตว์ทดลองโดยนักวิจัยประเทศกานา พบว่า เมื่อให้สารสกัดใบทุเรียนเทศขนาด 100, 1,000 และ 2500 มก./น้ำหนักตัวหนู 1 กก. ทางปากทุกวัน เป็นเวลา 14 วัน พบว่า หนูที่ได้รับสารสกัดขนาด 2500 มก./กก. มีผลต่อการทำงานของไต
ดังนั้นการนำสมุนไพรทุเรียนเทศมาใช้บำบัดโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ยังต้องผ่านกระบวนการศึกษาวิจัยต่างๆ อีกมาก ซึ่งสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะรวบรวมวัตถุดิบใบทุเรียนเทศในประเทศไทย มาศึกษาความเป็นพิษเบื้องต้นในห้องปฏิบัติการ เพื่อเป็นข้อมูลคุ้มครองผู้บริโภคในอันดับแรก และวางแผนศึกษาวิจัยเพื่อหาทางนำมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจังต่อไป

Cr:thaihealth

10/06/2017
ดื่มน้ำมะพร้าวดีต่อสุขภาพมากๆ แต่รู้หรือไม่...ว่าใครควรดื่มและไม่ควรดื่ม1. นักกีฬา น้ำมะพร้าวเป็นเครื่องดื่มเกรือแร่ที่ด...
28/04/2017

ดื่มน้ำมะพร้าวดีต่อสุขภาพมากๆ แต่รู้หรือไม่...ว่าใครควรดื่มและไม่ควรดื่ม

1. นักกีฬา น้ำมะพร้าวเป็นเครื่องดื่มเกรือแร่ที่ดีที่สุดสำหรับนักกีฬา เพราะมีทั้งโพแทสเซียมที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย และน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ทันที นัก กีฬาที่ปล่อยพลังเกินร้อยจนล้า จะสดใสขึ้นทันตาเห็น

2. คนท้องเสีย เวลาท้องเสียร่างกายจะต้องเสียเกลือแร่ไปด้วย จนบางคนถึงกับช็อกไปก็มี แต่น้ำมะพร้าวช่วยชดเชยเกลือแร่ให้เราได้ ที่สำคัญไม่มีน้ำตาลขัดสีที่เป็น อันตรายต่อสุขภาพด้วย

3. วัยรุ่น น้ำมะพร้าวมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมองอยู่หลายชนิด วัยรุ่นวัยเรียนที่ดื่มเป็นประจำจะทำให้ควมจำดี ช่วยให้ผิวแข็งแรง ป้องกันสิวได้เด็ดนัก

4. คนที่มีอาการความดันต่ำ ที่คุณหน้ามืดบ่อยๆก็เพราะเลือดน้อยแต่โพแทสเซียมในน้ำมะพร้าวจะเข้าไปบำรุง และเพิ่มการสร้างเม็ดเลือด ระดับความดันจะเพิ่มขึ้นเป็น ปกติ

5. คนเป็นไข้หวัดตัวร้อน หรือไข้ติดเชื้อ เวลามีไข้ไม่ได้ น้ำมะพร้าวคือคำตอบ เพราะมะพร้าวมีฤทธิ์เย็นช่วยลดไข้ได้ดี และยังมีกรดลอริกที่เป็นยาฆ่าเชื้อ ดื่มแล้ว อาการติดเชื้อทั้งหลายจะดีขึ้น

คนที่ต้องเลี่ยงน้ำมะพร้าว เพราะมันเกิดผลลบมากกว่า

คนเป็นโรคไตเสื่อม น้ำมะพร้าวจะไปกระตุ้นการขับปัสสาวะ ถ้าร่างกายขาดน้ำ คนที่เป็นโรคไตอาจจะหัวใจวายได้เรื่องนี้จำเป็นต้องรู้ ถ้าจะให้ดีคนที่เป็นโรคนี้ควรระวัง

คนที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ถ้าร่างกายได้รับโพแทสเซียมมากเกินไป อาจสร้างปัญหาให้หัวใจเราได้ สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ควรลีกเหลี่ยงการดื่มน้ำมะพร้าวค่ะ

ที่มา...lacaverne.info

cr.http://www.rak-sukapap.com/2017/01/blog-post_913.html

ด้วยรักและปรารถนาดี

#โค้ชนนท์



แอด Line ID :
(อย่าลืมใส่@ด้วยนะครับ)

