บ้านเบญจรงค์

  • Home
  • บ้านเบญจรงค์

บ้านเบญจรงค์ สมุนไพรเพื่อสุขภาพ.ให้คำปรึกษาการดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย..และสมุนไพร

ที่มา: Pha Tad Ke Botanical Gardenเสลดพังพอนตัวผู้ หรือ ชองระอา ชื่ออื่น พิมเสนต้น ทองระอา ช้องระอา ลิ้นงู...
06/06/2025

ที่มา: Pha Tad Ke Botanical Garden





























เสลดพังพอนตัวผู้ หรือ ชองระอา ชื่ออื่น พิมเสนต้น ทองระอา ช้องระอา ลิ้นงูเห่า คันชั่ง อังกาบ อังกาบเมือง ก้านชั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์: Barleria lupulina เป็นพืชในวงศ์เหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่ม สีเขียวน้ำตาล สูงเต็มที่ประมาณ 2 เมตร ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ ใบมีลักษณะเรียงแคบ ผิวใบเกลี้ยง เส้นกลางใบมีสีแดง ...

12/04/2025

ประสบการณ์การใช้สมุนไพรเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก)..ตั้งแต่โควิด. 19..ระบาดจนถึงทุกวันนี้. ชิวิตยังปกติสุขดี..
1.ก่อนออกเดินทางออกนอกบ้านไปในชี่ปะะชุมชน ทาน. 3. แคปซูล...กลับเข้าบ้านอาบน้ำชำระร่างกาย..ทาน. 3. แคปซูล
2.ถ้ารูสึกว่าร่างกายครั่นเนื้อครั่นตัวมีน้ำมูก. ทาน. 3. แคปซูล
3.อากาศเปลี่ยน..ฝนตก. เดี๋ยวร้อน..เย็น..อากาศชื้น. ทาน. 3. แคปซูล..
เป็นสมุนไพรประจำตัวชีวิตห่างไกลไข้ทั้งปวง..แต่ผู้สูงวัยอย่าลืมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วยนะครับ
ปล.ทุกครั้งที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด..จะทายเบญจโลกวิเชียรทันที..ไม่เคยแพ้วัคคซีนเลย...ใช้ทั้งครอบครัวครับ

สรรพคุณบำรุงโลหิต ปรับสมดุลย์เลือด. เพิ่มปริมาณเกล็ดเลือด..บรรเทาอาการปวดประจำเดือนบรรจุ 90  แคปซูล. ราคา กป. ละ 200. บา...
17/03/2025

สรรพคุณบำรุงโลหิต ปรับสมดุลย์เลือด. เพิ่มปริมาณเกล็ดเลือด..บรรเทาอาการปวดประจำเดือน
บรรจุ 90 แคปซูล. ราคา กป. ละ 200. บาท
รับประทานครั้งละ 3. แคปซูล ก่อนอาหาร เช้า-เย็น

03/03/2025

⭐️สรรพคุณสมุนไพรพิกัดตรีผลา

ชื่อสมุนไพร : ตรีผลา (อ่านว่า ตี-ผะ-หลา)
ชื่อสามัญ (ชื่อภาษาอังกฤษ) : Triphala
ส่วนประกอบตรีผลา : สมอไทย สมอพิเภก และมะขามป้อม
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
สมอไทย : Terminaliachebula Retz.
สมอพิเภก : Terminalia belerica Roxb.
มะขามป้อม : Phyllanthus emblica Linn.
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
* สมอไทย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบกลม ดอกเป็นช่อเล็ก ๆ สีขาว ออกเหลือง ออกลูกเป็นพวง ขั้วลูกยาว ผลเป็นเหลี่ยมไม่เกิน หกเหลี่ยม มีสีเขียว รสฝาดขม หวาน
* สมอพิเภก เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ใบกลมโตเท่าฝ่ามือ ปลายใบแหลม หนาแข็ง กิ่งยืด ย้อยลงมา ดอกสีเหลือง เป็นช่อเล็ก ๆ ลูกกลมโต ขนาดพุดทรา สีน้ำตาลเหลือบสีขาวนวล ผลมีน้ำฝาด มีสารกลุ่มไพโรกาลรอล และ แคทีคอล
* มะขามป้อม เป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อมถึงขนาดกลาง ขึ้นตามป่าเบ็ญจพรรณ และป่าแดง ลำต้นเกลี้ยง ใบเล็กฝอย ดอกเล็ก ๆ เป็นช่อ ลูกกลมโตขนาดลูกหมาก มีเนื้อเป็นสามพู ผลมีรสเปรี้ยว ขม ฝาด หวาน

✅ สรรพคุณตรีผลา

ตรีผลา ชื่อ ยาตำรับนี้อาจฟังไม่คุ้นหูสำหรับคนทั่วไป แต่ในแวดวงการแพทย์แผนไทย รวมไปถึงการแพทย์อายุรเวท อินเดีย ต่างรู้จักยาตำรับนี้ดี เพราะเป็นยาพื้นฐานที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล ความหมายของคำว่าตรีผลา คือ หมายถึงตรี แปลว่าสาม ผลา คือ ผลไม้ จึงหมายถึงผลไม้ 3 อย่าง ประกอบไปด้วย ลูกสมอไทย ลูกสมอพิเภก และ ลูกมะขามป้อม

ตรีผลามี สรรพคุณช่วยรักษาความสมดุลธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย และเป็นยาที่ปลอดภัยไร้พิษข้างเคียงใดๆ ช่วยล้างพิษออกจากระบบต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหาร ระบบเลือด ระบบน้ำเหลือง และใช้ได้กับคนทุกธาตุ ทุกเพศทุกวัย

ยาทั้ง 3 ตัวนี้ (ตรีผลา) จะทำหน้าที่ควบคุม และกำจัดพิษ และเสริมสรรพคุณซึ่งกัน และกัน การนำยาตำรับตรีผลามา ใช้ในรูปแบบของเครื่องดื่มอย่างที่กำลังส่งเสริมกันกว้างขวางในปัจจุบันจึง ปลอดภัยดี ช่วยให้เกิดการระบายของเสียที่อยู่ในระบบต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงพวกสารพิษต่างๆ ที่ถูกกวาดล้างออกมาด้วย