">> กินอย่างไรให้หุ่นดี
19/04/2017

">> กินอย่างไรให้หุ่นดี

ง่ายนิดเดียว!! วิธีหายปวดประจำเดือน หายจากไข้ ..แค่มีสำลีกับแอลกอฮอล์เข้มข้น..และทำตามนี้เพียงทำสิ่งนี้ก็บอกลาการไอ เป็น...
08/04/2017

ง่ายนิดเดียว!! วิธีหายปวดประจำเดือน หายจากไข้ ..แค่มีสำลีกับแอลกอฮอล์เข้มข้น..และทำตามนี้

เพียงทำสิ่งนี้ก็บอกลาการไอ เป็นไข้ และปวดท้องประจำเดือนไปได้เลย ลองทำดูตั้งแต่วันนี้แล้วอาการป่วย ไข้ ไอ ปวดท้องของคุณจะหายไปอย่างแน่นอน
วิธีการบำรุงรักษาร่างกายแผนโบราณบางทีก็ไม่สามารถช่วยอะไรเราได้หรืออาจทำให้เป็นหนักกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ แต่เรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นหากเรารับการรักษาด้วยวิธีนี้

คุณสามารถรักษาอาการป่วยหรือโรคต่างๆ ได้มากมายทั้งไข้หวัดใหญ่ โรคหวัด ไอ อาการปวดท้องขณะมีประจำเดือน หรือแม้แต่ปวดท้องปกติ เพียงใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เข้มข้น 50 % จุ่มลงในสะดือเท่านั้น

สิ่งที่คุณต้องทำ ก็คือ นำสำลีก้อนกลม 1 ก้อน ชุบให้ชุ่มด้วย แอลกอฮอล์เข้มข้น 50% ปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะที่เทใส่ในถ้วยไว้แล้ว จากนั้นก็นำสำลีมาอุดไว้ที่สะดือของคุณ และเมื่อคุณลองทำวิธีนี้ คุณจะรู้สึกผ่อนคลายลงทันทีพร้อมกับความเจ็บปวดก็จะเริ่มหายไป

โดยวิธีนี้ถือเป็นวิธีการหนึ่งที่ยอดเยี่ยมในการรักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและตะคริว และถือเป็นการแก้ปัญหาอีกทางหนึ่งที่ดีกว่าการรักษาด้วยวิธีแพทย์แผนโบราณอีกด้วย เนื่องจากวิธีนี้ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

หากว่าคุณเป็นโรคไข้หวัดใหญ่หรือไข้หวัดขึ้นมา สิ่งที่ต้องทำนั้นคือแช่สำลีก้อนกลมให้ชุ่มด้วยแอลกอฮอล์แล้วบีบให้หมาด จากนั้นนำไปจุ่มไว้ในสะดือ และเพื่อเพิ่มความมั่นใจไม่ให้สำลีหลุดออกมาก็ควรใช้สำลีที่ขนาดใหญ่พอดีกับสะดือ หรือไม่ก็ครอบด้วยถุงพลาสติกหรือผ้า

ส่วนใครที่ต้องการหายจากการปวดท้องประจำเดือนและปวดท้องปกติอย่างรวดเร็วจะต้องใช้มือกดสำลีชุบแอลกอฮอล์ค้างไว้ ซึ่งทำได้โดยนอนหงายราบลงพื้น กดสำลีลงในสะดืออย่างเบามือ และหากทำเองไม่สะดวกก็สามารถร้องขอให้คนอื่นมาช่วยเหลือได้เช่นกัน

ในเวลาไม่นานคุณจะรู้สึกดีขึ้น ไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ ไปอีกนาน และแน่นอนว่าจะไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น

ลองทำดูตั้งแต่วันนี้แล้วอาการป่วย ไข้ ไอ ปวดท้องของคุณจะหายไปอย่างแน่นอน

ที่มา - ข่าวด่วนวันนี้
อ้างอิง : naturalhealthcareforyou.com

cr. http://www.senesouk.com/2017/03/blog-post_59.html

30/03/2017

กับสุดยอดนวัตกรรม เอกสิทธิ์ 1 เดียวใยโลก

ไม่เพียงแต่ลบริ้วรอย และพาคุณย้อนวัยไปสู่วัยหนุ่มสาวอีกครั้ง

สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่
แอด Line ID :
(อย่าลืมใส่@ด้วยนะครับ)
หรือคลิ๊กแอดไลน์อัตโนมัติ
http://line.me/ti/p/%40xxa6966p หรือ
http://line.me/ti/p/QVLXKVm0TL