ตัวยาทั้ง 3 (พิกัดตรีผลา) ควบ คุมพิษข้างเคียงของกัน และกัน เช่น รสเปรี้ยว ซึ่งมีฤทธิ์ระบายของลูกสมอพิเภก อาจทำให้เกิดอาการมวนท้อง จึงต้องใช้ลูกสมอไทย และลูกมะขามป้อม ซึ่งมีรสฝาด และขม ช่วยแก้ลมจุกเสียด และลดอาการมวนท้อง เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยเสริมฤทธิ์ระบายโดยไม่เป็นอันตราย เพราะยาตำรับนี้เป็นยาที่ควบคุมการถ่าย และการหยุดถ่ายโดยอัตโนมัติ ป้องกันมิให้ร่างกายอ่อนเพลีย ใช้ได้ทุกเพศทุกวัยตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงคนเฒ่าชรา
ปัจจุบันนี้ตำรับยาตรีผลาเป็น ที่นิยมอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกาในการรับประทานเพื่อล้างพิษ และลดน้ำหนัก เพราะตัวยาจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี และช่วยระบายไขมันออกมาพร้อมการขับถ่ายเป็นปกติ เพราะใช้ในรูปแบบตำรับไม่ใช้ตัวใดตัวหนึ่ง และตัวยายังทำหน้าที่รู้ถ่ายรู้ปิด คือ ทำหน้าที่ขับระบาย และยังทำหน้าที่หยุดถ่ายระบายอย่างรู้จังหวะเวลา

1. ตรีผลามีสารช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย
2. ตรีผลาช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรง ป้องกันไม่ให้ร่างกายอ่อนเพลีย
3. ตรีผลาช่วยทำให้หลับสบาย หลับลึก และตื่นมาอย่างสดชื่นมีชีวิตชีวาไม่ง่วงนอน
4. ตรีผลาช่วยล้างสารพิษออกจากระบบต่างๆ ของร่างกาย
5. ตรีผลาช่วยแก้ระบบน้ำเหลืองเสีย
6. ตรีผลาช่วยล้างสารพิษในระบบเลือด
7. ตรีผลามีส่วนช่วยลดน้ำหนัก
8. ตรีผลาช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี
9. ตรีผลาช่วยระบายไขมัน และขับถ่ายไขมันออกมา
10. ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น
11. ตรีผลาช่วยปรับธาตุ ปรับสมดุลในร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
12. ตรีผลาช่วยบำรุงเส้นเสียง
13. ตรีผลาช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย
14. ช่วยควบคุมความดันโลหิต ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
15. ช่วยต่อต้านเนื้องอก ช่วยทำลายเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งตับ
16. ตรีผลาช่วยป้องกันหวัด
17. ตรีผลารักษาริดสีดวง และช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร
18. ช่วยชะลอความชรา
19. ตรีผลาช่วยปกป้องไต
20. ตรีผลาช่วยลดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
21. มีส่วนช่วยทำให้แผลสิวจุดด่างดำหาย และจางเร็งยิ่งขึ้น
22. ช่วยป้องกัน และรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน โรคหวัด และวัณโรค
23. ช่วยต่อต้านการอักเสบได้
24. ช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์ ปวดตามข้อ

🔻วิธีทำน้ำดื่มตรีผลา
ตำรับตรีผลาทำได้โดยใช้สมุนไพรทั้ง 3 ชนิดในอัตราส่วนดังนี้
1. สมอพิเภก 100 กรัม
2. สมอไทย 200 กรัม
3. มะขามป้อม 400 กรัม
จากนั้นนำสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด ใส่หม้อผสมน้ำ 6 ลิตร ตั้งไฟต้มเดือด 30 นาที เติมน้ำตาลทราย 600 กรัมเกลือ 1 ช้อนชา หากเข้มข้นเกินไปให้เติมน้ำสุกเพิ่มได้ ปรุงรสชาติที่ชอบ กรองผ่านผ้ากรอง หรือกระชอน ใส่ภาชนะ สำหรับเตรียมดื่ม ดื่มได้ทั้งร้อน และเย็น แทนเครื่องดื่มทั่วไป เช้า กลางวัน เย็น ซึ่งหากดื่มมากก็ไม่พบอันตรายใดๆ

การใช้ตรีผลา สามารถใช้สัดส่วนไม่เท่ากันได้ เรียกว่ามหาพิกัดตรีผลา
ตำรับ 1 มหาพิกัดตรีผลา แก้กองปิตตะ (ร้อน) หรือช่วงอากาศร้อน ประกอบด้วย
1. ลูกสมอพิเภก (พัทธปิตตะ) หนัก 12 ส่วน
2. ลูกสมอไทย (หทัยวาตะ) หนัก 8 ส่วน
3. ลูกมะขามป้อม (ศอเสมหะ) หนัก 4 ส่วน

ตำรับ 2 มหาพิกัดตรีผลา แก้กองวาตะ (ฝน) หรือช่วงมีฝนตก ประกอบด้วย
1. ลูกสมอไทย หนัก 12 ส่วน
2. ลูกมะขามป้อม หนัก 8 ส่วน
3. ลูกสมอพิเภก หนัก 4

ตำรับ 3 มหาพิกัดตรีผลา แก้กองเสมหะ (หนาว) หรือช่วงอากาศเย็น ประกอบด้วย
1. ลูกมะขามป้อม หนัก 12 ส่วน
2. ลูกสมอพิเภก หนัก 8 ส่วน
3. ลูกสมอไทย หนัก 4 ส่วน

🚫ข้อควรระวังในการใช้ตรีผลา

1. สำหรับสตรีในช่วงมีประจำเดือนควรงดการรับประทานตรีผลา เพราะอาจจะทำให้เลือดออกมามากกว่าปกติ
2. สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจไม่แนะนำให้รับประทาน

28/02/2025

⭐️สมุนไพรน่ารู้ อภัยภูเบศร : เพกา…สมุนไพรลดไขมันตัวร้าย (LDL)

เพกา หรือ ลิ้นฟ้า หมากลิ้นฟ้า เป็นสมุนไพรพื้นบ้าน มีการใช้มานาน เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงกำหนัด และบำรุงร่างกายของคนสมัยก่อน มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย โดยพบขึ้นอยู่ตามธรรมชาติในป่าเบญจพรรณและป่าชื้นทั่วไป ถึงแม้ว่าเพกาจะขึ้นอยู่ในหลายประเทศ แต่ดูเหมือนจะมีแต่ชาวไทยเท่านั้นที่นำเพกามากินเป็นผัก เป็นอาหารในชีวิตประจำวัน

🌱ฝักอ่อนเพกา มีวิตามินซีสูงมาก ช่วยบำรุงร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อม ส่วนที่นิยมกินกันก็คือ ยอดอ่อน ฝักอ่อน เช่น ลวกจิ้มน้ำพริก ราดกะทิ เผาไฟแล้วซอยทำยำ

🔺มีงานวิจัยพบว่า สารสกัดจากผล(ฝัก) ของเพกา ที่ความเข้มข้นสูง (200 μg mL− 1) มีฤทธิ์ต้านการสะสมของไขมันในเซลล์ไขมัน (Antiadipogenesis) ได้เทียบเท่ายา simvastatin สารสำคัญในการออกฤทธิ์เป็นสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ ได้แก่ baicalein และ chrysin จากผลการศึกษานี้ คาดว่าจะนำเพกามาใช้ในการพัฒนาเป็นยาลดไขมันในเลือดและป้องกันโรคอ้วนได้

การศึกษาเบื้องต้นทางคลินิก พบว่า การรับประทานแคปซูลเพกา ขนาด 400 มิลลิกรัม/แคปซูล มีส่วนประกอบ คือ เพกา, ขิง และกระชาย ครั้งละ 3 แคปซูล (1.2 กรัม) วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 6 สัปดาห์ มีผลในการลดระดับไขมันตัวร้ายแอลดีแอล ได้ประมาณร้อยละ 5 *มีนัยสำคัญทางสถิติ

✅ประโยชน์อื่นๆ ของเพกา

เมล็ดของเพกามีรสเย็น เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ผสมอยู่ในน้ำจับเลี้ยงของจีน เป็นยาเย็น มีฤทธิ์แก้ไอขับเสมหะ
ในฝักเพกา มีวิตามินซีสูงมากถึง 484 มิลลิกรัม/100กรัม สูงพอๆกับมะขามป้อมที่ได้ชื่อว่ามีวิตามินซีสูงที่สุด ในบรรดาผลไม้ทั้งหลาย ในขณะที่มะนาวแหล่งวิตามินซีที่คนทั่วไปรู้จัก มีเพียง 20 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม นี่คงเป็นสาเหตุให้ ฝักเพกามีชื่อเสียงในด้านการป้องกันโรค ทำให้ไม่เจ็บป่วย สู้กับหวัดได้ทุกสายพันธุ์
▪️ใบ เป็นยาเย็น เป็นส่วนประกอบสำคัญในยาเขียว สรรพคุณฝาด ขม แก้ปวดข้อ แก้ปวดท้อง เจริญอาหาร
▪️ราก รสฝาดขมร้อน เป็นยาบำรุงธาตุ ทำให้เกิดน้ำย่อยอาหาร ขับเสมหะ ขับน้ำออกจากร่างกายเป็นยาแก้ท้องร่วง ฝนกับน้ำปูนใสทาแก้อักเสบฟกบวม
▪️เปลือกต้น รสฝาด เย็น ขมเล็กน้อย สมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย ดับพิษโลหิต แก้ไข้ เจริญอาหาร แก้เสมหะ ขัยเสมหะ บำรุงโลหิต ขับเลือดเน่า ทาแก้ปวดฝี บม
▪️เมล็ด ต้มกินเป็นยาระบาย แก้ไอ ขับเสมหะ
ยอดอ่อน กินเป็นผักสด ลวกกิน เผากินได้

🚫ข้อควรระวัง

▪️หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทาน เพราะมีฤทธิ์ร้อน โดยอาจทำให้แท้งบุตรได้
▪️ควรระวังในการใช้เพการ่วมกับยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเกร็ดเลือด เช่น แอสไพริน (aspirin) ,วาฟาริน (warfarin) , สารสกัดแปะก๊วย (Ginko biloba)
▪️เพกาเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารได้
▪️เมล็ดแก่ มีพิษ ห้ามกินดิบ

⭐️แหล่งอ้างอิง
Hengpratom T, et al. Antiadipogenesis of Oroxylum indicum (L.) Kurz Extract via PPARγ2 in 3T3-L1 Adipocytes. Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine 2020

16/02/2025

โรคทางปอด ยาห้ารากรักษาได้ครับ

เป็บโรคหอบตั้งแต่เด็กๆ
- ต้องใช้ยาพ่นเพื่อขยายหลอดลม (แก้ที่อาการแต่ไม่ได้รักษาใดๆ ต้องพ่นยาตลอดชีวิต)
กินยาห้ารากกระทุ้งเสมหะออกจากปอด (หายจนปัจจุบันนี้ครับ)
- สรรพคุณของยาห้ารากกระทุ้งเสมหะในปอดออกเสียให้สิ้น

2 เป็นโรคภูมิแพ้
- กินห้าราก ตอนเช้าไม่จาม และกินกุ้งได้ตั้งอายุ 16 ปี จนปัจจุบันอายุจะสามสิบก็กินกุ้งได้ไม่จาม (หายปกติครับ)

3 โรคระบาดทั่วโลกเยียวยาได้ด้วยห้าราก
- ท่านที่กินห้ารากแล้วไม่อดนอน ไม่อดน้ำ (ไม่มีใครติดหรอกครับ)
- กินห้ารากแล้วติด เกือบทั้งหมดเพราะอดนอน (อดนอนทำให้ภูมิตกครับ กรณีที่ท่านอดนอนให้ดื่มน้ำมากแก้ไขครับ)

4 หวัดสายพันธุ์ฝรั่ง ให้กินยาห้ารากกับยารักษาน้ำเหลืองหายครับ
- 103+406 ห้าวัน อย่างละห้าซอง วันละซอง(ทุกสามชั่วโมง) ป้องกันและรักษาไม่อดนอน ไม่อดน้ำครับ

5 ฝุ่นพิษฤดูร้อนนี้ “ใช้ยาห้ารากกระทุ้งออกเสียให้สิ้น”
- กินห้ารากกระทุ้งเสมหะจากปอด (ก็ปลอดภัยกว่าไม่กิน คนละเรื่องกับสวมหน้ากากเลยครับ)
- จีน เกาหลี มีพิษฝุ่นเหลืองจากทะเลทราย (ก็ใช้ยาห้ารากกระทุ้งออกจากปอดครับ ยีนส์ก็มียาจีน สรรพคุณเหมือนกันคือกระทุ้งเสมหะออกจากปอดครับ)
ห้ารากสรรพคุณ
- 1 แก้ร้อนใน 2 รักษาโรคปอด เช่น ภูมิแพ้ หอบ ฝุ่นพิษ 3 โรคจากเชื้อไวรัส หัด สุกใส ไข้เลือดออก หวัด เริม ฯ
- วิธีกิน ยาห้าราก กินยาทุกสามชั่วโมง ตื่น ,09:00 ,12:00 ,15:00 ,18:00 ,21:00 หรือก่อนนอน 5 ซองแรกกินยาครั้งละ 3 แคปซูล