ผลไม้อะไรทานแล้วอ้วน – ไม่อ้วนการเลือกรับประทานผลไม้สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพรักษาหุ่น ควรเลือกผลไม้ที่หวานน้อย มีวิ...
26/03/2017

ผลไม้อะไรทานแล้วอ้วน – ไม่อ้วน

การเลือกรับประทานผลไม้สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพรักษาหุ่น ควรเลือกผลไม้ที่หวานน้อย มีวิตามิน ไฟเบอร์ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ผลไม้ที่ทานแล้วอ้วน มักเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง โดยผลไม้ที่ประกอบด้วยน้ำตาลสูงส่วนใหญ่จะมีรสหวานจัด มีสีเหลือง เช่น ทุเรียน , ขนุน, มะม่วงสุก, เงาะ, ลำไย, ลองกอง, ลางสาด, ละมุด

ส่วนผลไม้ทานแล้วไม่อ้วน ได้แก่ แอปเปิ้ล มีวิตามิน ,แร่ธาตุ และน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวง่ายต่อการดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายในไม่ถึง 10 นาที จึงช่วยลดความอยากอาหารและควบคุมน้ำหนักได้ดี , สตรอเบอร์รี่ มีเส้นใยอาหาร , มะละกอ มีไขมันน้อยให้พลังงานสูง และช่วยในการระบาย , ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีเส้นใยอาหาร แคลอรี่ต่ำ และยังมีวิตามินแร่ธาตุ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ , แก้วมังกร มีวิตามินซีสูงมาก มีกากใยสูงและแคลอรีต่ำ , ฝรั่ง อุดมไปด้วยวิตามินซี ให้พลังงานต่ำ ,อะโวคาโด กรดไขมันในอะโวคาโดเป็ดกรดไขมันที่ดี ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในอะโวคาโด้ จะช่วยเพื่อเผาผลาญไขมันอิ่มตัวในร่างกาย และแตงโม เป็นผลไม้ที่มีน้ำมาก เมื่อทานแตงโมน้ำในแตงโมจะช่วยให้อิ่มท้องทานอาหารได้น้อยลง

ด้วยรักและปรารถนาดี

#โค้ชนนท์



แอด Line ID :
(อย่าลืมใส่@ด้วยนะครับ)

เคล็ตลับวิธีกดจุดสำคัญ
22/03/2017

เคล็ตลับวิธีกดจุดสำคัญ

12/02/2017

📸ที่สุดของโปรเจคร้อนแรงแห่งปี📸
Fit Firm Burn Fat Contest 2017 by ZENFIT

ให้เวลา 45 วัน ลดได้มากที่สุดรับไปเลย รางวัลที่1 1,100,000 บาท‼️

#สุขภาพดี
#หุ่นฟิตเฟิร์ม
#กินทุกวัน
#ออกกำลังกาย

เงินเดิมพันสูงมาก การแข่งขันลดไขมัน
ใครว่าแน่ ใครว่าเจ๋ง ลดไขมัน ได้เยอะที่สุด
ใครจะเป็นผู้พิชิตเงินรางวัล 1,100,000💥
เชิญพิสูจน์การเปลี่ยนแปลงให้กับตัวเอง 💥

หุ่นเฟิร์มกระชับ 💪สุขภาพดีขึ้น 💯% แถมได้เงินล้าน 👍

❤️ Fit Firm Burn Fat Contest 2017 ❤️

สนใจสมัครด่วน ‼️ Tel : 083-8954463
สอบถามเพิ่มเติม : Line id : kasikaromio12345

ติดตามสอบถามรายละเอียดได้ที่
แอด Line ID :
(อย่าลืมใส่@ด้วยนะครับ)
หรือคลิ๊กแอดไลน์อัตโนมัติ
http://line.me/ti/p/%40xxa6966p หรือ
http://line.me/ti/p/QVLXKVm0TL

ดูผลิตภัณฑ์อื่นได้ที่
http://anonlovetheicon.theicononline.com/blogs/news

ที่อยู่

Amphoe Nam Phong

เบอร์โทรศัพท์

+66933946239

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Beauty with you By Luminesceผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Beauty with you By Luminesce:

แชร์