05/02/2025
ลดไขมัน&คุมระดับน้ำตาลในเลือด
19/01/2025

ลดไขมัน&คุมระดับน้ำตาลในเลือด

ลมหรือไฟ (น้ำย่อย) ที่เป็นปัญหาสังเกตจากอาการของผู้ที่ป่วยด้วยโรคกระเพาะอาหารและโรคกรดไหลย้อนนั้น อาการต่างๆ ที่เป็นปัญห...
15/12/2024

ลมหรือไฟ (น้ำย่อย) ที่เป็นปัญหา

สังเกตจากอาการของผู้ที่ป่วยด้วยโรคกระเพาะอาหารและโรคกรดไหลย้อนนั้น อาการต่างๆ ที่เป็นปัญหาสุขภาพไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ แสบร้อนกระเพาะอาหารและหน้าอกด้านในจากน้ำกรดในกระเพาะเพียงเท่านั้น แต่ยังมีอาการร่วมด้วยอีกหลายประการที่ดูแล้วไม่เกี่ยวข้องกับ น้ำย่อยในกระเพาะอาหารที่มากเกินไป สักเท่าไหร่ เช่น อาการปวดตึงบ่า ไหล่ สะบัก ยกแขนไม่ขึ้น มีกลิ่นปาก ท้องอืด ท้องเฟ้อ หงุดหงิดง่าย ง่วงหลังทานอาหาร มีเสียงในหู มึนงงในช่วงเช้า ลองมาฟังเสียงจากอีกหนึ่งทฤษฎีกันหน่อยนะครับว่า “ธาตุลม” หนึ่งในสี่ธาตุหลักจากธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ จะทำอะไรเราได้บ้าง และเกี่ยวเนื่องกับอาการเจ็บป่วยแสนทรมานนี้ได้อย่างไร

จากคัมภีร์สมุฏฐานวินิจฉัย (หนึ่งในอีกหลายคัมภีร์ของการแพทย์แผนไทย) ซึ่งเป็นปรัชญาองค์ความรู้ในการวินิจฉัยโรคตามทฤษฎีแพทย์แผนไทย

ธาตุลม – มีดินเป็นที่อาศัยมีน้ำพยุงไว้และมีไฟรักษาให้คงสภาพการทำงาน โดยแบ่งออกเป็นลักษณะการเคลื่อนไหว 6 ประการ คือ

1. อุทธังคมาวาตา
ลมพัดขึ้นบน ทำให้เรอ อาเจียนและไอ หากพิการทำให้หาวเรอบ่อยๆ
อึดอัดทุรนทุราย

2. อโธคมาวาตา
ลมพัดลงเบื้องต่ำ ทำให้ถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ
หากพิการทำให้ยกมือเท้าไม่ได้ เมื่อยขบทุกข้อ

3. กุจฉิสยาวาตา
ลมพัดในท้องนอกลำไส้ ลมภายนอกกระเพาะ ทางเดินอาหาร
หากพิการจะมีอาการเจ็บท้อง ท้องขึ้นท้องพอง

4. โกฏฐาสยาวาตา
ลมพัดในลำไส้ ลมในกระเพาะอาหาร หากพิการมีอาการจุกเสียด
แน่นหน้าอก อาเจียน

5. อังคมังคานุสารีวาตา
ลมพัดทั่วร่างกาย หากพิการจะมีอาการหูอื้อ ตาลาย
ทานอาหารไม่รู้รส เห็นแสงไฟระยิบระยับ
6. อัสสาสะปัสสาสะวาตา
ลมหายใจเข้าออก ทำให้มีชีวิตคงอยู่ได้
ที่ต้องลำดับความเป็นมาเป็นไปของลม ก็เพราะปัจจุบันการวินิจฉัยโรคหรือการทำความเข้าใจในตัวโรคนั้นมองข้าม “ธาตุลม” ไปเสียสนิท หันไปพิจารณาสิ่งที่มองภายนอกได้เด่นชัด หรือสิ่งที่ใช้เครื่องมือวัดได้ เช่น การสังเกตด้วยตา การวัดความดันโลหิต การเอ็กซเรย์ MRI, CT SCAN, การส่องกล้อง การวัดปริมาณกรดซึ่งโดยมากไม่อาจมองเห็นลมที่สร้างปัญหาได้ แต่ถ้าผู้ใดที่เคยมีปัญหาของโรคกระเพาะอาหาร โรคกรดไหลย้อนหรือโรคในระบบลำไส้

ลม

ลม คือ “สิ่งที่มีการเคลื่อนไหว ไม่สามารถมองเห็น แต่เรารับรู้ถึงการมีอยู่ได้” มีอาการจุกแน่นหน้าอก เครียด ทานอาหารไม่ลง กินยาไม่ได้ (ติดคอ) อยากจะอาเจียน ท้องบวมยามค่ำ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หน้าตาทรุดโทรม อาการเหล่านี้ถ้าเป็นในเวลาเดียวกัน จะทานยาอะไรดี หรืออีกกี่ขนานกันถึงจะตรงกับโรคเสียที

ลม

ถ้าจะวิเคราะห์โรคโดยแบ่งออกตามการเคลื่อนไหวของลมทั้ง 6 ประการ คุณผู้อ่านหลายท่านคงจะต้องปวดขมับ วิงเวียนศีรษะได้ จึงขอเอานำอีกลักษณะของ “ลม” มาวิเคราะห์อาการต่างๆ ที่เกิด เพื่อความกระจ่างแจ้งและเข้าใจง่ายขึ้น
“ลม” ในทางการแพทย์ทางเลือก (ไทยและจีน) เมื่อนำมาวิเคราะห์โรคในระบบทางเดินอาหาร แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

ลม

1. ลมกองหยาบ
เป็นลมที่เกิดขึ้นในช่องท้องเกี่ยวข้องกับทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แน่นในท้อง ทำให้ลำไส้และท้องบวมขึ้น ซึ่งเกิดจากระบบย่อยอาหารโดยเฉพาะที่กระเพาะอาหารทำงานได้ไม่สมบูรณ์ จนเกิดการหมักหมมของอาหารในลำไส้เกิดเป็นแก๊ส ลม ลักษณะเป็นลมก้อนใหญ่ๆ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะมีอาการแน่นท้องช่วงกลาง และช่วงล่าง (บริเวณลำไส้) อึดอัด บางคนมีอาการปวดท้องร่วมด้วยเมื่อวานปวดฝั่งซ้าย วันนี้ปวดฝั่งขวาบางครั้งเอกซเรย์ เห็นเป็นก้อนลมในลำไส้เลยก็มี

ลมในลำไส้นี้เองที่พัดพาเอาน้ำย่อย (มีฤทธิ์เป็นกรด)ในกระเพาะอาหารขึ้นมาที่บริเวณขั้วกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ฤทธิ์ของกรดที่ถูกพัดขึ้นมาทำให้เกิดการแสบ ระคายเคืองในช่องอก ไอบ่อยๆ เพราะลมดันขึ้น มีแผลในลำคอ ช่องปาก ร้อนในง่าย บางท่านมีกลิ่นปากเพราะเป็นแผล เราจึงเรียกโรคนี้กันว่า “กรดไหลย้อน” ซึ่งโดยลักษณะแล้วน่าจะเรียกอาการนี้ว่า “ลมดันกรดขึ้นมา” จะเข้าเรื่องและทำความเข้าใจได้ถูกทางมากกว่านะครับ จึงอยากให้ท่านที่เป็นหรือเคยเป็นลองพิจารณาดูเถิดว่า ถ้าเรายืนตัวตั้งตรงอยู่แบบนี้ น้ำกรดในกระเพาะจะไหลย้อนขึ้นมาสวนทางกับแรงโน้มถ่วงของโลก จนทำให้เราแสบร้อนในช่องอกได้อย่างไร ต้องมีเหตุที่นำพากรดขึ้นมา และการรักษาด้วยการลดประสิทธิภาพน้ำกรดในกระเพาะนั้นเป็นวิธีที่จะรักษาเราได้หายจริงๆ หรือ?
เมื่อเกิดลมในลำไส้มากเข้าๆ จะส่งผลให้เจ้าของร่างกาย มีอาการแข็งตึงบริเวณไหล่ สะบัก บ่า ซึ่งเป็นบริเวณที่เส้นลมปราณลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ พาดผ่าน อาการแบบนี้ปัจจุบันมักเรียกกันจนคุ้นหูว่า ออฟฟิศซินโดรม คอมพิวเตอร์ซินโดรม แม้กระทั่ง เมาส์ซินโดรม!!! จนต้องไปเสียเงินค่านวด หรือทานยาคลายเส้นกันบ่อยๆ แท้จริงแล้วที่ช่วงไหล่ สะบัก และบ่า ตึงแข็ง เป็นการส่งสัญญาณเตือนให้เจ้าของร่างกายรับรู้ว่ากำลังเกิดปัญหาขึ้นใน ลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก

ลม

เมื่อปล่อยให้มีลมสะสมในลำไส้เรื้อรัง (ลมกองหยาบ) ไว้เป็นเวลานานจะทำให้ลำไส้บวม ร้อนและแห้งขับถ่ายอุจจาระได้ไม่สะดวก (นั่งนาน) ถ่ายอุจจาระไม่สุด ท้องเสียง่าย ลำไส้ที่แห้งจะมีของเสียติดค้างหลงเหลืออยู่ในลำไส้อยู่มาก มีลักษณะเป็นเมือกมันในลำไส้ ทำให้ยากต่อการดูดซึมน้ำผ่านผนังลำไส้เข้าสู่เลือด..ส่งผลให้เลือดซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบ 9 ส่วน จาก 10 ส่วน มีสภาพข้นหนืดขึ้นแลก่อให้เกิดปัญหาต่อเนื่องกับ ไตและกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งมีหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือดตามมา อาการที่เกิดคือ ปัสสาวะบ่อย ปวดเอวด้านหลัง โดยเฉพาะบริเวณจุดสลักเพชรที่เส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะพาดผ่าน ทำให้เกิดการเจ็บปวด ลักษณะคล้ายกับอาการกระดูกทับเส้นคือ
เจ็บบริเวณจุดสลักเพชรและปวดร้าวลงขาด้านหลังบริเวณน่องไปจนถึงส้นเท้า ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อนมักจะมีอาการปวดเอวร่วมด้วย

ลม

ปวดหัวข้างเดียวบริเวณขมับ (ไมเกรน) เมื่อมีลมดันขึ้นแล้วแน่นช่องอกซึ่งจะเป็นมากขึ้น เมื่อร่างกายมีความร้อนกว่าปกติ เช่น นอนน้อย เครียด มีอารมณ์โกรธ ช่วงมีประจำเดือน ช่วงเวลาย่อยอาหาร สังเกตจากเส้นทางการปวดจะอั้นอยู่ตาม “เส้นลมปราณซานเจียว” คือ สามารถปวดตึงได้ตั้งแต่นิ้วนางขึ้นมาถึงแขนด้านข้าง บ่า คอ มีเสียงในช่องหู บริเวณขมับ หลายคนจะมีอาการปวดหัวข้างเดียว (ไมเกรน) ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งที่ขมับสองข้างขมับ
ส่วนตัวยาฤทธิ์ร้อนที่เรามักใช้ในการรักษาคนไข้ที่มีอาการจากลมกองหยาบในกระเพาะอาหารยาที่ใช้รักษาลมประเภทนี้ แพทย์แผนโบราณแบ่งรสยาไว้เป็น 3 รสกว้างๆ คือ รสเย็น รสร้อน และ รสสุขุม เพื่อนำมาแบ่งแยกสรรพคุณของสมุนไพรต่างๆ ที่เราหามาได้ ซึ่งลมประเภทนี้ถ้ามีมากเกินไปจะต้องใช้ตัวยา “รสร้อน” ในการขับออก เพราะธรรมชาติของลมเมื่อเจอกับฤทธิ์ของไฟ แล้วไฟจะขับลมให้เคลื่อนตัวเร็วขึ้น ในเมื่อเกิดลมในลำไส้ของเรามากเกิน เราจึงต้องใช้สมุนไพรหรืออาหารที่มีฤทธิ์ร้อน (ธาตุไฟ) ร่วมกับการใช้ตัวยาร้อนทาภายนอก ในการขับลมออกจากท้อง เช่น การทานน้ำต้มยำ ผัดพริก ผัดกระเพรา ลูกกระวาน หัวแห้วหมู ขิงแก่ พริกไทย ดีปลี ข่า ตะไคร้ กระเทียม หอมแดงหรือใช้มหาหิงค์ ยาหม่องไพลทาประคบร้อนบริเวณท้อง ถ้าเป็นสรรพคุณของตัวยาแผนโบราณจะระบุไว้ว่าแก้ในกองวาโยธาตุ (ธาตุลม) เช่น ยาไฟประลัยกัลป์ ยาธรณีสัณฑะฆาต ยาประสะกระเพรา ฟังชื่อก็รู้สึกถึงความร้อนเลยใช่ไหมครับ และลำไส้อยู่เป็นประจำมีอยู่ 2 ขนาน คือ
1. น้ำขิงแก่เข้มข้น น้ำขิงเป็นน้ำสมุนไพรที่รสชาติคุ้นลิ้นกับคนไทย เด็กเล็ก ผู้ใหญ่ ผู้เฒ่า ต้องเคยได้ลิ้มชิมรสกันบ้าง ทานเพื่อความเอร็ดอร่อยเป็นเต้าฮวยก็เรื่องหนึ่ง แต่การนำมาขับลมในท้องจำเป็นจะต้องใช้ความเข้มข้นเพิ่มขึ้นจะได้ไล่ลมให้ได้อยู่หมัด วิธีการคือ
นำขิงแก่ประมาณ 6 ขีด ล้างให้สะอาด หั่นหรือทุบ พอประมาณ ต้มกับน้ำ 3-4 แก้ว ให้เหลือ 1 แก้ว (น้ำขิงที่ได้ สีจะเข้ม และมีรสเผ็ดร้อนมากกว่า น้ำเต้าฮวย ประมาณ 1 เท่าตัว)
ทานก่อนอาหาร 10 นาที ประมาณ 1 ใน 3 ของแก้ว ขณะทานจะรู้สึกร้อนซู่ในท้องทันที ลมในกระเพาะอาหารจะถูกขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำย่อยของเราหลั่งออกมาทำงานได้อย่างเต็มที่
ลมที่จุกแน่นอยู่ในลำคอก็จะทุเลาลงด้วย ทำให้การทานอาหารมื้อนั้นง่ายขึ้น ไม่ต้องทานน้ำบ่อยๆ เพราะกลืนอาหารลำบาก
2. ยาธรณีสัณฑะฆาต ถ้ามีอาการร้อนในหรือแสบแผลในกระเพาะก็ให้หยุดทานก่อนสัก 5 วัน รักษาแผลให้ดีขึ้นเสียก่อน วันไหนอากาศร้อนก็งดทานน้ำขิงเข้มข้นมื้อกลางวันเพราะจะร้อนเกินไป สำหรับตัวผมมักจะทานก่อนอาหารมื้อเย็นในวันที่ต้องพูดเยอะๆ บางวันต้องพูดเกือบทั้งวันลมเข้าท้องไปเยอะ ทานอาหารก็ไม่ค่อยจะตรงมื้อ “น้ำขิง” ช่วยชีวิตผมได้มากเลยครับ เพราะถ้ามีลมอยู่เยอะจะรู้สึกไม่อยากอาหาร ทานอาหารไม่อร่อย ลมไปจองที่อยู่เต็มกระเพาะเสียแล้ว ต้องทำการปัดรังควาน เอ้ย!! ต้องทำการไล่ที่ก่อนเพื่อให้มีช่องว่างให้บรรจุอาหารได้
เป็นยาฤทธิ์ร้อนมากในยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ คนสูงอายุหลายๆ ท่านคงเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง ส่วนประกอบคือ ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ลูกกระวาน กานพลู เทียนดำ เทียนขาว หัวดองดึง หัวบุก หัวกลอย หัวกระดาดขาว หัวกระดาดแดง ลูกเร่ว ขิง ชะเอมเทศ รากเจตมูลเพลิง โกฐกระดูก โกฐเขมา โกฐน้ำเต้า หนักสิ่งละ 1 ส่วน ผักแพวแดง เนื้อลูกมะขามป้อม หนักสิ่งละ 2 ส่วน เนื้อลูกสมอไทย มหาหิงค์ การบูร หนักสิ่งละ 5 ส่วน รงทอง (ประสะแล้ว) หนัก 4 ส่วน ยาดำ หนัก 20 ส่วน
และพริกไทย 96 ส่วน
สมุนไพรเกือบทั้งหมดเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน เช่น พริกไทยที่มีอยู่ถึง 96 ส่วน มีสรรพคุณ ช่วยขับลมที่เกิดขึ้นจากอาหารที่หมักหมมอยู่ในลำไส้เล็กยาว 7.5 เมตร ลำไส้ใหญ่ยาว 1.5 เมตร ลองคิดดูสิครับว่าอาหารเก่าๆ (ถ้าอยู่ในลำไส้ใหญ่ก็เรียกอุจจาระเก่า) ที่ติดค้างหาทางออกไปไหนไม่ได้อยู่ในลำไส้ระยะทางยาวขนาดนี้จะเกิดการบูดเน่ากลายเป็น แก๊สหรือลม ปริมาณมากเท่าไหร่ ดังนั้นนอกจากการขับลมออกจากลำไส้แล้ว “ธรณีสัณฑะฆาต” ยังมีสรรพคุณในการชำระเมือกมัน
และขับถ่ายเอาของเสียที่ติดค้างตามผนังลำไส้ให้ออกด้วย เป็นยาโบราณขนานเอกสำหรับโรคฮิตในยุคปัจจุบันอย่าง “กรดไหลย้อน” ได้ตรงจุดเกิดเหตุเลยทีเดียว เมื่อทานยาธรณีสัณฑะฆาตได้ประมาณ 1 อาทิตย์ ลมเก่าๆ ที่คั่งค้างอยู่ในลำไส้ จะถูกกำจัดออกไป หากได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารให้ถูกต้องก็จะไม่มีลม มารบกวนให้เราจุกแน่นในอกก่อนหรือหลังทานข้าวอีก ลำไส้หายบวมส่งผลให้อาการปวดบ่า ตึงบ่า ไหล่ติดทุเลาลง อาการเรอบ่อยๆ ผายลมเหม็นก็ลดลงด้วย เมื่อลมพัดขึ้นพัดลงในร่างกาย ลดลงมาสมดุลกับธาตุทั้ง 4 ธาตุไฟก็จะไม่ลุกเผาไหม้มากเกินไป สังเกตได้จากอวัยวะภายนอกร่างกายเช่น ริมฝีปากไม่แห้งเป็นขุย ผิวหนังจะหายหมองคล้ำผ่องใสขึ้น น้ำหนักคงที่ไม่หิวบ่อยๆ
วิธีรับประทาน : ก่อนนอนทานยาธรณีสัณฑะฆาต 2 เม็ดแคปซูล ประมาณ 1 เดือน อาการของโรคกรดไหลย้อน (ลมดันกรด) จะดีขึ้น หลังจากนั้นก็ทานในวันที่มีลมมากๆ ในท้อง เมื่อตื่นนอนก็จะถ่ายลมเก่าและอุจจาระที่ติดค้างออกมา
ยาธรณีสัณฑะฆาต เป็น “ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ หมายถึง ยาแผนโบราณที่ควรมีไว้ประจำบ้าน เช่น ยาหอม ยาเขียว” เหมาะสำหรับโรคลมที่พัดขึ้นมาจากลำไส้อย่าง “โรคกรดไหลย้อน” แต่ยังติดขัดอยู่กับความเข้าใจผิดที่ว่าโรคกรดไหลย้อนนั้นมีปัญหาอยู่ที่น้ำกรดในกระเพาะ การแพทย์ของเราจึงยังไม่ได้นำออกมาใช้ 8 ปีที่ผ่านมา ดิ อโรคยา คลินิก ได้นำยาธรณีสัณฑะฆาต มาใช้รักษาโรคกรดไหลย้อนได้ผลดี ยาแผนโบราณนี้มีสูตรยาอยู่ในตำราแพทย์แผนไทยไม่ถูกปิดกั้น อยากให้นักวิจัยและผู้ผลิตยาของไทยลองหันมาทำความเข้าใจกันดู ช่วยกันผลิต พัฒนา และให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนจะทำให้คนไทยหายป่วยแบบยั่งยืนได้ครับ
2. ลมกองละเอียด
คือ ลมกองหยาบที่แปรไปเป็นลมกองละเอียดดันขึ้นช่วงบนและไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย จนทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น เมื่อลมดันขึ้นมาที่หน้าอก (ลิ้นปี่) จะทำให้มีอาการจุกแน่นหน้าอก ดันสูงขึ้นทำให้ลมจุกในลำคอ กลืนอาหารลำบากจนต้องทานน้ำมากๆ เวลาทานอาหาร ทานยาก็ลำบาก ถ้าโชคดีเรอออกมาได้ก็จะสบายขึ้น มีเสลดเหนียวข้นในลำคอช่วงเช้า หายใจเช้าได้ไม่เต็มหอด ทำให้มีอาการง่วงนอน หาวบ่อยๆ ร่างกายไม่สดชื่นจนต้องหากาแฟทานหรือคุณผู้หญิงหลายๆ ท่านก็จะชอบทานน้ำปั่น น้ำเย็นหวานๆ เช่น น้ำผลไม้ โกโก้เย็น ชาเย็นแก้วใหญ่ๆ จะได้รู้สึกประปรี้กระเปร่าขึ้น ซึ่งกาแฟหรือของหวานข่วยได้เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น อีกซักพักก็อยากทานอีก ที่ทำงานหรือบ้านใครมีผู้อุปการะคุณมากก็จะมีให้ทานกันเป็นประจำ ยิ่งทำให้เสียสุขภาพกันทั้งผู้ให้และผู้รับเร็วขึ้น
นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท – แน่นหน้าอกจากลมที่ดันขึ้นมาถึงลำคอ ทำให้นอนหลับได้ไม่สนิทเพราะหายใจได้เพียงสั้นๆ และต้องหายใจแรงกว่าปกติ เมื่อต้องนอนราบลงกับที่นอน มีผลให้การนอนหลับทำได้ไม่ลึกพอ (นอนหลับมี 4 ระยะ) นอนหลับได้เพียงระยะ 1-2 เท่านั้น สังเกตจากการฝันบ่อยๆ (ฝันแบบฟุ้งซ่าน) และเมื่อตื่นเช้าขึ้นมาจะรู้สึกว่ามึนงงศีรษะไม่ว่าจะนอนไปนานแค่ไหนก็ตาม2. ลมกองละเอียด คือ ลมกองหยาบที่แปรไปเป็นลมกองละเอียดดันขึ้นช่วงบนและไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย จนทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น เมื่อลมดันขึ้นมาที่หน้าอก (ลิ้นปี่) จะทำให้มีอาการจุกแน่นหน้าอก ดันสูงขึ้นทำให้ลมจุกในลำคอ กลืนอาหารลำบากจนต้องทานน้ำมากๆ เวลาทานอาหารทานยาก็ลำบาก ถ้าโชคดีเรอออกมาได้ก็จะสบายขึ้น มีเสลดเหนียวข้นในลำคอช่วงเช้า หายใจเข้าได้ไม่เต็มปอดทำให้มีอาการง่วงนอน หาวบ่อยๆ ร่างกายไม่สดชื่นจนต้องหากาแฟทาน หรือคุณผู้หญิงหลายๆท่านก็จะชอบทานน้ำปั่น น้ำเย็นหวานๆเช่น น้ำผลไม้ โกโก้เย็น ชาเย็น แก้วใหญ่ๆ จะได้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ซึ่งกาแฟหรือของหวานช่วยได้เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นอีกซักพักก็อยากทานอีก ที่ทำงานหรือบ้านใครมีผู้อุปการะคุณมากก็จะมีให้ทานกันเป็นประจำยิ่งทำให้เสียสุขภาพกันทั้งผู้ให้และผู้รับเร็วขึ้นยังมีความรู้สึกเหมือนนอนไม่พอ หลังจากตื่นนอนประมาณ 1 ชั่วโมง จึงจะหายมึนงงศีรษะ
ปวดมึนศีรษะ – ลมกองละเอียดที่มากเกินไปในร่างกายสามารถวิ่งขึ้นศีรษะ เมื่อเปลี่ยนอิริยาบถเร็วๆ มีความเครียด เหนื่อย เรียกว่าลมกองละเอียดวิ่งขึ้นเบื้องสูง มีผลทำให้เกิดอาการวิงเวียน มึนศีรษะคล้ายจะเป็นลม หูอื้อ ตาพล่า ต้องล้มนอน ผู้สูงอายุหลายๆ ท่านคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับอาการแบบนี้
ยาที่ใช้สำหรับแก้ลมชนิดนี้
ยาหอมไทยมีหลากหลายตำรับหลายยี่ห้อ สามารถนำมารักษาโรคและอาการหลักๆ ที่พบบ่อย เช่นยาหอม “ผู้ใดเกิดในประเทศน้ำตม (ดินเละๆ ที่อยู่ในน้ำ) และน้ำฝนต่อกัน เมื่อบังเกิดโรคนั้นมีลมเป็นต้นเหตุ” คือ การนำเอาลักษณะของประเทศที่เราอยู่เป็นที่ตั้งของโรค ในคัมภีร์แพทย์แผนโบราณ ดังนั้นสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศของไทยจึงมีปัญหากับโรคที่เกิดจาก “ลม” มาตั้งแต่โบราณเป็นจุดกำเนิดของตำรับ “ยาแก้ลม” หรือเรียกกันอย่างคุ้นเคยว่า “ยาหอม” เพราะมีกลิ่นหอมขึ้นจมูกเวลารับประทาน รสชาติของยาหอมจะว่าร้อนก็ไม่ร้อน จะว่าเย็นก็ไม่เย็นมาก เราเรียกรสชาติแบบนี้ว่า รสสุขุมมีสรรพคุณในการกระจายลมกองละเอียด สมุนไพรและวัตถุดิบที่มีรสสุขุม ได้แก่ ไม้เนื้อหอม ดอกไม้หอม เช่น กฤษณา อบเชย ดอกพิกุล บุนนาค สารภี บัวหลวง กระดังงา การะเวก หญ้าฝรั่น ชะมดเช็ด ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้หายากขึ้นทุกวันเพราะผู้คนไม่เห็นคุณค่า แถมแทบทุกครั้งที่ผมแนะนำให้คนไข้ใช้ มักจะได้เห็นสีหน้างุนงง สงสัยว่า ยาหอมสำหรับคนแก่ มาเกี่ยวข้องกับกรดไหลย้อนอย่างไร ยังบอกอีกว่าใครทานยาหอมบ่งบอกถึงอายุที่แก่ชราแล้ว ทั้งๆที่ยาหอมเป็นยาแก้ลม ไม่เกี่ยวข้องกับอายุเสียหน่อย ฉลากก็ไม่ได้บอกว่า “สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เด็กและวัยรุ่น ควรหลีกเลี่ยง อ่านคำเตือนบนฉลากก่อนใช้ยา” วิงเวียน มึนศีรษะ หน้ามืด ตาลาย เป็นลม อยากอาเจียน กระหายน้ำ อ่อนเพลีย แน่นหน้าอก จุกแน่นในลำคอ ทานอาหารไม่ลง บำรุงหัวใจ ในยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณจึงมียาหอมหลายตำรับบรรจุอยู่ด้วย ซึ่งผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อนมักจะมีอาการที่กล่าวมาเช่นกัน
วิธีทานยาหอม
1. ทานก่อนอาหาร 15-30 นาที จะช่วยให้ทานอาหารได้ง่ายขึ้นอาหารจะไม่ติดในลำคอ ใครที่มีลมเยอะก็จะมีสิ่งกระตุ้นให้เรอออกมา
2. ทานหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมงจะช่วยให้ไม่อึดอัด บรรเทาอาการแน่นบริเวณกลางหลัง
3. ทานก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
4. ทานเมื่อมีอาการเสียดหัวใจ เนื่องจากผู้ป่วยหลายคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนจะมีอาการ เสียดที่หัวใจอยู่ด้วย
หมายเหตุ เมื่อชงยาหอมกับน้ำอุ่นเรียบร้อยแล้ว ก่อนทานให้ดมก่อนประมาณครึ่งนาที กลิ่นหอมสุขุมจะช่วยให้ลมในศีรษะเคลื่อนตัวได้
ในมุมมองทางวิทยาศาสตร์ก็มีโครงการบูรณาการนำร่องงานวิจัยด้านการพัฒนาสมุนไพร ซึ่งได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยเมื่อ ปี 2546 –2547 ที่ รศ.พร้อมจิต ศรลัมพ์ แห่งภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า “ข้อมูลศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์นี้ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการดึงศักยภาพของตำรับยาแผนโบราณให้ กลับเข้ามาอยู่ในกระแสสังคมอีกครั้ง และเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนได้” โดยมี รศ.ดร.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ เป็นหัวหน้าโครงการและได้เลือกทำการศึกษาเปรียบเทียบตำรับยาหอมไทย ได้แก่ ยาหอมนวโกฐ ยาหอมอินทจักร ซึ่งเป็นยาในชื่อบัญชียาสามัญประจำบ้าน
แผนโบราณ จากการทดสอบได้ผลวิจัยว่า
• ยาหอมมีฤทธิ์ต่อหัวใจ คือ สามารถเพิ่มความแรงการบีบตัวของหัวใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งสารสกัดยาหอมอินทจักร์
• มีฤทธิ์เพิ่มความดันโลหิต โดยเฉพาะในขนาด 4 กรัมผงยาหอม/กิโลกรัม มีฤทธิ์เพิ่มความดันเลือด systolic, diastolic และความดันเลือดเฉลี่ย โดยมีผลต่อความดันเลือด systolic มากกว่า ความดันเลือด diastolic และ ความดันเลือดเฉลี่ย
• มีฤทธิ์ต่ออัตราการไหลเวียนในหลอดเลือดสมอง พบว่า หลอดเลือดเล็กที่ไปเลี้ยงสมองขยายตัวและปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเพิ่มขึ้น
• มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง หรือส่งผลต่อการนอนหลับ
• ฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร สารสกัดยาหอมนวโกฐจะมีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งกรดของกระเพาะอาหาร
• ฤทธิ์แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน สารสกัดยาหอมอินทจักร์สามารถต้านการอาเจียนได้
ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มีอาการของโรคกรดไหลย้อน ก็ทานยาหอมเอาไว้เถอะนะครับอย่ารอให้เป็นมาก ราคาก็ไม่แพง หาซื้อง่าย ซื้อไว้ติดบ้านก็ปลอดภัยหยิบใช้ง่ายใช้ได้ผลชะงัดนัก ผมชงทานเองบ่อยๆ ยังไม่ต้องแก่ ก็ใช้ยาหอมได้ครับ

สรรพคุณบำรุงโลหิต ปรับสมดุลย์เลือด. เพิ่มปริมาณเกล็ดเลือด.
15/12/2023

สรรพคุณบำรุงโลหิต ปรับสมดุลย์เลือด. เพิ่มปริมาณเกล็ดเลือด.

Address


13120

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when บ้านเบญจรงค์ posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Practice

Send a message to บ้านเบญจรงค์:

  • Want your practice to be the top-listed Clinic?

Share